ตอนที่ 1
เตรียมการงานวิวาห์
“วันที่สี่เดือนหน้าเจ้าให้ผู้ดูแลร้านค้ารอตรวจรับของที่จะมาส่งก็แล้วกัน”เว่ยมู่เหยียนเอ่ยกับคนสนิทของตนที่ยืนรอท่าอยู่ไม่ไกล ก่อนจะยกชาที่คนสนิทของตนเป็นผู้รินให้เมื่อครู่ขึ้นจิบแก้ดับกระหาย
“วันที่สี่เดือนหน้าคุณชายจะออกเดินทางไปที่ใดหรือขอรับ
ข้าน้อยจะได้เตรียมของเอาไว้ล่วงหน้าได้ถูก”
จินข่ายเอ่ยถามคุณชายของตนอย่างแปลกใจเล็กน้อย เพราะยามปกติแล้วหากไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆวันส่งของคุณชายของเขาจะเป็นผู้ควบคุมดูแลเองทั้งหมด หรือหากมีธุระที่ต้องไปจัดการกับนายท่านเว่ยหรือฮูหยินเว่ย คุณชายก็จะมอบหมายให้เขาไปเป็นผู้ดูแลควบคุมแทน
ในเมื่อครั้งนี้คุณชายไม่ได้มอบหมายให้เขาดูแลแทนก็แสดงว่าตัวเขานั้นย่อมต้องติดตามคุณชายไปด้วย
อาจจะไปต่างเมืองเช่นปกติหรือไม่ก็อาจจะพาฮูหยินเว่ยไปเที่ยวชมนอกเมืองหรือต่างเมือง
“ไม่ต้องเตรียมสิ่งใด ข้าไม่ได้จะออกไปไหน เพียงแค่อาจจะต้องวุ่นวายตลอดวันเสียหน่อยก็เท่านั้น”
เขาเอ่ยตอบคนสนิทของตนสายตาก็มองสำรวจเรือนพักของตนไปทั่วอย่างต้องการตรวจดูสิ่งต่างๆภายในเรือน
จินข่ายมองคุณชายของตนที่มองสำรวจไปทั่วเรือนอย่างสงสัยก่อนจะเอ่ยถามออกไป “ไม่ทราบว่าคุณชายมองหาสิ่งใดหรือขอรับให้บ่าวช่วยท่านหาดีหรือไม่ขอรับ”
“ช่างเถอะ
เจ้าไม่ต้องตามข้าไปที่ร้านจนกว่าจะเลยวันที่สี่เดือนหน้าระหว่างนี้ก็อยู่ที่จวนค่อยช่วยงานท่านแม่ของข้าก็แล้วกัน”
“ขอรับบ่าวทราบแล้ว” จินข่ายรับคำผู้เป็นนาย ในหัวยามนี้กำลังนึกว่าบังเอิญไปล่วงเกินหรือทำสิ่งใดให้คุณชายของตนไม่พอใจไปหรือไม่ถึงขนาดไม่ให้เขาคอยติดตามไปด้วยเช่นปกติ
กว่าที่จินข่ายนั้นจะเข้าใจก็รอจนช่วงเช้าของอีกวันหลังจากที่รอส่งคุณชายของตนที่หน้าประตูจวนเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ
จึงได้เดินไปที่เรือนของฮูหยินเว่ยเพื่อรอท่ารับใช้ตามที่คุณชายได้สั่งไว้
ฮูหยินเว่ยเมื่อเห็นเขาก็รีบเรียกเขาไปหาทันทีพร้อมกับสั่งการงานมากมายให้เขาไปจัดการจนในที่สุดเขาก็รู้ว่าที่จวนสกุลเว่ยกำลังวุ่นวายกันเช่นนี้นั้นเป็นเพราะคุณชายของเขากำลังจะแต่งงานในวันที่สี่เดือนหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้
จะว่าดีใจเขาก็ดีใจที่จะได้เห็นคุณชายของตนแต่งงานเสียทีแต่อันที่หน้าเป็นกังวลอยู่ก็คงจะเป็นว่าที่เจ้าสาวอย่างคุณหนูรองสกุลเหลียงกระมั่งข่าวลือหนาหูว่าอ่อนแอขี้โรคเช่นนี้ไม่ใช่ว่าการแต่งงานครั้งนี้คุณชายของเขาช่างเป็นคนที่น่าสงสารหรอกหรือ
แต่เอาเถอะอย่างไรงานแต่งของคุณชายของเขาจะต้องออกมาดีที่สุด
ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีสกุลเว่ยและศักดิ์ศรีของคุณชายของเขาที่เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของสกุลเว่ย
ส่วนอีกด้านหนึ่งที่จวนสกุลเหลียงยามนี้ที่เรือนของเหลียงซูเมิ่ง สาวใช้นามว่าติงหยู่ซึ่งเป็นสาวใช้คนสนิทของเหลียงซูเมิ่งกำลังสาวเท้าเข้ามาหาคุณหนูของตนด้วยท่าทางรีบร้อนอยากจะรีบรายงานข่าวที่นางได้มาให้ผู้เป็นนายของตนได้ฟัง
“คุณหนูเจ้าค่ะเมื่อครู่บ่าวไปแอบฟังที่เรือนหน้ามาเจ้าค่ะเห็นว่าพรุ่งนี้จะมีช่างมาวัดตัดและนำแบบชุดแต่งงานมาให้คุณหนูเลือกเจ้าค่ะ”
ติงหยู่เอ่ยรายงานทันทีที่เห็นว่ายามนี้คุณหนูของนางกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้มุมหนึ่งด้านในเรือนพัก
“แล้วมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่” เหลียงซูเมิ่งเอ่ยถามสาวใช้ของตนต่อ
“ไม่มีแล้วนะเจ้าคะ ที่บ่าวได้ยินมีเพียงเท่านี้เจ้าค่ะคุณหนูอยากทราบเรื่องใดอีกอย่างนั้นหรือเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทเอ่ยถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ
ก่อนจะนึกขึ้นมาได้จึงได้รีบกล่าวออกไป “บ่าวได้ยินคนจากห้องครัวพูดกันมานะเจ้าคะว่าเมื่อเช้าพวกนางเห็นคุณชายเว่ยที่ตลาด คุณชายเว่ยไม่มีท่าทีใดเป็นพิเศษเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นรึขอบใจเจ้ามาก” เจ้าของเสียงหวานเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยให้สาวใช้คนสนิทของนางไปนำของว่างมาให้ใหม่
หลับจากที่ติงหยู่ออกไปแล้วในเรือนจึงเหลือเพียงแค่นางและสาวใช่ที่ยืนรอท่าอยู่ใกล้ๆอีกสองคนเท่านั้น
นางปิดหนังสือในมือลงก่อนจะวางลงที่โต๊ะด้านข้างก่อนจะหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างบานที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
อีกไม่กี่วันนางจะได้แต่งงานแล้วแถมยังโชคดีที่ได้แต่งกับบุรุษที่นางแอบหลงรักมานาน
นางจำได้ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องแต่งงานจากปากของท่านแม่นางดีใจมากแต่เมื่อเวลาผ่านมานางกลับรู้สึกหวั่นใจ
นางหวั่นใจว่าตัวเองนั้นจะไม่สามารถทำหน้าที่ภรรยาได้เป็นอย่างดี กลัวหากแต่งไปเป็นภรรยาของบุรุษที่นางหลงรักมาเนินนานแล้วจะทำให้เขารู้สึกผิดหวังหรือเสียใจที่แต่งงานกับนาง
เหลียงซูเมิ่งรู้ดีการแต่งงานนี้เกิดขึ้นเพราะท่านแม่ของนางและท่านแม่ของเว่ยมู่เหยียนเห็นดีด้วยเท่านั้น
หาได้มาจากความต้องการหรือเต็มใจที่จะแต่งแต่อย่างใด
เมื่อครู่ที่นางถามติงหยู่เกี่ยวกับเรื่องของเว่ยมู่เหยียนก็เพราะอยากจะรู้ว่าหลังจากที่เขารู้แล้วว่าอีกไม่นานจะต้องแต่งกับนางจะมีท่าทีอย่างไรบ้างหากเขาไม่เต็มใจหรือทะเลาะกับผู้ใหญ่ในสกุลเว่ยเพราะงานแต่งครั้งนี้จะทำอย่างไร
นางกังวลว่าอาจจะถูกเกลียดกังวลว่าจะให้เขาไม่พอใจเป็นที่สุดหลังจากที่ได้รู้ว่าเขากลับทำตัวเป็นปกติไม่มีสิ่งใดผิดแปลกไปนางก็แอบโล่งใจเล็กน้อยแต่ก็อดคิดไปไม่ได้ว่าอาจจะเป็นเพราะเขาไม่สนใจนางแต่แรกแล้ว ถึงจะต้องแต่งกับนางอีกไม่ช้าก็ไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โตที่จะต้องเก็บมาใส่ใจแต่อย่างไร
ในสถานนะแอบหลงรักเขามาเนินนานแอบมองอยู่เพียงใกล้ๆเท่านั้นครั้งนี้มีโอกาสให้นางรักเข้าไปเป็นอีกส่วนหนึ่งของชีวิตของเขาแล้ว แน่นอนว่าตัวของนางนั้นยิ่งกว่าดีใจเสียอีก ได้เพียงแค่หวังว่าตัวนางนั้นจะได้อยู่ในหัวใจของเขาเข้าสักวัน
แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆก็ขอให้มีสักวันหนึ่งที่นางจะได้ครอบครองเป็นเจ้าของเศษเสี้ยวเล็กๆนั้น
เมื่อเช้าอยู่ๆท่านแม่ก็ให้คนมาบอกนางว่าจะให้นางไปอารามนอกเมืองเป็นเพื่อน
แน่นอนว่านางที่ไม่ค่อยได้ออกจากจวนนั้นตอบตกลงกับมารดาอย่างรวดเร็ว
ครั้นเมื่อถึงเวลานัดนางก็เดินออกมายังหน้าประตูจวนเพื่อที่จะขึ้นรถม้าไปเช่นดังปกติ
หากแต่คราวนี้ไม่เป็นเช่นทุกครั้งเมื่อยามที่นางเดินมาใกล้ประตูทางเข้าจวนกับได้ยินเสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานที่ดังลอยมาเสียก่อน
เสียงหนึ่งในผู้ที่สนทนาอยู่นั้นเป็นน้ำเสียงที่นางคุ้นหูมากทีเดียวซึ่งแน่นนอนว่าเจ้าของเสียคงจะเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกจากท่านแม่ของนางนั้นเอง
พอเดินไปถึงจึงพบกับคู่สนทนาของมารดานางซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นท่านป้าอี้ผู้เป็นเพื่อนสนิทของมารดานางและยังเป็นว่าที่แม่สามีของนางอีกด้วย
“ซูเมิ่งคาราวะท่านป้าอี้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งโค้งคำนับทันทีเมื่อเดินมาถึงจุดที่ท่านแม่ของนางกับท่านป้าอี้ยืนอยู่
“เมิ่งเมิ่งหายเจ็บไข้แล้วใช่หรือไม่”
ท่านป้าอี้เอ่ยขึ้นกับนางด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงแน่นอนว่านางยิ้มเป็นเชิงของคุณที่ผู้ใหญ่เป็นห่วงก่อนจะเอ่ยตอบกลับท่านป้าไปอย่างอ่อนน้อม
“หลานดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะขอบคุณท่านป้ามากที่เป็นห่วงหลานเสมอมา”
นี้คือสิ่งที่นางตอบกลับไปตัวนางนั้นไม่สามารถเอ่ยได้ว่าหายขาดเพราะรู้ดีว่าอีกไม่กี่วันตัวนางก็จะลดป่วยเช่นเดิมอีก
ได้แต่ตอบให้อีกฝ่ายสบายใจและรู้ว่าตัวนางนั้นไม่ได้เป็นอะไรในตอนนี้
“แดดเริ่มแรงแล้วเจ้ารีบใส่หมวกคลุมเถอะ อีกเดียวรถม้าก็จะมาถึงแล้ว” เหลียงฮูหยินที่เห็นว่าแดดกำลังจะออกเอ่ยขึ้นกับบุตรสาวตนอย่างเป็นห่วง
ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากที่เหลียงฮูหยินเอ่ยขึ้น ติงหยู่สาวใช้คนสนิทของเหลียงซูเมิ่งก็รีบนำหมวกคลุมมาช่วยใส่ให้คุณหนูของนางอย่างคล่องแคล่วว่องไว
เมื่อสวมหมวกคลุมแล้วแทบทั้งตัวของเหลียงซูเมิ่งก็สามารถกล่าวออกมาได้เลยว่าไม่มีร่างกายส่วนใดๆของนางที่สามารถลอดผ่านเสือผ้าออกมาต้องแดดต้องลมได้แม้แต่น้อย
หากผู้ใดมองมาจะเห็นเพียงร่างของสตรีผอมเพรียวผู้หนึ่งซึ่งตั้งแต่ศีรษะจรดเท้านั้นมีเพียงข้อมือเล็กๆเท่านั้นที่สามารถเล็ดลอดออกมาจากแขนเสื้อได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
ยืนรออยู่อีกไม่นานนักก็มีรถม้าคันหนึ่งมาจอดเทียบอยู่ที่หน้าประตูจวนเหลียงซูเมิ่งขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจเท่าใดนัก
เมื่อรถม้าที่จอดเทียบอยู่ในขณะนี้หาใช้รถม้าของจวนของนางไม่
แต่แล้วนางก็หายข้องใจในทันที
เมื่อร่างสูงแสนคุ้นเคยก้าวออกมาจากด้านในรถม้าอย่างสง่าผ่าเผย
ร่างสูงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศยามนี้มายืนอยู่ไม่ไกลจากนางเท่าใดนัก
ใบหน้าเรียบเฉยเพียงมองมาที่นางเล็กน้อยเท่านั้นพร้อมกับโค้งศีรษะให้นางเล็กน้อยเป็นการทักทายก่อนที่เขาจะหันไปทางที่ท่านแม่ของนางและท่านแม่ของเขายืนอยู่
นางเห็นเขาพูดคุยกับผู้ใหญ่ทั้งสองหลายคำระหว่างนั้นจึงได้โอกาสมองสำรวจเขาดูเหมือนเขาจะดูซูบลงไปบ้าง คงเป็นเพราะต้องออกเดินทางไปไกลบ้านเป็นเวลานานแน่นอนว่าระหว่างทางคงไม่ได้สะดวกสบายเท่าที่ควร
แต่ถึงจะดูซูบลงไปบ้างแต่ก็ไม่ทำให้ความสง่างามของเขาน้อยลงไปด้วยเลยเขายังคงสง่างามเช่นเดิมไม่เปลี่ยน
“ไปกันเถอะ มาน้องสาวเจ้าขึ้นไปก่อน” เป็นท่านป้าอี้ที่เอ่ยกับมารดาของนาง
เมื่อทั้งสองเข้าไปยังรถม้าเสร็จก็เหลือเพียงแค่นางเท่านั้นที่ยังไม่ได้ก้าวขึ้นไป “มาเจ้าค่ะคุณหนู บ่าวจะประคองท่านเอง” ติงหยู่รีบขันอาสาก่อนจะรีบเดินเข้ามาจับประคองคุณหนูของนางขึ้นไปยังรถม้า
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยรถม้าจึงได้ออกตัวเดินทางไปสู่อารามจี๋ฟาซุ่น
ระหว่างทางซูเมิ่งได้เพียงมองออกไปด้านนอกหน้าต่างของรถม้าเท่านั้นนางทำทีเป็นมองทิวทัศน์ด้านนอกแต่ความจริงแล้วแอบมองบุรุษผู้หนึ่งที่ควบม้าอยู่ด้านข้างไกลๆต่างหากเล่า
ในใจยามนี้ของนางเปรียบดังกำลังมีดอกไม้เบ่งบานอยู่แม้เขาจะไม่ได้เอ่ยสิ่งใดกับนางสักคำหรือไม่แม้จะจ้องมองมาที่นางให้นานอย่างที่นางแอบหวังแต่เพียงเท่านี้นางก็ดีใจมากแล้ว
ท่านแม่ของนางและท่านป้าอี้สนิทสนมกับถึงขั้นนับถือกันเป็นพี่สาวน้องสาวแน่นอนว่าบุตรยอมต้องเคยเล่นด้วยกันในวัยเด็กเพียงแต่ในวัยเด็กมีเพียงพี่สาวของนางเหลียงซีซีเท่านั้นที่ได้เป็นเพื่อนในวัยเด็กของเขาส่วนตัวนางนั้นเกิดห่างจากพี่สาวเกือบสามปี ซึ่งแน่นอนว่าเขาในวัยเก้าขวบย่อมไม่อาจมาเล่นกับนางแน่
สองปีก่อนจำได้ว่านางถึงขั้นแอบปวดใจอยู่หลายครั้งเมื่อพี่สาวของนางมักจะได้รับของจากเขาอยู่หลายครั้ง
ของที่ส่งมาล้วนเป็นของจากต่างเมืองมีราคาสูง
นางเคยแอบคิดว่าทั้งสองคนมีใจให้กันด้วยซ้ำนางเก็บความเสียใจเอาไว้มาตลอดจนกระทั่งพี่สาวของนางออกเรือนไปกับพี่เขยของนางเมื่อสองปีก่อนแล้วเขาก็ได้ส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้กับพี่สาวของนางนั่นแหละนางถึงได้รู้ว่าคนทั้งสองต่างรักใคร่ประหนึ่งพี่น้องเท่านั้นหาใช่เป็นความรักแบบชาวหญิงที่นางคิดไม่
แน่นอนว่านางนั้นโล่งใจเป็นที่สุดหลังจากนั้นมานางก็เฝ้ามองเขาอยู่ห่างๆมาตลอดไม่ได้คิดว่าจะต้องให้เขารักนางตอบเพียงแค่อยากได้รักเขาไปเช่นนี้ก็พอแล้วแต่ก็เหมือนเรื่องตลกที่อยู่ๆนางก็จะได้แต่งงานกับเขาเสียอย่างนั้นทุกอย่างเหมือนกับความฝันในยามหลับเหลือเกิน
ฝันที่นางไม่เคยกล้าที่จะฝันแต่กลับกลายมาเป็นสิ่งที่ใกล้จะเป็นความจริงแล้วในที่สุด
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments