9 กุมพาพันธุ์ คริสต์ศักราช 2001
4 วันต่อมาหลังจากวันที่ผมเจอชั้นใต้ดินนั่น วันนี้คือวันที่ผมจะต้องกลับไปทำงานน่าเบื่อๆ ผมตื่นเช้าและอาบน้ำเตรียมตัวออกไปทำงานเหมือนที่ทำมาตลอด หลังจากผมอาบน้ำเสร็จและออกมาจากห้องน้ำ จู่ก็มีเสียงเหมือนกับมีอะไรหล่นจากที่สูง ผมคิดว่าเป็นโจรที่เข้ามาขโมยของ ผมเดินไปหยิบปืนในตู้เสื้อผ้าของผมในห้องนอน ผมเดินไปที่ห้องครัวด้วยความระมัดระวัง ผมเดินไปถึงห้องครัวและพบว่าสิ่งที่หล่นคือเครื่องนวดแป้ง ผมกวาดสายตาไปรอบๆและผมได้พบกับเจนแมวของผม ผมได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ผมกลับไปที่ห้องและเตรียมใส่ชุดเครื่องแบบเพื่อไปทำงาน หลังจากเตรียมตัวแล้วผมได้ออกรถในทันที แต่ในระหว่างทางนั้นเองผมได้พบกับคนสองคนที่กำลังตีกันอยู่ผมได้จอดรถใกล้ๆและลงไป " เฮ้!!! " ผมตะโกนเพื่อที่จะห้ามพวกเขา แต่ทันทีที่ผมได้สังเกตพวกเขาดูดีๆแล้ว ผมแทบจะกรี๊ดออกมาเหมือนผู้หญิง ผมพูดไม่ออกเลย... พวกเขาสองคนมีรูปร่างที่ผอมแห้งมีผิวที่ซีดเซียวเส้นเลือดดำโผล่ตามตัวเหมือนรากไม้เหมือนกับซอมบี้ในหนังเลยล่ะ จู่ๆพวกเขาสองค- ไม่สิ...พวกมันทั้งสองตัวหันมาหาผมอย่างช้าๆตอนที่พวกมันกำลังหันมามีเสียงกร๊อบแกร็บอยู่ตลอด ผมเรียกคืนสติและได้ยิงไปที่พวกมันตัวนึง แต่มันกลับไม่มีการกรีดร้องและอาการที่ดูเจ็บปวดแม้แต่น้อย ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกว่าไม่มีตอนไหนควรหนีเท่าตอนนี้อีกแล้ว แต่ทำใดนั้นมันก็คำรามด้วยเสียงที่ดูเดี๋ยวกราด เสียงนั้นมันทำเอาผมไม่สามารถขยับขาได้เนื้อตัวของผมชาไปหมด มันทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ๆผมเรื่อยๆ แต่ทันใดนั้นที่ผมกระพริบตาลงพวกมันสองตัวก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนไม่เคยมีพวกมันอยู่ตรงนี้ ผมรีบวิ่งออกจากตรงนั้นไปที่รถและออกรถในทันที
" นี่มันบ้าอะไรกันวะ!!? " ผมบ่นด้วยความกลัวและมึนงง "เชี่ยเอ้ยๆๆ " ผมเริ่มเสียสติในตอนนี้ผมเข้าใจอารมณ์ของตัวละครในหนังผีสยองขวัญแล้วล่ะ ผมพยายามเรียกคืนสติและเร่งเครื่องไปที่ทำงานในทันที หลังจากถึงที่ทำงานของผมที่นี่คือ สถานีตำรวจเมืองอีเทอร์สาขา 3 ผมได้เดินเข้าไปในที่ทำงาน
ในระหว่างที่ผมกำลังเข้าไปมีชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าทางเข้าเหมือนว่าเขากำลังรอใครซักคนหนึ่ง " ไงวิล " เขาทักทายผมพร้อมโบกมือ เขาคือเพื่อนร่วมงานของผมจิม วิลลี่ " ไงจิม " ผมทักทายเขากลับพร้อมโบกมือ จิมยื่นแก้วกาแฟร้อนๆให้ผม " ขอบคุณจิม " ผมขอบคุณและยิ้ม " คนทำงานแบบพวกเราต้องมีคาเฟอีนในร่างกายนะ " จิมกล่าวและหัวเราะผมหัวเราะตามและกอดคอเขาเข้าไปในที่ทำงานผมผ่านไปครึ่งวันผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยยสของผมในตอนนี้ที่ต่ำเอามากๆผมแทบจะไม่สามารถหาอะไรทำได้เลบคดีก็โดนคนอื่นแย่งไปหมด ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นผมเรียบรับมันโดยทันทีผมแทบจะเบื่อตายอยู่ในที่สุดก็มีงานมาให้ทำซักที " ฮัลโหลสถานีตำรวจเมืองอีเทอร์ครับ " ผมกล่าวผ่านโทรศัพท์ " ตำรวจใช่มั้ย " ปลายสายกล่าว " ครับมีอะไรให้ช่วยครับ " ผมกล่าว " ถนนฮาวี่เลข 34/123 ไม้สีขาว " ปลายสายบอกที่อยู่ของตัวเองและวางไป นี่มันแปลกมากโทรมาหาตำรวจแต่กลับไม่แจ้งรายละเอียดปกติแล้วเราจะไม่รับทำงานแบบนี้แต่ผมไม่สนอีกต่อไปแล้วในตอนนี้ผมเบื่อมากๆ ผมออกจากสถานีและขึ้นรถในทันที ผมขับออกจากสถานีและตรงไปยังถนนฮาวี่แถบชานเมือง ผมมาถึงถนนฮาวี่ผมพยายามหาบ้านไม้สีขาวจนพบลักษณะเป็นบ้านไม้สีขาวเล็กๆสองชั้น ผมจอดรถอยู่ที่หน้าบ้านหลังนั้น ผมได้ลงออกจากรถและเดินไปที่หน้าประตูบ้าน " นี่เจ้าหน้าที่เปิดประตูเดี้ยวนี้! " ผมตะโกนออกไปผมคิดว่าอาจจะมีโจรขึ้นบ้านทำให้ปลายสายไม่สามารถแจ้งรายะเอียดได้และที่ตะโกนออกไปก็เพื่อให้โจรตกใจแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับแต่มันก็ปกติอยู่แล้วสำหรับโจรที่จะเงียบ ผมลองบิดลูกบิดประตูดูและมันไม่ได้ล็อคผมเปิดประตูและเข้าไปในบ้านหลังนั้นและพบว่าบ้านหลังนี้ไม่มีอะไรเลยโซฟาโต๊ะเก้าอี้ทีวีไม่มีเลยว่างเปล่า ผมไม่คิดว่าไม่น่าจะมีคนอยู่ได้โดยไม่มีฟอนิเจอร์อะไรเลยนะ ถึงโจรจะขโมยไปแต่มันก็น่าจะไม่เร็วขนาดนี้ ผมได้ลองขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองและใช่ชั้นนี้ก็ว่างเปล่าโล่งยิ่งกว่าสมองของผมซะอีก จู่ๆผมก็ได้กลิ่นที่เหม็นมากๆกลิ่นนั้นดูเหมือนจะมาจากชั้นล่าง ผมเดินลงไปที่ชั้นแรกและหันซ้ายไป และสิ่งที่ผมเห็นก็คือศพนับสิบนอนเรียงรายกันที่นองไปด้วยทะเลเลือดและส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมแทบจะอ้วกออกมาเลยล่ะ ผมได้วิ่งออกมาจากบ้านหลังนั้นเพราะกลิ่นมันเหม็นจนแทบจะทำให้ผมหายใจไม่ออก " แค่ก!ๆ เหม็นชิปหาย " ผมกล่าว ผมได้หันกลับไปที่บ้านหลังนั้นแต่ทันทีที่ผมหันกลับไปบ้านหลังนั้นก็หายไปแล้วหายไปแบบหายไปเลยเหมือนกับมันไม่เคยอยู่ตรงนี้ ผมเดินถอยหลังไปเรื่อยและรีบหันหน้าวิ่งไปที่รถ " นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ยบ้านเดินได้หรอ! " ผมกล่าวในตอนนี้สติของผมไม่คงที่ ไมเกรนเริ่มแดกสมองของผมเหมือนกับว่าสมองซีกซ้ายของผมได้หายไปแล้ว ผมเปิดประตูรถและปิดเสียงดังปึงด้วยความรุนแรงและสตาร์ทรถในทันทีและหยีบจนคันเร่งจนมิด ระหว่างทางกลับผมมองไปรอบๆ และพบว่าหมู่บ้านทั้งหมดก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาได้กลายเป็นป่าทึบสีเขียวขจีทั้งรกและยุ่งเหยิง จู่ๆหมอกก็เริ่มลงหนาขึ้นทั้งที่นี่ก็แค่ช่วงบ่าย ผมได้เปิดไฟรถแต่ก็ไม่ได้ช่วยเลยแม้แต่น้อย " เชี่ยเอ้ยๆๆๆๆ " ผมกล่าวซ้ำไปซ้ำมาด้วยความกระวลกระวาย แต่ผ่านไปไม่นานหมอกก็เริ่มจางหายในตอนนั้นผมคิดว่าผมรอดแล้วแต่จู่ๆทันใดนั้นก็เหมือนมีชายแก่คนนึงมายืนขวางทางและพบว่าคนๆนั้นคือปู่ของผม ผมตกใจมากผมหยีบจนมิดและชนไปที่เขาอย่างจัง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments