แสงสลัวจากคบเพลิงที่ส่องเข้ามาในคุกใต้ดินทำให้ธีภพรู้ว่าเช้าวันใหม่ได้มาถึงแล้ว ร่างกายของเขายังคงเมื่อยล้าและปวดร้าวไปทั่ว โซ่เหล็กที่ล่ามข้อมือและข้อเท้าหนักอึ้งชวนให้หงุดหงิด การที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัด
เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงพูดคุยแผ่วๆ ที่ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ธีภพเงยหน้าขึ้นมองด้วยความหวัง กรงเหล็กถูกเปิดออกโดยองครักษ์คนเดิมที่เฝ้าเขาเมื่อคืน
"ตามมา!" องครักษ์ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ก่อนจะคลายโซ่ที่ล่ามธีภพออก โซ่ที่รัดข้อมือมาทั้งคืนทิ้งรอยแดงเป็นปื้น
ธีภพพยุงตัวเองลุกขึ้นยืนช้าๆ ขาเขายังคงชาและก้าวเดินไม่ถนัด องครักษ์ออกแรงผลักหลังเขาเบาๆ เพื่อเร่งให้เดิน
"ไปไหนครับ?" ธีภพถามเสียงอ่อน
"ท่านราชครูจะสอบสวนเจ้า!" องครักษ์ตอบสั้นๆ
ธีภพเดินตามองครักษ์ไปตามทางเดินแคบๆ ที่มืดมิดและชื้นแฉะของคุกใต้ดิน ก่อนจะค่อยๆ สว่างขึ้นเมื่อพวกเขาเดินออกมาสู่ทางเดินในตัวตำหนักหลวง ผนังเป็นหินอ่อนแกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง มีโคมไฟห้อยระย้าตามทาง กลิ่นหอมของเครื่องหอมลอยอบอวลแทนที่กลิ่นอับชื้นจากคุกใต้ดิน ธีภพอดไม่ได้ที่จะมองสำรวจไปรอบๆ ด้วยความทึ่ง แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง แต่ความเป็นวิศวกรของเขาก็อดชื่นชมในสถาปัตยกรรมที่ประณีตไม่ได้
ไม่นานนัก พวกเขาก็มาหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ที่ทำจากไม้เนื้อแข็งแกะสลักลวดลายมังกร องครักษ์เปิดประตูออก ก่อนจะผลักธีภพเข้าไปด้านใน
ภายในห้องโถงกว้างขวางโอ่อ่า เบื้องหน้าเป็นแท่นประทับสูง มีชายชราผมขาวโพลนในชุดคลุมยาวสีทองนั่งอยู่ ดวงตาของเขาทอประกายเฉียบคมและทรงอำนาจ นั่นคงเป็นท่านราชครูอย่างที่องครักษ์บอก ธีภพกวาดสายตาไปรอบๆ เห็นเหล่าขุนนางยืนเรียงรายอยู่สองฝั่งห้องโถง แต่ที่ทำให้เขาแทบหยุดหายใจคือการปรากฏตัวขององค์หญิงอวิ๋นซีที่ยืนอยู่ข้างบัลลังก์ของท่านราชครู ใบหน้าของเธอดูสงบนิ่งขึ้น แต่แววตาที่จ้องมองมาที่เขายังคงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
"นั่นรึคือผู้บุกรุกจากป่ามังกรดำ?" ท่านราชครูเอ่ยถามเสียงเรียบแต่แฝงด้วยความกดดัน
"พ่ะย่ะค่ะท่านราชครู! มันผู้นี้ลักลอบเข้ามาในเขตหวงห้ามและยังพยายามหลบหนีอีกด้วย" องครักษ์รายงาน
ธีภพก้มหน้าลงเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ จะคุกเข่ากราบแบบในหนังจีน หรือจะยืนเฉยๆ ดี เขาเลยเลือกยืนนิ่งๆ ไว้ก่อน
"เจ้ามาจากไหน? เหตุใดจึงเข้ามาในดินแดนของเรา?" ท่านราชครูถามตรงประเด็น
"ผม... ผมชื่อธีภพครับ มาจากประเทศไทย" ธีภพตอบ พยายามใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายที่สุด "ผมเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ กำลังทำงานอยู่ในห้องแล็บ จู่ๆ ก็มีแสงประหลาด แล้วผมก็มาโผล่ที่นี่ครับ"
เสียงฮือฮาดังขึ้นเล็กน้อยในหมู่ขุนนาง องค์หญิงอวิ๋นซีถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย "เพ้อเจ้ออีกแล้ว! ท่านราชครู อย่าได้เสียเวลากับวาจาเหลวไหลของมันเลยเพคะ!"
"ใจเย็นก่อนองค์หญิงอวิ๋นซี" ท่านราชครูยกมือขึ้นปราม ก่อนจะหันกลับมามองธีภพอีกครั้ง "ประเทศไทย? วิศวกรซอฟต์แวร์? สิ่งเหล่านี้คืออะไร? เจ้าคิดจะมาหลอกลวงเราด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้รึ!"
"ผมไม่ได้หลอกลวงครับ!" ธีภพยืนกราน เขาหยิบสมาร์ทโฟนที่ยังอยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา "นี่ครับ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า 'สมาร์ทโฟน' ในโลกของผม มันใช้สื่อสารได้ ถ่ายรูปได้ ค้นหาข้อมูลได้..."
ขุนนางบางคนถึงกับหัวเราะเยาะเย้ย องค์หญิงอวิ๋นซีมองดูสมาร์ทโฟนในมือธีภพด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม
"แท่งเหล็กประหลาดนี่น่ะรึ? เจ้าคิดว่ามันจะวิเศษไปกว่าแผ่นกระดาษของเราได้รึไง!" องค์หญิงเอ่ยอย่างเยาะหยัน "ท่านราชครู! ข้าว่ามันผู้นี้สมควรถูกโบยสักร้อยทีเพื่อให้สำนึกเสียบ้าง!"
"โบยร้อยที!" ธีภพถึงกับหน้าซีด เขายกมือขึ้นห้าม "เดี๋ยวก่อนครับ! ผมพิสูจน์ให้ดูได้นะ! นี่มันใช้ได้จริงๆ!"
ท่านราชครูขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้องครักษ์รับสมาร์ทโฟนจากธีภพไปให้เขาดู องครักษ์รับโทรศัพท์ไปอย่างระแวง ก่อนจะยื่นให้ท่านราชครู
ท่านราชครูรับสมาร์ทโฟนไปพลิกดู พลางกดปุ่มต่างๆ อย่างงุนงง หน้าจอที่ดับสนิทไม่มีสัญญาณใดๆ ทำให้ธีภพได้แต่ถอนหายใจ
"แบตหมดครับ" ธีภพพึมพำ "ไม่มีไฟฟ้าใช้ที่นี่ ผมก็เลยชาร์จไม่ได้"
เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกระลอก องค์หญิงอวิ๋นซียิ้มเยาะอย่างเหนือกว่า
"เห็นหรือไม่ท่านราชครู! มันผู้นี้กำลังเล่นตลกกับพวกเรา!"
ท่านราชครูวางสมาร์ทโฟนลงบนโต๊ะข้างตัว ก่อนจะกลับมามองธีภพด้วยแววตาที่อ่านยาก
"เจ้าพูดความจริงใช่หรือไม่?" ท่านราชครูถามเสียงเรียบ
ธีภพพยักหน้าอย่างมั่นใจ "จริงครับ! ผมไม่ได้โกหก! ผมแค่ต้องการกลับบ้าน!"
องค์หญิงอวิ๋นซีเบะปากอย่างไม่พอใจ แต่ท่านราชครูดูเหมือนจะจมอยู่ในความคิดบางอย่าง เงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
"แม้คำกล่าวของเจ้าจะแปลกประหลาดเกินกว่าที่ผู้ใดจะเชื่อได้ แต่เราจะยังไม่ลงโทษเจ้าในตอนนี้"
ธีภพโล่งใจเฮือกใหญ่
"ขอบพระคุณครับ!"
"แต่เจ้าจะต้องถูกควบคุมตัวไว้ในตำหนักหลวง และอยู่ภายใต้การดูแลของ... องค์หญิงอวิ๋นซี" ท่านราชครูประกาศ
"อะไรนะ!/อะไรนะ!"
เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกันจากทั้งธีภพและองค์หญิงอวิ๋นซี ดวงตาของทั้งสองประสานกันด้วยความตกใจปนไม่พอใจ องค์หญิงอวิ๋นซีอ้าปากค้าง ทำท่าจะโวยวาย แต่ท่านราชครูได้แต่โบกมือเป็นเชิงห้าม
"องค์หญิงอวิ๋นซี ท่านจะต้องดูแลมันผู้นี้ และรายงานความเคลื่อนไหวของมันให้เราทราบทุกฝีก้าว จนกว่าเราจะเข้าใจในสิ่งที่มันกล่าวอ้างได้" ท่านราชครูกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด "หากมันมีอันใดที่พิสูจน์ได้ว่าเรื่องของมันเป็นความจริง เจ้าจะเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการค้นพบสิ่งนั้น และหากมันคิดร้าย... เจ้าก็จะเป็นผู้รับผิดชอบ!"
องค์หญิงอวิ๋นซีหน้าเสียทันที ดูเหมือนเธอจะไม่อยากรับผิดชอบเรื่องปวดหัวนี้เลยแม้แต่น้อย แต่ก็ขัดคำสั่งท่านราชครูไม่ได้ ส่วนธีภพนั้นก็ได้แต่ยืนงง เขากำลังจะต้องไปอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหญิงจอมวีนที่เพิ่งจะสั่งให้โบยเขาเมื่อกี้เนี่ยนะ... ชีวิตในโลกใหม่นี้คงจะวุ่นวายไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 30
Comments