"นี่ ซีเวียร์ เราจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปไหม" เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเล่นก่อปราสาททรายอย่างสนุกสนานได้เอ่ยถามขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัด
"นี่ยัยเตี้ย เธออยากอยู่กับฉันตลอดไปเหรอ" เด็กชายตัวน้อยกล่าวด้วยความเขอะเขินก่อนจะเบือนหน้าหนีเพราะทำตัวไม่ถูกกับคำถามอันไร้เดียงสาของเด็กน้อย
"ใช่แล้วล่ะ ฉันน่ะนะ อยากจะอยู่กับซีเวียร์ตลอดไปเลยนะ เราจะได้เล่นสนุก ๆ ด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน ไปที่ ๆ เราอยากไปด้วยกัน มันดูมีความสุขมากเลยนะ อยากจะเติบโตไปพร้อมกับซีเวียร์" เด็กหญิงยิ้มแก้มปริก่อนจะมองมายังอีกฝ่ายพร้อมกับทำสายตาที่เปร่งประกาย ทำเอาอีกฝ่ายเขินจนพูดไม่ออก และชะงักไปชั่วครู่
"อื้อ งั้นเรามาอยู่เล่นด้วยกันแบบนี้ตลอดไปนะ ห้ามทิ้งฉันไปไหนล่ะ ยัยเตี้ย" เด็กหนุ่มพูดขึ้นพร้อมแสดงให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะลูบหัวเด็กสาวด้วยความเอ็นดู
"ได้สิ ฉันสัญญาเลย มาเกี่ยวก้อยสัญญากันนะ" เด็กสาวเอื้อมมือมาพร้อมชูนิ้วก้อยที่ดูน่ารักให้อีกฝ่าย ทั้ง 2 เกี่ยวก้อยสัญญาพร้อมรอยยิ้มของเด็ก ๆ ตัวน้อยที่ไร้เดียงสา
"ฉันจะปกป้องเธอเอง"
ถึงเราจะพูดไว้อย่างนั้นแต่สุดท้ายแล้ว เราทั้งคู่ก็ไม่ได้เจอกันอีกเป็นระยะเวลาราว 15 ปี
เมื่อระยะเวลาผ่านไป เราก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง โชคชะตาของเราก็กลับมาบรรจบกันอีกครั้ง ความสนิทสนมของเราไม่เปลี่ยนแปลงราวกลับว่าเรา 2 คนได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เธออาจจะกลับมาเพราะเธอถูกไล่ออกจากบ้าน และต้องมาใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว หาเช้ากินค่ำฉันก็อยู่ข้างเธอ จนเธอได้แสดงให้ครอบครัวได้เห็นถึงความพยายาม จนเธอได้ไต่เต้าขึ้นไปยังจุดหมายของเธอได้ เธอก็จะยังเห็นฉันอยู่ข้าง ๆ เธอเสมอ แม้ว่าสักวันหนึ่งเธออาจจะไม่เหลืออะไรเลย เธอก็จะยังเหลือฉันอยู่ข้างกาย ฉันจะไม่ทิ้งเธอไปไหนและฉันก็จะปกป้องเธอ ตราบใดที่ฉันยังหายใจจะไม่มีใครมาทำร้ายเธอเด็ดขาด เพราะเธอคือโชคชะตาของฉัน ฉันอาจจะไม่คู่ควรกับการเป็นคนรักของเธอ งั้นฉันก็จะเป็นคนปกป้องและซื่อสัตย์ต่อเธอเอง
"แต่ตอนนี้ฉันจะไม่โกรธที่เธอผิดสัญญา"
ซีเวียร์
----------
"พ่อคะ นี่ ๆ ดูคะแนนสอบของหนูสิ เก่งใช่ม้าา คะแนนเพิ่มมาตั้งเยอะเลยนะคะ" สาวน้อยยิ้มด้วยความร่าเริง ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นบางให้ผู้เป็นพ่อที่พึ่งเดินเข้ามาในบ้านได้ดู
"แกทำได้แค่นี้เหรอ"
"คะ..."
"ฉันถามว่าแกทำได้แค่นี้เองเหรอ มันสมองของแกมันมีอยู่แค่นี้หรือไง ทำไมแกถึงทำวิชาเลขได้แค่ 78 คะแนน ทั้ง ๆ ที่มันเต็ม 100 ทำได้แค่นี้เองเหรอ แล้วแกจะเป็นหมอได้ยังไง!!! มันสมองอย่างแกจะบริหารบริษัทฉันได้ยังไง กับอีเรื่องเรียนยังทำไม่ได้ ชีวิตที่เหลือแก แกจะทำยังไง จะเกาะฉันกินตลอดชีวิตหรือไง!!!" เสียงตวาดของชายวัยกลางคนทำให้สาวน้อยเปลี่ยนจากรอยยิ้มที่สดใสกลายเป็นน้ำตาที่แปดเปื้อนอยู่บนใบหน้า
"แต่หนูทำเต็มที่มากเลยนะคะคุณพ่อ หนูพยายามเต็มที่แล้วนะคะ แล้วหนูก็ไม่เคยคิดที่จะเกาะพ่อแม่และพี่ชายเลยนะคะ หนูจะพยายามด้วยวิธีของหนูเอง หนรู้ว่าหนูไม่เก่งพอ แต่หนูทำเต็มที่แล้วจริง ๆ นะคะพ่อ" เสียงของสาวน้อยเริ่มสั่นคลอน นัยต์ตาสีน้ำตาลอ่อนเริ่มมีน้ำตาค่อย ๆ เอ่อล้นอาบแก้มขาวนวล
"แกพยายามแล้ว แต่แกดันทำได้แค่นี้เหรอ แกน่าจะเก่งให้ได้สักครึ่งนึงของพี่ชายแกบ้างนะ ถ้าเกิดมาเป็นผู้ชายคงจะสานต่อกิจการของฉันได้ดีกว่านี้ อย่ามาทำตัวบีบน้ำตาเหมือนโสภณีข้างถนนฉันไม่ชอบ ถ้าฉันเห็นแกร้องไห้อีก แกจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อ จำใส่สมองขี้เลื่อยของแกไว้ซะ" ชายวัยกลางคนฉีกกระดาษแผ่นบางจนกลายเป็นเพียงเศษขยะธรรมดาไร้ความหมายก่อนจะทิ้งลงพื้น และเดินจากไป ทิ้งให้เด็กสาวยืนร้องไห้อยู่เพียงลำพังพร้อมมองเศษกระดาษที่บนพื้นทั้งน้ำตา ในบ้านหลังใหญ่โตที่ทำให้เธอยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวในบ้านหลังนี้ เป็นที่ที่ไร้ความอบอุ่นและไร้ความรัก ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับกำลังใจจากครอบครัวสักครั้ง ไม่รู้แม้กระทั่งความอบอุ่นของครอบครัวมันเป็นอย่างไร และความรักจากครอบครัวมันเป็นเช่นไร ความพยายามที่ไม่ถึงเป้าหมายไม่เคยถูกนับว่าเป็นความพยายาม ไม่เก่งไม่พอเธอยังไร้พรสวรรค์ใด ๆ ที่พอจะทำให้ผู้เป็นพ่อได้ภูมิใจ ทำอย่างกับว่าเธอเป็นเพียงสนามอารมณ์เพียงเท่านั้น อาจจะผิดตั้งแต่ที่ไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชาย ไม่ก็อาจจะเป็นตั้งแต่ที่เธอเป็นแค่เพียงลูกติดเมียเก่า
"ตั้งแต่ตอนที่พ่อกับแม่รู้ว่ามีลูกที่จะเกิดมาเป็นเด็กผู้หญิง พ่อกับแม่ควรจะทำแท้งนะคะ"
ชายวัยกลางคนหยุดชะงักก่อนจะเดินกลับมาหยุดลงตรงหน้าเด็กสาว
เพี๊ยะ!!!
แรงเหวี่ยงของฝ่ามือมากระทบที่ใบหน้า ทำให้เด็กสาวทรงตัวไม่อยู่ จึงล้มลง ใบหน้าขาวนวลเกิดรอยแดงเป็นรูปฝ่ามือ และมีเลือดกำเดาไหลออกทางจมูก ใบหน้าของเด็กสาวกลับไม่หลงเหลือความกลัวและไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด หลงเหลือเพียงความเย็นชาทิ้งเอาไว้เพียงเท่านั้น
ตั้งแต่วันนั้นวันนั้นกลับกลายเป็นวันสุดท้ายที่เธอได้แสดงรอยยิ้มให้คนในครอบครัวได้เห็น
----------
"อึก...ปวดหัวจัง ปวดเหมือนหัวจะระเบิด..." ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ กวาดสายตาไปรอบ ๆ ตัว ฉันก็ได้รู้ตัวว่าตัวเองได้มาอยู่ในที่ ๆ ไม่รู้จักและไม่คุ้นเคย บ้านหลังเก่าทรุดโทรม ใยแมงมุมบนผนังห้อง คราบเลือดและสิ่งสกปรกบนพื้นและกำแพง กลิ่นคาวเลือดที่เหม็นจนน่าสะอิดสะเอียนคละคลุ้งไปทั่วห้อง มันทำให้ฉันคลื่นไส้จนอยากจะอาเจียนออกมา
"ที่นี่ ที่ไหน..." ฉันพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นจากพื้นช้า ๆ ฉันรู้สึกถึงความเจ็บช้ำและเจ็บปวดบนร่างกายราวกลับแขน ขา และลำตัวของฉันกำลังจะขาดออกจากกัน
ฉันมองไปเห็นแก้วน้ำที่หกอยู่ปลายเตียงและเหมือนว่าจะมีชายวัยกลางคนที่กำลังหลับอยู่ ฉันจึงเดินเข้าไปใกล้อย่างช้า ๆ เพื่อที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายตื่น
"ละ..ละ....เลือด" ฉันอุดปากตัวเองเพื่อที่จะไม่กรี๊ดออกมา เมื่อมองไปที่ชายวัยกลางคนตรงหน้าที่กำลังนอนจมกองเลือดบนเตียงสีขาว สายตาที่เบิกลอย ปากคล้ำ ผิวซีด กลางอกมีมีดปักอยู่ ฉันรู้สึกชาไปทั้งตัว ความรู้สึกกลัวกำลังถาโถมเข้ามา มันทำให้ฉันหมดสติไป
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
'
"ท่านพี่ ตื่นได้แล้ว ท่านพี่" เสียงเด็กชายพูดขึ้นก่อนจะอุ้มเด็กสาวร่างบางไปยังบ้านหลังนึงที่อยู่กลางป่า ความเงียบสะงัดของป่ายามค่ำคืน มันช่างสร้างบรรยากาศอันน่ากลัวได้เป็นอย่างดี เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะวางร่างอันบอบบางลงบนเตียงที่ขาวสะอาดอย่างอ่อนโยน
"ที่นี่ที่ไหนกันน่ะ" ฉันสะดุ้งตื่นขึ้น สบตาเด็กหนุ่มตรงหน้า เขามองฉันด้วยรอยยิ้มอันสดใส
"ตื่นแล้วเหรอครับ ท่านพี่" เด็กชายพูดก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น พร้อมกับโผลกอดฉันจากทางด้านหน้า ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูก
"ทำอะไรน่ะ" ฉันถามก่อนจะผลักเด็กชายออก เพื่อที่จะหลุดจากพันธนาการของเขา
"ท่านพี่...ท่านเป็นอะไรไป ท่านโดนชายคนนั้นทำร้ายมาหรือ ท่านพี่ ท่านไม่เคยผลักไสข้าแบบนี้เลยนะ ท่านเป็นอะไรไป" เด็กชายทำสีหน้าเป็นห่วงอยู่พักใหญ่ ก่อนจะลนลานวิ่งไปหยิบแก้วก่อนจะรินน้ำอุ่น ๆ มาให้ดื่ม
"ไม่เอา ฉันไม่กิน" ฉันมองไปที่เด็กหนุ่มอย่างไม่ไว้วางใจนัก ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครและฉันอยู่ที่ไหน แล้วทำไมเขาถึงต้องทำดีกับฉัน แล้วเราเป็นอะไรกัน ฉันมีคำถามอยู่มากมายเต็มไปหมดแต่ก็ดันพูดอะไรไปมากมายกว่านี้ไม่ได้ ฉันกลัว กลัวมาก
"นายเป็นใคร" ฉันพูดออกไปอยากแผ่วเบา ฉันกลัวมาก แต่ถ้าไม่ถามฉันก็จะไม่รู้
"ท่านจำข้าไม่ได้งั้นเหรอ ข้าไง โจเซฟน้องชายคนเดียวของท่าน" เด็กชายพูดก่อนจะทำสีหน้าเศร้าหมอง
"น้องชายเหรอ"
"ข้าเป็นน้องชายของท่านไง เป็นคนที่อยู่ข้างท่านมาตลอด"
"หมายความว่ายังไง ที่ว่าอยู่ข้างข้า"
"ท่านพี่ หรือว่าท่านจะโดนไอ่เลวนั่นทำร้ายแล้วจำข้าไม่ไแ้ ไอ้เวรนั่น"
"นายหมายถึงใคร"
"ก็ไอ้คนที่ท่านพี่พึ่งฆ่าไปไงครับ ท่านจำไม่ได้จริง ๆ งั้นเหรอท่านพี่" โจเซฟร้องไห้ออกมา เขาดูเป็นคนที่อ่อนโยนมาก แต่ว่าทำไมอยู่ ๆ ฉันถึงได้คุ้นเคยกับเขานักล่ะ โจเซฟงั้นเหรอ
"แล้วชื่อของข้าล่ะ เจ้าบอกข้าได้ไหม" ฉันถามออกไป
"แม้แต่ชื่อของท่านเอง ท่านก็จำไม่ได้งั้นเหรอ เป็นเหตุการณ์ที่แย่มาก ท่านชื่อเอสเตอร์ สาวงามที่บุรุษทั้งหลายต่างหมายปอง แม้สตรีบางคนยังตกหลุมรักท่าน ท่านอายุกำลังเข้าใกล้ 18 ปีแล้ว ท่านเป็นนักฆ่า ในยามเช้าท่านจะต้องดื่มยาที่ทำให้ท่านกลายเป็นชาย เพื่อที่จะซ่อนตัว ส่วนยามค่ำคืน ท่านก็ต้องหาเหยื่อที่ท่านพ่อของเราได้รับมอบหมายงานให้พวกเรา เราต้องกำจัดผู้คนตามที่ได้รับมอบหมายในภารกิจ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือร้าย เด็ก ผู้ใหญ่ และวัยชรา ถ้าเราไม่ทำเช่นนั้น เราคงจะเป็นฝ่ายที่ต้องตายแทนเสียเอง" โจเซฟอธิบายจนฉันได้เข้าใจทุกอย่าง ทั้งงานที่ต้องแปดเปื้อนเลือด ทั้งร่างกายฉันที่โดนทำร้ายจากคนที่ฉันต้องเรียกว่าพ่อ ไม่ตีด้วยไม้ก็ตบและทุบด้วยมือ ไม่แปลกใจที่ร่างกายของฉันจะมีบาดแผลมากมากมายขนาดนี้ ฉันรู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีก ถ้าเกิดว่าฉันไม่ทำแล้วหนีไป มันจะเป็นยังไงกันนะ ฉันจะโดนฆ่าเสียเองหรือเปล่า
"ฉันไม่อยากทำงานแบบนี้แล้ว" ฉันพึมพำเบา ๆ
"ท่านพี่...ท่านจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ ไม่งั้นท่านจะถูกฆ่าตายเสียเอง ท่านฟังที่ข้าพูดนะ ท่านจะเลิกทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด งานนี้เป็นงานของเราตั้งแต่ยังเด็ก เราถูกเลี้ยงดูมาเช่นนี้แล้ว งานนี้มันคือชีวิตของเรา เราจะหยุดกลางคันไม่ได้ ไม่งั้นเราคงจะไม่มีชีวิตรอดจากที่นี่เป็นแน่" โจเซฟพูดด้วยสายตาอ้อนวอนราวกลับกลัวว่าจะเสียสิ่งสำคัญเพียงหนึ่งเดียวไป แต่ฉันก็กลัวไง จะให้ทำยังไงล่ะ จะให้ฆ่าคนเนี่ยนะ ฉันไม่กล้าหรอก
"อะ...อึก" อยู่ ๆ หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นมาเฉยเลย ทำยังไงดี มันเจ็บ เจ็บมาก เหมือนใจมันจะระเบิด หัวก็ปวดแรงขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย เสียงของฉันไม่สามารถเล็ดลอดผ่านออกมาได้ มันเจ็บปวดไปทั้งตัว ราวกับว่าร่างกายของฉันกำลังจะขาดออกจากกัน
"ไม่นะ...ช่วยด้วย โจเซฟ....ช่วยฉันด้วย"
"ท่านพี่ ท่านพี่เป็นอะไรไป ฝื้นสิ ฝื้นขึ้นมาสิท่านพี่ ท่านพี่"
"อึก.." ฉันลืมตาตื่นขึ้น ก็เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มกำลังหลับอยู่ข้างเตียง พร้อมกุมมือของฉันไว้ ส่วนมืออีกข้างก็กำผ้าขาวบางที่เปียกน้ำหมาด ๆ ไว้ในมือ ไม่ไกลจากเขาก็มีชามใส่น้ำ หรือว่า เขาอยู่เฝ้าและเช็ดตัวให้ฉันตั้งแต่ฉันสลบไปเลยงั้นเหรอ
"ท่าน...พี่...ข้าจะปกป้อง...ท่านเอง" เสียงละเมอของเด็กหนุ่มกลับกลายเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกคุ้นเคย ราวกลับเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลาตั้งแต่ต้น ฉันรู้สึกคุ้นหน้าของเขา แล้วฉันก็มีความทรงจำเกี่ยวกับเขา ถึงแม้เราจะพึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ฉันค่อย ๆ พะยุงตัวเองลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่ห้องน้ำ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเงากระจก เมื่อฉันเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก ฉันก็รู้สึกตกใจและพอจะจำบางอย่างได้ เอสเตอร์งั้นเหรอ ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับชื่อนี้ โจเซฟ เอสเตอร์ เป็นนักฆ่างั้นเหรอ นะ...นี่มันเหมือนกับนิยายของฉันตอนมัธยมต้นเลยไม่มีผิดเพี้ยน ฉันหายสงสัยทันที เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองมาอยู่ในนิยายที่แต่งขึ้นตอนยังเป็นเด็ก ก็ยังดีที่ฉันก็ยังจำได้ว่าได้แต่งนิยายเรื่องนี้ไว้ด้วย แต่ฉันก็ดันลืมเนื้อหาของนิยายตั้งหลายส่วนเลย ไม่สิฉันลืมเกือบทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ แย่แล้ว ทำยังไงดี ทุกอย่างมันต้องดำเนินเรื่องตามนิยายใช่ไหมนะ เดี๋ยวก่อนนะ ชื่อเอสเตอร์กับโจเซฟมันเป็นชื่อของตัวร้ายหรือตัวประกอบในนิยายของฉันไม่ใช่เหรอ พออายุครบ 18 ปี ฉันก็จะถูกพวกคนในราชวงค์จับได้ก่อนจะถูกประหารเพราะฉันฆ่าคนไปนับไม่ถ้วน แม้คนที่ฉันฆ่าไปจะเป็นกฏบหรือคนไม่ดียังไงก็ตาม ฉันก็ต้องตายอยู่ดี เพื่อที่พวกขุนนางจะใช้ชื่อเสียงของฉันปิดข่าวในเรื่องที่พวกเขาทุจริตประชาชน ฉันแต่งนิยายแบบนี้ไปได้ยังไงกันนะ ถ้ารู้ว่าจะได้มาเกิดใหม่ในนิยายตัวเอง ฉันคงจะแต่งแนวรักโรแมนติกให้ตัวเองไปแล้ว แย่จัง น่าเสียดายสุด ๆ
ใบหน้าของเอสเตอร์ไม่แตกต่างจากฉันในโลกเท่าไหร่ เพียงแค่มีผมยาวมีสีม่วง ปากจิ้มลิ้ม หน้าตาน่ารักกว่า ตัวเล็กกว่า บอบบางกว่า ดูไร้เดียงสา และสวยกว่าเพียงแค่นั้น ใช่แล้วมันไม่ได้ต่างกันเลยสักกะนิดเดียว ฮ่า!!
ฉันมองตัวเองที่หน้ากระจกก่อนจะเริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยพยายามเรียบเรียงว่าในนิยายนี้เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง คิดแล้วคิดอีกก็คิดไม่ออก แน่ล่ะ ฉันแต่งตั้งแต่เด็ก ๆ เลยนะ ตอนนี้ก็ 20 ต้น ๆ แล้วด้วย ความจำของฉันก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอก อยู่ ๆ ก็มีภาพในหัวที่ดูเหมือนจะเป็นความทรงจำของร่างนี้ผุดขึ้นมาไม่หยุดเลย ปวดหัวชะมัดยาด ฉันเดินออกจากห้องน้ำก่อนจะเปิดประตูบ้านเดินออกไปข้างนอก เพื่อออกไปสูดอากาศ มองไปทางไหนก็มีแค่ป่า เหมือนกับว่าเป็นที่กบกานของกลุ่มโจรป่าไม่มีผิดเลย มันดูน่ากลัวพิกล
ฉันมองไปรอบ ๆ ไม่เจอสิ่งอื่นใดเลยนอกจากป่าและป่า ทุกอย่างดูวังเวงไปหมด ฉันพึ่งจะจำได้ว่าที่บ้านหลังนี้พ่อของโจเซฟน่ากลัวที่สุด เขาทำร้ายทั้งฉันและลูกชายของเขา ฉันอยากจะหนีไปให้ไกลแต่ก็กลัวไม่กล้าทำอะไรเลย ส่วนงานของฉันก็เหมือนกับการขายตัวดี ๆ นี่เอง ใช้ตัวเองเพื่อจะได้เข้าไปให้ใกล้เป้าหมายมากที่สุดก่อนที่จะลงมือทำตามแผนและฆ่าพวกเขาซะ ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นเรื่องง่ายแต่ไม่เลย ทุกอย่างมันยากมากเมื่อเป็นฉันไม่ใช่เอสเตอร์ เรายังต้องหาวิธีที่จะเข้าหาเป้าหมายแถมยังต้องฝ่าด่านคนคุ้มกันของพวกเขาอีก ดูน่ากลัวจังแฮะ ทำไงดี ทำยังไงดีนะ
ฉันอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด ที่ได้ชีวิตใหม่มันก็ดีนะ แต่ฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้
ฉันมองเจ้าไปในบ้านและมองไปที่โจเซฟที่กำลังหลับอยู่ที่ปลายเตียง ทั้งดูน่ารักและน่าเอ็นดู เขาเป็นผู้ชายตัวเล็กร่างบาง แต่ถ้าจำไม่ผิดฉันแต่งเรื่องให้เขาเป็นคนที่เก่งมากคนนึง แม้ว่าเขาจะตัวเล็กและบอบบาง แต่เขาก็ปกป้องเอสเตอร์ได้เสมอเลย มีทั้งความฉลาดและความกล้าหาญเลยล่ะนะ แต่ว่า ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวร้ายจุดจบมันจึงน่าเศร้าเสมอ ตอนนั้นฉันทำอะไรลงไปกันนะ อยู่ ๆ ก็รู้สึกสงสารตัวละครของตัวเองเมื่อได้เห็นเขามีชีวิต นึกถึงตอนที่ตัวละครที่ตายเพราะนักเขียนดูสิ น่าหดหู่มากจริง ๆ
ฉันเดินเข้าป่าไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ฉันไม่ได้จะหนี แค่อยากจะเดินมาดูสภาพแวดล้อมในนิยายของตัวเอง ฉันคิดว่าที่นี่มันสวยมากจริง ๆ ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ ฉันไม่ได้เห็นมานานมากขนาดไหนแล้วกันนะ ดูเหมือนที่นี่จะมีน้ำตกที่เอสเตอร์ชอบมานั่งพักผ่อนอยู่ตลอดด้วยแหละ ใช่ไหมนะ
"แล้วต่อจากนี้ เนื้อเรื่องในนิยายมันเป็นยังไงต่อกันนะ แล้วทุกคนรอบตัวในโลกของฉันตอนนี้จะดีใจหรือเสียใจที่เราตายกันนะ" หญิงสาวพึมพำเพียงลำพังท่ามกลางความเงียบสงบในป่าใหญ่ เสียงรอบตัวหลงเหลือเพียงเสียงน้ำตก น้ำตาของเธอที่กำลังเริ่มค่อย ๆ ไหลรินผ่านดวงตาสีม่วงอย่างช้า ๆ หัวใจแทบสลายเมื่อนึกถึงครอบครัวที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน ภาพวันวานวันเก่า ๆ ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในหัวเป็นฉาก ๆ ยิ่งทำให้หญิงสาวเสียใจมากยิ่งขึ้นเพราะตนยังใช้ชีวิตไม่เต็มที่มากพอ ทั้งเรื่องธุรกิจของพี่ชาย และเรื่องของชายหนุ่มที่ตนยังไม่ได้บอกรักเลยสักครั้ง
"ซีเวียร์จะเป็นยังไงบ้างนะ"
"ท่านพี่..." เสียงพึมพำแผ่วเบาของโจเซฟที่อยู่ไม่ไกลจากหญิงสาวมากนักดังขึ้น เขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นพี่คนเดียวของเขากำลังร้องไห้แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปปลอบเธอใกล้ ๆ มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้เห็นน้ำตาของเธอ ความอ่อนแอของพี่เอสเตอร์ที่เป็นดั่งพี่ชายและพี่สาวคนเดียวของเขา เขารับรู้มาตลอดว่าพี่ของเขาต้องแบกรับอะไรไว้มากแค่ไหน และมันมากเกินไปสำหรับเด็กผู้หญิง
"ข้าขอโทษที่ช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย ข้ามันอ่อนแอ" โจเซฟมองดูเธอด้วยสายตาเศร้าสร้อยก่อนจะตัดสินใจปล่อยเธอไว้เพียงลำพัง และหันหลังเดินออกมาอย่างช้า ๆ
To Be Continued...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments