ความมืดเริ่มปกคลุมท้องฟ้าบรรยากาศที่เงียบสงัดได้มาถึง ลิน่ากับน้อง..อะไรสักอย่างกำลังมุ่งหน้าไปที่อพาร์ทเม้นท์เนื่องจากข้างนอกเริ่มมืดอาจจะมีบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อทั้งสอง จึงต้องหาที่ปลอดภัยอยู่สักก่อน ตอนนี้เดินเท้ามาประมาณ5นาทีได้ กว่าจะถึงก็คงจะเกือบครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างรอบๆตัวเงียบสงบเพราะที่นี่ไร้ซึ่งตัวตนของผู้คนเหลือเพียงแค่เราสองคนด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้
“….”รอบตัวเงียบจนน่ากลัวไปหมดแม้แต่เสียงแมลงหรือนกก็ไม่มี เสียงเดียวที่ได้ยินก็คงเป็นเสียงเดินของเราสองคน คนน้องคิดในใจ
“….”บรรยากาศตอนนี้เงียบเกินไปแล้ว เราควรชวนน้องเขาคุยระหว่างทางดีไหมนะ? คนพี่ที่เริ่มอึดอัดกับความเงียบเลยคิดจะลองหาอะไรมาพูดคุยกับคนน้องเพื่อสยบความเงียบเฉียบ
“อ..เอ่อ เรากำลังจะขึ้นปี2แล้วใช่มั้ย”เธอเอื่อยถามคนน้องที่เกาะแกะแขนขวาเธอมาตลอดทางอย่างหวาดระแวง
“อา ค่ะระหว่างปิดเทอมนี้ก็กำลังทำงานพาร์ทไทม์”เธอหันกับมาสนใจคนพี่แทนสิ่งรอบข้าง
“งั้นเหรอ ว่าแต่เราเรียนอยู่มหาลัยไหนน่ะ?”
“มหาลัยเมโทรอาร์ตแอนด์บิสซิเนส หรือเรียกสั้นๆ เมโทรยู” ตอบเป๊ะเหมือนท่องจำมาชื่อจะยาวไปไหนเนี่ย!!!
“เอ๋\~จริงดิ พี่ก็เคยเรียนที่นั้นเหมือนกัน”เธอถึงกับตาลุกวาวเหมือนรู้ว่าคนน้องเรียนมหาลัยเดียวกับเธอ
“จริงเหรอ!! นี่เรากำลังคุยกับศิษย์เก่าเมโทรยูรึนี่”เธอก็ดูจะตื่นเต้นไม่ต่างจากคนพี่สักเท่าไร อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ!!!
ไม่คิดว่าการหาเรื่องคุยเล่นระหว่างทางในครั้งนี้จะกลายเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ความกลัวในหลายๆอย่างของคนพี่และคนน้องได้สลายหายไปและถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้รู้ข้อมูลชีวิตของทั้งสองฝ่ายที่มีบางอย่างคล้ายกันจนน่าตกใจพวกเขาพูดคุยกันอย่างถูกคอท่ามกลางความเงียบในเมืองที่ไร้ซึ่งผู้คนที่แสนจะวุ่นวาย ในตอนนี้พวกเขาได้หลงลืมความรู้สึกกลัวในตอนแรกไปแล้ว
“คณะเราล่ะ เราเรียนคณะอะไร”
“น้องเรียนคณะศิลปะการออกแบบร่วมสมัย”
คณะศิลปะการออกแบบร่วมสมัยเป็นคณะที่ครอบคลุมทั้งกราฟฟิต ดีไซน์ แฟชั่น อินทีเรียร์ ออกแบบผลิตภัณฑ์ และเน้นผสมความคิดสร้างสรรค์กับเทคโนโลยี
“โอ้ เราชอบสายนี้เหรอ?”เธอถามคนน้องอย่างอยากจะรู้เพิ่มเติม
“ไม่เชิงชอบหรอกพี่ แค่..น้องอยากทำผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเองอะ”
“อ่อ นี่เราตั้งเป้าหมายงานไว้แล้วหรือนิ พึ่งอยู่ปี1จะขึ้นปี2 เองนะเนี่ย\~”เธอเริ่มรู้สึกสนใจในการวางแผนของการทำงานของคนน้อง
“ไม่คิดตอนนี้จะตอนไหนล่ะ เวลายิ่งผ่านไปเร็วอยู่”
“อืม…ก็จริงของเรา วางแผนตอนนี้ยังดีกว่ามาเริ่มตอนเอาช่วงสุดท้าย”
“ว่าแต่พี่เถอะ เรียนคณะอะไร”เธอถามอย่างอยากรู้
”เออ พี่..เรียนคณะเดียวกับเราน่ะ”
“ห๊ะ!! ถามจริงบังเอิญไปมั้ยเนี่ย”เธอแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง นอกจากคนพี่จะยังเรียนที่เดียวกันกับเธอแล้ว แถมเรียนคณะเดียวกันอีกต่างหาก แบบนี้มันเกินกว่าคำว่าพรหมลิขิตแล้วล่ะ
“แหม ตอนเราบอกเรียนคณะอะไรพี่ก็อึ้งอยู่นะ”
“เชื่อได้มั้ยนิ”
“เชื่อได้\~ อืม..ถ้าเราอยู่คณะเดียวกัน เราก็เป็นน้องสายรหัสพี่อ่ะดิ”
“ก็ไม่แน่หรอก อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้”
ทั้งสองพูดคุยกันนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ในตอนนี้พวกเขามาถึงอพาร์ทเม้นท์ของคนพี่แล้ว บรรยากาศรอบๆอพาร์ทเม้นท์ดูเงียบไม่ต่างจากที่อื่นสักเท่าไร เท่าที่ดูก็ไม่มีอะไรผิดปกติดูเหมือนพวกเขาจะคิดมากเกินไป ที่นี่มันจะมีอะไรผิดปกติกันล่ะนอกจากความเงียบไปพักสักหน่อยดีกว่า
“อพาร์ทเม้นท์หรูใช้ได้เลย”มองดูรอบๆ
“ไม่ขนาดนั้นหรอก พี่ว่ามันก็ดูเหมือนห้องพักปกติ”กำลังค้นประเป๋าเพื่อหากุญแจห้องพัก
“อ่อ จริงสิพี่ลืมบอกในห้องพี่มีแมวด้วยนะ”
อะแน่ นี่มันมุกจีบสาวในตำนานนี่หว้า
“ที่นี่เลี้ยงสัตว์ได้ด้วย!!! เจ๋งอ่ะ”
“ใช่😅เขาไม่ห้ามหรอกถ้าจะเลี้ยงแต่ต้องดูแลดีๆแค่นั้นเลย”เพราะสาเหตุหลักที่หอพักหรืออพาร์ทเม้นท์บางส่วนไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่มาจากการที่มันส่งเสียงดังก่อความน่ารำคาญหรือจะเป็นเรื่องการขี้เยี่ยวอีก
ลิน่าปลดล็อกประตูก่อนจะเดินนำหน้าคนน้อง เธอมองสำรวจดูรอบๆห้องของเธอก่อนจะเปิดไฟห้อง ทุกอย่างดูปกติดีทั้งข้าวของรูปภาพเฟอร์นิเจอร์ ยกเว้น…
“เมา เมา?”ลิน่ารีบเดินไปเช็คดูจุดต่างๆภายในห้องเพื่อหาเจ้าเมาเมาแต่กลับไม่มีวี่แววของมันถึงข้าวของที่นอนแมว อาหารจะมีครบแต่แมวของเธอไม่ได้อยู่ในห้องพักกับเธอ
“เฮ้อ จริงสิลืมไปสักสนิทเลยว่านี่ไม่ใช่โลกความจริง”ลิน่าถอนหายใจดังเอือกเมื่อพึ่งนึกได้ว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่โลกที่เธออยู่แมวของเธอจะอยู่นี่ได้อย่างไร
“ตกใจหมดเลย น้องคิดว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลสักอีก”คนน้องถึงกับโล่งใจที่คนพี่แค่ตกใจที่แมวเธอไม่อยู่ในห้องเฉยๆ แต่ก็นะขณะข้างนอกยังไม่มีสัตว์เดินเพ่นพ่านเลยแม้แต่ตัวเดียวถ้าจะมีสัตว์อยู่ในนี้ก็ดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไร
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ”ลิน่าเอ่ยคำขอโทษกับคนน้องที่เผลอทำให้ใจหายอีกแล้ว แต่เหมือนคนน้องก็ไม่ได้ติดใจอะไรเธอจึงพาคนน้องมานั่งที่โซฟาก่อนจะเดินไปปิดประตูห้องให้แน่นหนาเพื่อความปลอดภัย ระหว่างนั้นคนน้องก็มองดูรอบๆห้องของคนพี่อย่างตื่นเต้นเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นข้างในห้องอพาร์ทเม้นท์แบบนี้
“อืม…นี่คือรูปของพี่สาวกับแมวงั้นหรอ”เธอหยิบรูปภาพเล็กๆขึ้นมาดู คนในรูปนั้นดูไม่ค่อยเหมือนพี่สาวที่เธอเห็นในตอนนี้เลยแฮะแต่แมวก็น่ารักดีนะ ในขณะกำลังดูรูปอยู่นั้นคนพี่ก็เดินมาพร้อมกับน้ำผลไม้สองแสงในมือ
“ไปเตรียมมาตอนไหนเนี่ย ไม่เห็นได้ยินเสียงเครื่องปั่นเลย”เธอถามคนพี่ด้วยน้ำเสียงกวนๆพร้อมทำหน้าทำตาดูสงสัยทำให้คนพี่ถึงกับถอนหายเอือกใหญ่กับความซื่อบื้อของคนน้องก่อนจะตอบกลับแบบช็อตฟิวส์
“ก็นี่น้ำผลไม้สำเร็จรูป แค่เปิดฝากล่องแล้วเทใส่แก้วก็จบล่ะ”คำตอบของคนพี่ทำเอาคนน้องถึงกับเซแบบทรงตัวไม่อยู่ทำให้เธอนั่งลงกับโซฟาพร้อมเอามือกอดอกแล้วหันหน้าหนีราวกับแมวที่กำลังงอนเจ้าของ ทำเอาลิน่าส่ายหัวพร้อมยิ้มมุมปากก่อนวางน้ำผลไม้ไว้บนโต๊ะตรงหน้าทีวี ก่อนจะจิบน้ำผลไม้อย่างสบายใจ เมื่อคนน้องเห็นคนพี่ดื่มน้ำอย่างหน้าระรื่นทำให้เธอแอบมั่นใจเล็กน้อย เธอเลยหยิบแก้วน้ำผลไม้มาดื่มเพื่อดับกระหายหลังจากเดินมาไกล คนพี่เหลือบมองคนน้องจากหางตาเธอสังเกตเห็นสีหน้าบูดบึ่งของคนน้องในขณะที่ดื่มน้ำอยู่ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“หายงอนได้แล้วมั้ง อุตส่าห์เทน้ำผลไม้ให้ดื่มขนาดนี้”ลิน่าเอ่ยแซวคนน้องอย่างอดไม่ได้ด้วยรู้สึกเอ็นดู เมื่อคนน้องได้ยินก็ถึงกับหยุดดื่มพร้อมหันมามองหน้ามอง “ไม่ได้งอน แต่เสียหน้าเพราะการช็อตฟิวส์ของพี่นั้นแหละ!!!” คนน้องตอบกลับเธอจากใจจริงทำเอาลิน่าหลุดขำออกมาอย่างกั้นไม่อยู่พอคนน้องเห็นอย่างนั้นก็หน้าแดงก่ำก่อนจะแยกเขี้ยวใส่พร้อมตะหวาดใส่เธอเป็นชุดใหญ่แต่คนพี่ก็ยังหยุดหัวเราะไม่ได้จนเวลาผ่านไป10นาที
“เฮ้อ\~หัวเราะแทบหมดลมเลยเรา”ลิน่าถึงกับหายใจแฮกๆหลังจากหัวเราะนานประมาณสิบกว่านาที่ได้คนน้องเมื่อเห็นคนพี่หยุดหัวเราะตัวเองได้ก็บ่นใส่คนพี่ไปอีกที “เล่นหัวเราะลั่นสักขนาดนั้น ดีนะที่ไม่มีคนอยู่ไม่งั้นโดนด่าไปแล้ว”พอลิน่าได้ยินแบบนั้นก็แสยะยิ้มมุมปากก่อนจะสวนกับไป “ถ้ามีคนอยู่อ่ะน่ะ พี่คงไม่ถูกด่าอยู่ฝ่ายเดียวหรอก” เธอพูดเชิงกล่าวว่าคนน้องเองก็ตะหวาดเธอเสียงดังไม่ต่างจากการที่เธอหัวเราะลั่นเหมือนกันนั้นแหละ คนน้องเมื่อได้ยินก็รู้ตัวจึงยอมสงบศึกครั้งนี้เธอขอเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปอย่างโดยดี
ทั้งคู่นั่งเงียบกันไปสักพักก่อนที่ลิน่าจะพึ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ “เออ..คือว่า” ลิน่ากำลังจะเอ่ยถามอะไรสักอย่างไร คนน้องเมื่อได้ยินเสียงคนพี่ก็หันมามองอย่างสงสัย “หื้ม? อะไรหรอ” คนน้องเอ่ย “คือ..พี่พึ่งนึกได้น่ะ เราคุยกันมาพักใหญ่แต่ยังไม่ได้ถามชื่อกันเลย” เมื่อคนพี่พูดอย่างนั้นคนน้องก็แอบชะงักไปเล็กน้อย “แล้วเรา…ชื่ออะไรล่ะ” ก่อนจะเอ่ยถามคนน้อง “อื้ม..พี่เคยพูดชื่อน้องออกมาอยู่นะ” ทำให้คนพี่ถึงกับร้องเอ๊ะออกมาก่อนจะลองนึกคิดถึงคำพูดของตัวเองที่ผ่านๆมา เมื่อเห็นอย่างนั้นคนน้องก็อมยิ้มเล็กน้อย
“ให้ใบ้มั้ย” คนน้องเอ่ยลิน่าได้ยินก็รีบพยักหน้าตอบรับ “พี่พูดว่าเราน่าจะเป็นอะไรนะคะ ตอนเดินมาอพาร์ทเม้นท์” เมื่อคนน้องพูดจบลิน่าก็คิดมาได้ “ตอนนั้นพี่พูดว่าเราน่าจะเป็นน้องสายรหัสของ…”ลิน่าชะงักไปสักพักส่วนคนน้องก็ยิ้มหน้าระรื่นเมื่อประกิริยาของคนพี่ “อย่าบอกนะเราชื่อ **รหัส**เหรอ?” ลิน่าเอยด้วยสีหน้าที่ดูอึ้งก่อนที่คนน้องจะตบมือให้พร้อมกับเอ่ยว่า “ถูกต้องคับผม\~” “….เอ๋!!!”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments