บทที่3

คู่เวร |3

บ้านเมืองธนบุรีในสมัยนั้นไม่สงบยิ่งนัก ผู้คนละทิ้งสมบัติ ละทิ้งบ้านเรือนหนีเข้าป่าเอาตัวรอด ครอบครัวขุนศรีอภัยภักดิ์ไม่คิดหนี มิคิดทรยศแผ่นดิน คิดที่จะสู้เพื่อเอาตัวรอด

เอกชัย ลูกชายของนายมิ่ง กับนางขวัญ รุ่นราวคราวเดียวกับคุณหนูแกมพิกุล เขาต้องเอาตัวรอดเพียงผู้เดียว ด้วยที่พ่อกับแม่ต่างพากันหนีเอาตัวรอด เด็กชายตัวน้อยนั่งจับเข่าร้องไห้อย่างโดดเดี่ยว จนกระทั่งมีตายายทาสคู่หนึ่งมาเห็นเข้า ถามไถ่จึงได้ความ รีบไปแจ้งคุณหญิง คุณหญิงกริ้วนายมิ่งกับนางขวัญเป็นอย่างมาก

“คนกระไรคิดทรยศต่อแผ่นดินเกิด ไม่มีจิตสำนึกปกป้องแผ่นดิน เป็นตายร้ายดียังไง ข้าก็จะยืนหยัดที่เรือนหลังนี้ จะอยู่ที่นี่จนลมหายใจสุดท้าย”

คุณหญิงรับอนุเคราะห์เอกชัย

เพลากลางคืน

มีเสียงดังกึกก้องมากพอที่จะปลุกไพร่ฟ้าประชาชีให้ตื่นขึ้นจากการหลับไหล คุณหญิงและขุนศรีอภัยภักดิ์พลอยตื่นไปด้วย

“เสียงจากไหนรึ”

“เสียงดังแสบหูเช่นนี้ คงเป็นเสียงสงครามขอรับ”

เมื่อยามไก่ขัน คุณหญิงและท่านขุนฯจึงทราบข่าวว่าเสียงดังกล่าวเป็นเสียงการปะทะระหว่างพระยาสุริยอภัย(หลานของสมเด็จเจ้าพระยา)กับกรมขุนอนุรักษ์สงคราม(พระนัดดาขุนหลวงตาก) ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวพระยาสุริยอภัยเป็นฝ่ายชนะ ด้วยกำลังพลของทัพกรมขุนอนุรักษ์สงครามมีน้อย ตีกองทัพอีกฝ่ายไม่สำเร็จ จึงถอยกลับทางวัดยาง ในที่สุดถูกพวกพระยาสุริยอภัยจับได้

กลับมาที่เรือนของขุนศรีอภัยภักดิ์ แกมพิกุลสนทนากับคุณย่า

“น่ากลัวจังเลยเจ้าค่ะ พิกุลสงสารทหารที่ต้องรบ มีเลือดไหลออก แต่ก็ยังอดทน”

“มันเป็นปกติของสงครามจ๊ะ สมัยที่กรุงศรีอยุธยาเสียกรุงหนักกว่านี้อีก วัดวาอารามโดนเผาไหม้จนไม่เหลือให้เห็นความงดงาม เขตพระราชวังโดนพม่าทำลายจนหมดความงาม”

“จริงหรอค่ะคุณย่า น่ากลัวจังเลยเจ้าค่ะ”

ในระหว่างที่สองย่าหลานสนทนาอยู่ ชายน้อยเอกชัยเดินเข้ามานั่งกับพื้น

“ทำไมนั่งบนพื้นล่ะ มานั่งบนตั่งกับฉันสิ”

“ข้าก็อยากนั่งบนนั้น แต่พ่อกับแม่ข้าสอนว่าห้ามทำตัวเสมอคุณหนู”

คุณย่ายิ้มใหญ่ให้กับความใสซื่อของเด็กน้อยทั้งสอง พลางเอามือลูบหัวเอกชัย พร้อมพูดว่า

“ณ ตอนนี้ เจ้าก็เปรียบเสมือนลูกเหมือนหลานข้า จะทำอันใดข้าก็ไม่ว่า มานั่งกับฉันด้านบนมา”

เอกชัยลุกขึ้นจากพื้นนั่งบนตั่งเช่นเดียวกับคุณหนูแกมพิกุล ระหว่างนั้นขุนศรีอภัยภักดิ์เดินมเข้ามาพอดิบพอดี

“นี่เจ้าเอก คิดว่าคุณแม่ข้ายกย่องเสมอลูกสาวข้า แล้วจะนั่งตั่งเทียบกับลูกสาวข้ารึ”

“อย่าดุพ่อเอกเลยพ่อขุน แม่เป็นคนสั่งให้พ่อเอกนั่งบนตั่งเอง”

ขุนศรีอภัยภักดิ์นั่งลงบนตั่งอีกตัวหนึ่ง พลางพูดว่า

“นี่คุณแม่เชิดชูลูกคนที่ทรยศแผ่นดินเช่นนี้เลยหรือขอรับ”

“ว่าไปพ่อเอกก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย เกลียดคนเกลียดได้ แต่อย่าชักจูงคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาร่วมด้วย”

เมื่อโดนคุณหญิงตำหนิต่อหน้าลูกสาว ท่านขุนแทบอาย เปลี่ยนเรื่องพูดโดยปริยาย

3 วันถัดมา

ทัพสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเดินทัพถึงกรุงธนบุรี นำกำลังพลยึดอำนาจจากฝ่ายกบฏ ฝ่ายกบฏยอมอ่อนน้อมถ่อมตน ด้วยที่ทัพของสมเด็จเจ้าพระยามีกำลังพลทหารมากมาย ร่วมด้วยอาวุธนานาชนิดอีกคับคั่ง สมเด็จเจ้าพระยาได้ตัดสินโทษผู้ก่อการตามสมควร โดยพระยาสรรค์และกรมขุนอนุรักษ์สงครามโดนตัดสินโทษประหารชีวิต

และเหล่าขุนนาง,เสนาอำมาตย์มีความคิดเห็นพ้องต้องกันว่าสมควรประหารชีวิตขุนหลวงตาก และอัญเชิญสมเด็จเจ้าพระยาฯขึ้นครองราชย์สมบัติ เมื่อพิธีประหารชีวิตขุนหลวงตากเสร็จสิ้น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ขณะที่มีพระชนมายุได้ 46 พรรษา บ้านเมืองในสมัยนั้นกลับมาฟื้นฟู เจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง

กลับมาที่เรือนขุนศรีอภัยภักดิ์

ทุกคนมีความยินดิ ปิติปรีดา เหตุเพราะขุนศรีอภัยภักดิ์ได้รับการอวยโข(อวยยศ)เป็น”หลวงอภัยภักดิ์”

“ราชการมั่งคั่ง คิดอะไรก็สมปรารถนาเถอะลูก ทำงานโดยไม่หวังลาภยศ คิดได้แบบนี้ชีวิตจะเป็นสุข”

“ลูกก็ขอให้คุณแม่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาว อยู่เป็นมิ่งขวัญให้ลูกให้หลาน ให้บ่าวให้ไพร่ มีความสุขตลอดกาลนาน”

แม่ชบาอมยิ้มแก้มปริ คลานเข้าหาคุณหญิง กราบเข้าที่ตัก คุณหญิงกล่าวว่า

“เจ้าก็เช่นกัน คอยปรนนิบัติสามีให้ดีล่ะ มีลูกมีเต้าแล้วจะมากระโดกกระเดกเหมือนปางก่อนไม่ได้”

ยิ่งพูด แม่ชบายิ่งยิ้มแก้มปริ หันหาสามี พลางพูดว่า

“เจ้าค่ะคุณแม่ ข้าจะเอาใจใส่ลูกชายคุณแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่ภรรยาคนหนึ่งจะปฏิบัติได้”

โปรดติดตามชมตอนต่อไป

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!