ตอนที่ 4

“โลก” ในตอนนนี้มีแดดส่องแสงเป็นประกาย ดูแล้วอากาศน่าจะสดใส 

เพียงแต่ทุกอย่างต่างหยุดนิ่งอยู่  หยุดนิ่งแม้กระทั่งแสงประกายนั้น 

ใช่แล้ว “โลก” หยุดเวลาอยู่นั่นเอง

พวกแมรี่เดินทางมาไกลถึงฝั่งตะวันตกของโลก การเดินทางครึ่งค่อนโลกนี้ถ้าเป็นตามปกติคงจะใช้เวลานาน ทั้งยังต้องกังวลกับเสบียง ความเหนื่อยล้า และสภาพอากาศเป็นแน่แท้ แต่เพราะโลกหยุดเวลาอยู่ คณะเดินทางจึงไม่ต้องกังวลกับเรื่องเหล่านี้เลย พวกเขาเพียงแค่เดินกับเดินเท่านั้น แมรี่เคยต้องเดินทางเพียงลำพังคนเดียวในโลกที่เดี่ยวดายแห่งนี้ แต่คราวนี้มีพวกแจ็คเกอร์มาด้วย มันจึงกลายเป็นการเดินทางที่สุดวิเศษไปเลย

พวกเขาเดินทางมาถึงทะเล ที่นั่นเป็นทะเลที่สงบ มีเพียงคลื่นเล็กๆที่ชะงักค้างอยู่ แจ็คเกอร์บอกว่าได้กลิ่นมังกรมาจากโพ้นทะเล ดูเหมือนแจ็คเกอร์จะได้พรการดมกลิ่นมาด้วย เพราะแม้ไกลแค่ไหนแจ็คเกอร์ก็ดมกลิ่นได้เสมอ เลโอกับแจ็คเกอร์หาเรือพายลำเล็กมาได้ลำนึง

“แมรี่ หนูเคยลองลงไปในทะเลไหม? ลองลงไปดูสิ ก่อนที่เราจะออกเดินทางกันต่อ” แจ็คเกอร์พูดขึ้น

“โอ้ แจ็คเกอร์ หนูลงไปไม่ได้หรอกค่ะ หนูว่ายน้ำไปเป็น” แมรี่อุทานออกมา

“ตอนนี้โลกหยุดเวลาอยู่ หนูไม่ต้องกังวลหรอก เพราะผลกระทบจากการหยุดเวลา น้ำไม่สามารถทำอะไรเราได้ ถ้าหนูกังวลฉันจะลงไปเป็นเพื่อนนะ” แจ็คเกอร์พูดพลางยกแมรี่ขึ้นนั่งบนบ่า  

“มาสิ ท้องทะเลสวยราวกับอีกโลกนึง ฉันกับเลโอเห็นแล้ว เลยอยากให้หนูได้เห็น”

แมรี่นั่งบนบ่าขณะแจ็คเกอร์พาเธอว่ายลงทะเล จริงอย่างที่แจ็คเกอร์พูด น้ำนั่นหยุดนิ่ง ตัวของพวกเขาไม่แม้แต่จะเปียก แจ็คเกอร์บอกว่ามันเหมือนมีมนตราแห่งกาลเวลาห่อหุ้มตัวไว้ เราอยู่ที่นี่ แต่อีกนัยนึงก็เหมือนไม่ได้อยู่ที่นี่ แมรี่ไม่เคยคิดถึงหลักการพวกนี้เลย

ใต้ทะเลน้ำใสกระจ่าง แสงแดดสาดส่องไปทั่ว พื้นทรายใต้ทะเลแผ่ขยายออกไปไกล  ทางด้านซ้ายมือของแมรี่เป็นกลุ่มโขดหินและปักการังสวยงาม ด้านขวาเต็มไปด้วยสาหร่ายใบเขียว ที่นี่ดูเหมือนสวนดอกไม้และทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ไม่มีผิด ราวกับที่นี่เป็นสวนสวรรค์อีกแห่ง  แมรี่เงยหน้าขึ้นมองด้านบน เหนือศรีษะขึ้นไป  ปลานานาพันธุ์ลอยอยู่บนพื้นน้ำ  เธอเห็นเหมือนปลาบินบนท้องฟ้า  

“โอ้ แจ็คเกอร์ ที่นี่มันสวรรค์ชัดๆ หนูอยากอยู่ที่นี่ตลอดไปจัง!” แมรี่พูดตาเป็นประกาย  .

การนั่งบนบ่าแจ็คเกอร์ทำให้เธอเห็นภาพมุมกว้างมากขึ้น

“งั้นหนูต้องเกิดมาเป็นปลาแล้วล่ะ” แจ็คเกอร์หัวเราะ

“สำหรับฉันเองที่นี่สวยก็จริง แต่ก็ไม่อยากอยู่หรอก หนูก็รู้ ใจจริงพวกหมาไม่ค่อยชอบน้ำเท่าไหร่” เขาพูดพลางหัวเราะไปพลาง

“แจ็คเกอร์ ขอบคุณนะคะที่พาหนูลงมา” แมรี่ก้มตัวลงจูบที่แก้มของแจ็คเกอร์

ใบหน้าแจ็คเกอร์เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเขินอาย

หลังจากกลับขึ้นมาจากท้องทะเล พวกเขาก็เดินทางด้วยเรือกันต่อ แจ็คเกอร์มีแรงเยอะสุดจึงนั่งด้านหลังเป็นคนพาย ถัดมาก็เป็นเลโอ แมรี่นั่งหน้าสุด ส่วนมังกรสองตัวหลับอยู่บนตักของเธอ เธอพลางลูบพวกมันเบาๆร้องเพลงกล่อมพวกมันตลอดทาง ออกเรือมาได้ซักพักใหญ่ ทุกคนก็เริ่มมองเห็นเกาะขนาดใหญ่อยู่ลิบๆ

“มังกรอาจจะอยู่ที่เกาะนั้น เราต้องลองไปดู” แจ็คเกอร์ชี้ไปทางเกาะ

ขณะแจ็คเกอร์พูด แมรี่สังเกตเห็นอะไรใหญ่ๆว่ายอยู่ข้างใต้น้ำ เธอตั้งใจจะบอกทุกคน แต่ไม่ทัน เจ้าสิ่งนั้นกระแทกเข้ากับเรือ เรือสั่นโคลงเคลงอย่างแรง เลโอมาคว้าตัวแมรี่ไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะกระเด็นตกจากเรือ มังกรสองตัวตกใจตื่นบินวนร้อง กี้ กี้ กันวุ่นวาย

“เมื่อกี้มันตัวอะไรน่ะ!?” เลโออุทานออกมา

“แย่ล่ะ แรงกระแทกเมื่อกี้ทำไม้พายเราหักซะแล้ว” แจ็คเกอร์พูดขึ้น แมรี่หันไปเห็นว่าไม้พายในมือแจ็คเกอร์หักเป็นสองท่อนไปซะแล้ว

ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ สิ่งที่ชนนั้นก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำ

“โทษทีๆ ฉันไม่เคยตัวใหญ่ขนาดนี้ เลยกะผิดจังหวะน่ะ” สิ่งนั้นพูด มันคือปลาไหลมอเรย์ตัวเขื่องสีม่วง หัวขนาดใหญ่ของมันมีเขี้ยวเรียงกระจายอยู่เต็มปาก ตัวมันน่าจะยาวซัก 5 เมตรเห็นจะได้ ตัวมันใหญ่กว่าเรือซะอีก

“ฉันกะระยะไม่ถูก ฉันแค่จะมาบอกว่าห้ามเข้าใกล้เกาะนั้นน่ะ”

“เดี๋ยวก่อน เจ้าไม่ควรทำร้ายเด็กๆ!” แจ็คเกอร์พูดขึ้น 

“เปล่านะ ฉันไม่ทำร้ายเด็กๆหรอก ก็อย่างที่บอกไง เมื่อก่อนฉันตัวเล็กกว่านี้มาก ตัวฉันเพิ่งโตขึ้นเมื่อไม่กี่วันนี้เอง เลยกะระยะไม่ถูกน่ะ”

“หมายความว่าไงคะ ที่ว่าคุณตัวโตขึ้น” แมรี่ถาม

“วันก่อนฉันตื่นขึ้นมาก็พบว่าโลกหยุดเวลาไปแล้ว ลูกๆฉันนิ่งงันอยู่ใกล้ๆตัว ทำให้รู้สึกใจคอไม่ดีเลยน่ะ แล้วตรงหน้าฉันก็มีหญิงสาวนางหนึ่ง นางบอกว่า ถ้าฉันไม่ปกป้องเกาะไว้ ฉันจะไม่ได้เห็นลูกๆเคลื่อนไหวอีก และตอนนั้นแหละที่ฉันตัวใหญ่ขึ้นน่ะ” พูดพลางเจ้าปลาไหลก็น้ำตาซึมออกมา 

“ลูกๆฉันยังเด็กอยู่เลย ฉันทนเห็นลูกๆนิ่งงันอยู่อย่างนั้นไม่ได้น่ะ” พูดจบเจ้าปลาไหลยักษ์ก็ปล่อยโฮออกมา

“นั่นอาจจะเป็นแม่มดแห่งกาลเวลา นางคงเสกให้เจ้าปลาตัวใหญ่ขึ้นเพื่อให้มันเฝ้าเกาะ มังกรคงอยู่บนเกาะนั้น นางคงไม่อยากให้เราคลายเวลา” เลโอพูด  

ปลาไหลร้องไห้ไม่หยุด มันในตอนนี้ดูน่าสงสารมากกว่าน่ากลัวซะอีก แมรี่รู้สึกสงสารเจ้าปลาไหล ตอนแรกเธอรู้สึกกลัวปากและเขี้ยวขนาดใหญ่ของมัน (ก็แหม มันคงกลืนเธอได้ทั้งตัวเลย) แต่พอเธอเห็นน้ำตาของมัน ความกลัวก็หายไปหมด เธอเข้าไปกอดเจ้าปลายักษ์ไว้ พลางลูบหัวมันเพื่อปลอบประโลม

“เจ้าปลาไหล อย่าร้องไห้เลยนะ พวกเราจะช่วยเธอเอง” เธอพูดอย่างอ่อนโยน ทำให้เจ้าปลาไหลสงบสติอารมณ์ลงได้

“เธอพูดจริงเหรอ เธอจะช่วยได้ยังไง? ตัวเธอเล็กกว่าฉันซะอีก” มันพูดพลางใช้ครีบปาดน้ำตาออกจากตา

“พวกเรากำลังตามหามังกรให้ครบ 4 ตัว ถ้าช่วยมังกรได้ครบ โลกก็จะกลับเป็นเหมือนเดิม” แจ็คเกอร์เริ่มเจรจาต่อรอง “เราได้มังกรมา 2 ตัวแล้วอย่างที่เจ้าเห็น” แจ็คเกอร์ชี้ไปยังพวกลูกมังกรที่บินอยู่ “มันขาดอีกแค่ 2 ตัว และตัวหนึ่งก็อยู่บนเกาะนั้น เจ้าไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่ปล่อยเราผ่านเข้าไป”

เจ้าปลาไหลมอเรย์ทำท่าทางลังเล สีหน้ามันเริ่มวิตกกังวล ไม่รู้ว่าควรเชื่อใครดี  

แต่มันรู้สึกอุ่นใจกับมือเล็กๆอุ่นๆของแมรี่ซึ่งยังลูบหัวปลอบโยนมันอย่างอ่อนโยน 

เด็กที่แสนอ่อนโยนคนนี้คงจะไม่โกหกมัน มันรู้สึกรักแมรี่เข้าแล้ว 

“โอเค ฉันจะช่วย เป็นเพราะเธอนะแม่หนู เธอชั่งใจดีกับฉันเหลือเกินน่ะ”

มันหันไปพูดกับแมรี่

“เอาล่ะ ทุกคน ขึ้นมาบนหลังฉันสิ เพราะไม้พายของพวกเธอแตกไปแล้ว และเกาะยังอยู่ห่างอีกไกล ฉันจะพาไปส่งเองน่ะ”

เจ้าปลาไหลพูด

“ขอบคุณค่ะ คุณปลาไหล คุณเองก็ใจดีมากเลย”

แมรี่กอดมันอีกครั้ง 

รอยยิ้มของเด็กหญิงทำให้เจ้าปลาไหลอุ่นใจมากมายเหลือเกิน มันรู้สึกว่ามันทำถูกแล้ว

สำหรับแมรี่แล้ว ประสบการณ์ขี่หลังบนปลาไหลยักษ์และมันพาวิ่งบนท้องทะเลนั้นไม่เลวเลย เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีโอกาสได้ทำแบบนี้ 

เจ้าปลาไหลพาทุกคนมาส่งจนถึงชายฝั่งของเกาะ เกาะนั้นเป็นเกาะใหญ่ ปกคลุมไปด้วยป่าโปร่งทั้งหมด ลึกเข้าไปตรงกลางเกาะมีภูเขาหิน และบนภูเขาหินนั้นมีปราสาทเก่าแก่ที่มองเห็นได้จากไกลๆ ตรงช่องด้านบนของปราสาท มีกิ่งหนามยักษ์โผล่ออกมา ไม่ผิดแน่ มีมังกรอยู่ตรงนั้น พวกแมรี่บอกลาเจ้าปลาไหลก่อนจะเดินเข้าไปยังภูเขาหินด้านใน

ปราสาทนั้นสูงประมาณ 3 ชั้น ด้านในปราสาทที่ดูกว้างและอบอุ่นนั้น มีแสงส่องสว่างเข้ามาตามช่องที่แตกหัก มันเป็นปราสาทว่างเปล่าที่แทบจะไม่มีอะไรเลยนอกจากของปรักหักพังเพียงไม่กี่อย่าง ข้าวของคงถูกผู้คนขนออกไปหมดแล้ว จึงเหลือทิ้งไว้เพียงตัวปราสาทเปล่าๆ แมรี่รู้สึกชอบที่นี่ มันดูอบอุ่นน่าอยู่ เธอแอบคิดเล็กๆว่าได้ปราสาทหลังนี้เป็นบ้านคงจะดีไม่น้อย เด็กทุกคนต้องเคยฝันอยากได้ปราสาทแบบนี้เป็นของตัวเองกันทั้งนั้นแหละ

ที่ห้องโถงด้านบนสุดของปราสาทเป็นโถงโปร่งกว้าง  มันไม่มีกำแพงเลย มีเพียงแต่เสาอยู่รอบด้าน บางทีคงไว้ใช้จัดงานรื่นเริง พวกเขาเจอมังกรนอนอยู่ภายในต้นหนามบนนั้น แมรี่บอกให้เลโอกับแจ็คเกอร์ช่วยกันจั๊กจี้ต้นหนามตามที่หญิงสาวที่เธอเจอในครั้งก่อนบอกมา

“แมรี่ ฉันว่าหญิงที่หนูเจอคงไม่ใช่คนธรรมดา ไม่มีทางที่จะมีใครเคลื่อนไหวได้ในโลกที่หยุดเวลาแบบนี้..” แจ็คเกอร์พูดพลางจั๊กจี้ต้นหนามกิ่งสุดท้าย

“แถมนางยังรู้วิธีจัดการต้นหนามแบบนี้อีก บางทีนางอาจจะเป็น...”

แจ็คเกอร์พูดได้แค่นั้น ก็มีเสียงขัดจังหวะเขา เสียงของมังกรนั่นเอง  

มันเริ่มขยับตัวเพราะต้นหนามหายไปหมดแล้ว แจ็คเกอร์จึงผละจากเธอไปเจรจากับเจ้ามังกร 

ไม่นานเจ้ามังกรก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด มันย่อตัวให้เล็กลงและบินลงจอดบนมือแจ็คเกอร์

“พวกมังกรนี่ว่าง่ายกันหมดเลยนะคะ” เด็กหญิงพูดขณะเดินไปหาแจ็คเกอร์

“นั่นสิ” แจ็คเกอร์พูดพลางยื่นมังกรตัวเล็กให้เธอ ตัวล่าสุดนี้มีเกล็ดเป็นสีม่วง แมรี่ดึงมันมากอดด้วยความรักเช่นเคย

“ดีล่ะ ได้มังกรมา 3 ตัวแล้ว! เราไปไปกันเถอะ” เลโอพูดอย่างอารมณ์ดี "ฉันสงสัยว่าเจ้าปลาไหลจะยอมไปส่งเราที่ฝั่งอีกรอบไหมนะ"

ขณะที่พวกเขากำลังก้าวเพื่อจะออกจากห้องโถง อยู่ๆเหล่ามังกรก็ร้อง กี้ กี้ กี้ กันเสียงดัง และพากันบินอย่างตื่นตระหนก

“เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้น!?” แมรี่ถามอย่างตกใจ

“ฉันได้กลิ่น  มีใครบางคนที่นอกเหนือจากพวกเราอยู่ที่นี่” แจ็คเกอร์พูด 

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!