มินรภัทรถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล เมื่อเจอเตียงนุ่มๆ อาการอ่อนล้าเข้าครอบงำจนเขาผลอยหลับไป จากคำให้การของคณะหมอพยาบาล คนตัวเล็กไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง มินรภัทรแค่เครียดบวกกับพักผ่อนไม่เพียงพอ กระดูกและอวัยวะภายในปลอดภัย มีเพียงแค่รอยฟกช้ำตามร่างกายเท่านั้น หากฟื้นขึ้นมารับยาแล้วก็สามารถกลับบ้านได้
แต่ถ้าว่าตามที่หมอพูด ดูเหมือนเจ้าตัวจะเป็นโรคขาดสารอาหารร่วมด้วย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลย เขาผอมตั้งขนาดนั้น
เวลาผ่านไปชั่วโมงครึ่ง แพขนตาหนาเริ่มกระดุกกระดิก ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆ แขนทั้งสองค่อยๆยันตัวเองเพื่อลุกขึ้นนั่ง มินรภัทรรู้สึกร้าวไปทั่วทั้งร่าง เขากวาดสายตาไปทั่วห้อง พบว่ามีใครบางคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายใจที่โซฟา
"คุณ.."
เพียงคำพูดสั้นๆที่หลุดจากปาก หัสดินเงยหน้าขึ้นและพับปิดหนังสือพิมพ์ มินรภัทรสะดุ้งตัวโยนเมื่อเขาสืบเท้าเข้ามาใกล้ ร่างบางถอยกรูดจนติดกำแพงอีกด้าน เขาไม่กล้าสบตากับหัสดินด้วยซ้ำ
" อย่า.. อย่านะ! "
เด็กน้อยร้องเสียงหลงเมื่อถูกรั้งตัวเข้าหา หัสดินล็อคต้นแขนของคนตัวเล็กไว้แน่น มินรภัทรกลัวจนตัวสั่น แต่เขาก็พยายามเก็บกลั้นเอาไว้ เขาช่างไม่รู้อะไรเลยว่าความกลัวของเขามันส่อออกมาทางแววตาหมดแล้ว
" เงยหน้า แล้วมองฉัน"
" ..ปล่อยผมนะ"
" ฉันบอกให้เงยหน้าขึ้น แล้วมองฉัน "
หัสดินพูดเสียงเย็น มินรภัทรจึงจำใจช้อนสายตาขึ้น แต่ลมหายใจต้องสะดุด เมื่อทั้งคู่สบตากัน ดวงตากลมโตหวาดสั่น ล่อกแล่กไปมา คนตัวเล็กยอมอยู่เฉยๆและทำตามที่เขาสั่ง มันทำให้คนตัวโตพอใจ หัสดินจึงปล่อยน้องให้เป็นอิสระ
" ดี ตอนคุยกัน หรือคุยกับใครก็ตาม ต้องสบตาผู้พูด เข้าใจมั้ย ? "
มินรภัทรไม่ได้ตอบ เพียงแต่พยักหน้าเบาๆ
" คุณหัสดิน.."
เด็กน้อยพูดขึ้นเบาๆ เขารวบรวมความกล้าและจ้องเข้าไปในดวงตาของคนพี่ที่รอฟัง
" จะให้ผมได้กลับบ้านมั้ยครับ"
ดวงตาของมินรภัทรเศร้าสร้อย และเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ หัสดินที่ได้ยินเขารู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันใด
"โดนซ้อมจนจะตายอยู่แล้ว จะกลับตายคามือเกริกชัยมันรึไง? "
" ผมจะโดนอะไร..อย่างน้อยมันก็เจ็บที่ตัวผม"
" ปากดีนักนะ"
หมือหนาหยาบกร้านฉวยรั้งที่สันกรามของคนตัวเล็ก คนน้องสะดุ้งเฮือกและร้องโอดโอยเมื่อเขาออกแรงบีบ พวงแก้มนุ่มนิ่มถูกนิ้วโป้งหน้าไล้ลูบไปมา
" เลิกโง่ได้แล้ว ครอบครัวแบบนั้น ตัดๆไปซะเถอะ"
"..ฮึก ผมไม่มีอะไรที่คุณต้องการหรอก ปล่อยผมไปเถอะ"
มินรภัทรเลี่ยงที่จะฟังคำของหัสดิน เขาเลือกที่จะอ้อนวอน แม้รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ได้ผล
"แน่ใจหรอ ? "
น้ำเสียงของมินรภัทรสั่นเครือ ดวงตาสุกใสเริ่มแดงช้ำ คลอด้วยม่านน้ำตาบางๆ หากโดนดุเข้าสักหน่อย มันคงหยดใหลลงมาอาบแก้มเป็นแน่ หัสดินยกยิ้ม เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้คนตัวเล็ก มินรภัทรหลับตาหยี๋และเบี่ยงตัวหลบ
"อย่าคิดเองเออเองสิ รู้ได้ยังไงว่าเธอไม่มีสิ่งที่ฉันต้องการ "
"..."
หัสดินทาบแขนทั้งสองข้างลงกับฟูกเตียง ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้กันมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ เด็กน้อยพยายามดันออกแต่สู้แรงไม่ใหวเลยได้แต่เบี่ยงหน้าหลบ
ต้นคอระหงษ์และผิวนวลเนียนดุจน้ำนมเผยให้เห็นเด่นชัด ลาดไหล่ของมินรภัทรเล็กบางน่าถนุถนอม ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่สวยงามยวนตา แต่สิ่งที่ทำให้หัสดินคลั่งได้นั่นคือกลิ่นหอมอ่อนๆจากเนื้อตัวขาวจัดนี่ต่างหาก
ระหว่างที่คนตัวเล็กสั่นกลัว หัสดินถอนหายใจหยิบเสื้อคลุมที่พาดไว้ขึ้นมาคลุมตัวน้องไว้ เนื่องจากชุดของโรงพยาบาลค่อนข้างบางและหลวมโครก มันไม่พอดีตัว หรือว่ามินรภัทรตัวเล็กมากกันแน่ และดูเหมือนจะเป็นอย่างหลัง
" อย่างที่ฉันพูด ไม่ได้ให้เธอมาอยู่ฟรีๆหรอก"
"..."
" ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันจะรอหน้าห้อง"
หัสดินพูดทิ้งท้ายก่อนที่หันหลังให้ มินรภัทรแม้จะไม่อยากไป แต่คนพี่น่ากลัวมากเวลาเสียงดัง แถมยังตัวใหญ่ เด็กน้อยจึงยอมเปิดกระเป๋าค้นเสื้อผ้าที่พอใส่ได้แบบไม่อุจาดตา
" คุณหัสดิน คุณค้นกระเป๋าผมหรอ "
มินรภัทรพูดขึ้นอย่างหัวเสีย เสื้อผ้าของเขาหายไปหมด ถึงจะมีไม่กี่ตัวก็เถอะ ทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว!
" ใช่ ส่วนเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยน ฉันแขวนไว้ที่ห้องอาบน้ำ "
ความจริงกระเป๋าของมินรภัทรถูกค้นอยู่ก่อนแล้ว ที่เขาคิดอาจเป็นเพราะคนของหัสดินพยายามหาเอกสารประจำตัวของน้องเพื่อส่งให้แพทย์ แต่หัสดินเห็นว่ากระเป๋ามันเปิดอยู่และเสื้อผ้าพวกนั้นมันเผยอออกมา เขารับไม่ได้และรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นชุดเก่าสีซีดๆพวกนั้น
" นั่นสำหรับฉันมันไม่ใช่เสื้อผ้า มันเป็นผ้าขี้ริ้ว "
" แต่มันเป็นของๆผมนะ คุณมีสิทธิอะไรมาทิ้งของคนอื่นตามใจชอบ"
ดวงตาของมินรภัทรแดงเรื่อ แต่เพราะพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้มันจึงไม่ใหลออกมา หัสดินยังไม่ทันได้ก้าวเท้าออกจากประตูและหันกลับมาพูดเสียงแข็งอีกครั้ง
" มีสิ ฉันมีสิทธิในตัวเธอทุกอย่าง "
ดวงตาสีดำทะมึนของเขาดูกดดันและน่าอึดอัด มินนภัทรน้ำตาใหลโดยไม่รู้ตัว เด็กน้อยหลบตา ไม่อยากจ้องมองเขาอีกแล้ว
" ฉันไม่ชอบให้ใครขัดคำสั่ง คำสั่งของฉันคือคำขาด!"
" ฮึก..ฮือ "
" ไปเปลี่ยนชุด ฉันให้เวลาเธอห้านาที"
หัสดินพูดเสียงเย็น แต่พอตั้งสติได้ว่าเผลอตะคอกใส่น้องไป คนพี่สูดหายใจเข้าเพื่อที่จะทำให้ตัวเองใจเย็นขึ้นพลางชี้นิ้วไปที่ห้องน้ำ เขาลากสายตามามองคนตัวเล็กอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกไป
...มินรภัทรช่างไม่รู้อะไรจริงๆ แบบนี้ไงเขาถึงปวดหัวกับพวกเด็กๆ...
หยดน้ำใสใหลออกมาจากดวงตาช้ำเรื่อ มินรภัทรสะอื้นแต่ก็พยายามไม่ให้มีเสียงเร็ดรอดให้ใครได้ยิน เขายันตัวลุกขึ้นและเปลี่ยนชุดตามที่หัสดินสั่ง
ไม่นานนักมินรภัทรออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าใหม่เอี่ยม สไตล์ที่เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ชอบใส่กัน แม้จะเป็นเสื้อคอกลมธรรมดาๆ แต่พอมินรภัทรได้ใส่อะไรที่มันสีสดใสก็ทำให้คนมองดูสดชื่นขึ้น
" คุณมินรภัทร กระเป๋านั่นให้ผมถือเถอะ"
ชายร่างใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นคนสนิทของหัสดิน ยื่นมือเข้ามารับกระเป๋าอย่างนอบน้อม มินรภัทรทำตัวไม่ถูก เพราะตนเป็นฝ่ายที่รับใช้คนอื่นมาตลอด
" ไม่เป็นไรครับ ผมถือเองได้"
มินรภัทรพูดจบประโยคไปได้แค่วินาทีเดียว หัสดินฉวยกระเป๋าจากมือเล็กๆ และโยนไปให้ลูกน้องอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยอึ้ง อ้าปากพะงาบๆ เขาอยากจะด่า แม้จะโกรธหัสดิน แต่มินรภัทรกลัวเขามากกว่า
หัสดินไม่พูดอะไร เขาฉวยมือของมินรภัทรและจูงออกมา เด็กน้อยกึ่งวิ่งกึ่งเดิน ขาของหัสดินยาว ยิ่งเขาก้าวฉับๆแบบนี้มินรภัทรแทบจะสะดุดหน้าทิ่มพื้น ถึงกระนั้นคนพี่ก็ไม่ได้ฉุดกระชากรุณแรง คงจะมีความใส่ใจอยู่บ้างเพราะร่างกายของคนตัวเล็กบอบช้ำอยู่
"ผมเดินเองได้ ดังนั้นปล่อยผมเถอะ"
มินรภัทรกิ่งวิ่งกึ่งเดินพยายามยื้อแขนของตนเองไปมา เขาไม่ชอบหัสดินเลยจริงๆ คนพี่เหลือบสายตามามองเล็กน้อย เห็นว่าน้องเหนือยหอบและหน้าแดงจัดเขาจึงยอมทำตามคำขอ ฝามือหนาปล่อยข้อมือเล็กบางให้เป็นอิสระ ด้วยดวงตาใสซื่อ หัสดินเชื่อหมดใจว่าน้องจะไม่ตุกติก แต่แล้วเขาก็คิดผิด
" **มินรภัทร**!! "
หัสดินหันหลังให้ไม่ถึงวินาที คนตัวเล็กวิ่งจ้ำสุดแรงเกิดหวังว่าจะหนีให้พ้น คนน้องวิ่งกลับเข้าไปในโรงพยาบาล ความจริงมินรภัทรจะวิ่งออกไปที่ถนนใหญ่แต่คงไม่รอดแน่ รถวิ่งกันชุกชุมแถมไฟยังเขียวอยู่ พวกการ์ดสังเกตุถึงความผิดปกติจึงวิ่งตามเขาเข้าไป
" **แสบนักนะ จับมาให้ได้**!"
^^^To be continued...^^^
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments