แค่แอบรักเพื่อน
เออดีครับ ผมพระเอกของเรื่องนี้ยังไม่บอกละกันว่าชื่ออะไร ก็นั่นแหละนะเริ่มเรื่องก็คงจะต้องย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ปีที่ทำให้วันธรรมดาของผมเปลี่ยนไป
ในเช้าของฤดูฝนอากาศที่อับชื้นความเปียกแฉะของพื้นถนนก็เป็นวันที่แย่อีกวันหนึ่งของผมอะนะ วันจันทร์อาทิตย์ที่3ของการเปิดภาคเรียนม.4
“เป็นไรวะเอ็มเหม่อทำไม วิญญาณออกจากร่างหรอวะ”
เสียงเรียกจากเพื่อนของผมทักขึ้นมา ตอนกำลังมองออกไปทางถนนของซอยเล็กข้างล่าง
“กูยังไม่ตาย” แค่เหม่อก็ผิด
“ไม่ได้บอกว่าตายแค่ถามว่าวิญญาณออกร่างยังมึงนิ” ยังมีหน้ามาแถต่ออีกไอ้นี่นิ “เอ่อมึงรู้ยังว่าวันนี้จะมีคนย้ายมาใหม่”
“รู้แล้ว” ถึงจะเพิ่งรู้จากแม่เมื่อเช้านี้ก็เถอะถ้าแม่ไม่บอกก็ไม่มีทางรู้จนเขามาถึงเนี้ย
“เชี้ย! เอ็มผู้ไม่รู้เหี้ยอะไรบนโลกนี้รู้ได้ไงวะ สึนามิต้องเข้ามาถึงจังหวัดเราได้แน่”
“สัสเข้าเรื่องถามกูทำไมก่อน”
“อ้าวกูถามไม่ได้หรอวะแค่อยากรู้ว่ามึงรู้ข่าวยัง” ถามเพื่อผมนี้เป็นงงถามทำไม(คนเขาชวนคุยพี่ยังจะถามอีกน่//คนเขียนเป็นเครียด)
“ถามแล้วมันได้อะไรล่ะฟะ” ตูรู้ว่าเมิงชวนกูคุยแต่ทำไมต้องคุยเรื่องเด็กใหม่ไม่เข้าจาย
“ได้ความสนุกจากกูนี้แหละโว้ยยยย!”
หลังจากนั้นก็เกิดการตลุมบอนกันเกิดขึ้นสักพักกว่าจะสงบลง (เห็นชัดๆ ว่าพี่ไปหาเรื่องเพื่อนอ้า)
“มึงคิดว่าเด็กใหม่จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” เสียงคุณเพื่อนดังขึ้นข้างๆ ด้วยสีหน้าและท่าทางที่บ่งบอกความอยากรู้อยากเห็น
“ไอ้สาสสสส! มึงลืมหรอนี้โรงเรียนชายล้วนมึงจะไปเอาสาวที่ไหนมาฮะ” ผมนี้ขึ้นเลย (อารมณ์ขึ้น) ปล่าวขึ้นไปขี้ห้องน้ำอยู่ชั้นบนถุย!
“อะไรว้าาาชีวิตมันต้องการสาวๆมาฮิลใจบ้างดิ”
“ครูมาแล้วโว้ยยยยย!!!” เสียงหัวหน้าห้องดังขึ้นมากตามมาพร้อมกับเสียงสถบตกใจและเสียงโต๊ะไม้กับเก้าอี้ไม้ดังเอียดอาดๆ ภาพที่เด็กนักเรียนวิ่งวุ่นกลับที่นั้งตัวเอง กว่าสงบได้ครูก็เข้ามาในห้องพอดี
“นักเรียนทำความเคารพ” เสียงหัวหน้าดังขึ้นก่อนที่เสียงทุกคนจะตอบพร้อมกันก่อนจะเริ่มคาบโฮมรูม
“สวัสดีครับ”
“นักเรียนคงจะรู้จากผู้ปกครองมาบ้างแล้วว่าจะมีเด็กใหม่เข้ามา อ่าวนักเรียนเข้ามาแนะนำตัวได้ค่ะ” ครูประจำชั้นสุดจะชิวเพราะอีกไม่กี่ปีก็เกษียณแล้วบอกกล่าวกับเด็กใหม่
ภาพแรกของเด็กคนนั้นเข้ามาในสายตาผม ผมสีน้ำตาลดูธรรมชาติผิวที่ขาวเหมือนไม่เคยโดนแดดดูนุ่มนิ่มดวงตากลมโตใบหน้าดูงงๆ มึนๆ ตลอดลอดเวลา'น่ารักว่ะ'เอะทำไมตูคิดว่าผู้ชายมันน่ารักฟะมันก็น่ารักแหละแต่นี้ผู้ชายนะเห้ย
“สวัดดีครับผมนาย เนติธร ธนะโชค ชื่อเล่นชื่อนนท์ครับ ย้ายมาจาก รร.ธตร.ครับฝากตัวด้วยนะครับ”
ขนาดเสียงก็ยังดูนุ่มทุ้มฟังสบายอะไรวะเนี้ยตัวตูทำไมไปหลงผู้ชายไม่ได้ไอ้เอ็มกลับมาก่อนมันเป็นผู้ชายโว้ยยยยยย!
“อ่า เนติธรโต๊ะเธอไปลากมานั้งข้างหลังตรงที่ว่างตรงนั้นเลยนะจะ มีอะไรก็ถามเพื่อนข้างๆ ได้เลยนะ นักเรียนช่วยกันดูแลเพื่อนด้วยนะ” ครูว่าแล้วก็กล่าวเลิกชั้นได้แล้วออกห้องไปเลยสุดจะรักครูแบบนี้
แต่เดี๋ยวก่อนนะที่ว่างข้างๆ นี้มันฝั่งซ้ายของตูนี้หว่าโอโฮอย่างใกล้ข้างๆ กูเลย
ชี้แจงสักนิดให้นึกภาพออกนะครับห้องผมถูกแบ่งเป็น4แถวยาวๆ จัดเป็นคู่ๆ นั้งคู่กัน ผมนั้งกับเพื่อนนั้งหลังสุดติดหน้าต่าง ข้างขวาผมคือเพื่อนที่คู่ผม ข้างซ้ายคือเด็กใหม่ที่นั้งคนเดียวอีกแถวนึง
“นายเด็กใหม่ชื่อนนท์ใช่ไหมเราคิณนะส่วนไอ้นี่ชื่อเอ็มมันไม่ค่อยพูด” มาละเพื่อนตูประเดิมเปิดคนแรกเลยไอ้คิณคือเพื่อนสมัยม.ต้นที่ตอนแรกก็ไม่สนิทกันหรอกแต่พอมาอยู่ห้องด้วยกันเลยสนิทกันเฉย
“หวัดดี” นนตอบกับคิณ
“เราตะไคร้นะมีไรถามเราได้” ตะไคร้เพื่อนอีกคนของผมที่นั้งข้างหน้าไอ้คิณพูดทักทาย
“เรากอไผ่เรียกไผ่ก็ได้” ไผ่ก็เป็นเพื่อนอีกคนที่นั้งอยู่หน้าผม
ตะไคร้กับกอไผ่เป็นเพื่อนที่ผมเพิ่งมาเจอตอนขึ้น ม.4นี้แหละเพราะนั้งใกล้กันเป็นเหตุให้ได้เพื่อน
“ทำไมนายถึงย้ายมากลางคันล่ะแถมยังย้ายเข้าวิทย์คณิตได้เลยด้วยแสดงว่าต้องโครตเก่ง” คิณเปิดบท สนทนาขึ้น
“พ่อเราต้องย้ายมาทำงานที่นี้น่ะ แล้วเราก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกน่า555”
อะไรกันแค่ยิ้มแค่หัวเราะยังน่ารักเลยอะไรวะเนี้ยเห้ยเพิ่งมาสังเกตดูดีๆ ว่าตาข้างในเป็นสีน้ำตาลแถมขนตายาวอีก สาวน้อยหรอวะเป็นผู้หญิงกูจีบแล้วโว้ย (ใจเย็นนะพ่อหนุ่ม)
บทสนทนาเป็นไปอย่าราบเรียบทำความรู้จักกันและกันถ้าถามว่าคนอื่นในห้องไปไหนทำไมไม่เข้ามาคุยกับพวกเราพวกมันนอนครับเวลานี้คือเวลานอนอากาศแบบนี้นอนสิครับหน้าฝนก็ต้องนอนสิครับ!
คุยกันไปจนหมดคาบโฮมรูมต่อไปเป็นคาบวิทย์ที่ต้องเดินไปใช้อีกอาคารแต่เหนือกว่าเดินไปเรียนคือตอนนี้ฝนตกหนักมากครับผม อาคารวิทย์กับอาคารที่ผมอยู่มันห่างกันเป็นโยช ใครไม่ได้พกร่มมาเตรียมตัวลาป่วยได้เลย และแน่นอนผมเป็นคนรอบคอบต้องพกมาอยู่แล้วอะฮิ
“เอ็มเดี๋ยวกูไปกับไอ้พวกจูนนะฝากดูแลเด็กใหม่ด้วยล่ะ” คิณว่าเสร็จก็วิ่งหายไปกับพวกหัวหน้าเลยอะไรวะโยนภาระให้กันนี้หว่า
“นนท์ยังไม่มีหนังสือใช่ปะเดี๋ยวใช้กับเรานะ แล้วเอาร่มมาไหมมันต้องเดินฝ่าฝน” ผมเดินเข้าไปคุยกับนนท์ไม่ได้รู้สึกประหม่าหรอกนะเว้ยท่านผู้ชมอย่าหวังว่าจะเจอมันก็ผู้ชายคนนึงเหมือนกันนั้นแหละแค่น่ารักเอง
“เราเพิ่งย้ายมาอะไม่ได้ไปซื้อร่ม”
“ไปกับเราก็ได้รีบไปเถอะก่อนครูด่า”
“อ่าๆ”
ฝนแม่งแรงจังวะอุตส่าไม่เดินเร็วๆ เพราะกลัวนนท์ตามไม่ทันแล้วนะพอหันไปหานนท์ก็เห็นไหล่ซ้ายเปียกมะล่อกมะแล่กสะแล้ว โอ้ยฝนน่ ตูยังไม่อยากให้เพื่อนใหม่ป่วยเป็นไข้ไปก่อนนะเว้ย
“นนท์ถือของให้เราหน่อยนะ” นนยังไม่ทันตอบตกลงก็ยื่นไปให้ถือสมุดหนังสือแทนตัวเองแล้ว
เปลี่ยนมือที่ถือร่มจากซ้ายไปถือข้างขวาส่วนข้างซ้ายที่ว่างไปโอบไหล่ให้เข้ามาชิดตัวแทบจะซ้อนกันอยู่แล้ว
“ฝนมันแรงรีบเดินเถอะ” ไม่ว่าปล่าวยังออกแรงดันนนท์นิดๆ ให้เดินไปข้างหน้าเร็วๆ
ไอ้ฝนบ้าบอจะตกทำไมต้องมาตกหนักตอนนี้วะตูหนาวเฟ้ยรีบหยุดได้แล้ว
และมาถึงห้องวิทย์โดยสวัสดิภาพ ก็ผีละ! ถุงตีนเปียกเนี้ยแขนเสื้อก็เปียกขนาดเบียดกับนนท์จนแทบจะกลายเป็นชิ้นเดียวกันแล้วยังเปียกอยู่ดี
พอมาถึงก็เจอคิณที่นั้งอยู่ที่กลุ่มรอแล้ว
“ไผ่กับไคร้อะ” พอมาถึงแล้วไม่เจอเพื่อนอีก2คนก็เกิดความสงสัยดิครับ ผมออกห้องมาคนสุดท้ายมันจะหายไปไหน
“ไม่รู้ไปห้องน้ำมั้ง”
“อ้อ”
“พวกมึง2คนนี้ยังไงกูเห็นพวกมึงตอนเดินมานี้แทบจะเป็นแผ่นเดียวกันละนะกิ้วๆ”
“กิ้วพ่อกิ้วแม่มึงดิ” ด่าไอ้คิณไปก็หันไปหานนท์ที่เงียบมาตั้งแต่ตอนเดินมาแล้วหน้านนก็ยังงงๆ เหมือนเดิมคงยังไม่ชินแหละมั้ง
ผ่านไปได้สักพักอาจารก็เข้ามาแต่เสี้ยววินาทีก่อนอาจารย์จะมาไอ้ไผ่กับตะไคร้ก็เข้าด้วยสภาพเปียกโชกเหมือนตกน้ำมามันไปทำอิท่าไหนกันวะนั้น
ตอนเรียนไปก็ถามพวกมันไปด้วยมาไปทำอะไรกันผลที่ได้คือพวกมันวิ่งฝ่าสายฝนพร้อมถือร่มรมมันแรงด้วยพักร่มปลิวจะวิ่งตามไปเก็บก็ลื่นกันอีกได้แผลมาด้วยสภาพคือดับอนาถครับผม
พักกลางวันสักทีผมนี้โคตรเหนื่อยเลยคาบเช้าไม่ได้เหนื่อยจากที่เรียนนะเหนื่อยกับไอ้คิณนี้แหละคุยอยู่นั้นกะว่าจะแอบหลับคาบวิทก่อนมากินข้าวไม่ได้หลับเพราะมันนี้แหละ
อากาศกำลังดีฝนก็ยังตกอยู่แต่ซาลงแล้วก็ยังดีล่ะวะ
“นนท์ไปกินข้าวกับเราไหม” คิณชวนนนท์ไปกินข้าวด้วยปกติผมกับคิณไม่ได้ไปด้วยกันนะครับคิณไปกับเพื่อนอีกห้องผมเลยไปกินคนเดียวเศร้าว่ะ
“อื่ม” นนท์ตอบกลับพร้อมยิ้มให้ด้วยอยากยิกแก้มจังโว้ยน่าจะนุ่มนิ่มแน่ๆ
“ไอ้คิณไปกินข้าวกัน” เสียงหนึ่งในเพื่อนได้คิณจากต่างห้องเรียกทัก
“แปบ” ตอบไปมันก็เพิ่งนึกออกเพื่อนมันมีกันตั้งเยอะโต๊ะเต็มพอดีแล้วจะให้นนท์ไปนั้งไหนวะ
“เอ่อกูไปกับนนท์ก็ได้ปกติกูก็ไปแค่คนเดียวอยู่แล้วมึงไปเถอะ” ต้องทำตัวเป็นคนดีเข้าไว้หน่อย
“อ่าๆ ฝากด้วยนะ”
ในระหว่างที่เดินไปโรงอาหารใต้ร่มคันเดียวกันผมก็คอยบอกนนท์ว่าตึกที่เดินผ่านคือตึกอะไรบ้างเวลาเดินมาเองจะได้มาถูกนนท์ก็ตอบผมเป็นระยะ ชวนผมคุยบ้างเวลาตอนนั้นเหมือนมันยาวนานมากเลยหัวใจมันรู้สึกฟูขึ้นมาเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน
ถึงโรงอาหารก็พากันหาที่นั้งเอาเงินไปแลกคูปองอาหาร
“ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเจ้านี้อร่อยนะ ข้าวราดแกงนี้ก็อร่อยอยากกินอะไรก็เข้าไปสั่งเลยแล้วค่อยไปเจอกันที่โต๊ะ” ผมบอกนนท์อาหารในรร.ก็งี้แหละไม่มีอะไรให้เลือกมากหรอก
“ได้ๆ งั้นเราไปร้านก๋วยเตี๋ยวนะ”
“อื่มเดี๋ยวเจอกันที่โต๊ะ” ว่าเสร็จผมก็เดินแยกไปร้านข้าวแกงผมซื้อร้านนี้ประจำจนป้าเจ้าของร้านจำได้แล้วก็คนมันหล่อต้องจำได้อยู่แล้วแหละ
ซื้อข้าวเสร็จก็กลับมารอที่โต๊ะจะกินก่อนมันก็กระไรอยู่รอกินพร้อมกันดีกว่ารอไปสักพักก็ยังไม่เห็นกลับมาสักทีไปลุกไปดูดีกว่าเพื่อเจ้าตัวเป็นอะไร พอเดินมาถึงร้านก๋วยเตี๋ยวก็ยังเห็นยืนต่อแถวอยู่เลยทำไมมันได้ช้าจังวะนั้น
“นนท์ยังไม่ได้อีกหรอ”
“เออเอ็มคือ...เราไม่รู้ว่าต้องไปต่อแถวไหนยังไงอะเลยโดนแซงอะ”
ชัดเจนนี้แหละรักที่พร้อมเป็นใจที่ไม่ใช่ (พอ!) ชัดเจนไอ้นี้แม่งทึ่มสุดๆ เลยนี้หว่าแค่ต่อแถวซื้อข้าวยังโดนแซงได้ง่ายๆ เฉยเป็นสาวน้อยหรอถามจริงงงงง!
“เออเดี๋ยวเราซื้อให้เลยดีกว่า จะกินอะไรอะ”
“หมี่เหลืองน้ำตก” นนว่าพร้อมสายตาวิบวับเป็นประกายเหมือนเห็นความหวังอื่มก็น่ารักดีเหมือนกันนะ (ตะกี้ยังด่าเขาอยู่เลย)
นนท์ว่าจบผมก็ขอคูปองมาต่อแถวแทนสักพักก็ถึงคิวผมเป็นคนดีต้องต่อแถวซื้อของอย่างหวังจะมีเรื่องต่อยตีกันนะครับเจ็บตัวเปล่าๆ เดี๋ยวแม่ด่าด้วย
พอได้หมี่เหลืองน้ำตกของนนท์มาแล้วก็ชวนกันกลับโต๊ะไม่ได้ชวนกันขึ้นห้องนะครับ
“เออนนท์อยากกินน้ำอะไรอะเดี๋ยวเราไปซื้อให้” ทานข้าวเสร็จแล้วก็ต้องไปซื้อน้ำถามนนท์ที่ยังทานไม่เสร็จด้วยเลยว่าอยากกินน้ำอะไรจะได้ซื้อพร้อมกัน
“มีน้ำแดงไหมอะ” นนท์ที่แก้มยังเคี้ยวตุ้ยๆ ตอบกลับมาเหมือนหนูเลยแฮะ
“มีๆ เดี๋ยวเรามานะ”
“อื่ม” นนท์ยิ้มให้
พอถึงร้านขายน้ำก็สั่งน้ำแดงให้นนท์แล้วก็กระเจี๊ยบให้ตัวเองจะว่าไปมันก็สีแดงทั้งคู่เลยนี้น่าหวังว่าจะไม่หยิบสลับกันนะ
“ได้แล้ว” ว่าแล้วยื่นแก้วน้ำแดงให้
“ขอบคุณ”
มองไปข้างนอกโรงอาหารฝนก็ยังตกอยู่เลยวันนี้นี้มันน่านอนจริงๆ เลยนะ
“เอ็มเนี้ยใจดีจังนะ” จู่ๆ นนก็พูดขึ้นมา
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า เป็นเพื่อนกันแล้วมีไรก็ต้องช่วยกันดิ” ว่าแล้วก็หยิบน้ำขึ้นมาดูดแก้เก้อสะอึกใหญ่
เห้ย! นี้ไม่ใช้กระเจี๊ยบของตูนินี้มันน้ำแดงพอ เงยหน้าขึ้นมาก็เจอนนท์งับหลอดดูดน้ำกระเจี๊ยบของผมเข้าแล้วนี้มันจูบทางอ้อมแล้วโว้ยยยยย!!
แต่ก็ชั้งมันเถอะคิดมากอะไรแดกน้ำขวดเดียวกันกับไอ้คิณยังทำมาแล้วแหมะคิดมากว่ะ
“เราขอโทษเราเผลอหยิบผิดสีมันคล้ายกัน” นนท์เอ้ยขอโทษผมพร้อมทำท่าลุกลี้ลุกลนใหญ่เลย
“เห้ยไม่เป็นไรๆ เราก็กินของนายไปตั้งเยอะถือว่าหายกัน”
กว่าจะกู้สถาณะการกันกลับมาได้เรียกว่ากู้หน้ากันสุดๆ อีกนิดก็จะหมดเวลาพักแล้วเลยเอาจานไปเก็บแล้วเตรียมตัวขึ้นห้องไปเรียนต่อหรือนอนต่อดีหว่า
-----------------------------------------------------------------------
ลองลงเฉยๆค่ะถ้ามีคนอ่านก็จะลงในนี้ต่อ
แต่ถ้าไม่มีไปตามต่อที่ readawrite นะคะ
อุบส์เขาบอกห้ามหยาบอะอุ่ย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments