กระจกบานนั้น
“การที่ได้รักใครคนหนึ่งในช่วงเวลาวัยรุ่นมันเป็นอะไรที่พิเศษมากนะ”
นั้นคือคำพูดของผู้เป็นยายที่กำลังบอกกับหลานสาววัยห้าขวบ เด็กสาวเอียงคอผมแกะที่ถูกมัดเอียงเอนตามแรงโน้มถ่วง “ทำไมละ” เสียงหวานแจ๋วร้องถามความเป็นเด็กไร้เดียงสาไม่อาจเข้าใจได้มากนัก ผู้เป็นยายขบขันเพียงน้อยก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มแก่
...“เดี๋ยวหลานโตขึ้น หลานก็รู้เองจ้ะ”...
...คำพูดสุดท้ายของบทสนทนาจบลง...
'ฉันในวัยเด็กก็ไม่อาจเข้าใจถึงคำพูดของคุณยายมากนัก แต่เมื่อเริ่มโตขึ้นฉันก็เริ่มเข้าใจที่คุณยายบอก'
ปี 256x เดือน มกราคม
ผมหางม้ายกสูง ติดโบว์สีดำตามกฎของโรงเรียน ชุดสีขาวนวลของเด็กวัยรุ่น กระโปรงสีกรมเงินของนักเรียน รองเท้าหนังสีดำคู่โปรดที่อาจารย์หลายท่านต่างมองว่ามันคือความสวยงาม นี้คือสิ่งที่เป็นกฎกติกาของโรงเรียนในการแต่งกายถึงแม้กระทรวงจะออกคำสั่งอย่างไรแต่โรงเรียนก็อ้างสิทธิได้อยู่ดี มันช่างน่าเศร้าจริง
แต่ในนิยายเรื่องนี้เราจะไม่เล่าถึงการศึกษาหรือกฎใดเราจะมากล่าวถึงเรื่องราวของการแอบรักข้างเดียวของเด็กหญิงวัยสิบสี่คนนี้ คัดเตอร์ขาว คือนามสมมุติที่เราจะขานเรียกเธอกัน
ผมต้องขอย้อนความไปเมื่อหนึ่งปีก่อน คัตเตอร์ขาว ยังคงเป็นเพียงเด็กวัยสิบสามที่กำลังจะเผชิญหน้ากับรั้วโรงเรียนมัธยมต้น จากเด็กประถมสู่เด็กมัธยม ถือเป็นการเริ่มต้นก้าวแรกครั้งใหม่ และการเริ่มรักใหม่ด้วยอีกครั้ง
ในวันเปิดเทอมวันแรกของ คัดเตอร์ขาว เจ้าหล่อนตื่นเต้นจนหัวใจสูบฉีดเลือดเร็วราวกับกำลังจะปะทุจนผู้เป็นบิดาร้องห้ามให้ใจเย็นลง และเมื่อรถประจำทางนั้นมาถึงเจ้าหล่อนไม่รีรอรีบกระโจนเข้าสู่ด้านในตัวรถ
กินแอร์และนํ้าหอมปรับอากาศตีขึ้นสู่โสตประสาท สายตากวาดมองเพื่อหาที่วางในการนั่งจนไปพบกับที่นั่งริมหน้าต่าง กระโปรงสีกรมเงินวางตัวลงบนที่นั่ง เอนพิงเบาะสีดำที่แสนนิ่มสบาย มือเรียวหยิบหูฟังสีดำไร้สายที่ใช้มานานกว่าสามปี เปิดฟังเพลงโปรดที่มักฟังประจำ
รถประจำทางออกรับนักเรียนคนแล้วคนเล่าจนกระทั่งถึงคนสุดท้าย ประตูรถถูกเปิดพร้อมกับร่างนักเรียนชายที่สูงราวร้อยเจ็ดสิบ สวมนาฬิกาสีดำที่ข้อมือซ้าย ผมถูกจัดเซ็ตเรียบร้อย สายตาสีตาลจับจ้องมองบุคคลที่มาใหม่ ความคิดมากมายฉับพลันแล่นเข้ามาที่โสตประสาท หัวใจดวงน้อยสั่นไหวพอควร ราวกับกำลังพบรักแรก
