บทที่ 2 วันๆของผม...พลังของโลกนี้
หลังจากที่ท่านพ่อกำชับผมเสร็จ ท่านก็รวบแขนเสื้อที่ยาวของตนเองขึ้นมาเสมอไหล่ทั้งสองข้างจนปรากฏให้เห็นถึงรอยสักสีฟ้าบนแขนทั้งสอง
รอยสักรูปกางเขนติดปีก
ตอนนี้รอยสักกำลังส่องแสงเป็นช่วงๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ลูกน้องของท่านพ่อก็เปิดประตูรถพร้อมร่างของเด็กสองคน เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง
เด็กผู้ชายดูท่าทางจะอายุพอๆกับผม ส่วนเด็กผู้หญิง น่าจะอายุมากกว่าผมซักสี่ถึงห้าปีน่าจะได้
พอเด็กทั้งสองถูกหามขึ้นมา ท่านพ่อก็เริ่มงานทันที
ท่านยื่นแขนข้างซ้ายไปทางเด็กทั้งสอง แล้วขมวดคิ้ว
“ติดพิษแล้วก็บาดเจ็บภายในเล็กน้อยสินะ”หลังจากเอ่ยจบก็หดแขนข้างนั้นแล้วยื่นแขนข้างขวาออกมาแทนที่ ท่านหลับตาลง แล้วรอยสักบนแขนข้างขวาก็ส่องประกายออกมาห่อหุ้มเด็กทั้งสองไว้
แสงที่ห่อหุ้มนี้กำลังเยียวยารักษาอยู่
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมคือการใช้พลังของผู้คนในโลกใบนี้
Power Art หรือเรียกย่อๆว่า P.A.
ผู้คนในโลกนี้ ล้วนแล้วแต่มีพลังนี้กันทุกคนต่างกันก็แค่แต่ละคนจะมีพลังอย่างไรก็เท่านั้น
ช่วงอายุ 5 ขวบ ทุกๆคนต้องทำพิธีปลุกพลังนี้พร้อมกับลงทะเบียนข้อมูลประจำตน...
คล้ายๆกับบัตรประจำตัวประชาชนนั่นแหละ
แล้วก็อีกนั่นแหละ พลังของแต่ละคนนั้น ไม่เสมอภาคกัน
พลังจึงถูกแบ่งแยกเป็นชนชั้น อยู่ 5 ชนชั้น
ชั้นสูงสุดคือ สวรรค์
รองลงมาคือ ศักดิ์สิทธิ์
ชั้นที่สามคือ ตำนาน
ชั้นที่สี่คือ สามัญ
ชั้นล่างสุดคือ ธุลี
แล้ว P.A. ของท่านพ่อของผมก็คือ หัตถ์เทวะ ชนชั้น ศักดิ์สิทธิ์
พลังพิเศษสายรักษา ที่ไม่ว่าอะไรก็รักษาได้หมด แถมยังเป็นแบบสืบสายเลือดด้วย
ทุกคนในตระกูลคุโรกาเนะล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นศักดิ์สิทธิ์ เป็นสายรักษามือฉมัง
บอกตามตรง ตอนที่ได้อ่านประวัติตระกูลในห้องสมุดเมื่อปีที่แล้ว ทำเอารู้สึกหายตื่นเต้นไปแบบไม่ต้องลุ้น เพราะว่าพลังมันล็อคตายตัวอยู่แล้ว
แต่ก็นะ เพราะรู้อยู่แล้วว่าพลังของตัวเองจะเป็นอะไร ก็เลยอ่านหนังสือเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บและการรักษาในห้องสมุดจนเกือบจะครึ่งห้องแล้ว
กลับมาที่ปัจจุบัน ตอนนี้ผมกำลังนั่งตาแป๋วดูท่านพ่อใช้พลัง เผื่อเอาไว้ใช้อ้างอิงในอนาคตได้
หลังจากนั้นไม่นาน แสงที่ห่อหุ้มเด็กทั้งสองก็ค่อยๆจางหายไป สีหน้าของทั้งคู่ดูดีขึ้นเยอะ
ท่านพ่อหดแขนพร้อมกับเอาแขนเสื้อลง ท่านหันมายิ้มให้กับผมแล้วยื่นมือมาลูบหัวผมด้วยความเอ็นดู
ผมจึงยิ้มตอบกลับไป
ก๊อก ก๊อก
“ท่านดยุกครับ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงของลูกน้องท่านพ่อ
“มีอะไร”ท่านพ่อเอ่ยถาม
“ตอนนี้พวกเราจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ”พอท่านพอได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมา
“ดีมาก กลับกันได้แล้ว”
“ครับ”เสียงตอบรับอันเข้มแข็งดังขึ้น ไม่นานนัก รถม้า(คุณกระบือ)ที่นิ่งมานานก็ขยับอีกครั้ง
ขาไปมาสอง ขากลับมีสี่...อะนะ ช่างมันละกัน หลับดีกว่า หาว...
.
พอลืมตาขึ้น ผมก็มาอยู่ในห้องนอนตัวเองซะแล้ว แถมดูเหมือนจะเป็นช่วงเช้าของวันถัดมาอีกต่างหาก
ช่างมัน ตอนนี้รู้สึกดีสุดๆ หลับเต็มอิ่ม
หลังจากนั้นผมก็ทำกิจวัติประจำวัน อย่างกินข้าวพร้อมหน้าครอบครัวพอทานเสร็จ ผมก็พึ่งรู้ว่า ท่านพ่อพาเด็กสองคนนั้นมาด้วย
เพราะว่าตัวเด็กผู้หญิงมีพลังที่หายากมากๆหลังจากที่ใช้ผลึกรู้แจ้งตรวจสอบ
กระดิ่งปุยนุ่น ชนชั้นตำนาน พลังในการกล่อมเกลาจิตใจด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน
ท่านพ่อกับท่านแม่คุยกันว่า หากทั้งสองคนไม่มีที่ไป จะรับดูแลทั้งคู่มาอยู่ในบ้านในฐานะเมดแล้วพ่อบ้านฝึกหัด
พวกท่านต้องการให้เด็กคนนั้นเป็นผู้ช่วยคอยดูแลน้องสาวทั้ง 5 ของผม
แต่ตอนนี้คงต้องรอไปก่อน เพราะทั้งคู่ยังไม่ได้สติเลย
ตอนนี้จะรอรากงอกก็กระไรอยู่ ผมจึงขอท่านพ่อท่านแม่เข้าห้องสมุดประจำตระกูลตามปกติ ซึ่งพวกท่านก็ไม่ว่าอะไร เพราะพวกท่านชินแล้วที่ผมค่อนข้างประหลาย
สามขวบก็อ่านหนังสือคล่องแล้ว ตอนนี้สี่ขวบ...เฮ้อ...
ผมบอกกับเมดที่ดูแลเด็กสองคนที่ยังไม่ได้สติว่า ถ้าหากพวกเค้าฟื้นแล้วให้มาเรียกผมด้วย
.
เวลาล่วงเลยผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงก็มีรายงานแจ้งมาว่าเด็กผู้ชายรู้สึกตัวแล้ว ผมจึงปิดหนังสือแล้ววางบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินไปยังจุดหมายทันที
แกร็ก
พอเปิดประตูไปก็พบกับท่านพ่อท่านแม่ที่กำลังนั่งอยู่ข้างเตียง บนเตียงเด็กชายมองรอบๆด้วยความมึนงงเล็กน้อย
“เอ่อ ที่นี่ที่ไหนครับ”เด็กชายเอ่ยถามด้วยความเบลอเล็กน้อย
“ที่นี่คือบ้านของข้าเอง เรื่องนั้นช่างมันก่อน ตอนนี้เจ้ารู้สึกเจ็บป่วยอะไรหรือเปล่า”ท่านพ่อเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
เด็กคนนั้นทำหน้ามึนๆ สำรวจตัวเองแล้วตอบกลับมาว่า
“ไม่ครับ ไม่ได้เจ็บป่วยครับ”คำตอบที่ได้รับ ทำให้ท่านพ่อยิ้มขึ้นมาอย่างอ่อนโยน แล้วเอ่ยถามอีกครั้ง
“ดีแล้ว ดีแล้ว ว่าแต่เด็กน้อย เจ้ามีชื่อว่าอะไร พวกลุงจะได้เรียกถูก”
“ชื่อของผม...”
“เรียว...”เด็กชายเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว
“ชื่อเรียวคุงเหรอจ๊ะ”ท่านแม่เอ่ยถาม
“ชื่อของผมคือ...โนงามิ เรียวทาโร่ครับ”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments