> แสงแดดยามสายสาดลอดม่านสีเทาเข้ามาภายในรถยนต์หรูสีดำด้านที่จอดนิ่งอยู่หน้าอาคารเรียนของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพมหานคร
คนขับเปิดประตูหลังด้วยท่าทีสุภาพก่อนที่ชายในชุดสูทเข้มสีดำจะก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม แว่นกันแดดเลนส์เข้มบดบังดวงตาเย็นชาคู่นั้น แต่ไม่มีอะไรกลบความน่าเกรงขามของเขาได้
“คุณรชาอยู่คณะดีไซน์ อาคาร B ชั้น 6 ครับ”
เสียงบอดี้การ์ดที่ยืนรออยู่ด้านหน้ารายงานเบา ๆ
คิมหันต์พยักหน้า ไม่พูดอะไรเลยสักคำก่อนจะก้าวเดินขึ้นบันไดอย่างมั่นคง ทั้งที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เขาควรมาปรากฏตัว… ไม่ใช่โลกของคนอย่างเขา
แต่มันเกี่ยวกับ 'เด็กคนนั้น'...
---
รชานั่งเงียบอยู่ริมหน้าต่างในห้องเรียนออกแบบภายใน สวมแว่นสายตาหนาหนึ่งรอบกรอบสีดำสนิท เขาเอาแต่นั่งเงียบและจดอะไรบางอย่างลงในสมุดแบบร่างเล่มเล็ก ทั้งห้องไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา แม้เขาจะไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับที่นี่
“เฮ้ย ไอ้เนิร์ดนั่นอีกแล้วว่ะ...”
“โคตรหลอนเลย มันไม่เคยพูดอะไรสักคำ คิดว่าเป็นใบ้จริงปะวะ?”
“บางคนบอกมันรวยล้นฟ้านะ แต่ทำตัวแบบ...จืดชืดเกินอ่ะ”
เสียงซุบซิบไม่เคยขาดหาย ทุกครั้งที่เขาก้าวเข้าห้องเรียน หรือแม้แต่ขยับตัว รชาไม่ได้ตอบโต้อะไรเลย เขาชินแล้วกับการอยู่ในเงา ชินแล้วกับการเงียบให้สุดเท่าที่จะเงียบได้
และ...เพราะมันปลอดภัยที่สุด
---
“เขาอยู่ชั้นบนสุดครับ ห้องสุดท้ายทางซ้าย”
เสียงพนักงานรักษาความปลอดภัยพูดพลางยื่นบัตรเข้าอาคารให้คิมหันต์
ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตอบอะไร แค่เดินไปเงียบ ๆ
ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังแววตาเย็นเฉียบนั้นมีอำนาจระดับไหน
ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือ...
คิมหันต์ หลานชายของตระกูลมาเฟียตระกูลใหญ่ที่สุดในเอเชีย และปัจจุบัน...ผู้นำคนใหม่ที่ไม่มีใครกล้าต่อกร
---
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น
ห้องเรียนเงียบกริบ
ไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อชายในสูทดำก้าวเข้ามาในชั้นเรียน
“ขอโทษครับ ผมมารับรชา”
เสียงของคิมหันต์เรียบนิ่ง แต่น้ำเสียงหนักแน่นแบบไม่อนุญาตให้ใครตั้งคำถาม
ทั้งห้องมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ขณะที่รชากะพริบตาช้า ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยไม่พูดอะไรเลย รวบของใส่กระเป๋าแล้วเดินตามชายคนนั้นออกไปโดยไม่สนใจสายตาใครทั้งสิ้น
ไม่มีคำอธิบาย
ไม่มีคำถาม
ไม่มีคำพูด
ราวกับเขารู้ว่า... 'ชายคนนั้นจะมา'
---
รถยนต์เงียบสนิท ไม่มีเสียงพูดใด ๆ
คิรินนั่งหลังตรง มือกอดเป้ไว้แน่น สายตาที่มองผ่านแว่นหนาไม่ได้สะท้อนอะไรเลยนอกจากความเย็นชา
คิมหันต์แค่เหลือบมอง แต่ไม่ได้พูดอะไร
“หิวยัง?”
เป็นประโยคแรกที่ออกมาจากปากของเขาในรอบสิบห้านาที
รชาส่ายหัวเบา ๆ
ไม่มีคำพูด
ไม่มีการสบตา
แต่นั่นไม่ใช่เพราะเขาไม่ไว้ใจ…
มันเป็นเพราะเขา ‘กลัว’… แม้แต่กับตัวเอง
---
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 เดือนก่อน
ตอนนั้นคิมหันต์กำลังตามหาคน ๆ หนึ่ง เด็กหนุ่มที่ชื่อ 'รชา' ผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นในงานประมูลศิลปะใต้ดินกลางโตเกียวโดยไม่ตั้งใจ มีรายงานจากลูกน้องว่าเด็กคนนั้นอาจเป็นลูกชายของใครบางคนที่ 'หายไปจากระบบ'
แต่สิ่งที่เขาเห็นในวันนั้น...กลับเป็นแค่เด็กเนิร์ดที่ยืนนิ่งท่ามกลางเสียงปืน
ท่ามกลางกลุ่มนักฆ่า ท่ามกลางเสียงระเบิด
...แล้วก็ ล้มลง กุมหูแน่น หายใจไม่ออก เหงื่อแตกและตัวสั่นราวกับโลกทั้งใบถล่มทลาย
“เขาแพนิคครับ... เหมือนมีอดีตเลวร้ายกับเสียงปืนหรืออะไรแบบนั้น”
ลูกน้องคนสนิทรายงาน
คิมหันต์จำแววตาคู่นั้นได้
ไม่ใช่เพราะความน่าสงสาร... แต่เพราะมันเหมือนเขาในวัยเด็ก
เด็กที่เคยถูกเสียงปืนกลืนกินความรู้สึกทุกอย่างไปหมดแล้ว
---
รถยนต์จอดหน้าเพนต์เฮาส์หรูบนตึกสูงใจกลางเมือง
รชาเดินตามขึ้นไปอย่างสงบ แต่ดวงตาเขากลับสำรวจทุกทางหนีทีไล่โดยสัญชาตญาณราวกับไม่ไว้ใจแม้แต่รอยเท้าของตัวเอง
“มาพักที่นี่สักพัก”
คิมหันต์พูดแค่นั้น
รชามองรอบห้อง สะอาด เรียบหรู เงียบ... และปลอดภัย
แต่ก่อนที่เขาจะวางกระเป๋าลง —
เสียงฟ้าร้องคำรามขึ้นทันทีจากนอกหน้าต่าง
“ปังงง!!!”
แค่เสียงนั้น รชาทรุดลงกับพื้นทันที มือกุมหูแน่น ดวงตาสั่นระริก หายใจถี่เร็วเหมือนจะขาดใจ
“...รชา!”
เสียงคิมหันต์เรียกพร้อมกับก้าวมานั่งข้าง ๆ
เขายื่นมือไปแตะไหล่บางนั้นเบา ๆ
“มองฉัน”
เสียงเรียบนิ่งแต่ชัดเจน
ดวงตาหลังแว่นของรชาสบกับดวงตาคมเข้มของอีกฝ่าย
และในวินาทีนั้น... ทุกเสียงภายนอกหายไป
หัวใจเขาเต้นรัว
ไม่ใช่เพราะฟ้าร้อง
แต่เพราะมืออุ่น ๆ ที่จับมือเขาแน่นอยู่ตอนนี้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 3
Comments