ADEN : RUN | Transformers One X Oc |#วิ่งหนีเร็วเอเดน
หลังจากดูหนังในโรงภาพยนตร์จบ เอเดน ก็ได้ไปรอรถของแม่ที่จะขับมารับในไม่ช้า เวลาในตอนนี้คือสี่ทุ่มครึ่งซึ่งนับว่าดึกและเปลี่ยวพอควรเพราะคงไม่มีใครเขาออกมาเดินในยามวิกาล แถมอยู่ในเขตบ้านนอกแบบนี้หรอก
“เมื่อไหร่แม่จะมา ยิ่งอยู่นานยิ่งกลัวนะเนี่ย” หล่อนบ่นพึมพำก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาไถ่ฟืดเล่น บรรยากาศวังเวงผสมปนเปกับความกลัว แสงไฟริบหรี่จากเสาไฟกระพริบติดดับอย่างไม่แน่นอน
“กูกลัวจริงๆ ละนะ แม่มาซะทีเถอะ” ความหวาดผวาตื่นตูมทำให้สายตานิลหันซ้ายหันขวามองรอบๆ ตัว เพราะกลัวว่าจะมีใครหรือสิ่งลี้ลับแอบมองเธออยู่
“คดีฆาตกรรมที่ถนนเปลี่ยว...ควยกูไม่น่าเล่นโทรศัพท์เลย” เมื่อก้มหน้ามาเล่นมือถือก็ดันเลื่อนไปเจอข่าวที่พึ่งออกเตือนเมื่อเช้า
คดีฆาตกรรมต่อเนื่องสามศพที่ถนนเปลี่ยวยามวิกาล ฆาตกรเลือกฆ่าหญิงสาวที่กลับบ้านหรือยืนอยู่คนเดียวตรงเส้นทางเปลี่ยว
เจ้าหล่อนรีบกดโทรหาแม่เพื่อย้ำเตือนให้อีกฝ่ายรีบขับรถมาหาเธอไวๆ เพราะใครมันอยากจะยืนรอคนเดียวในช่วงเวลาที่มีข่าวการฆาตกรรมกันละแถมตำรวจยังจับตัวไม่ได้อีก
“สาธุ 99+ แม่รีบมารับเดนที”
แกร็ก! เสียงของมีคมกระแทกเข้ากับพื้นเอเดนรีบหันขวับมองไปยังต้นเสียง ลักษณะของผู้ชายสวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้าเผยให้เห็นแค่มือเหี่ยวย่น ในมือถือมีดแหลมที่เปื้อนนํ้าสีแดงกลิ่นสนิมเข้มข้น ซึ่งคงทายไม่ยากว่านั้นคือ เลือด
“.....” ไม่ต้องคิดเอเดนรีบสับตีนแตกวิ่งหนีกลับไปทางห้างสรรพสินค้าที่ตัวเองวิ่งออกมา เพราะต่อให้จะดึกแค่ไหนแต่ผู้รักษาความปลอดภัยยังคงทำงานอยู่
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที!!” เสียงกรีดร้องตะโกนขอความช่วยเหลือไม่อาจส่งไปถึงใครได้ “กรี้ดดดดด!!” หล่อนวิ่งเข้ามาถึงหน้าประตูห้าง มือเรียวทุบกระจกของประตูหวังให้ใครสักคนได้ยินแล้วมาช่วยเธอ
“ไม่!! ไม่อย่าเข้ามานะ” หล่อนถอดรองเท้าก่อนจะเขวี้ยงใส่มัน กระเป๋าผ้าที่ใช้มานานหลายปีเหวี่ยงใส่มือของฆาตกรจนมีดมันหลุด เอเดนใช้จังหวะนี้รีบวิ่งหนีออกไปแต่ก็ถูกรั้งตัวไว้และกดลงกระแทกกับพื้น
ปั่ก! “กรี้ดดดด! ปล่อยฉันนะ!!” ร่างถูกกดกระแทกจนหายใจลำบาก มือหยาบกร้านคว้าบีบเข้าที่ลำคอนวล ออกเค้นแรงหวังให้คนใต้ร่างขาดอากาศหายใจ
“ค่อก-!แค่กๆ!! อั่ก!” มือเรียวพยายามจิกหักเข้าที่มือของคนบนร่าง สองขาพยายามดีดดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด ความอึดอัดแทรกซ้อนกับความกลัว
“ชะ..ช่วย..แค่ก!..ด้วย” พลันสติใกล้จะหมด ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบและความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาในโสตประสาท หน้าท้องสวยถูกมีดคมแทงเข้าจังๆ ก่อนจะปาดกรีดลงเป็นแนวยาว
“กรี้ดดด-!” เสียงกรี้ดขาดช่วงแต่ความทรมานนั้นเต็มประสาท นํ้าตาใสคลอที่หางตาสะอื้น ก่อนที่สติทั้งหมดจะหายสิ้นพร้อมกับเปลือกตาที่ปิดลง....
เมืองไออาคอนเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองและคุ้มครองของเหล่าไพรม์ทั้ง 13 และมีผู้นำสูงสุดคือ เซต้า ไพรม์ ผู้ถือครองเมทริกซ์แห่งผู้นำ ความสงบสุขภายใต้ความแบกแยกชนชั้นที่ไม่สิ้นสุด
แสงไฟที่ส่องประกายจรัสไม่อาจส่งไปถึงเมืองอีกฝั่งที่แห้งกังของเหล่าไซเบอร์ทรอนเนี่ยนสภาพเสื่อมโทรม ความต่างของชนชั้นที่ไม่อาจแก้ไขปัญหาได้ง่าย
เหล่าเมคที่เติบโตล้วนแต่ขาดพร่องในเรื่องหลายเรื่อง ทั้งเอนเนอร์จอร์นที่ไม่พอประทังชีวิตครอบครัว หรือแม้แต่การจะยื่นชีวิตของใครสักคน หากบอกว่าไออาคอนสมบูรณ์แบบ เมืองฝั่งนี้คงเป็นเพียงเศษชิ้นส่วนที่ผิดพลาดจากเมืองใหญ่
ไซเบอร์ตรอนเนี่ยนเพศหญิงวัยชรากำลังเดินไปยังบ้านของตนหลังจากทำงานมาอย่างหนักเพื่อแลกกับเศษส่วนเอนเนอร์จอร์นน้อยนิดกลับไปให้กับบุตรหลานที่รอคอย
ทุกย่างก้าวมีแต่ความเหนื่อยอ่อน และความหิวโหยที่ไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวัน ออพทิคเริ่มสั่นไม่คงที่คล้ายอยากจะรีชาร์จซะตรงนั้น
“อีกนิดเดียวก็จะถึงบ้านแล้วอดทนหน่อย” เธอพูดย้ำกับตัวเองพรางหอบสังขารไปเรื่อยๆ ตลอดทางเดินไร้เมคตนอื่น มีเพียงเสียงของเครื่องยนต์ที่ดังจากเมืองอีกฝั่ง และรอยถนนแตกร้าวเบื้องหน้า
สลัมความเสื่อมโทรมกัดกินเมคทุกคนในพื้นที่เป็นเพียงสิ่งไร้ราคา ต่อให้มีเฟื่องแต่หากขาดเอนเนอร์จอร์นไปนานๆหรือได้รับไม่เพียงพอก็ไม่มีทางที่จะทรานฟอร์มได้
เพอร์ซี่ บ่นพึมพำเพื่อประคองไม่ให้สติดับวูบ และเมื่อเดินก้าวต่อไปจนจวบใกล้จะถึงยังบ้านของตน แอนเทน่าก็ดันไปได้ยินกับเสียงหายใจกระเซ่า เบาบาง แต่หนักแน่นจากมุมหนึ่ง
ในตรอกซอยมืดมินไร้ซึ่งแสงสว่าง สีหน้าของเพอร์ซี่ปรากฏความหวาดกลัว แต่ก็ใจกล้าที่จะฉายไฟไปทางต้นเสียง
ร่างกายที่ไม่เหมือนกับชาวไซเบอร์ตรอนเนี่ยม ผิวกายที่ดูนุ่มนวลเป็นหนังเสียมากกว่าเหล็ก เส้นที่สานทับกันไปกันมาหลอมรวมเป็นอวัยวะสีดำแปลกตา ส่วนคล้ายอกกระเพื่อมหอบโกยอากาศที่แตกต่าง
เพอร์ซี่ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือหุ่นไซเบอร์ตรอนเนี่ยนประเภทไหน และอีกฝ่ายเป็นพวกของควินเทสซัลที่เข้ามาสอดแนมในดาวไซเบอร์ตรอนที่ได้รับบาดเจ็บจากการหนี
แต่เมื่อเข้าไปใกล้ ร่างกายที่เล็กกว่าเธอดูไร้พิษภัยและที่สำคัญเอนเนอร์จอร์นของร่างกายนั้นเป็นสีแดงหาใช่สีฟ้าอ่อนหรือสีเขียวเข้ม
“โอ้ไพรมัส ท่านสร้างสรรค์ร่างกายเช่นนี้ได้อย่างไร”นางเอ่ยตกใจเมื่อพบว่าร่างนั้นแตกต่างจากไซเบอร์ตรอนเนี่ยนมากเพียงใด หากเทียบนางเสมือนสิ่งที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่จากฝีมือของไพรมัสคงไม่น่าจะยาก
ข้างกายของสิ่งแปลกปลอมมีของคล้ายถุงผ้าวางไว้ เพอร์ซี่ยืนครุ่นคิดหากสิ่งที่นางกำลังพบตอนนี้คือสิ่งที่ไพรมัสประทานให้นางมอบความช่วยเหลือ มันจะเกิดผลดีในอนาคตหรือไม่
และยิ่งเพอร์ซี่เป็นพวกใจบุญเห็นใครลำบากหรือบาดเจ็บก็อยากจะยื่นมือเข้าช่วย
“......”
“ข้าแต่ไพรมัสบอกทีว่าข้าเลือถูก”
4 นาทีก่อนที่มนุษย์จะตาย เขาว่ากันว่ามันจะเป็นความฝันที่ดีที่สุดเพราะสมองจะสั่งการให้รื้อค้นความทรงจำที่มี ความสุข ความอบอุ่น ความประทับใจ ความหลัง ความรัก ครอบครัว ความรู้สึกที่ดีที่สุดในตอนที่ยังมีชีวิต
ร่างกายที่ทรมานจากสภาวะการตายจะถูกตัดทิ้งไปเมื่อเกิดการย้อนความทรงจำ ความสงบจะคอยดูดดึงให้ความทุกข์ที่เราพบจางหายไป
เวลาของความตายมาเยือนมนุษย์ไม่อาจมีความสามารถเพียงพอที่จะมานั่งตระหนักคิดว่าความตายมันน่ากลัวเพียงใด
เมื่อเข้าสู่สภาวะใกล้ตาย สมองจะลดการทำงานส่วนที่ไม่สำคัญลง จนแทบไม่รู้สึกอะไรเสมือนอยู่ในภาวะคล้ายฝันนิรันดร์ที่ถูกแต่งสร้างขึ้น
ที่เป็นแบบนั้น เพราะสมองจะถูกใช้ในการทำงานที่สำคัญที่สุดของร่างกายแทน เช่น รักษาการเต้นของหัวใจ การหายใจ เพื่อให้ร่างกายมีชีวิตรอด ส่วนอะไรที่ไม่สำคัญ สมองก็จะลดการสั่งการหรือการรับรู้ไป
เมื่อเราใกล้ตาย ประสาทสัมผัสและความสามารถในการรับรู้ต่าง ๆ ก็ลดหลั่นหายไป โดยมักเริ่มจากการพูดและการมองเห็น จากนั้นก็จะเป็นการสัมผัสและการรับฟัง
เมื่อร่างกายและสมองค่อยๆ หยุดทำงาน เราก็จะเริ่มเข้าสู่ภาวะสงบ ซึ่งอาจจะพูดได้ว่าในช่วง นาทีสุดท้ายก่อนตายมันไม่ได้น่ากลัวหรือทรมานอย่างที่คิด
นั้นคือสิ่งที่เอเดนเคยอ่านเจอในบทความของคุณหมอหลายๆท่าน แต่ทำไมเอเดนถึงยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หน้าท้องด้านข้าง
เปลือกตาที่ควรจะปิดสนิทก็เริ่มขยับขึ้นเมื่อว่ามีแสงไฟอ่อนส่องกระพริบ นัยตาสีนิลอ่อนสบเข้ากับผนังเพดานเหล็กอย่างไม่คุ้นเคย
ที่ไหน? คำถามผุดขึ้นมาในหัวหากให้บอกว่าสวรรค์ก็ไม่น่าจะใช่หรือนรกก็ยิ่งดูไม่ออก สรุปแล้วเธอตายไปรึยัง
เสียงพูดคุยบทสนทนาดังขึ้นที่อีกฝั่ง หล่อนพยายามดันตัวขึ้นเพื่อจะได้พบกับเจ้าของเสียงหรือใครสักคนที่อาจช่วยชีวิตเธอไว้
แต่เพราะปากแผลที่สดใหม่และไม่ได้รับการรักษาที่ดีทำให้เกิดปริแตกจนส่งความเจ็บปวด“โอ้ย-!” เธอร้องเสียงหลงทำให้ภายในบ้านที่มีเสียงพูดคุยเงียบดับลง
“นางฟื้นแล้ว” เสียงที่คล้ายราวกับใช้ออโต้จูนเล็กน้อยดังขึ้นเป็นเสียงที่เหมือนของเด็ก เอเดนเงยใบหน้าขึ้นดวงตาสะท้อนภาพของสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่มีรูปลักษณ์เหมือน ในอนิเมชั่นภาพยนต์ที่พึ่งดูมาเร็วๆนี้
“....” จีซัสพระองค์ล้อลูกแน่ๆ ความตกใจและความเจ็บปวดที่แผลโล่นแล่นผสมปนเปจนใบหน้าสวยขมวดคิ้วเป็นปม
“เอ่อ...สวัสดีค่ะ..ฉัน เอเดน ” เงียบ เงียบเป็นป่าช้า หุ่นเมคทั้งสองมองหน้าเธออย่างไม่ไว้วางใจ ตนหนึ่งดูเหมือนไซเบอร์ตรอนเนี่ยนเด็กที่อายุราวๆเหมือนเด็กห้าขวบแถวบ้านรูปลักษณ์มีสีชมพูอ่อน ส่วนอีกตนก็เหมือนเป็นเมควัยชรา รูปลักษณ์ของเธอเป็นสีแดงเลือดหมูตัดกับสีเทาของอะไหล่เครื่อง
“ สวัสดีหนูชื่อ เพอร์ก้า! ”เมคตัวน้อยเอ่ยแนะนำตัวอย่างสดใสใฝ่รู้แต่ก็โดนเมคอีกตนดันตัวให้ถอยไปหลบข้างหลัง น่าแปลกที่เอเดนสามารถพูดภาษาไซเบอร์ตรอนเนี่ยนได้อย่างคล่องแคล่วทั้งๆที่ไม่เคยศึกษามาก่อนรวมถึงการรับฟังที่ชัดเจน
“สะ..สวัสดีนะเพอร์ก้า” เอเดนไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงเธอเลยเลือกจะกล่าวทักทายกลับ “คุณเป็นคนช่วยฉันไว้หรอคะ”เธอหันมองไปยังเมคชรา หล่อนยังไว้ซึ่งท่าทีที่หวาดระแวงแต่ก็ตอบรับ
“อืม ข้าเป็นคนช่วยเจ้าไว้ ข้า เพอร์ซี่ ”หล่อนกล่าวแนะนำตัวอย่างมีมารยาท “ขอบคุณจริงๆค่ะ” เอเดนตอบรับความใจดีและความช่วยเหลือจากเมคตรงหน้า “คุณเป็นเมคประเภทไหนหรอคะ!” เมคน้อยเพอร์ก้าเอ่ยถามนางเอียงตัวหลบผู้เป็นยายเพื่อหวังจะมองหน้าของเอเดน
“...ฉัน...ไม่ใช่เมคน่ะ..เป็นมนุษย์” เอเดนตอบด้วยความจริง ถ้าให้โกหกไปก็ไม่รู้ต้องโกหกว่าอะไร “มนุษย์?”เพอร์ซี่ขมวดคิ้ว เมื่อได้รับรู้ว่ามีเผ่าพันธุ์ใหม่นอกเหนือจากตนอยู่ในพหุจัรวาลนี้
“ใช่ค่ะ ฉันเป็นมนุษย์”
“แล้วเจ้ามาที่นี้ได้อย่างไร”
เอเดนอ้ำอึ้งเธอไม่รู้ว่าต้องพูดอย่างไรให้เมคตรงหน้าเข้าใจ หากบอกว่ามาจากต่างโลกเดี๋ยวก็ได้วุ่นวายอีก“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ..ฉันโดนทำร้ายจากพวกคนไม่ดีที่เหมือนฉัน พอรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี้แล้วค่ะ”
ใช่เธอไม่รู้ว่ามาที่นี้ได้ยังไง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี้แถมยังพูดและหายใจบนดาวโลหะได้อีกทั้งที่ไม่ควรจะทำได้
เพอร์ซี่ที่เห็นถึงความจริงของสัจจะในดวงตาที่ต่างจากออพทิคก็พอเข้าใจอย่างคลุมเคลือ “ผิวของเจ้าไม่ใช่โลหะ ข้าไม่รู้ว่าควรรักษาบาดแผลของเจ้าอย่างไรนอกเสียจากหากผ้ามาพันไว้ให้แน่นแทน”
“แค่นี้ฉันก็ขอบคุณมากๆแล้วค่ะ”เอเดนยิ้มตอบ
“แล้วคุณทานอะไรเป็นอาหารหรอคะ เอนเนอร์จอร์นหรอ!” และคำถามของเพอร์ก้าก็ทำให้ตระหนักได้ว่าที่ดาวนี้ไม่มีสิ่งที่มนุษย์สามารถกินประทังชีวิตได้เลยสักนิด
ชิบหายแล้วไง “...คือ...คงเป็นเอนเนอร์จอร์นมั้ง..ฉันไม่แน่ใจเท่าไหร่เพราะความต่างกันโลกระบบนิเวศแล้วก็ร่างกายโครงสร้างคงคล้ายๆกัน”
เพอร์ซี่เข้าใจได้ทันทีว่าดาวดวงนี้คงไม่มีอาหารที่เหมือนดาวของเอเดน นั้นยิ่งเป็นปัญหาที่ใหญ่“เจ้าลองทานสิ่งนี้ดู” ว่าแล้วนางก็ยื่นก้อนสี่เหลี่ยมเรืองแสงสีฟ้าอ่อนให้กับเอเดน
“งะ..งั้นทานแล้วนะคะ”เธอรับไปก่อนจะกัดคำเล็กๆเข้าปาก ความรู้สึกเหมือนลิ้นสัมผัสคือความเค็มปนความหวานไม่ได้น่าอภิรมย์นักแต่ก็ถือว่าประทังชีพได้
“ดูเหมือนว่าจะทานได้นะคะ..”เอเดนตอบ “งั้นเจ้าก็คงทานเอนเนอร์จอร์นได้แบบพวกเรา” เพอร์ซี่
“ให้นางอยู่กับเราได้ไหม!”เพอร์ก้าอ้อนวอนผู้เป็นยาย เลนส์ใสสีฟ้าอ่อนของนางทำให้ผู้เป็นเมคยายใจอ่อนแต่ด้วยปัญหาหลายอย่างที่อาจมาเยือนทำให้ต้องหยุดคิด
หากให้เอเดนอาศัยอยู่ด้วยเท่ากับการการหาเอนเนอร์จอร์นที่มาขึ้นกว่าเดิม และการให้เอเดนหลบซ่อนตัวจากเมคตัวอื่นเป็นเรื่องที่ยากและท้าทายสุดๆ
แต่แน่นอนว่าเมคใจบุญอย่างเพอร์ซี่ก็ต้องยอมรับคำขอร้องของหลานสาว “ก็ได้ให้นางอยู่กับเรา” เมคตัวน้อยส่งเสียงดีใจพอๆกับรอยยิ้มของเอเดนที่อย่างน้อยก็มีที่ให้พักพิง
[แก้คำผิดเรียบร้อย 13/2/68] ไก่น่ารักกลับมาสานต่อแล้วจ๋าาา
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments