บรรยากาศโดยรอบเงียบงันไปชั่วอึดใจฉินฉางคงเป็นคนแรกที่ได้สติ พลันหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่า ๆ ฉินหนาน คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะปลุกจิตวิญญาณนักรบระดับเหลืองชั้นที่หนึ่งเท่านั้น! อัจฉริยะอะไรกัน ตอนนี้ก็เป็นได้แค่เศษสวะที่ไร้ค่าเพียงเท่านั้น ข้าต่างหากที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลฉิน ยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองหลินสุ่ยจิตวิญญาณนักรบระดับเหลืองชั้นที่หนึ่ง ท่ามกลางจิตวิญญาณนักรบทั้งหมด ถือว่าเป็นระดับต่ำที่สุด สามารถเรียกได้ว่าเป็นจิตวิญญาณนักรบขั้นสวะแม้ในหมู่ตระกูลฉินด้วยกันเองก็ตาม ผู้ที่ปลุกจิตวิญญาณนักรบระดับเหลืองชั้นที่หนึ่งขึ้นมาถือว่ามีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ส่วนใหญ่มักเป็นระดับเหลืองชั้นที่สองขึ้นไปทั้งนั้น
เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งและเสียดรูหูของฉินฉางคง ปลุกให้ผู้คนรายรอบที่แห่งนั้นพลันรู้สึกตัวขึ้นมาทันทีลูกศิษย์ รวมถึงบรรดาผู้อาวุโสทั้งหลาย ณ ที่นั้น สายตาที่มองไปยังฉินหนานพลันเปลี่ยนไป จากแต่เดิมที่เคยนับถือ คาดหวัง ตอนนี้แปรเปลี่ยนไปเป็นความผิดหวังและดูถูกอย่างยิ่งยวด“ดันเป็นจิตวิญญาณระดับเหลืองชั้นที่หนึ่งเสียได้ บัดซบ นี่มันสวะชัดๆ“เสียดายความรู้สึกนัก อัจฉริยะอันดับหนึ่งอะไรกัน มันก็แค่เพียงสวะที่ได้จิตวิญญาณนักสู้ระดับเหลืองชั้นหนึ่งเท่านั้น”“ ถูกต้องแล้ว พี่ฉินฉางคงต่างหากที่เป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่ง ส่วนฉินหนานนั้น น่ากลัวจะเป็นได้แค่สวะอันดับหนึ่งของตระกูลฉินเท่านั้น”
“……”ในโลกยุทธภพ ผู้แข็งแกร่งจะเป็นที่เคารพนับหน้าถือตา ปฏิกิริยาของคนเหล่านั้นจึงไม่แปลกเลยจนนิดเดียว ในทางกลับกันกลับรู้สึกได้ว่ามีความเกลียดชังแอบแฝงอยู่ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ ฉินหนานแสดงพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งออกมาให้เห็นตั้งแต่เด็ก พวกเขาล้วนคาดหวังไว้กับฉินหนานมากเกินไป แต่ใครจะรู้เล่าว่าบทสรุปจะออกมาเป็นเช่นนี้ไปได้พวกเขาล้วนสิ้นเปลืองความรู้สึกไปมากมาย บรรดาลูกศิษย์ และผู้อาวุโส จะไม่แปรเปลี่ยนเป็นเกลียดชังไปได้อย่างไรตอนนี้ฉินฉางคงดีใจจนเนื้อเต้น ทั่วทั้งร่างกายสั่นสะท้าน เขาใช้สายตาเหยียดหยามมองไปยังฉินหนานและหัวเราะด้วยเสียงอันดังสนั่น “เห็นหรือยังว่า ก่อนหน้าที่ข้าเคยพูดไป เรื่องว่าจิตวิญญาณนักสู้ของแต่ละคนเป็นลิขิตของฟ้า ถึงเจ้าสามารถสร้างกระบวนยุทธ์ขึ้นมาเอง ถึงอย่างไรก็ยังเป็นสวะอยู่วันยันค่ำ ”ฉินหนานมองไปที่ฉินฉางคงเพียงครู่โดยไม่เอื้อนเอ่ยคำใดและเดินจากไปโดยไม่ใยดีหากเป็นเมื่อก่อน จะต้องมีลูกศิษย์ และผู้อาวุโสของตระกูลฉินติดตามไปด้วยเป็นแน่ แต่ยามนี้ข้างกายของฉินหนาน ว่างเปล่าไม่มีใคร ช่างโดดเดี่ยวยิ่งนักพอคล้อยหลังฉินหนาน เหล่าลูกศิษย์และผู้อาวุโสทั้งหลายที่รายล้อมทั่วสี่ทิศต่างรู้สึกตัวขึ้น รีบมารุมล้อมรอบกายของฉินฉางคงทันที ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยการประจบเอาใจ“พี่ฉินฉางคง นานมาแล้วที่พี่ไม่สนใจใยดีข้าเลย คิดถึงพี่จริงๆ”“นายน้อยฉางคง ข้าว่าให้ท่านมาเป็นนายน้อยผู้นำของตระกูลฉินยังดีกว่า คนสวะพรรค์นั้นจะมีสิทธิ์อะไร”“นายน้อยฉางคง ตั้งแต่วันนี้ไป เราก็ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ท่านให้เราไปซ้ายเราก็จะไปซ้ายไม่ไปขวาโดยเด็ดขาด”“……”ต่อมาไม่นาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพิธีปลุกจิตวิญญาณนักสู้ก็กระจายไปทั่วทั้งตระกูลฉินและเมืองหลินสุ่ย ไม่เพียงแต่บ้านตระกูลฉินเท่านั้นที่ตื่นตระหนก ผู้คนทั้งเมืองหลินสุ่ยต่างตกตะลึงไปตามกันเหตุเพราะพวกเขานึกไม่ถึงว่า ยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลินสุ่ยเช่นฉินหนาน จะปลุกได้เพียงจิตวิญญาณสีเหลืองชั้นที่หนึ่งขึ้นมาเท่านั้นแต่นี่เป็นโลกยุทธภพ ในยามที่พวกชาวยุทธ์ต่างตื่นตระหนกตกใจนั้น สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปยังตัวของฉินฉางคงอย่างรวดเร็วเพราะจิตวิญญาณนักสู้ระดับเหลืองชั้นที่ห้าถือว่าเป็นชั้นยอดของเมืองหลินสุ่ยหลังจากที่ฉินหนานเดินออกมาจากพิธี ก็เดินตรงกลับมายังเรือนพักทันที สีหน้ายังคงรักษาความสงบนิ่งไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีความเกรี้ยวกราดให้เห็นแม้แต่น้อย เพราะในโลกมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ มีแต่ผู้ที่มีความสามารถเท่านั้นที่จะได้รับการเคารพยกย่องถึงแม้จะเข้าใจความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี แต่กิริยาอาการของเหล่าลูกศิษย์และผู้อาวุโสทั้งหลายกลับทำให้ฉินหนานรู้สึกหนาวเหน็บในใจ“ช่างมันเถอะ จะไปใส่ใจอะไรกับคนพวกนั้น ข้าลองใช้จิตวิญญาณนักสู้นี้มาทดสอบรสชาติของการบำเพ็ญตบะดีกว่า”ฉินหนานกลับมาสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว ภายในอาณาเขตอันกว้างขวาง เขานั่งลงขัดสมาธิ พลันดาบเพลิงโลกันต์ก็ลอยออกมาจากด้านหลัง และค่อยๆ ทะยานสูงขึ้น ปลดปล่อยคลื่นความร้อนออกมาเป็นระลอกดาบเพลิงโลกันต์ทะยานออกมาพร้อมกับปลดปล่อยแรงดึงดูดอันเย้ายวนออกมาระลอกหนึ่ง พร้อมดูดพลังลมปราณจากทั้งฟากฟ้าและพื้นดินลมปราณไหลหลั่งเข้าสู่ร่าง จนร่างกายของฉินหนานต้านทานไม่ไหวสะท้านออกมาคำรบหนึ่ง ใบหน้าอันซีดเซียวค่อยๆ ซับสีเลือดขึ้น เหมือนดั่งร่ำสุราจนเมามายอย่างไรอย่างนั้นการบำเพ็ญพรตเป็นเต๋า เดิมทีนั้นเป็นการฝึกกำลังภายในโดยแบ่งออกเป็นสิบขั้นการฝึกกำลังภายในนั้น จากชื่อก็บอกแล้วว่า คือการดูดซับลมปราณ เข้ามาบ่มเพาะภายในร่างกายดังนั้น เมื่อฉินหนานดูดซับเอาลมปราณเหล่านี้เข้ามาในกายแล้ว ก็เป็นการชำระชีพจรในร่างกาย เพิ่มพลังให้กล้ามเนื้อเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งผ่านไปหกชั่วโมงกว่า ฉินหนานจึงลืมตาขึ้น บนหน้าผากปรากฏเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ซึมออกมา“ระดับชั้นของจิตวิญญาณนักสู้ จริง ๆ แล้วก็สำคัญมิใช่น้อย”เมื่อจิตใจของฉินหนานล่องลอยก็นำดาบเพลิงโลกันต์มากุมไว้ พร้อมประคองดาบเล่มนี้อยู่ในมือ พลางมุมปากของเขาก็ปรากฏเป็นรอยยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
เถียนซีเว่ย💕✨
สนุก
2022-08-09
0