" เฮ้อ ทำไมการจับคนมันถึงได้ยากขนาดนี้นะ แค่ทำตัวน่ารักแล้วอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรือยังไงกัน"
" น้องปูนพูดอะไรหรือเปล่าคะ"
" เอ๊ะ เปล่านะครับ'
โชคดีที่พี่เอได้ยินไม่ชัด ไม่อย่างนั้นละก็เปียกปูนคงมีอาการอึกอัก เหตุเพราะบ่นลอยๆ แต่ดันมีคนได้ยินเข้าน่ะซิ
ว่าแต่นี่ก็ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว นับตั้งแต่วันที่คุณภพหิ้วซาลาเปามาฝาก จากที่พี่คิดไว้เอาว่าคงได้หมํ่าแค่วันเดียวก็ได้ทุกวันและเพราะเป็นของโปรดเปียกปูนจึงกินอย่างเอร็ดอร่อยจนพี่ๆ ในแผนกน้อยใจเพราะกินแต่เจ้าซาลาเปา
' ทำไมน้องปูนถึงกินแต่ซาลาเปา แล้วขนมพี่ๆ ทุกคนล่ะ'
' เอ่อ...ปูนกินอยู่นะครับ'
หลังจากนั้นเปียกปูนเบยจำเป็นที่ต้องกินขนมของทุกคนสลับกับซาลาเปา ทำให้ช่วงนี้รู้สึกว่าตนเองน่าจะเริ่มเจ้าเนื้อขึ้นมานิดหน่อย ยืนยันได้จากกางเกงที่เคยหลวมโพรก วันนี้กลับสวมได้พอดีแบบไม่ต้องใส่เข็มขัดแล้วเสียอย่างนั้น
" ทำไมช่วงนี้คุณภพอารมณ์ดีแปลกๆ ไม่ค่อยจะเชือดคนทิ้งเล่นสักเท่าไหร่"
" ถูกหวยมั่งพี่ ไม่งั้นก็คงได้ขึ้นเงินเดือน"
" บริษัทขี้เหนียวอย่างนี้น่ะเร้อจะขึ้นเงินเดือนให้ ถ้าบอกมีแฟนยังน่าเชื่อมากกว่าอีก"
ทันทีที่ได้ยินว่าสามภพมีแฟน เปียกปูนก็ขมวดคิ้วโดยอัตโนมัติ จากที่นั่งแหมะเป็นเจลลีนิ่มๆ บนเก้าอี้ทำงานก็เผลอดีดตัวขึ้นนั่งหลังตรง ทำหูให้กางเกงเป็นช้างในการ์ตูนเรื่องดัมโบ้ เปิดเรดาร์สกิลเผือกขึ้นมาทันใด
เดี๋ยวก่อนนน นี่เขายังไม่ทันจีบจะให้คุณภพมีแฟนแล้วรึ ไม่ได้ๆ แบบนี้มันไม่ถูกต้อง
" คุณภพมีแฟนแล้วเหรอครับพี่เอ"
สุดท้ายแล้วความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะทุกสิ่ง เจ้าเปียกปูนจอมจุ้นจึงหันไปเอ่ยปากถามพี่เอโต๊ะข้างๆ ด้วยความสงสัย
" เอ..."
เมื่อได้ยินคำถามของน้องชาย พี่เอก็เหมือนจะจมอยู่ในภวังค์สักพัก แล้วก็ทำหน้าประมาณว่าพูดอะไรอย่างนั้นออกมาน่ะ
" พี่คิดว่าไม่น่ามีนะคะน้องปูน"
เอ้า แล้วทำไมพี่เอถึงไม่ตั้งใจฟังโต๊ะด้านหลังคุยกันอีกแล้ว เปียกปูนได้แต่ส่ายหน้าให้แก่สกิลการเป็นคนขี้เผือกอันน้อยนิดของพี่ที่สนิท ก่อนจะหันหน้ากลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองอีกครั้ง ดวงตาเต็มไปด้วยไฟลุกโซน
คนแปลกๆ อย่างคุณภพน่ะหรือ...เปียกปูนไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเนื้อหอมสักนิด แม้ว่าหน้าตาจะหล่อเทียบกับพวกดาราพ่อมดที่ฉายในจอแก้วทุกวันศุกร์ก็ตาม ทว่าอุปนิสัยดูยังไงก็น่ากลัวจนไม่น่ามีมครอยากเข้าใกล้นี่นา
ชั่วขณะหนึ่งเปียกปูนดันนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อน วันที่เข้าร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางเกี่ยวกับโพนเจ็กต์อย่างเช่นทุกครั้ง เขาจำได้ว่าวันนั้นคุณภพแต่งตัวผิดหูผิดตาจากเดิมไปเลยอะ ฉายแววหล่อจนเหล่าพนักงานซุบซิบ ทำตาปึ้งๆ เป็นรูปหัวใจกันยกใหญ่
' คุณภพหล่อจังเลยแก'
' หล่อจริงว่ะ ผู้ชายวัยสามสิบมันแซ่บเนอะ'
' ถ้าเฟรนด์ลี่กว่านี้นะ ชะนีต่อแถวจีบยาวไปถึงสุโขทัยละมั้ง'
ไม่ได้การแล้ว! ขืนคุณภพชิงมีแฟนก่อน เปียกปูนคนนี้ก็จะไม่ได้ใช้เวทมนตร์ไปตลอดชีวิตเลยน่ะสิ สงสัยว่าวันนี้เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละ
" เอ้า วันนี้ใครจะเป็นคนขึ้นไปส่งงานให้คุณภพตรวจ"
" ปูนเองครับ!"
" น้องปูน! เดี๋ยวก็ตายเอาหรอก"
ประโยคแบบนี้เอาไว้เตือนพนักงานออฟฟิศจริงๆ ใช้ไหมนั่น...ทำไมฟังแล้วถึงรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ กันนะ
" ไม่ต้องห่วงนะครับ"
พ่อมดน้อยหอบเอกสารไว้ในอ้อมอก พยักหน้าหงึกๆ ทำหน้าขึงขังราวกับว่ากำลังจะออกรบอย่างไรอย่างนั้น
" ม่ายยย น้องปูนนน พี่ไปเองดีกว่า"
พี่ในแผนกคนหนึ่งยกมือขึ้นท้วง จ้องมองเปียกปูนด้วยแววตาเป็นห่วง
" น้องปูนกลัวคนน่าดุนี่นา ออกมาระวังจะขาสั่นนะครับ"
" โหย แค่นี้จิ๊บจ๊อบมากครับ"
เปียกปูนคุยโวด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ แม้ว่าความจริงจะใจแป้วไปแล้งเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ก็ตาม
" เห็นแบบนี้ปูนเคยช่วยตำรวจจับผู้ร้ายนะครับ"
" ขี้โม้แล้ว"
" เรื่องจริงต่างหาก"
เรื่องนี้เปียกปูนไม่ได้โกหก ตอนนั้นเขากำลังนั่งรับประทานก๋วยเตี๋ยวอยู่ในร้าน พอเห็นว่ามีโจรวิ่งราวผ่านมาทางนี้ก็ส่ายหน้า จ้องคนนิสัยไม่ดีราวกับตำหนิ แล้วร่ายเวทมนตร์ให้วิ่งช้า จู่ๆ โจรวิ่งราวที่วิ่งไวก็ทำเหมือนขาติดกาวเหนียวหนืด
' เฮ้ย อะไรวะ'
เพราะฉะนั้นที่บอกว่าเปียกปูนเคยช่วยพี่ตำรวจจับคนร้ายน่ะถูกแล้ว
" สัญญาว่าจะกลับมาให้ครบสามสิบสี่นะครับทุกคน"
" น้องปูน...อวัยวะคนเรามีแค่สามสิบสองนะคะ"
" ปูนเอาใจเผื่อไปอีกสองดวงน่ะครับ กันคุณภพเขาดุจนใจแป้ว"
สิ้นสุดคำพูดของเปียกปูนภายในห้องก็เงียบไปชั่วขณะ เงียบจนกระทั่งได้ยินเสียงของเข็มนาฬิกาบนผนังสีตุ่น
" ไม่ให้ไปแล้วน้องปูน!"
" ไม่ได้! ปูนไปก่อนนะครับ"
โธ่ เขาก็ล้อเล่นไปอย่างนั้นเอง ใครจะพกหัวใจตั้งสามดวงกันล่ะ ถึงจะเป็นพ่อมดแต่ก็ไม่ได้รับอภิสิทธิ์แบบนั้นเสียหน่อย
เอาละ ทีนี้ก็เหลือแค่ทำตามแผน สู้เขาเจ้าเปียกปูน
กว่าจะขึ้นลิฟต์มาถึงห้องทำงานของสามภพได้ก็นับว่านานพอตัว เหตุเพราะเปียกปูนเอาแต่วิ่งเข้าวิ่งออกห้องนํ้าด้วยความประหม่า เอานํ้าลูบผมที่กระดกให้เข้าทรงอย่างพิถีพิถัน
เสริมหล่อแล้วก็เข้าห้องเชือดได้
มือน้อยเคาะประตูห้องของสามภพสามครั้ง ครั้นเมื่อเห็นว่าภายในห้องไม่มีแขกอยู่จึงถือวิสาสะเข้าไปอย่างเงียบเชียบ
" ขออนุญาตครับ"
เพราะไม่เคยได้ขึ้นมาข้างบนบ่อยนัก เปียกปูนจึงไม่รู้ว่าปกติแล้วเวลาเอางานมาส่งจะต้องวางไว้ตรงไหน หลังจากที่ประตูปิดลงแล้ว พ่อมดน้อยจึงได้แต่ยืนเก้ๆ กังๆ มองสามภพที่บัดนี้กำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่ด้วยความตั้งใจ
" ไม่มีอะไรที่ต้องการรายงานเหรอครับ"
นํ้าเสียงของสามภพในเวลางานนั้นเต็มไปด้วยความเด็ดขาดถึงจะฟังดูสุภาพแต่ก็แฝงไว้ความอำนาจอย่สงชัดเจน
"..."
" ถ้าไม่มีธุระก็เชิญออกไปครับ"
" คือ...ผม...มาส่งรายงานความคืบหน้าของโพรเจกต์ครับ"
ทันทีที่ได้ยินเสียงของเปียกปูน สามภพเองก็ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่บัดนี้กำลังยืนสั่นราวกับลูกนกตัวน้อย ทำท่าราวกับว่าถูกถอนขนแล้วกำลังจะนำไปย่างบนตะแกรงอย่างไรอย่างนั้น
" คุณปุณธนัช?"
" เอ่อ...ปุณธนัชเองครับ"
ดวงตาสีดำที่ฉายแววหงุดหงิดเปลี่ยนเป็นทอประกายขึ้นเล็กน้อย นํ้าเสียงที่ติดดุดันก็ลงไปมากโข
" ทำไมวันนี้ถึงขึ้นมาล่ะ"
" เพราะอยากเจ...อ"
" ?"
ตั้งใจว่าจะพูดมุขจีบเสี่ยวๆ ที่จำมาจากในอินเทอร์เน็ต แต่พอถึงเวลากลับนํ้าท่วมปากขึ้นมาเสียอย่างนั้น ได้แต่หัวเราะแหะๆ ทั้งที่แก้มแดง แล้วยืนสงบเสงี่ยมอย่างชาวเจี๋ยมเจี้ยม
" พอดีพี่คนที่มาส่งแฟ้มประจำแกท้องเสียน่ะครับ"
คนน่ารักพูดออกไปแล้วก็ได้แต่นึกขอโทษอยู่ในใจ ไม่ได้อยากแช่งใครตามอำเภอใจเลย
" เอาแฟ้มวางบนโต๊ะผมได้เลย"
" ครับ"
เปียกปูนรับคำอย่างว่าง่าย แล้วนำแฟ้มเอกสารไปวางบนโต๊ะ
" ขอตัวนะครับ"
" เดี๋ยวครับ"
ทันทีที่เปียกปูนหันหลัง สามภพก็ส่งเสียงเรียกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย
เอาแล้ว จะโดนอะไรไหมนะ
พ่อมดฝึกหัดหลับตาปี๋ เหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามกรอบใบหน้า หัวใจก็เต้นตึ้กตั้กไม่หยุดสักที
" วันนี้กลับดึกไหมครับ"
" ฮะ ครับ?"
เพราะคำถามที่ได้ยินนั้นผิดแผกไปจากที่คาดเอาไว้มากพอสมควร เปียกปูนจึงหันขวับกลับมาหาสามภพ เปียกปูนจึงหันขวับกลับมาหาสามภพด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนก
" วันนี้ต้องทำโอทีหรือเปล่าครับ"
" ไม่ครับ วันนี้ต้องกลับไปช่วยงานคุณแม่"
เปียกปูนไม่ได้โกหก คืนนี้เขากับคุณแม่ต้องช่วยกันผลิตนํ้ายารักษาคำสาปอาการหัวเราะไม่หยุดของพ่อมดท่านหนึ่งอย่างเร่งด่วน เคสนี้บินตรงมายังแม่ฮ่องสอนเลยนะเอ้อ
" งั้นเหรอครับ"
คุณหัวหน้าจ้องมองเปียกปูนอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้า แล้วก้มลงไปทำงาน พร้อมกับความเงียบที่เข้ามาปกคลุมเขาอีกครั้ง
" ผมขอตัวครับ"
คนน่ารักยกมือไหว้สามภพอย่างนอบน้อม แม้ว่าอีกฝ่ายจะมองไม่เห็นก็ตาม แล้วเดินออกจากห้องของอีกฝ่ายช้าๆ
ทว่าในช่วงเวลาที่เปียกปูนที่กำลังเปิดประตู ผ้าเช็ดหน้าของพ่อมดน้อยก็หล่นพื้นอย่างเงียบเชียบ
' เปียกปูน - 039xxxxxxx'
แน่นอนว่าทุกผ้าเช็ดหน้านี้เปียกปูนเรียนรู้มาจากละครหลังข่าวช่วงไพรม์ไทม์ที่คุณแม่เปิดสมํ่าเสมอ และเขาก็ค่อนข้างแน่ใจว่าแผนนี้น่าจะทำให้อีกฝ่ายนั้นสนใจตนไม่น้อย
ก็ในละคร ตอนที่พระเอกเก็บผ้าเช็ดหน้าของนางเอกได้ถึงกับละเมอเพ้อพกตั้งนาน แต่ท้ายที่สุดก็ยอมวิ่งไปหยอดเหรียญที่ตู้โทรศัพท์ รอได้สักพักนางเอกก็รับโทรศัพท์บ้าน ฉากความรักเบ่งบานขึ้นจนเปียกปูนถึงกับเผลอจิกหมอนด้วยความขัดเขิน
" น้องปูน เหมือนหนูจะทำผ้าเช็ดหน้าตกที่หน้าห้องทำงานของคุณภพจ๊ะ"
" เอ...ครับ"
ดวงตากลมโตจ้องมองผ้าเช็ดหน้าในมือของป้าแม่บ้าน ก่อนจะเอื้อมมือที่สั่นเทาออกไปรับมาถือไว้อย่างงงๆ
" ดีนะที่ป้าเข้าไปดูดฝุ่นพอดี คุณภพแกยังไม่ทันเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ ไม่งั้นละก็น้องปูนคงโดนดุแย่เลย"
" ของคุณครับ..."
เปียกปูนตัวน้อยจ้องมองผ้าเช็ดหน้าด้วยแววตาเหม่อลอย สมองเหมือนจะไหลมารวมกันที่บริเวณหน้าผาก พลางคิดว่าตัวเองทำอะไรพลาดไปหรือเปล่านะ
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วเขาจะต้องลากขาสั่นๆ ของตัวเองขึ้นไปยังชั้นสิบทำไมกัน
" คราวหน้าคราวหลัวหนูต้องระวังด้วยนะลูก"
" ขอบคุณอีกครั้งนะครับ"
ในวันนั้นเอง เปียกปูนเข้าใจสัจธรรมของโลกมนุษย์ข้อหนึ่งว่า หากจะจีบใครแล้วต้องระวังบุคคลที่สามผู้หวังดีด้วยนั่นเอง
" น้องปูนจ๋า วานถ่ายเอกสารฉบับนี้ให้พี่หน่อยได้หรือเปล่าคะ"
" ครับ ฮ่าๆ ได้เลยครับ ฮ่าๆ"
" เอ...พี่ทำอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ"
" ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ ก๊ากกก"
เฮ้อ...ตั้งแต่เกิดมายี่สิบห้าปี ไม่มีวันไหนที่เปียกปูนรู้สึกอยากขี่ไม้กวาดแล้วเอาหัวปักดินเท่าวันนี้แล้วละ
หากจะให้ย้อนความก็คงต้องย้อนไปตั้งแต่เมื่อวาน ช่วงที่เปียกปูนและคุณแม่ช่วยกันทำยาสลายคำสาปหัวเราะให้พ่อมดท่านหนึ่ง แต่ทำไปทำมาอีกฝ่ายก็เอาแต่หัวเราะไม่หยุดสักที ท้ายที่สุดแล้วคำสาปก็กระจายไปทั่วมุมห้อง ทั้งเปียกปูนและคุณแม่เลยต้องตกอยู่ในสถานะติดบัคไม่ต่างจากอีกฝ่าย
" 555 ดื่มายานี้หลังอาหารนะคะ"
" ได้กะๆ ขอบคุณกุ๊คนจ๊าดนักเน้อ555"
" เดินทางปลอดภัยนะครับลุงคำปัน 555"
พ่อมดคำปันจากไปพร้อมกับขวดยารักษาคำสาป ทิ้งเปียกปูนและแม่มดมณีที่พากันมองตาปริบๆ กลั้นขำจนหน้าเขียวหน้าแดงไปหมด
" น้องปูน 555 ลุงคำปันเอายาไปหมดแล้ว 555"
" เอ้า 555 ทำไงล่ะทีนี้'
" ก็ต้องทำยาใหม่น่ะสิคะ 555"
" คุณแม่! ก๊ากกก"
ครั้นพอจะปรุงยาใหม่ก็ดันไม่มีเวลาอีก ดังนั้นเปียกปูนจึงต้องจำใจนอนคลุมโปงในสภาพหัวเราะไม่หยุด ตื่นปุ๊ปก็อาบนํ้าอาบท่า วิ่งขึ้นรถเมล์ไปหัวเราะไป หัวเราะเสียจนกระเป๋ารถเมล์ส่ายหน้าระอา
" ปุ๊นกัญชาแต่เช้าเลยนะน้อง"
" 555 ไม่ใช่แบบนั้นครับ"
คนน่ารักเอ่ยปากอธิบายพรางหัวเราะคิกๆ จนเกือบถูกกระเป๋ารถเมย์เตะโด่งออกจากรถไปแล้วโทษฐานกวนประสาทมากเกินไป
ส่วนคำสาปนั้นจะค่อยๆคลายเองหากเรามีสติที่นิ่งพอหรือไม่ก็ตกใจสุดขีด ยิ่งจิตไม่นิ่งก็จะยิ่งหัวเราะหนัก แต่กลับเปียกปูนที่เป็นพ่อมดชาวอะเลิร์ตแล้วล่ะก็ นั้นเป็นเรื่องที่ยากเกินการควบคุมจริงๆ นั่นละ
" เฮ้อ ใกล้พักเที่ยงแล้วนี่หว่า กลางวันนี้กินอะไรดี"
" อยากกินก๋วยเตี๋ยวว่ะ"
" ก๋วยเตี๋ยว คิกๆ"
" น้องปูนอยากทานอะไรไหมคะ"
" ครับ"
เปียกปูนในตอนนี้ต้องเอาหัวโขกโต๊ะเสียงดังโป๊ก พยายามกลั้นขันอย่างสุดฤทธิ์จนตัวสั่นไปหมด
ไม่ไหว ขืนออกไปกินข้าวกับพี่ๆ คงจะหัวร้อนลั่นกลางร้านอาหารแน่ๆ
" วันนี้ปูนเอาข้าวกล่องมาครับ อยู่ในห้องส่วนกลาง หึๆ"
คนน่ารักพยายามกิ๊กขรึม แต่ก็ไม่ว่าหรือเสียงหัวเราะออกมาจนได้ ทำตัวอย่างกับพวกจอมมารเบี้ยวในการ์ตูนไม่มีผิด
" เสียดายจัง ถ้าอย่างนั้นตอนบ่ายเจอกันน้า"
" ทานอาหารให้อร่อยนะครับ คิก"
ดวงตากลมโตจ้องมองพี่ๆ ในแผนกที่ทยอยออกห้องกันทีละคนสองคน ขันเมื่อเห็นว่าออกไปกันหมดแล้วก็รีบยกมือกุมท้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นพอกั้นขำตั้งแต่เช้า
" 555"
เฮ้อ ใครมาเห็นเข้าจะว่าเราบ้าเอาได้นะเจ้าเปียกปูน
พ่อมดน้อยใช้นิ้วชี้ปาดน้ำตาที่คลออยู่ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังห้องส่วนกลาง ข้าวกล่องที่บอกว่าเอามา จริงๆ แล้วเปียกปูนแค่อ้างไปอย่างนั้นเอง
" กินมาม่าเอาก็ได้นะเจ้าเปียกปูน"
คนน่ารักร้องเพลงกับตัวเองพังหัวเราะคิกๆ แต่ขนาดจะหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในตู้ จู่ๆ ได้ยินเสียงใครสักคนเรียกจากทางด้านหลัง
" คุณปุณธนัช"
ทันทีที่ได้ยินเสียงของสามภพ เปียกปูนก็รีบยกมือตะครุบชริมฝีปากตัวเองเอาไว้
ไม่ได้นะเปียกปูน ห้ามหัวเราะเด็ดขาด!
เพราะยิ่งสติแต่คำสาปหัวเราะจะยิ่งมีอานุภาพร้ายกาจมากเปียกปูนจึงตัดสินใจที่จะยืนนิ่งๆอยู่กับที่ ความรู้สึกในตอนนี้มีทั้งขำและหวาดกลัว หน้าตาคงจะดูไม่ได้แน่ๆ
" สวัสดีตอนเที่ยงครับคุณภพ 555"
ดังนั้นเพื่อให้ตัวเองพ้นจากข้อหาน้องปูนปุ๊นกัญชา เปียกปูนยังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรายการตลกที่ฉายทุกวันพุธ เร่งเสียงให้ดังขึ้น เนียนว่าหัวเราะรายการโทรทัศน์น่าจะเป็นชอยด์ที่ดีที่สุดแล้วละ
" ไม่ทานอาหารข้างนอก?"
"ไม่...ไม่มีเงินครับ เลยจะเอามาม่ามาต้ม"
พอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี จึงคิดว่าการยกตัวอย่างที่ดูโง่เง่าที่สุดอาจจะเหมาะกับเขาก็ได้
ทันทีที่ได้ยินคำตอบของเปียกปูน สามภพก็ขมวดคิ้ว ใบหน้าหล่อเหลานิ่งขึ้นจนเปียกปูนต้องหยิกตัวเองจนเนื้อเขียว
ไม่ๆ อย่าหัวเราะเด็ดขาดเลยนะ
" ถ้าอย่างนั้นรอก่อนครับ ผมจะสั่งอาหารจีนมาทาน"
" 555 กินแค่มาม่าก็ได้ครับ"
" ทานด้วยกันครับ"
เจ้าของดวงตาสีดำขลับจ้องมองเปียกปูน กอดอกวางมาดด้วยท่าทีเด็ดขาด ดูแล้วก็คล้ายกับพวกยักษ์ในนิทานที่เตรียมเอากระบองทุบหัวพ่วงมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น
" รายการนี้ตลกมากเลย 555 ขอบคุณที่เลี้ยงมื้อกลางวันครับ"
มือน้อยยกมือไหว้ขอบคุณหัวหน้าดีเด่น แล้วถือวิสาสะนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอีกฝ่าย ทำทีเป็นดูรายการตลกด้วยดวงตาเป็นประกายเพราะเนื้อหานั้นช่างตลกจนกลั้นหัวเราะไม่อยู่
เฮ้อ หรือว่าเราจะลาช่วงบ่ายดีนะ แต่จะบอกพี่เฮชอาร์ว่าอะไรดีล่ะ ไม่ว่าจะเป็นไข้ปวดหัวตัวร้อนก็ไม่มีอาการแม้สักนิด แถมมื้อนี้ก็ยังได้กินอาหารกับคุณภพอีก ถามว่ากลัวไหมก็กลัว แต่โอกาสแบบนี้ก็ไม่ได้มีบ่อยๆ นี่นา
ดวงตากลมโตจ้องมองสามภพที่บัดนี้กำลังสั่งอาหารทางโทรศัพท์ ครั้นเมื่อรู้ตัวว่าจ้องมากไปถึงได้หันหน้าหนี กลับไปหัวเราะกับโทรศัพท์อีกครั้งนึง ข้อสังเกตแห่งดวงตาคมกริบจ้องมองก็ยิ่งสติแตก ใจกลัวเต็มสูบ แต่ก็หยุดหัวเราะไม่ได้สักทีเพราะคำศัพท์เนี่ยแหละ
" 555 หัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้ว"
เปียกปูนปาดน้ำตาที่คลออยู่ตรงขอบตา พยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่ อยากจะชวนสามภพคุยแต่ก็ทำได้แค่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
" สนุกมากเลยหรอครับ"
" ครับ"
เพราะได้รับคำถามจากคนที่ไม่คิดว่าจะเอ่ยปากชวนคุยก่อน ทำให้เปียกปูนค่อนข้างที่จะตกใจไม่น้อย คนน่ารักเผลอหยุดหัวเราะไปสักพัก ก่อนที่จะพยักหน้าหงิกหงิก แก้มก็แดงแจ๋ ยิ้มด้วยดวงตาระยิบระยับไปทางสามภพ
" สนุกมากเลยครับ"
" รายการอะไรหรอครับ"
" 555 คุณพบอาจจะไม่ชอบก็ได้นะครับ"
" ชอบครับ"
" ชอบรายการหรอครับ"
สิ้นสุดคำถามของเปียกปูน สามภพเองก็ไม่ได้ตอบพ่อมดน้อยอย่างที่คิดเอาไว้ ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงนิ่งอย่างเช่นทุกครั้ง จังหวะในโทรศัพท์ของสามภพก็ดังขึ้น ,เดาว่าน่าจะเป็นร้านอาหารที่โทรมาคอนเฟิร์มรายการที่สั่งเอาไว้
" ชอบเห็นคุณยิ้มครับ"
ระเบิดลูกใหญ่หล่นลงใจดังโครม พร้อมกับอาการที่เกิดจากคำสาปหัวเราะหายติดบัคชั่วขณะ เปียกปูนตัวน้อยได้แต่อํ้าๆ อึ้งๆ จ้องมองสามภพที่ส่งสัญญาณว่าเขากำลังจะลงไปรอรับอาหารที่ชั้นหนึ่ง
เฮ้ย มันแปลกๆ อย่างไรก็ไม่รู้แฮะ จริงๆ บทพูดนั้นต้องเป็นฝ่ายเขาที่หยอดคุณภพไม่ใช่หรือยังไง
" หรือว่าเรากำลังอยู่ในมิติคู่ขนาน"
เปียกปูนยกมือตบแก้มตัวเองเสียงดังแปะๆ ค้างในลำคอด้วยความคลางแคลงใจ เหมือนว่าจู่ๆ คำสาปหัวเราะก็หมดฤทธิ์ไปดื้อๆ
" ไม่หัวเราะแล้วแฮะ"
ถ้าว่าพอหันไปอีกด้านก็พบกับภาพสะท้อนของพ่อมดตนหนึ่งในกระจกบานใหญ่ ซึ่งกำลังนั่งแก้มแดงแข่งกับผ้าปูโต๊ะ พยายามกลั้นยิ้มอย่างสุดฤทธิ์เพราะทั้งขำทั้งเขิน (และทั้งหวาดกลัว)
แล้วทำไมจู่ๆ ค้นพบถึงได้เล่นมุกจีบหน้าตาแบบนี้ล่ะเฮ้ย ซื้อของเปียกปูนเกือบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแนะ
" อิ่มแล้วครับ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ด้วยครับ มีเมนูโปรดผมด้วย"
" ชอบหรือเปล่าครับ"
" ชอบครับๆ"
มือน้อยตบพุงของตัวเองแปะๆ ปากก็มันแผล็บเพราะโซ้ยเข้าหน้าหมูตุ๋นไปหนึ่งจานเต็มๆ ก็อาหารที่อีกฝ่ายสั่งมาน่ะมีแต่ของโปรดเขาทั้งนั้นนี่ จะให้กินเหลือก็คงเสียดายแย่
" เอาไว้วันหลังไปทานที่ร้านน่าจะดีกว่า"
" ได้ครับ เดี๋ยวผมแจ้งพวกพี่ๆ ในแผนกให้"
คนน่ารักพยักหน้าหงิกๆ ฉีกยิ้มกว้างให้สามภพ แต่อีกฝ่ายกลับรอบถอนหายใจเสียอย่างนั้น
" ตามใจครับ"
" ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ใกล้ถึงเวลาเข้างานแล้วละ"
เปียกปูนยกมือขึ้นว่าสามภพอย่างนอบน้อม เตรียมหันหลังเพื่อกดลิฟต์ลงไปชั้นล่าง
" คุณปุณธนัช"
" ครับ?"
ทว่าเปียกปูนยังไม่ทันได้ก้าวเท้าดั่งใจคิด ทั้งยังต้องยืนนิ่งอยู่กับที่ มองสามพบตาแป๋ว รอคำสั่งจากคุณหัวหน้าด้วยท่าทางกระตือรือร้น ถึงขาจะสั่นหงิกๆ เพราะกลัวโดนดุก็ตาม
" คุณภพจะสั่งงานอะไรหรือเปล่าครับ"
" เปล่าครับ"
มือหนาสัมผัสกลุ่มผมนุ่มของเปียกปูน แค่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น พร้อมกับคำพูดที่ทำให้พ่อมดน้อยขนลุกซู่ อ้าปากค้างด้วยความตกใจเต็มสูบ
" เบอร์โทรศัพท์กับไลน์ของผมอยู่ในกลุ่มงานครับ ไม่ต้องเขียนใส่ผ้าเช็ดหน้าหรอก"
" เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนครับ..."
มือของเปียกปูนยกค้างอยู่กลางอากาศ ดวงตาจ้องมองคุณพบที่เดินแยกกลับไปเข้าห้องทำงานเป็นที่เรียบร้อย หัวใจกำลังเต้นตึกตักอย่างบ้าคลั่ง (และหวาดกลัวอีกเช่นเคย)
เดี๋ยว! ใช่ว่าคุณพบรู้เรื่องผ้าเช็ดหน้าแล้วหรอกเร้อ!
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 9
Comments