บทที่4 7ปีต่อมา

[โฮส!!!]

ใช้แล้วเสียงนั้นไม่ใช้ใครอื่นแต่เป็นระบบ003621หรือเสี่ยวซินเจ้าเก่าเจ้าเดิมนั้นเอง

(จะตะโกนทำไม! เสียงดังซะจริงนะนายนะ)ลี่หยางเอ่ยตำหนิเสี่ยวซินของตนในใจ

[โธ่โฮส…ก็ระบบดีใจนิที่หาโฮสเจอนะ]เสี่ยวซินที่ถูกดุก็เอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแง่งอน

(.....) ลี่หยางที่ได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ทำหน้าปลาตายใส่ระบบก่อนที่จะถามขึ้นมา(แล้วนายตามหาฉันทำไมละ)

เสี่ยวซินที่ได้ยินคำถามของลี่หยางก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริงซึ่งแตกต่างกับน้ำเสียงเมื่อกี้นี้ลิบลับ[นั้นก็เพราะว่าระบบได้ผูกดวงวิญญาณกับโฮสถาวรแล้วยังไงละ เพราะงั้นตั้งแต่นี้ไประบบจะอยู่กับโฮสทุกที่เลย]

(หะ!! งั้นหมายความว่านายจะตามฉันไปทุกที่เลยเรอะ)เด็กน้อยอุทานเสียงหลง

[ช่ายยยยแล้วครับโฮส! นับจากนี้ก็ฝากตัวด้วยนะครับ!!]

[โธ่ๆๆ เวรของกรรมแท้  มีเจ้ากรรมนายเวรตามติดเป็นปลิงเลยแหะ]เด็กน้อยคิดอย่างล่องลอย

[ระบบได้ยินนะโฮส]เสี่ยวซินเอ่นขึ้นทันทีเมื่อได้ยินโฮสของตนหาว่าตนเป็นเจ้ากรรมนายเวร

(ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นๆ นับจากนี้ก็ฝากตัวด้วยนะเสี่ยวซิน)ลี่หยางหัวเราะขึ้นอย่างชอบใจก่อนเอ่ยฝากตัวกับระบบที่ต่อไปนี้จะอยู่เป็นเพื่อน[อยู่ให้ใช้งาน]ตน

[เห้อ….] ระบบถอนหายใจอย่างปลงๆ กับโฮสที่ชอบเอ่ยแกล้งเขาเป็นประจำแล้วเอ่ยตอบ

[ครับโฮส]

.

.

.

7 ปีต่อมา

[ชื่อ:ไป๋ลี่หยาง

อายุ:7 ปี

เพศ:เกอ

สถานะ:บุตรชายคนที่สามของแม่ทัพทิศอุดร

ระดับพลัง:นภา (ขั้นต้น)

พลังธาตุ:ดิน น้ำ น้ำแข็ง พฤกษา

พลังติดตัว:-ผีเสื้อราตรี

(ความสามารถ:ภาพลวงตา,ดวงตาผีเสื้อ (มุมมองที่ผีเสื้อราตรีเห็นผู้ใช้ก็จะเห็นด้วยหากต้งการหรือถ้าถูกบ้อนคำสั่งเมื่อเจอสิ่งผิดปกติก็จะส่งภาพมาในหัวของผู้ใช้ทันที) ,เทเลพอตร์ (สามารถวาปไปในที่ๆ มีผีเสื้ออยู่ได้) )

-ควบคุมเวลา

(ย้อนเวลาได้หยุดเวลาได้หรือแม้แต่ย้อนเฉพาะร่างกายหรือสิ่งของให้กลับไปอยู่ในสภาพเดิมเหมื่อนในอดีต) จะเปิดต้อนอายุ 10 ขวบ

-การรังสรรค์(สามารถสร้างได้ทุกสิ่งยกเว้นสิ่งมีชิวิต)

-จำแลงกาย (สามารถแปลงกายเป็นสัตว์หรืเผ่าพันธ์ไหนก็ได้ขอเพียงแค่เคยเห็น)

ทักษะ:-การเล่นแร่แปรธาตุ (ขั้นสูงสุด) จะเปิดเมื่ออายุ 10 ขวบ

-การหลอมโอสถ (ขั้นสูงสุด) จะเปิดเมื่ออายุ 11 ขวบ

-กระบี่เดียวดาย (ขั้นสูงสุด)

-ระบำกระบี่ (ขั้นสูงสุด)

-สุสานกระบี่ (ขั้นสูงสุด)

-หมื่นบุบผาสังหาร (ขั้นสูงสุด) จะเปิดเมื่ออายุ 8 ขวบ

-เหมันนิรันดร์กาล (ขั้นสูงสุด)

-พันธะสัญญาวิญญาณ (ขั้นสูงสุด)

-โทสะแห่งโลกา (ขั้นสูงสุด)

-ไหมปลิดวิญญาณ (ขั้นสูงสุด)

-บทเพลงชำระล้าง (ขั้นสูงสุด)

-บทเพลงสะกดวิญญาณ (ขั้นสูงสุด)

-มิติจิต (ได้มาจากการฝึกปรานแล้วบรรลุขั้นฟ้า)

-ตรวจสอบสถานะ (ขั้นสูงสุด)

อาวุธในครอบครอง:-พิณโลกา

-ขลุ่ยวิญญาณ

-พัดอัสณี

-กู่เจิ้ง

-กระจกแห่งหมอก (ใช้คู่กับผีเสื้อราตรีและหากผู้ใช้ต้องการดูสิ่งใดผ่านกระจกเพียงแค่เอ่ยปากออกมากระจกแห่งหมอกก็จะฉายภาพขึ้นมาเอง)

-ต่างหูรวบรวมปราณ (เมื่อใส่ไว้จะสามารถรวบรวมพลังปราณจากธรรมชาตฺรอบข้างมาเป็นพลังให้แก่ผู้ใช้ได้)

-กำไลปกปิดปราณ (ระดับวิญญาณ) ]

ยามเหม่า (5:00-6:59) ณ ป่าทมิฬข้างๆ แคว้นจ้าว

‘‘เสี่ยวซินเจ้าว่าตาแก่นี้ตายหรือยัง?’’

เสียงดั่งระฆังแก้วอันไพรเราะเอ่ยถามกับระบบของตนทันทีที่เหลือบไปเห็นร่างของชายชราที่นอนจมกองเลือดอยู่ข้างๆ ร่างของสัตว์วิญญาณระดับราชาสองตนที่เขาพึ่งสังหารไป

[เขายังหายใจอยู่นะโฮส อย่าเอากิ่งไม้ไปเขี่ยสินั้นคนนะครับ] เสี่ยวซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงหน่ายใจพร้อมทั้งห้ามปรามโฮสของตนที่ตอนนี้นั้นกำลังเอากิ่งไม้ไปจิ้มๆ เขี่ยๆ ชายชราอยู่

‘‘รู้แล้วน่า~~ตรวจสอบสถานะ’’

เมื่อลี่หยางได้ยินน้ำเสียงของเสียวซินก็เลิกเอาไม้ไปเขี่ยไปจิ้มชายชราทันทีพร้อมทั้งตรวจสอบสถานะของชายชราตรงหน้า ดวงตาสีฟ้าเรื่องแสงขึ้นมาพร้อมหน้าจอโฮโลแกรมที่เด่งขึ้นมา

[ชื่อ:ลู่อี้เจ๋อ

อายุ:85 ปี

เพศ:ชาย

สถานะ:ประมุขพรรคบงกชสวรรค์ [ชั่วคราว]

ระดับพลัง:สวรรค์ (ขั้นปลาย)

พลังธาตุ:พฤกษา

หมายเหตุ:ติดพิษหมาป่าม่วงทมิฬ]

‘‘พรรคบงกชสวรรค์…ประมุขชั่วคราวรึ.....ช่างเถอะถือเสียว่าทำบุญแล้วกัน’’ลี่หยางพึมพำชื่อพรรคออกมาก่อนจะป้อนโอสถแก้สารพัดพิษที่ไป๋ห่าวอู๋ให้ตนไว้เผื่อเกิดเหตุอันตรายขึ้น บิดาของเขาเคยเกือบถูกลอบสังหารด้วยพิษมาก่อนห่าวอู๋นั้นเกรงว่าศัตรูของบิดาจะมาทำร้ายน้องของตนด้วยวิธีเดียวกันจึงให้โอสถแก้สารพัดพิษไว้ซึ่งในตอนนั้นเสี่ยวซินก็ได้แต่คิดว่า [คนที่อันตรายที่สุดก็คือน้องท่านเนี่ยแหละ!!]

หลังจากที่ลี่หยางป้อนโอสถให้แก่ชายชราแล้วโอสถก็ทำงานทันทีพิษทั้งหมดถูกขจัดออกไปภายในไม่ถึงครึ่งชั่วยาม(ไม่ถึง 1 ชั่วโมง)  ของเหลวสีดำไหลออกมาจากร่างกายที่เหี่ยวย่น ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมาจนลี่หยางเผยสีหน้าเหยเกกออกมา

[ชื่อ:ลู่อี้เจ๋อ

อายุ:85 ปี

เพศ:ชาย

สถานะ:ประมุขพรรคบงกชสวรรค์ [ชั่วคราว]

ระดับพลัง:สวรรค์ (ขั้นปลาย)

พลังธาตุ:พฤกษา

หมายเหตุ:-]

‘‘อืม…โอสถของท่านพี่นี้ดีเสียจริง แต่กลิ่นของพิษพวกนี้นี่สิ..ช่างมิหน้าอภิรมย์เสียเลย...’’ลี่หยางพึมพำออกมาเมื่อเห็นผลลัพธ์ของโอสถ ในขณะที่ลี่หยางพึมพำกับตัวเองอยู่นั้น เปลือกตาที่ปิดอยู่ของลู่อี้เจ๋อก็ค่อยเปิดขึ้นอย่าช้าๆ เพื่อปรับสายตา ใบหน้าเหี่ยวย่นหันซ้ายแลขวาอย่างมึนงง

ลู่อี้เจ๋อนั้นคิวว่าตนกำลังจะตายแล้วแน่ๆ เหตุมาจากพิษหมาป่าม่วงที่โดนตอนที่เขานั้นพยายามต่อสู้กับสัตว์วิญญาณหมาป่าม่วงระดับราชาสองตัว คิดได้ดังนั้นสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นเด็กน้อยวัย 7 หนาวที่กำลังพึมพำอะไรสักอย่างอยู่และได้แต่ขบคิดกับตนเองว่า(..เด็กเช่นนั้นหรือ?..คงมิใช่ว่า….)

ลี่หยางที่ตอนแรกพึมพำกับตนเองก็คิดขึ้นได้ว่าตนจะทำอย่างไรกับร่างอันไร้วิญญาณของสัตว์วิญญาณสองตัวที่นอนอยู่ตรงนั้นดี แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นชายชรากำลังจ้องมองมาที่ตนอย่างสับสนและมึนงงอยู่

‘‘หืม ท่านฟื้นแล้วรึ พอดีเลยข้ากำลังคิดว่าจะทำยังไงกับสัตว์วิญญาณสองตัวนั้นดี’’ลี่หยางเอ่ยถามพร้อมกับชี้ไปที่ร่างสองร่างตรงหน้าตน เมื่อลู่อี้เจ๋อได้ยินคำถามของเด็กตรงหน้าก็ลุกขึ้นกะทันหันแล้วมองไปตามที่เด็กน้อยชี้ และเมื่อสายตาสบเข้ากับร่างอันไร้วิญญาณของสัตว์วิญญาณที่ทำให้ตนเกือบตายก็สติหลุดและจ้องมองไปที่ร่างทั้งสองโดยไม่กะพริบตา

‘‘นี้ๆๆ ยังอยู่ไหม ท่านยังไม่ตอบคำถามข้าเลยนะ’’มือเล็กสวยโบกไปมาตรงหน้าของชายชราเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ไหวติง ลี่หยางได้แต่คิดว่าชายตรงหน้าตนนั้นยังมิได้ตอบคำถามตนเลยจะมาสติหลุดแบบนี้มิได้น่ะอย่ามาเมินข้าแบบนี้นะตาแก่!!

ลู่อี้เจ๋อนั้นเมื่อได้ยินเสียงหวานใสดั่งระฆังแก้วรื่นหูก็พลันได้สติ ก่อนหันไปถามเด็กน้อยตรงหน้าด้วยสีหน้าตกตะลึง‘‘คะ…คงมิใช่ว่าเป็นเจ้าที่สังหารมันหรอกกระมัง?’’

‘‘หื้ม แล้วท่านเห็นผู้ใดอยู่ตรงนอกจากข้าอีกหรือไม่เล่า?’’เสียงหวานเอยตอบพรางเลิกคิ้วขึ้น  ฝ่ายชายชราที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปครู่นึ่งจากนั้นก็กวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาบางสิ่งแต่ก็มิพบสิ่งที่ตนมองหาจึงหันหน้ากลับมาหาเด็กน้อยแล้วตอบด้วยเสียงสั่นๆ เล็กน้อย‘‘มะ..มิเห็น’’

‘‘ก็อย่างที่ท่านคิดนั้นแล ข้านี้แหละผู้ที่สังหารสัตว์วิญญาณสองตนนั้น’’ลี่หยางเอ่ยขึ้นเมื่อได้รับคำตอบที่คำตอบที่ตนต้องการ  ลู่อี้เจ๋อนั้นมิอยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยินก็ได้แต่นั่งนิ่งจ้องมองเด็กน้อยตรงหน้าตาไม่กะพริบพร้อมกับขบคิดกับตนเองว่าหากเด็กน้อยตรงหน้าคือผู้ที่สังหารสัตว์ทั้งสองจริงเด็กคนนี้จักต้องแข็งแกร่งเพียงใดกัน?  ลี่หยางที่เห็นชายชราตรงหน้าเอาแต่จ้องตนมิพูดมิจาอันใดก็เอ่ยถ้ามคำถามนั้นที่ตนยังมิได้คำตอบขึ้นมาอีกครั้ง

‘‘นี้ แล้วคำตอบของคำถามข้าเล่าท่านยังมิได้ตอบคำถามข้าเลยนะ’’ลี่หยางที่เห็นชายชราตรงหน้าเอาแต่จ้องตนมิพูดมิจาอันใดก็เอ่ยทวงคำถามนั้นของตนที่ยังมิได้คำตอบขึ้นมาอีกครั้งท่านเมินคำถามข้ามาสองรอบแล้วนะตาแก่!!!  ลี่หยางได้แต่คิดในใจเพราะชายชราตรงหน้าเมินคำถามตนมาสองรอบแล้วจริงๆ

‘‘ทะ..โทษทีข้าตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้านิดหน่อยนะ’’ลู่อี้เจ๋าเมื่อตั้งสติได้จึงเอ่ยขอโทษกับเด็กน้อยตรงหน้าว่าตนนั้นเพียงแค่ตกใจนิดหน่อย  ผิดกับลี่หยางและเสี่ยวซินที่ได้ยินคำขอโทษนั้นก็คิดขึ้นพร้อมกันว่า [ข้า/ระบบ ว่าไม่น่านิดนะ]

‘‘ส่วนคำถามที่เจ้าถามข้าว่าควรทำอย่างไร...ในเมื่อเจ้าเป็นผู้สังหารเจ้าก็ควรจักนำมันกลับไปให้ครอบครัวเจ้าจะมิดีกว่าฤา  ฤาไม่เจ้าก็นำมันไปขายให้แก่สำนักโอสถเสียดีกว่า พวกเขาจักให้ในราคาที่สูงแน่นอน’’ลู่อี้เจ๋อเอ่ยตอบคำถามของเด็กน้อยตรงหน้าและเสนอให้เด็กน้อยนำสัตว์วิญญาณทั้งสองไปขายที่สำนักโอสถเพราะที่นั่นให้ราคาที่เยอะและเหมาะสมไม่เคยโกงราคาคู่ค้าเลยสักครา

‘‘...อืม…เช่นนั้นท่านนำมันไปขายให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?’’เสียงระฆังแก้วหวานใสเอ่ยถามชายชราตรงหน้าพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย

‘‘หืม เหตุใดเจ้ามินำไปขายเองเล่า?’’สุ่รเสียงทุ้มติดแหบๆ เอ่ยถามด้วยความฉงนว่าเหตุในเด็กน้อยตรงหน้าที่ตนไม่สามารถตรวจสอบปราณได้จึงจักให้ตนไปแทน เหตุที่ลู่อี้เจ๋อไม่สามารถตรวจสอบปราณของลี่หยางได้เป็นเพราะกำไลหยกที่ลี่หยางใส่นั้นคือกำไลปกปิดพลังปราณขั้นระดับอาวุธวิญญาณที่หาได้ยากและมีน้อยชิ้นบนโลกนี้  ลี่หยางได้มันมาตอนไปสำรวจป่าทมิฬที่ขึ้นชื่อว่าเป็นป่าที่อันตรายที่สุดแห่งนี้

‘‘ก็เพราะว่า ข้าพึ่ง 7 หนาวแล้วผู้ใดจักไปเชื่อว่าข้าคือผู้สังหารมันเล่า ยิ่งเป็นสัตว์วิญญาณระดับราชาสองตนยิ่งแล้วใหญ่’’ลี่หยางเอ่ยตอบตามความจริงหากให้ตนเอาไปขายผู้ใดมันจะไปบ้าเชื่อว่าเขาเป็นผู้สังหารสัตว์วิญญาณระดับสูงสองตัวที่จำเป็นต้องใช้ผู้ฝึกตนระดับราชาถึงสองคนในการสังหารหากนำไปขายเองคงมิพ้นได้โต้เถียงกับคนในสำนักโอสถเป็นแน่   แต่ลี่หยางคงจักลืมความจริงไปแล้วว่าเด็กที่ไหนมันจะเข้ามาอยู่กลางป่าทมิฬที่แสนอันตรายแบบนี้กันถ้าหากมิเก่งจริงแถมยังแต่งตัวด้วยชุดสบายๆ แบบนี้อีก

ลู่อี้เจ๋อที่ได้ยินดังนั้นก็คิดตามคำพูดของเด็กน้อย ในตอนนั้นเองอยู่ๆชายชราก็กระตุกยิ้มขึ้นมาแล้วเอ่ยถามกับเด็กน้อยตรงหน้าที่ตนคาดว่าเมื่อโตขึ้นจักต้องงดงามมากเป็นแน่ แม้ตอนนี้บนใบหน้าของเด็กน้องจะมีผ้าปิดหน้าสีฟ้าใสปกปิดใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้แต่ตนคาดว่าใบหน้าหลังผ้านั้นต้องน่ารักมากเป็นแน่ แต่คำถามที่เอ่ยออกมานั้นกลับทำให้คิ้วเรียวสวยของเด็กน้อยขมวดแทบจะผูกกันแทบเป็นปมเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายชราเอ่ยออกมา

‘‘ข้าสามารถนำไปขายให้ได้แต่เจ้าต้องยอมมาเป็นนายน้อยให้แก่ข้า’’

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!