ช่วงฤดูทำนาไปช่วงเก็บเกี่ยวประมาณเดือนกลางเดือนพฤศจิกายน
ซึ่งแดนได้ไปทำนากับครอบครัว(นานี้เป็นเช่า)
ช่วงทางที่ใช้สำหรับไปนา จะไปลงกลางสี่แยกหมู่บ้าน
ถนนที่ใช้ไปนาจะต่ำกว่าถนนหมู่บ้าน แล้วจะเป็นทางราดลงไปสามารถใช้ความเร็วได้โดยการปั่นจักรยานจะมีบางช่วงที่ถนนเป็นดินทราย
ระหว่างทางนั้นจะผ่านพื้นที่วัดเก่า มีต้นโพประมาณห้าต้น ขึ้นปกคลุมทางที่จะไปนาซึ่งตรงนั้นก็ตะเป็นดินทรายพอดี
เรื่องเล่าที่เคยได้ยินมาเกี่ยวกับวัด มีเณรได้ตกซ้วม
ตามเรื่องเล่าแต่ก่อนเป็นซ้วมหลุม มัไม้พาดสำหรับทำกิจธุระและได้มีเณรน้องผลัดตกลงไปตาย
วันนั้นพ่อของแดนได้เข้าบ้าน เพื่อที่จะจับไก่เข้ากระสอบข้าวไปปล่อยที่นา ได้เดินทางออกจากบ้านไปที่นาโดยผ่านทางเส้นนั้น
ปกติจะไม่ค่อยใช้ทางเส้นนั้น จะใช้การเดินลัดทุ่งนาไป แต่วันนั้นพ่อแดนลืมเอาไฟฉายไปด้วย จึงได้ใช้ทางเส้นนั้น เพราะมันเดินง่าย
แต่ระหว่างที่เดินมาทางเส้นนั้น ได้มีลูกสุนัขสามสี่ตัววิ่งตามมาด้วย
พ่อของแดนเข้าใจว่าเป็นลูกสุนัขภายในหมู่บ้านก็ไม่ได้คิดอะไร
พอเดินมาถึงต้นโพ ก็ได้ยินเสียงไก่ในกระสอบข้าวดิ้นและร้องอ๊อกๆสี่ถึงห้าครั้งจากนั้นก็เงียบไป
พอเดินเลยเขตุต้นโพไปก็เลยเขย่าถุงที่ใส่ไก่ดู ทำไมไก่ไม่ดิ้น จึงเปิดกระสอบข้าวดู ปรากฏว่าไก่ในกระสอบข้าวตายหมด และหันไปดูลูกสุนัขสี่ห้าตัวที่สิ่งตามมาถึงกลางทางระหว่างต้นโพก็หานไปหมดแล้ว
พ่อแดนคิดว่าน่าจะโดนเข้าให้แล้ว น่าจะเป็นลูกหมาสี่ห้าตัวที่วิ่งตามหลังนั่นและที่เป็นปอบและกินไก่ที่พ่อของแดนจะเอาไปปล่อยที่นา
พอไปถึงที่นาก็ได้กินต้นได้
มีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นอีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ ำด้มีเจ้าของนาข้างๆกันแกก็ใช้เส้นทางเดิมในการไปนา ที่จะผ่านต้นโพต้นนี้
ซึ่งวันนั้นเป็นวันพระ แกก็ได้เข้ามาเอากับข้าวและซื้อของที่จำเป็นต้องใช้
ขณะที่แกเดินผ่านต้นโพต้นนั้น เป็นเวลาประมาณซักสองทุ่มถึงสามทุ่ม ซึ่งต่างตังหวัดนั้นส่วนมากจะนอนกันแล้ว
ขณะที่แกเกินผ่านต้นโพ หน้าของแกก็ได้ไปสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างคล้ายรากไทร แกก็เลยเอะใจก็เลยเอามือจับดูว่ามันเป็นอะไร
แกคิดในใจว่าไม่มีต้นไทรจะมีรากไทรย้อยลงมาได้อย่างไร
ด้วยความสงสัย แกก็เลยเปิดไฟส่องขึ้นไปดู สิ่งที่แกเห็นไม่ใช่รากไทรมันเป็นผมของผู้หญิงที่ยาวลงมา นั่งห้อยขาอยู่บนกิ่งต้นโพ
เท่านั้นแหละแกก็วิ่งและตะโกนไปด้วย แกก็ได้ปิดไฟวิ่ง
จนมาถึงที่นาและมาเล่าให้พ่อของแดนฟังว่าเจออะไร
ซึ่งพ่อแดนก็บอกว่า อาทิตย์ที่แล้วก็โดนมาเหมือนกัน
หลังจากนั้นผ่านไปอีกหนึ่งปี ได้ไปเช่าที่นาที่ใหม่ ซึ่งไม่ได้ใช้เส้นทางนี้แล้ว แต่ไปเช่าอีกฝั่งนึงของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นถนนที่ใช้ประจำในการทำใาหากินในการส่งนกส่องกบส่องปลาและใส่เบ็ดซึ่งเป็นทางที่คุ้นชิน
ตอนนั้นเป็นฤดูเก็บเกี่ยว ต้องนอนนา เพื่อเกี่ยวข้าวสมัยนั้นยังไม่มีรถเกี่ยว ต้องใช้เคียวเกี่ยวข้าวช่วยกัน
ลิมบอกไปว่าแดนมีพี่ชายสองคน
ซึ่งตัวแดนและพี่ชายคนโตของแดนและพ่อ
วันนั้นเป็นคืนเดือนหงาย ซึ่งมีพี่ที่นอนนาข้างๆ ได้เข้าไปเอาข้าวและน้ำเพื่อจะมานอนข้างคืนที่นาของตนเอง
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่กำลังจะเริ่มนอนนากันเพื่อที่จะเกี่ยวข้าว ซึ่งเป็นบรรยากาศที่สนุกสนาน
ระหว่างที่พี่นาข้างๆเดินออกมาจากหมู่บ้านเพื่อจะไปที่นาของตนเองและนอนค้างคืน
ระหว่างทางต้องผ่านโพนหรือโนดดินที่มีต้นไม้ขึ้นสองสามแห่งระหว่างทางเล็กๆ
พอแกเดินพ้นทางนั้นออกมา ก็เจอที่นาของอีกเจ้านึงซึ่งเป็นคนรู้จักกันแต่แกไม่ได้นอนนา
แกเดินไปได้ซักพัก แกมองไปข้างหน้าซ้ายมือบนคันแทนา ได้เห็นลูกควายตัวหนึ่งเดินบนคันนาที่อยู่ซ้ายมือ
ด้วยความที่หมู่บ้านนั้นเลี้ยงความกันเยอะ ก็เลยคิดว่าลูกควายของใครหลถดออกมา
แกก็เลยคิดว่าจะจับไว้เพื่อพรุ่งนี้เช้าาจะมีคนมาตามหาลูกควาย
แต่พอแกสาวเท้าเดินตาม ก็ไม่ทันสักที พร้อมกับทำเสียงร้องแงๆให้มันหันกลับมา แต่ก็ไม่เป็นผล มันยังเดินนำหน้าไปเรื่อยๆ
ซึ่งแกเองก็เดินตามาได้ซักพัก จากลูกควายที่แกเห็นเป็นตัวเล็กๆมันก็ได้ตัวใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้น
จึงทำให้แกหยุดเดินตาม และควายตัวนั้นก็หยุดเดินเหมือนกัน ควายตัวนั้นได้หันมาเดินทางข้ามทางข้างหน้าของแก ตัดเข้าโพนและหายเข้าไปในโพนต่อหน้าต่อตาแก
เท่านั้นเอง แกก็ได้หลับตาวิ่งไปข้างหน้าพร้อใกับตะโกนว่า
"เอาหนังสติ๊กมายิ่งนก!!!"ตลอดทางที่แกวิ่ง
ขณะที่แดนและครอบครัวก็ได้ยินเสียงตะโกนก็ได้คุยกันว่ส ตะเอาหนังสติ๊กไปยิงนกทำไมทั้งๆที่ไฟก็ไม่ได้เอามาด้วย แล้วมองเห็นนกได้ยังไง
พอวิ่งมาถึงที่นาแดนก็ได้วิ่งเข้ามาพูดให้ฟังว่าเจออะไร
สุดท้ายก็ได้นอนด้วยกันทั้งสี่คน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments