คุณผู้หมวด!
**ตัวละคร:**
**นายเอก (ผู้กองอนนต์):** ผู้กองมากประสบการณ์ ผมสีดำสนิทและเป็นคนพูดจาเฉียบคม ถึงแม้จะดูแข็งกระด้าง แต่ในใจจริงใจและใส่ใจทีมงานของเขามาก
**พระเอก (ผู้หมวดพล):** ตำรวจหนุ่มผมสีทองสดใส สูงและมีบุคลิกเหมือนสุนัข ซื่อสัตย์ ขี้เล่น และคอยเอาใจนายเอกเสมอ
-----------------
ในเมืองกรุงเทพที่คึกคัก ผู้กองอนนต์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ที่ไม่ยอมใครง่ายๆ และพูดจาเฉียบคม ผมสีดำและดวงตาที่คมเข้มของเขามักทำให้คนร้ายต้องคิดทบทวนก่อนที่จะทำผิด ถึงแม้ภายนอกจะดูแข็งกระด้าง แต่อนนต์ก็มีความจริงใจและห่วงใยทีมงานของเขามาก ทำให้ได้รับความเคารพและความภักดีจากลูกน้องทุกคน
ผู้หมวดพลเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในทีมของอนนต์ หลังจากจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ด้วยผมสีทองสดใสและนิสัยขี้เล่น บุคลิกเหมือนสุนัขของเขาทำให้เขาเป็นที่รักของทุกคนในทีม และถึงแม้จะไม่ทันใจแรก แต่ก็ทำให้อนนต์ต้องค่อยๆ ยอมรับเขา
ความชื่นชมในตัวอนนต์ของพลเพิ่มขึ้นทุกวัน ไม่ใช่เพียงแค่ฝีมือในการทำงาน แต่ยังรวมถึงความเมตตาและความจริงใจที่ซ่อนอยู่ภายใต้ภายนอกที่แข็งกระด้าง เมื่อทั้งสองทำงานร่วมกันในคดีต่างๆ ตั้งแต่คดีเล็กๆ ไปจนถึงการทำลายกลุ่มอาชญากรใหญ่ สายสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
แต่ถนนในกรุงเทพนั้นไม่ปราณีใคร อันตรายแฝงตัวอยู่ทุกมุม ผู้กองอนนต์กับผู้หมวดพลต้องเผชิญกับอุปสรรคและความขัดแย้งระหว่างบุคลิกที่ต่างกัน แต่ก็นั่นแหละที่ทำให้พวกเขาสามารถจัดการกับคดีและความรู้สึกที่มีต่อกันได้
ผู้หมวดพลยืนตรงใจเต้นแรง วันนี้เป็นวันแรกของเขาที่สถานีตำรวจ และเขาก็ตั้งใจที่จะสร้างความประทับใจให้ดี ผมสีทองที่ยุ่งนิดๆ ทำให้เขาดูน่ารักน่าเอ็นดู เขาได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับผู้กองคนใหม่ของเขา—ชายที่พูดจาเฉียบคมแต่ใจดี
"ผู้หมวดพล รายงานตัวครับ!" เขาประกาศด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
ผู้กองอนนต์เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ ผมสีดำของเขาปิดตานิดหน่อย เขามองดูผู้หมวดใหม่ด้วยสายตาวิจารณ์ "ยินดีต้อนรับสู่ทีม ผู้หมวดพล" เขาพูดด้วยน้ำเสียงกลางๆ แต่ไม่หยาบคาย "เรามาดูกันว่าคุณจะตามทันหรือเปล่า"
พลรู้สึกตื่นเต้น เขาตั้งใจที่จะพิสูจน์ตัวเองให้ผู้กองอนนต์เห็น ไม่ว่าจะต้องใช้ความพยายามแค่ไหนก็ตาม
หลังจากทำงานหนักมาหลายสัปดาห์ ผู้หมวดพลก็ได้รับมอบหมายให้จัดการกับคดีสำคัญครั้งแรกของเขา ภารกิจคือการจับกุมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยแคบๆ ของกรุงเทพฯ
วันนั้นอากาศร้อนและอบอ้าว พลและทีมงานได้บุกเข้าไปในซอยที่เป็นแหล่งซ่อนของกลุ่มผู้ค้ายา พวกเขาต่อสู้กันอย่างหนัก ในที่สุดพลก็สามารถจับกุมตัวหัวหน้าของกลุ่มได้สำเร็จ เขายืนหอบหายใจแรงๆ เหงื่อไหลซึมทั่วร่างกาย
ผู้กองอนนต์เดินเข้ามาหา ดูเหมือนจะประทับใจเล็กน้อยแต่ยังคงเก็บอาการ "ทำได้ดีมาก ผู้หมวดพล" เขาพูดพร้อมกับพยักหน้า
พลรู้สึกภูมิใจและโล่งใจอย่างมาก เขาถอดเสื้อเชิ้ตเปื้อนเหงื่อของตัวเองออกมาเช็ดหน้าโดยไม่ได้คิดอะไร กล้ามเนื้อที่แข็งแรงและกระชับของเขาโผล่ออกมาอย่างชัดเจน แสงแดดส่องให้เห็นกล้ามเนื้อที่เป็นริ้วรอยอย่างชัดเจน
ผู้กองอนนต์ที่เห็นพลถอดเสื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ในใจ เขาพยายามไม่แสดงออกมากเกินไป แต่ตากลับไม่สามารถละไปจากร่างกายที่เปลือยเปล่าของพลได้
"เอ่อ... ผู้หมวดพล คุณทำได้ดีมากจริงๆ" อนนต์พูดอีกครั้ง คราวนี้เสียงของเขามีความรู้สึกแปลกใหม่เล็กน้อย พลหันมามองผู้กองอย่างสนใจ พร้อมกับยิ้มอย่างสดใส "ขอบคุณครับผู้กองอนนต์ ผมจะทำให้ดียิ่งขึ้นไปอีก!
หลังจากที่พลได้พิสูจน์ตัวเองในคดีสำคัญ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและผู้กองอนนต์ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พลคอยถามไถ่และให้ความช่วยเหลือผู้กองในทุกๆ เรื่อง ตั้งแต่เรื่องงานไปจนถึงเรื่องส่วนตัว
"ผู้กองครับ วันนี้คุณกินข้าวหรือยัง?" พลถามด้วยรอยยิ้ม พลอยากให้ผู้กองดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี
อนนต์หันมามองพลพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ "กินแล้ว ขอบใจนะพล" ความอบอุ่นในน้ำเสียงของเขาเริ่มแสดงให้เห็นว่าความรู้สึกของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
แต่แล้ววันหนึ่ง ขณะที่อนนต์และพลกำลังทำงานที่สถานีตำรวจ ก็มีชายหนุ่มหล่อ รวย ผมบลอนด์อ่อน เดินเข้ามาในสำนักงาน เขาคือคุณชานนท์ เจ้าของบริษัทใหญ่ที่มักสนับสนุนงานตำรวจอยู่เสมอ
"สวัสดีครับ ผู้กองอนนต์" ชานนท์กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ "ผมมาที่นี่เพื่อมอบเงินสนับสนุนสำหรับโครงการล่าสุดของคุณ"
อนนต์ยิ้มรับ "ขอบคุณมากครับ คุณชานนท์" พลที่ยืนอยู่ข้างๆ เริ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขารับรู้ถึงความรู้สึกที่แฝงอยู่ในสายตาของชานนท์ที่มองผู้กองอนนต์
หลังจากที่ชานนท์คุยกับอนนต์เสร็จ เขาก็หันมาหาพล "สวัสดีครับ คุณคือผู้หมวดพลใช่ไหม? ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ" เขาพูดพร้อมกับยิ้ม
พลยิ้มกลับอย่างสุภาพ "ครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ"
จากวันนั้นเป็นต้นมา ชานนท์ก็มักจะหาโอกาสมาเยี่ยมสถานีตำรวจบ่อยๆ ทำให้พลเริ่มรู้สึกว่าชานนท์กำลังพยายามแทรกแซงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้กองอนนต์
ตั้งแต่วันที่ชานนท์เข้ามาที่สถานีตำรวจครั้งแรก เขาก็เริ่มมาหาผู้กองอนนต์บ่อยขึ้น ทุกครั้งที่มา เขามักจะนำของขวัญหรืออาหารมาให้ พร้อมกับพูดคุยและถามไถ่เรื่องราวต่างๆ
"ผู้กองอนนต์ วันนี้ผมมีขนมจากร้านโปรดของคุณมาฝากครับ" ชานนท์กล่าวพร้อมกับยื่นถุงขนมให้
อนนต์ยิ้มรับ "ขอบคุณครับ ชานนท์" เขารับถุงขนมและเปิดดู "นี่มันร้านที่ผมชอบที่สุดเลย คุณยังจำได้"
พลที่เห็นเหตุการณ์นั้นทุกครั้งเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ และรู้สึกว่าชานนท์พยายามเข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้กองอนนต์มากขึ้นทุกที
วันหนึ่ง หลังจากที่ชานนท์ออกจากสถานีตำรวจไป พลก็ตัดสินใจถามผู้กองอนนต์อย่างตรงไปตรงมา "ผู้กองครับ คุณรู้จักคุณชานนท์มานานแค่ไหนแล้ว?"
อนนต์ยิ้มเล็กน้อย "ชานนท์เป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉันเอง เราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน เขาย้ายไปต่างประเทศหลายปี แต่เพิ่งกลับมาเมื่อไม่นานมานี้"
พลได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ "ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณมีเพื่อนเก่าที่สนิทขนาดนี้"
อนนต์พยักหน้า "ใช่ ชานนท์เป็นเพื่อนที่ดีของฉัน เราผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย"
จากนั้น พลเริ่มรู้สึกว่าเขาต้องพยายามมากขึ้นในการพิสูจน์ตัวเองให้ผู้กองเห็นคุณค่าของเขา และแสดงความรู้สึกที่มีต่ออนนต์อย่างจริงใจมากขึ้น
วันหนึ่ง พลตัดสินใจพูดความในใจกับอนนต์ "ผู้กองครับ ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมจริงใจกับคุณมาก ไม่ว่าจะมีใครเข้ามา ผมก็จะยังอยู่ข้างๆ คุณเสมอ"
อนนต์ยิ้มอย่างอบอุ่นและตบบ่าพลเบาๆ "ฉันรู้ พล ขอบใจนายมาก"
แต่ทว่าความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจของทุกคนก็ยังคงสับสนอยู่ เมื่อชานนท์ยังคงเข้ามาในชีวิตของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง สร้างความตึงเครียดและความซับซ้อนในความสัมพันธ์ที่กำลังพัฒนา
หลังจากที่พลสารภาพความในใจออกไป อนนต์กลับไม่ตอบอะไร เขาเพียงมองหน้าพลอย่างนิ่งๆ แล้วหันไปทำงานต่อ ความเงียบที่เกิดขึ้นทำให้พลรู้สึกอึดอัดและสับสน
วันต่อมา อนนต์เริ่มตีตัวออกห่างจากพลมากขึ้น เขาหลีกเลี่ยงการสนทนาและการพบหน้าพล พยายามใช้เวลาอยู่กับชานนท์ที่สถานีตำรวจมากขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพลและอนนต์ยิ่งห่างเหินไปทุกที
"ผู้กองครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหม?" พลถามด้วยความหวัง
อนนต์เพียงส่ายหัวเบาๆ "ไม่เป็นไร พล ฉันจัดการได้"
ชานนท์ที่เห็นเหตุการณ์ทุกครั้งก็ยิ้มพอใจ เขาใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดกับอนนต์มากขึ้น "อนนต์ เราไปทานข้าวด้วยกันไหม? ฉันรู้จักร้านอร่อยๆ"
อนนต์พยักหน้า "ได้สิ ชานนท์ ไปกันเถอะ"
พลที่เห็นอนนต์และชานนท์ไปด้วยกันบ่อยๆ รู้สึกใจหายและเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่ย่อท้อที่จะพยายามเข้าหาอนนต์และแสดงความจริงใจของตัวเอง
วันหนึ่ง ขณะที่พลกำลังทำงานอยู่ที่สถานี เขาเห็นอนนต์นั่งอยู่คนเดียวในห้องทำงาน เขาตัดสินใจเข้าไปพูดคุย
"ผู้กองครับ ผมรู้ว่าผมอาจจะพูดอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมยังคงอยู่ข้างๆ คุณเสมอ ผมไม่ยอมแพ้หรอกครับ"
อนนต์เงยหน้ามองพลอย่างเงียบๆ และถอนหายใจ "พล ฉันแค่... ฉันต้องการเวลาในการคิด"
พลยิ้มและพยักหน้า "ผมเข้าใจครับผู้กอง ผมจะรอ"
เวลาผ่านไป พลยังคงตื้อและแสดงความห่วงใยต่ออนนต์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยงานหรือการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ แม้ว่าอนนต์จะพยายามตีตัวออกห่าง แต่พลก็ไม่ย่อท้อ
ชานนท์ที่เห็นพลไม่ยอมแพ้ก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจ และพยายามเข้าหาอนนต์มากขึ้นเพื่อให้พลหมดหวัง แต่ในใจลึกๆ ของอนนต์ เขากลับรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่แท้จริงของเขาคืออะไร
ชานนท์ที่เห็นพลไม่ยอมแพ้ในการแสดงความห่วงใยต่ออนนต์ก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจ เขาตัดสินใจรุกเข้าหาอนนต์มากขึ้น เพื่อที่จะให้อนนต์เห็นความสำคัญของเขามากกว่าพล
"อนนต์ วันนี้เราไปทานอาหารเย็นด้วยกันไหม? ฉันมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับนาย" ชานนท์ถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
อนนต์ที่รู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตัวเองพยักหน้า "ได้สิ ชานนท์ ไปกันเถอะ"
ที่ร้านอาหาร ชานนท์พยายามพูดคุยและแสดงความสนใจในตัวอนนต์มากขึ้น "อนนต์ นายจำได้ไหมว่าเราเคยฝันถึงอนาคตด้วยกัน ตอนนี้เราโตขึ้นแล้ว เราควรเริ่มคิดถึงเรื่องนั้นจริงจังบ้าง"
อนนต์รู้สึกสับสน เขาไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่มีต่อชานนท์คืออะไร เขาจำได้ว่าชานนท์เคยเป็นเพื่อนที่ดีของเขาในวัยเด็ก แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่เปลี่ยนไป
พลที่เห็นอนนต์และชานนท์ใกล้ชิดกันมากขึ้นก็รู้สึกเจ็บปวด แต่เขายังคงไม่ย่อท้อ เขาพยายามทำงานอย่างหนักและคอยสนับสนุนอนนต์ในทุกๆ ด้าน
วันหนึ่ง ขณะที่อนนต์กำลังทำงานอยู่ ชานนท์เข้ามาหาเขาและพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "อนนต์ นายไม่เห็นหรือว่าฉันพยายามมากแค่ไหนเพื่อให้นายเห็นความสำคัญของฉัน"
อนนต์รู้สึกสับสนมากขึ้น เขามองหน้าชานนท์และคิดถึงคำพูดของพล "ชานนท์ ฉันต้องการเวลาในการคิด ฉันไม่แน่ใจว่าความรู้สึกของฉันคืออะไร"
ชานนท์ที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกผิดหวัง แต่เขาไม่ยอมแพ้ "ฉันจะรออนนต์ ฉันรู้ว่านายจะเห็นความสำคัญของฉันในที่สุด"
ในขณะเดียวกัน พลก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เขายังคงแสดงความห่วงใยและความรักต่ออนนต์อย่างต่อเนื่อง "ผู้กองครับ ผมอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่ว่ายังไง ผมก็จะไม่ทิ้งคุณ"
อนนต์ที่อยู่ระหว่างความรู้สึกของทั้งสองคนเริ่มรู้สึกสับสนมากขึ้น เขาไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกใคร ระหว่างเพื่อนเก่าที่มีความผูกพันกันมายาวนาน หรือพลที่แสดงความจริงใจและห่วงใยเขาอย่างแท้จริง
---------------------------
จบฮะ จบแล้ว ไม่ต้องติดตามตอนต่อไป จบแล้วจริงๆ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments