ทิวคนเดิม

ทิวคนเดิม

บทที่1 อารัมภบท

บรรยากาศภายในงานวัดบ้านหนองพวยที่หน้าทางเข้าของตัววัดนั้นจะมีแสงไฟที่ตั้งเรียงรายกันเป็นแถวทางเดินซึ่งก็จะมีผู้คนนั้นที่เดินผ่านกันไปมา

บ้างก็เดินดูนั้นดูนี่ บ้างก็พากันไปสอยดาว หรือไม่ก็พากันไปเล่นที่ซุ่มยิงปืนบ้างก็มี

แต่ที่ผู้คนไปมากสุดนั้นก็คงไม่พ้นหมอลำ เพราะที่งานวัดนี้นอกจากจะมีอย่างอื่นที่ให้สนุกแล้วก็ยังมีหมอลำที่มาจัดการแสดงอีกด้วย

“ป่ะ ต้นหอมเดี๋ยวที่มันสิเบิดก่อน" (ป่ะ ต้นหอมเดี๋ยวที่มันจะหมดก่อน)

มะปรางชายหนุ่มร่างเล็กที่เรียกเพื่อนของตนที่กำลังยืนซื้อน้ำอยู่นั้นให้ไปดูหมอลำที่กำลังจะเริ่มแสดง เพราะเขานั้นต้องรีบไปจองที่หน้าเวทีเพื่อเป็นพื้นที่ในการเต้นหมอลำ

“เออๆ นี่จ้ะตังค์ไว้วันหลังฉันจะมาคุยด้วยใหม่นะจ้ะ"

ต้นหอมชายร่างเล็กอีกคนที่กำลังยืนคุยกับพ่อค้าหน้าหล่ออยู่นั้น เขาก็ต้องหยุดคุยกับคนหน้าหล่อเพราะมะปรางเพื่อนเขานั้นมาดึงแขนเขาไม่หยุด

ต้นหอมจึงหันไปตอบผู้เป็นเพื่อนแบบส่งๆ ก่อนจะหันมาลากับคนหน้าหล่อตรงหน้าพร้อมยื่นธนบัตรสีน้ำเงินให้กับพ่อค้าหน้าหล่อคนนั้นไป

“ไม่ต้องทอนจ้ะอ้ายคนหล่อ ฉันให้" (ไม่ต้องทอนจะพี่ชายฉันให้)

เมื่อคนร่างเล็กที่เห็นคนหน้าหล่อนั้นกำลังล้วงกระเป๋าผ้าหยิบเงินทอนให้ตนเขาก็หยุดไว้ก่อนพร้อมกับบอกให้คนหน้าหล่อนั้นไม่ต้องทอนเงินเพราะถือว่าเป็นทิพ

“ขอบใจเด้อหล่าคนงาม”(ขอบใจเด้อน้องคนงาม)

พ่อค้าหน้าหล่อคนนั้นก็ตอบขอบใจกับคนร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้า

เพราะที่จริงแล้วน้ำที่คนตัวเล็กนั้นซื้อเป็นเพียงแค่น้ำอัดลมราคาแค่สิบบาทเท่านั้น

“ไปเร็วต้นหอมมันสิบ่ทัน”(ไปเร็วต้นหอมมันจะไม่ทัน)

มะปรางที่ก็ยืนดูคนทั้งสองนั้นสวีตกันไปมา เพราะเขานั้นเห็นเพื่อนของเขายืนตัวบิดเชียวล่ะ

แหวะสิอ้วกกกกก!

“ไปก่อนเด้อจ้ะอ้าย อีนี่มันสิตายแล่ว"(ไปก่อนนะจ้ะพี่ชาย เพื่อนมันจะตายแล้ว)

ต้นหอมพูดพร้อมกับชี้มือไปทางเพื่อนของตน

พ่อค้าหน้าหล่อนั้นก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร เขาได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ให้กับคนตัวเล็กไปก็เท่านั้น

ก็มีแต่มะปรางนี่แหละที่ยืนเท้าสะเอวยืนมองพวกเขาอยู่ด้วยแววตาที่กรอกไปมาด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์

“ไปได้ยัง อี!ต้นหอม"

มะปรางเกินจะทนกับเพื่อนมากพอแล้วเขาจึงเรียกชื่อเพื่อนของตนโดยการขึ้นต้นว่า อี! เพราะมันนั้นจะทำให้ต้นหอมนั้นหันมาสนใจเขาได้บ้าง

“เออ ฮู้แล่วไปๆ”(เออ รู้แล้วไปๆ)

ต้นหอมที่ก็เดินนำหน้าเพื่อนของตนไปก่อนเพราะเขานั้นก็อยากไปดูหมอลำเหมือนกัน ตนจึงเดินนำหน้ามะปรางไปโดยที่ไม่ได้รอผู้เป็นเพื่อนเลยสักนิด

“เอ้าอีนี่คือจังบ่รอกู" เอ้าอีนี่ ทำไมไม่รอกูก่อน)

ไม่พูดปล่าวมะปรางก็รีบสาวเท้าเดินตามผู้เป็นเพื่อนไปทันที

.

.

ผ่านไปนาทีเศษๆ ต้นหอมและมะปรางที่ก็เดินมาจนถึงหน้าหมอลำที่ตั้งอยู่ตรงกลางทุ่งนาเพราะที่วัดนั้นพื้นที่ในการตั้งเวทีไม่พอหลวงพ่อจึงขอพื้นที่ของชาวบ้านนั้นในการตั้งเวที

ด้วยสาเหตุที่พื้นที่ของวัดนั้นไม่พอเพราะว่าขนาดเวทีนั้นกว้างมากๆ แถมมีหลายวงที่เข้ามาเล่นที่นี่อีกเลยทำให้เวทีนั้นมีขนาดที่ใหญ่กว่าเวทีปกติทั่วไป

แถมตรงหน้าเวทีนั้นก็มีผู้คนนับร้อยที่มายืนออกันเต็มไปหมด

อ้าวววว ขอเสียงพ่อแม่พี่น้องหน่อยเร็วววว มาม่วน กันน้อออออ ป๊ายยยยยโย่ววว!

“ป๊าดดดด นักร้องคือม่วนแท้ว่ะ" (โอโห้ นักร้องทำไม ดูสนุกจัง)

“ไปมะปรางเต้นนำกัน"(ไปมะปรางไปเต้นด้วยกัน)

ต้นหอมกับมะปรางไม่รอช้าทั้งสองนั้นรีบวิ่งฝ่าผู้คนนั้นเข้าไปด้านหน้าเวทีทันทีพร้อมกับโชว์สกิวลีลาท่าทางของทั้งคู่นั้นออกมาจนทำให้คนแถวนั้นมีหันมามองพวกเขาบ้างแหละ

แต่ทั้งสองคนหาได้สนใจไม่เพราะพวกเขานั้นกำลังสนุกกับการโชว์ลีลาการเต้นที่เด็ดนั้นอยู่ ไม่มีเวลามาสนใจคนรอบข้างหรอกนะ

“ม่วนแท้ว่ะ มะปราง" (สนุกจังว่ะ มะปราง)

ต้นหอมที่ก็โชว์ลีลาท่าทางที่แซ่บออกมาพร้อมกับหันไปพูดกับผู้เป็นเพื่อนที่อยู่ข้างๆ

พวกเขานั้นพากันเต้นไม่หยุดไม่หย่อนจนเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ทั้งสองคนนั้นก็ยังคงเต้นอยู่ แต่เมื่อต้นหอมนั้นที่โชว์ลีลาเด็ดอีกท่าออกมา คือการเต้นถอยหลังมันก็ทำให้เท้าน้อยๆ ของต้นหอมนั้นไปเหยียบอะไรก็ไม่รู้เข้าเต็มๆ

“โอ้ยยย คือเต้นดีๆ บ่เป็นเบาะ คือจังมาเหยียบตีนกู!!" (โอ้ยยย เต้นดีๆ ไม่เป็นเหรอทำไมมาเหยียบตีนกู)

สิ้นเสียงของชายหนุ่มร่างสูงนั้นก็ทำให้ใบหน้าเล็กๆ ของต้นหอมนั้นหันไปมองทันที

เมื่อมองดู ดีๆ แล้วก็ทำให้รู้ว่าชายหนุ่มร่างสูงที่เขานั้นเผลอเข้าไปเหยียบเท้านั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือทิวเด็กเเว้นประจำหมู่บ้าน ที่ชอบแต่งท่อรถดังๆ แล้วขับไปทั่วทั้งหมู่บ้านนั้นแหละ

ซึ่งต้นหอมนั้นก็ไม่ชอบขี้หน้าทิวอยู่ก่อนแล้วเพราะทิวนั้นชอบมาบิดรถหน้าบ้านเขาเป็นประจำเวลาที่ทิวนั้นแต่งท่อรถมาใหม่ๆ เหมือนมาอวดเขายังไงก็อย่างงั้น

นี่ถ้าก่อนหน้านี้รู้ว่าเป็นทิวเขาน่าจะเหยียบให้มันแรงกว่านี้หมั่นไส้หน้ามันมานานล่ะ!

“ว่าจั่งได๋อีเตี้ย เหยียบตีนผู้อื่นคือจังบ่ขอโทษห้ะ”(ว่ายังไงอีเตี้ย เหยียบตีนคนอื่นทำไมไม่ขอโทษห้ะ)

ทิวพูดพร้อมกับยืนเท้าสะเอวมองคนตัวเล็กที่ยืนมองเขาอยู่เช่นกัน ทั้งสองต่างมองกันไปมองกันมาจนทิวนั้นเริ่มพูดก่อนแต่ประโยคที่ทิวพูดนั้นมันก็ทำให้ต้นหอมนั้นต้องสวนกลับทันที

“เอ้าบักทิว แม่มึงสูงคือจังเสาไฟฟ้าติ”(เอ้า ไอ้ทิวแม่มึงสูงเท่าเสาไฟฟ้าเหรอ)

“เอ้าอีต้นบ่หอม คือจังมาว่าแม่กู"(เอ้าอีต้นไม่หอม ทำไมถึงมาว่าแม่กู)

“ทีมึงยังมาหาว่ากูเตี้ยได้เลย"(ทีมึงยังมาหาว่ากูเตี้ยได้เลย)

“ก็มึงมันเตี้ยอีหลี กูเว้าผิดหม่องได๋”(ก็มึงมันเตี้ยจริงๆ กูพูดผิดตรงไหน)

“บักทิว" ต้นหอมยกมือขึ้นเตรียมที่จะตีคนร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“เอ้า อีต้นบ่หอม สิตีกูติมันบ่ง่ายดอกโว้ยยย" (เอ้า อีต้นไม่หอม จะตีกูเหรอมันไม่ง่ายหรอกโว้ยยย)

ทิวพูดพร้อมกับหลบฝามือเล็กๆ ของต้นหอมที่กำลังใช่มือนั้นพยายามที่จะตีเขา

“แน่จริงก็อย่าลบดิว่ะ บักทิว"(แน่จริงก็อย่าลบดิว่ะ ไอ้ทิว)

ในระหว่างที่คนร่างสูงกับคนตัวเล็กนั้นกำลังทะเลาะกันไปมา ก็มีสายตานับร้อยจากผู้คนแถวนั้นที่จับจ้องมองมาที่พวกเขาเป็นตาเดียว

รวมถึงมะปรางเองที่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าไปห้ามเพื่อนของตนยังไง เพราะถ้าเกิดเขาเข้าไปห้ามล่ะก็มีหวัง อีต้นหอม! มันได้วีนใส่เขาแน่ๆ

ซึ่งคนแถวนั้นก็ไม่กล้าเข้าไปห้ามเหมือนกันเพราะใครๆ ก็ต่างรู้กันว่า ไอ้ทิวนั้นหาใช่คนธรรมดาซะที่ไหน

แต่เป็นถึงหัวหน้าแก๊งเด็กแว้นที่ชอบมีเรื่องไปทั่วไม่เว้นแต่กับ หมา!ที่แค่ตัดหน้ารถแค่นิดเดียวด่าหมาแทบเป็นแทบตาย

ดีแค่ไหนแล้วที่มันไม่จอดรถแล้วลงไปตีไม่งั้นหมาทุกตัวในหมู่บ้านนี้มีหวังได้สูญพันธุ์หมดแน่ๆ

แต่ในความชั่วของทิวนั้นยังมีความดีอยู่บ้างเพราะมันนั้นชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่ตลอดถึงแม้ว่าในความดีนั้นจะอยู่ภายใต้ใบหน้าที่กวนบาทา!ที่ใครเห็นนั้นก็อยากเอาเท้าของตัวเองไปถีบหน้ามันสักทีสองที

เพราะดูมันทำหน้าแต่ละทีสิเหมือนคนอั้นขี้มาเป็นปีๆอย่างนั้นแหละ

“แน่จริงตีให่ถืกติหล่ะ อีต้นบ่หอม"(แน่จริงก็ตีให้ถูกสิ อีต้นไม่หอม)

“มึงกล้าว่ากูบ่หอมติ บักทิว"(มึงกล้าว่ากูไม่หอมเหรอ ไอ้ทิว)

“ก็มึงมันบ่หอมอีหลี วื้ยยย เหม็นคือจังซากหมาตาย เหม็นคัก"(ก็มึงมันไม่หอมจริงๆ วื้ยยย เหม็นเหมือนซากหมาตาย เหม็นมาก)

ทิวพูดพร้อมกับเอามือของตนนั้นขึ้นมาปิดจมูก แล้วทำท่าทางที่แสดงอาการเหม็นคนตัวเล็ก

“บักทิว"

หน้าเวทีหมอลำตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงเอะอะโวยวายของคนทั้งสองนั้นที่ไล่ตีกันอยู่โดยที่ทิวนั้นพยายามลบไปมาจากฝามือน้อยๆ ของต้นหอมที่พยายามจะตีทิว

โดยที่คนแถวนั้นก็ต่างเลิกสนใจหมอลำแล้วหันมาสนใจที่ทั้งสองคนแทน แต่ก็ไม่มีใครที่กล้าจะเข้าไปห้ามเลยสักคน

“เซาๆ มันเกิดอิหยังขึ้น"(หยุดๆมันเกิดอะไรขึ้น)

แต่ในระหว่างที่ผู้คนกำลังยืนมองเหตุการณ์อยู่นั้นจู่ๆ ก็มีเสียงเข้มของชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่เดินฝ่าผู้คนนั้น มุ่งตรงเข้ามาทางที่ต้นหอมและทิวนั้นยืนอยู่

“อะ อ้ายต้นสน”

เมื่อต้นหอมเห็นแล้วว่าเจ้าของเสียงเข็มนั้นคือใครเขาก็เรียกชื่อของเจ้าของเสียงนั้นทันที

เพราะคนที่เขาเรียกชื่อนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือ ต้นสน พี่ชายแท้ๆ ของต้นหอม ที่มีศักดิ์เป็นถึงข้าราชการตำรวจที่มาทำการอยู่ที่สถาณีตำรวจบ้านหนองพวยนี้เอง

“หมู่สูเฮ้ดหยังกัน!! บ่เบิ่งบ่ว่าชาวบ้านนั้นเขาเดือดร้อนสำได๋ห้ะ กลับไปอ้ายสิไปบอกแม่ให้เลานั้นลงโทษหล่า ส่วนมึงบักทิวหลายเทื่อล่ะเด้อ อยากสิไปนอนโรงพักอีกจักเทื่อบ่ล่ะ"

(พวกเองทำไรกัน ไม่ดูเหรอว่าชาวบ้านเขาเดือดร้อนแค่ไหนห้ะ กลับไปพี่จะไปบอกแม่ให้แกนั้นลงโทษน้อง ส่วนมึงไอ้ทิวหลายครั้งแล้วนะ อยากจะไปนอนโรงพักอีกสักครั้งมั้ยล่ะ)

ต้นสนนั้นดุกับคนทั้งสองไปชุดใหญ่เพราะนี่เป็นงานวัดแท้ๆ แต่ทั้งสองคนนั้นกลับมาทะเลาะกันให้คนอื่นเขาเห็น

ไม่รู้จักโตจริงๆ!!

โดยที่ต้นสนนั้นที่ก็ดุกับน้องชายตัวเองพร้อมทั้งยังหันไปจ้องทิวด้วยสายตาที่เรียบนิ่งกอดจะพูดกับทิวออกไป

เพราะต้นสนนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่รู้จักทิวแต่อย่างใดแต่เขานั้นเห็นบ่อยจนชินแล้วเพราะทิวนั้นเข้าออกโรงพักเป็นว่าเล่น

ด้วยสาเหตุที่เข้าออกโรงพักเป็นว่าเล่นนั้นก็หนีไม่พ้นกับคำว่า แต่งท่อดัง! เพราะท่อนั้นมันดังมากจนทำให้ตำรวจที่ลาดตะเวนยามดึกนั้นถึงกับต้องเอามือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างไว้ทันทีเมื่อรถของทิวนั้นขับเข้ามาใกล้ๆ

แต่ถึงอย่างนั้นทิวก็หนีไม่พ้นอยู่ดีเพราะโดนต้นสนนั้นจับได้ตลอด

“สรุปเป็นหยังคือจังมาเอะอะโวยวายหน้าหมอลำ”(สรุปเป็นอะไรทำไมถึงมาเอะอะโวยวายอยู่หน้าหมอลำ)

ต้นสนถามกับทั้งสองคนที่ตอนนี้กำลังยืนตัวตรง อยู่ตรงหน้าของเขา

“อ้ายสนก็ น้องชายเจ้ามาเหยียบเท้าข่อยแล่วบ่ขอโทษ"(พี่สนก็น้องชายพี่มาเหยียบเท้าผมแล้วไม่ขอโทษ)

ทิวจึงรีบเปิดประเด็นฟ้องพี่ชายของต้นหอมทันที เมื่อพี่ชายต้นหอมนั้นพูดจบ

“บักทิว ก็มึงนั้นแหละมาหาว่ากูเตี้ย"(ไอ้ทิวก็มึงนั้นแหละมาหาว่ากูเตี้ย)

“ก็มึงมันเตี้ยอีหลี สูงยังบ่ฮอดไหล่กูเลย เตี้ยคักๆ”(ก็มึงมันเตี้ยจริงๆ สูงยังไม่ถึงไหล่กูเลยเตี้ย มากๆ)

สูงยังไม่ถึงไหล่ที่ว่านั้นก็คือต้นห้อมนั้นสูงแค่168เซนติเมตรเท่านั้นเพราะเขาได้ความสูงมาจากผู้เป็นแม่มาเต็มๆ เลยทำให้เขานั้นตัวเล็กอย่างที่เห็น

ส่วนทิวนะเหรอสูง196เซนติเมตรไม่รู้จะสูงอะไรกันหนักกันหนาสูงจนจะเป็นเสาไฟฟ้าได้แล้วมั้ง

“บักทิว" ต้นหอมนั้นเตรียมที่จะใช่มือน้อยๆ ของตนนั้นตั้งท่าที่จะตีทิวอีกครั้งแต่ก็โดนพี่ชายขัดซะก่อน

“เซาๆ ต้นหอมอ้ายบอกให้เซา"(หยุดๆ ต้นหอมพี่บอกให้หยุด)

“อ้ายแต่มันมาว่าหล่าก่อนเด้ หล่าบ่ยอมเด้อ"(พี่แต่มันมาว่าน้องก่อน น้องไม่ยอมนะ)

“บ่จริงเด้ออ้าย น้องชายเจ้านั่นแหละที่มาเหยียบเท้าข่อยก่อน เจ็บคักๆ เจ็บอีหลีโอ้ยย"

(ไม่จริงนะพี่ น้องชายพี่นั่นแหละมาเหยียบเท้าผผมก่อน เจ็บมากๆ เจ็บจริงๆ โอ้ยย)

ทิวที่บอกกับต้นสนไปพร้อมกับทำท่าเจ็บที่เท้าขึ้นมาทันที

“บักทิวอย่ามาตอแหล"(ไอ้ทิวอย่ามาตอแหล)

“โอ้ยอ้ายเจ็บอีหลีเด้นิ"(โอ้ยพี่เจ็บจริงๆนะเนี่ย)

“อยากเจ็บมากแมนบ่ได้ เดี๋ยวกูสิทำให้มึงเจ็บจนเดินบ่ได้เลย" อยากเจ็บมากใช่มั้ยได้เดี๋ยวกูจะทำให้มึงเจ็บจนเดินไม่ได้เลย)

ต้นหอมไม่พูดเปล่าเขาเดินไปหยิบท่อนไม้ขนาดใหญ่เท่าแขนที่ถูกวางไว้ข้างๆ เวทีที่ใครก็ไม่รู้เป็นคนเอามาวาง

แต่ก็ดีต้นหอมจะได้ใช่ท่อนไม้นี้นั้นแหละตีคนร่างสูง ในเมื่อคนร่างสูงนั้นอยากเจ็บมากนัก เดี๋ยวต้นหอมคนนี้จะทำให้เจ็บจนเดินไม่ได้เลยคอยดู

“อ้ากกก อีต้นบ่หอมมึงสิเอาท่อนไม้มาเฮ้ดหยัง"(อ้ากกก อีต้นไม่หอมมึงจะเอาท่อนไม้มาทำไร)

เมื่อร่างสูงของทิวที่เห็นว่าคนตัวเล็กถือท่อนไม้ขนาดใหญ่เท่าแขนนั้นเดินมุ่งตรงมาทางตนเขาก็ร้อง อ้ากก! ขึ้นมาทันทีเพราะทิวนั้นรู้ถึงชตากรรมตัวเองเลยว่าเขานั้นต้องโดนกับอะไร

“บักทิวมึงตายยยย"

ต้นหอมนั้นเตรียมที่จะยกท่อนไม้นั้นขึ้นมาตีคนร่างสูง

แต่ทว่ายังไม่ทันที่ต้นหอมนั้นจะลงมือ จู่ๆ ก็มีมือหนาของต้นสนนั้นก็ได้มาจับท่อนไม้นั้นไว้พร้อมกับดึงมันออกจากมือของคนตัวเล็ก

“เซาๆ! บ่ฮู้จักอายคนเลยเนอะหมู่สูนิ"(หยุดๆ! ไม่รู้จักอายคนเลยเนอะพวกเอ็ง)

ต้นสนนั้นใช่น้ำเสียงเข้มตะหวาดกับคนทั้งสองเพราะเขานั้นรู้สึกเหลืออดมากพอแล้วที่ต้องมาเห็นน้องชายตัวเองนั้นไปทะเลาะกับเด็กแว้นที่เข้าคุกเข้าตารางบ่อยๆ

ถึงจริงๆ แล้วทิวนั้นก็ไม่ได้ถึงกับเขาคุกเลยทีเดียวแค่เจ้าตัวนั้นเข้าออกโรงพักบ่อยเฉยๆ

โรงพักคือบ้านหลังที่สองฮู้จักบ่!

“ต้นหอมกลับบ้านนำอ้าย! มื้อนี่หล่ามีความผิดเต็มๆ หล่าเเอบหนีมาเที่ยวแมนบ่ นี่ถ้าอ้ายบ่มาพ้อหม่องนี่ อ้ายก็บ่ฮู้เด้ว่าหล่าหนีแม่มา บ่ฮู้บ่ว่าแม่เลาโทรหาเป็นห่วงคือจังบ่รับสายเลา"

(ต้นหอมกลับบ้านกับพี่! วันนี้น้องมีความผิดเต็มๆ น้องแอบหนีมาเที่ยวใช่มั้ยนี่ถ้าพี่ไม่มาเจอตรงนี้ พี่ก็ไม่รู้ว่าน้องหนีแม่มา ไม่รู้เหรอว่าแม่แกโทรหาเป็นห่วงทำไมไม่รับสายแก)

"...."

   

#ทิว

เอ้า เอ้าาาาาาา

 อ่านหน่อยเถอะ นะคะไหว้ล่ะ😿🙏

ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราแต่งขึ้นมาหากเขียนผิดพลาดหรือไม่ถูกต้องยังไงต้องขอโทษด้วยนะคะ

ถ้าไม่สนุกหรือไม่ตลกยังไงก็กดผ่านได้นะคะ 

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 1

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!