ในห้วงความคิดของ คัดเตอร์ขาว มีหลายคำพูดถูกพรรณนาออกมามากมายจนนับไม่ถ้วน สายตาอ่อนหวานยังจับจ้องมองที่บุคคลนั้น แต่เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจเสียงหรือสายตารอบข้าง เขาเดินมานั่งยังเบาะที่วางและนั้นราวกับโชคเข้าข้างเขานั่งลงเบาะข้างซ้ายของ คัดเตอร์ขาว
ดวงใจดวงน้อยยิ่งสั่นไหว เปิดเทอมวันแรกก็เจอคนที่ใช่เสียแล้ว โอมายก๊อด ในใจอยากจะกรี้ดเต็มทน แต่สุดท้ายก็ทำเพียงเก็บอาการแล้วหันมองไปยังนอกหน้าต่าง
รถประจำทางออกวิ่ง ทิวทัศน์ด้านนอกเปลี่ยนไปตามพื้นที่ ก้อนเมฆขาวนุ่มล่องลอยตามกระแสลม สายตาหวานจับจ้องมองราวกับนึกคิด แต่ในใจกลับมีแต่ภาพของคนข้างเบาะที่กำลังนั่งจับโทรศัพท์เล่นเกม
'ใจเย็นเว้ย ใจเย็น'คุมสติก่อนจะเตลิดคงดีที่สุด
และในที่สุดรถประจำทางก็ถึงโรงเรียน ประตูรถถูกเปิดออกโดยคุณครูที่ยืนเวร นักเรียนหลายคนค่อยไปเดินลงจากรถรวมถึงตัวของ คัตเตอร์ขาว ปลายเท้าเหยียบลงบนพื้นคอนกรีต สายตากวาดมองจับจ้องไปรอบกาย พบเด็กนักเรียนกำลังเดินเข้ารั้ว
แต่สายตาอ่อนกลับจับจ้องไปที่อีกบุคคล เด็กหนุ่ม ที่นั่งข้างตน หล่อนมั่นใจว่าเขาคงเป็นรุ่นพี่เธอแน่ เพราะไม่มีเค้าโครงเด็กม.ต้นเลยสักนิด แต่ก่อนจะคิดอะไรไปมากกว่านั้นก็ขอเข้ารั้วโรงเรียนก่อนดีกว่า
การเริ่มต้นเปิดภาคเรียนเป็นไปด้วยดี ทุกอย่างราบรื่น คัตเตอร์ขาวได้พบเพื่อนใหม่ตามจุดประสงค์ เรียนวันแรกย่อมไม่มีการสอน ทำให้เหล่าเด็กๆจับกลุ่มพูดคุยตีสนิทกัน
ในยามเที่ยงถึงเวลาทานอาหาร นักเรียนต่างมารวมตัวกันที่โรงอาหารของโรงเรียน และดูเหมือนเมนูเด็ดของที่นี่คงเป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำเส้นเล็ก มันแซ่บได้ใจแท้
หลังจากทานเสร็จเวลาพักก็ยังคงเหลือ คัตเตอร์ขาว ตัดสินใจจะไปยังห้องสมุดของโรงเรียนเพื่อหาหนังสืออ่าน ในระหว่างทางก็ได้พบกับรุ่นพี่ม.2 ใส่แว่นตากลมคล้ายเด็กเนิร์ดแต่ออร่ากลับพุ่งกระจาย ใครเห็นก็เหลียวหลังมองรวมถึงตัวของ คัตเตอร์ขาว
สายตาหยีหวานของรุ่นพี่จับจ้องมายังเด็กน้อยม.1อย่างคัตเตอร์ขาว รอยยิ้มที่เล่นเอาใครก็ต่างกรี้ดในใจ ผมจะขอเรียกเขาในนามสมมติว่า พี่แว่น
พี่แว่น เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มแต่เพียงเท่านั้นก็ทำเอาหัวใจดวงเล็กสั่นไหวอีกครั้ง และรอบนี้กลับแรงพอที่จะทำให้ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง
'หรือเราจะชอบรุ่นพี่เขานะ' ความคิดของเด็กช่างไร้เดียงสา?
หมดเวลาพักในห้องเรียนสีสดเด็กๆนั่งจับกลุ่มพูดคุยบทสนทนาพื้นเพ “พี่ใครรู้จักพี่คนที่ใส่แว่นดูเนิร์ดๆหน่อยแต่หล่อโคตรๆไหม”คัตเตอร์ขาวถามเพื่อนในกลุ่ม บทสนทนาเริ่มมีสีสันขึ้น เมื่อนักสืบมือดีในกลุ่มกล่าวต่อ “หมายถึง แว่น พี่ม.2 หรอ”
“น่าจะใช่แหละ”ในที่สุดคัตเตอร์ขาวก็ได้รับรู้ชื่อของอีกฝ่าย “หึ่ยยยกูชอบคนนั้น”
อ้าวเวรกรรมเพื่อนเราดันชอบแบบนี้ต้องทำไงถอยหรอ
รักก็รัก ชอบก็ชอบ แต่ให้ถอยให้เพื่อนก็คงทำใจยาก แต่สุดท้ายคัตเตอร์ขาวก็ตัดใจจนได้
เดือน สิงหาคม
ผ่านมาเกือบแปดเดือนสำหรับชีวิตของเด็กม.1 การเปิดภาคเรียนที่สองได้เริ่มต้นขึ้น แต่รอบนี้คัตเตอร์ขาวเปิดเทอมพร้อมกับแฟนหนุ่มที่พึ่งครบกันไม่นาน
ผมจะขอเรียกเขาว่า หาร หารคือรุ่นพี่ม.3 คัดเตอร์ขาวพบกับหารที่ร้านสะดวกซื้อในโรงเรียนและนั้นคือจุดเริ่มต้นของการรู้จักกันและนำมาซี่งความรักของคำว่า แฟน
ชีวิตรักควรจะราบรื่นแต่สุดท้ายก็ไม่เป็นดั่งหวัง ชายหฐิงมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ฝ่ายหญิงถูกกระทำ ฝ่ายชายกระทำ และแล้วก็ไปกันไม่รอด ครบได้สี่เดือนก็ต้องเลิกรากัน
เดือน กุมภาพันธ์
หลังจากเลิกได้สองเดือนคัตเตอร์ขาวที่ไม่ยอมมูฟออนก็ได้ขอกลับไปคบกับ หาร อดีตแฟนหนุ่ม และเป็นเรื่องที่ผิดคาดที่ฝ่ายชายก็ยอมกลับมาคบ
หนังสือเล่มเก่าต่อให้มีบทประพันธ์ใหม่มันก็จบแบบเดิมทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เหมือนกัน
คัตเตอร์ขาวเลิกรากับ หาร เพราะถูกฝ่ายชายใส่ร้ายว่านอกใจ ช่างน่าขันครบำด้สี่เดือนก็เลิกอีกแล้ว อาถรรพ์ชัดๆ
แต่รอบนี้คนอย่างคัตเตอร์ขาวก็เข็ดหลาบแล้วไม่ขอกลับไปคืนดีดั้งเดิมกับ หาร แน่นอน
เดือน มิถุนายน
มิถุนากลับมาเยือนอีกครั้งหลังจากที่เลิกราไปได้ไม่นาน คัตเตอร์ขาวก็ยังไม่มีใครคนใหม่ แต่ฝ่ายชายนั้นมีตั้งแต่เลิกกันทันที สงสัยจะแอบคุยไว้นานแล้วรอวันคบ
ในรถตู้สีคัตเตอร์ขาวยังคงนั่งมองไปยังนอกหน้าต่างเฝ้ารอเวลารอนักเรียนขึ้นรถ จนกระทั่งเด็กหนุ่มรุ่นพี่คนนั้น นาฬิกาสีดำที่ข้อมือซ้าย กลิ่นกายเฉพาะตัวราวกับกลิ่นหอมของดอกลั่นทม
กระจกใสไม่อาจบดบังสายตานิลอ่อนที่สบเข้ากับสายตานิลเข้ม คัตเตอร์ขาวสบเข้ากับสายตาของคนตรงหน้าผ่านกระจกใส กาลเวลาหยุดค้าง วินาทีหยุดเดิน โลกหยุดหมุน
มีเพียงเสียงลมหายใจ ในหัวห้วงความคิดพรรณนาคำพูดมากมายเกินล้าน เป็นเวลาเนิ่นนานพอควรที่สบสายตากัน ประตูรถถูกเปิด รุ่นพี่ก้าวขาขึ้นรถผ่านตัวของคัตเตอร์ขาว
หัวใจดวงเล็กสั่นไหวราวกับแผ่นดินเคลื่อน ให้ตายเถอะตกหลุมรักอะไรง่ายขนาดนั้น
...คัตเตอร์ขาวช่างรักข้างเดียวเก่งเสียจริง...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments