ข้าขอตายตอนนี้ดีกว่า

ที่จวนนายอำเภอ

ศาลาเคียงจันทร์ นายอำเภอเจ๋อจางหมิ่นหนวดกระดิกนั่งตรงข้ามกับเยี่ยเสี่ยวหยวนพ่อปากไฝ สองสหายรักในวัยหนุ่มต่างคนต่างจ้องมองตากัน  สื่อสารกันทางสายตาพยักหน้า แล้วหันไปมองคนที่ถูกทำโทษยืนย่อขากางแขนอยู่กลางสวนกับบ่าวคนสนิท

"เสี่ยวหมิ่น ถือว่าข้าขอร้องเจ้าช่วยคุยกับจุยมิ่งให้ยอมเข้าพิธีแต่งงานแก้เคล็ดกับท่านแม่ของข้าเถิดนะ ตอนพวกเราอยู่สถานศึกษากันก็ท่านแม่ของข้ามิใช่หรือที่คอยห่อข้าวห่อน้ำขนไปให้พวกเรา ตอนนั้นบ้านเจ้ายากจนพ่อเจ้าที่ป่วยก็ท่านแม่ของข้ามิใช่หรือที่ตามหมอมารักษาให้ ข้าไม่ได้ให้แต่งจริงซะหน่อย แค่แต่งแก้เคล็ด กราบไหว้ฟ้าดินดื่มเหล้ามงคลส่งตัวเข้าหอก็เป็นอันเสร็จพิธี"

เยี่ยเสี่ยวหยวนพยายามพูดจูงใจสหายรักด้วยแววตาเปล่งประกายแห่งความหวัง สีหน้าแววตาเจ๋อจางหมิ่นครุ่นคิด ดวงตามีความวุ่นวายใจอยู่ในที

"ไม่เอานะท่านพ่อ ข้าไม่แต่งกับเยี่ยฮุหยินเด็ดขาดถึงจะแค่แก้เคล็ดก็เถอะ บุรุษใต้หล้าที่มีไฝที่อกซ้ายมีตั้งมากมายเหตุใดจึงต้องเป็นข้ากันเล่า ข้าไม่ยอม"

ถึงตัวจะถูกลงโทษอยู่เช่นนั้นแต่เจ๋อจุยมิ่งก็แอบเงี่ยหูฟังการสนทนาอยู่ตลอดรีบปฏิเสธโดยเร็ว

"หุบปากไปเลยนะเจ้าลูกไม่รักดี วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่น เรียนก็ไม่ได้ความ คิดจะสอบนายอำเภอเพื่อให้ข้าไปสู่ขอหญิงงามให้ อย่างเจ้าจะมีปัญญาทำได้หรือ"

จางเจ๋อหมิ่นชี้หน้าขึ้นเสียงบ่นบุตรชาย พลางส่ายหน้ากับความไม่รู้ความไม่รู้จักโตสักที ก่อนจะหันไปหาเยี่ยเสี่ยวหยวน

"คืออย่างนี้น่ะเสี่ยวหยวนเพื่อนรักของข้า ข้าน่ะไม่มีปัญหาหรอกเพราะข้าเองก็ติดค้างเยี่ยฮูหยินมากมายเหลือเกิน แต่การจะทำให้ไอ้ลูกคนนี้ยอมร่วมมือนี่น่ะสิ"

จางเจ๋อหมิ่นกระซิบกระซาบพูดกับเยี่ยเสี่ยวหยวนแผ่วเบา แต่เจ๋อจุยมิ่งก็ยังแอบขยับเท้าทีละนิด ๆ เข้าไปใกล้ ๆ เพื่อแอบฟัง

"ถ้าเช่นนั้นหากข้าหาอาจารย์ที่ดีที่สุดมาเป็นอาจารย์สอนพิเศษให้กับบุตรชายเจ้าเพื่อที่จะสอบนายอำเภอแล้วเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายสินสอดทองหมั้นของจุยมิ่งในการขอแต่งงานนางในฝันสักหนึ่งแสนตำลึงเล่าจะว่าเช่นใด"

เจ๋อจางหมิ่นกับจุยมิ่งสองพ่อลูกต่างตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลที่ยื่นข้อเสนอมา สองพ่อลูกลุกมาเดินคุยกันอย่างเป็นส่วนตัว ปล่อยให้เยี่ยเสี่ยวหยวนดื่มชารออย่างเงียบ ๆ

"นี่ เจ้าลูกชาย เจ้าลองคิดดี ๆ นะ ได้อาจารย์มาดูแลเรื่องสอบเข้านายอำเภอแถมมีคนจัดงานแต่งงานออกค่าสินสอดให้จำนวนมหาศาลขนาดนี้ งานแต่งงานจัดได้อย่างยิ่งใหญ่เจ็ดวันเจ็ดคืนสตรีในใดในใต้หล้าจะไม่ชอบใจเล่า"

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ก็ทำให้จุยมิ่งสนใจขึ้นมาทันที

"นายน้อยรับปากไปเถอะ ถือว่าทำตามความปราถนาของหญิงชราที่เป็นไม้ใกล้ฝั่งคนหนึ่งแลกกับได้อาจารย์ดีแถมเงินอีกหนึ่งแสนตำลึงเชียวนะ แค่เข้าพิธีก็เรียบร้อยแล้วนี่นา ข้ายังเสียดายเหตุใดต้องเป็นท่านเยี่ยฮูหยินคงหูตาฝ้าฟาง"

เวยหลงเดินมาร่วมวงสนทนาเห็นด้วยกับความคิดของเยี่ยเสี่ยวหยวน ก่อนจะถูกจุยมิ่งเค เขายืดตัวขึ้นมาหันไปมองเศรษฐีเยี่ยก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ

"ถ้าเช่นนั้นเพื่อเห็แกมนุษยธรรมข้าจะยอมแต่งงานเข้าพิธีกับเยี่ยฮูหยินแต่ว่าข้ามีข้อแม้ ขอแค่จัดเพียงในครอบครัวห้ามเอิกเกริกเด็ดขาด และอาจารย์ที่จะมาสอนข้าต้องทำให้ข้าสอบติดนายอำเภอจริง ๆ เช่นนั้นแล้วนั่นก็หมายความว่าหลังสอบเสร็จหากผลข้าสอบผ่านข้าจึงจะยอมแต่งงาน และเรื่องสินสอดงานแต่งงานของข้าในอนาคตจะมาขอลดหรือผ่อนจ่ายไม่ได้เด็ดขาดแม้แต่อีแปะเดียว ท่านทำได้หรือไม่"

จุยมิ่งยื่นข้อเสนอยาวเหยียด

"แหม เจ้าเด็กนี่แล้วบอกเห็นแก่มนุษยธรรม แต่ทุกอย่างข้าก็ยังต้องจ่ายเท่าเดิมอยู่ดี" เยี่ยเสี่ยวหยวนคิดในใจ จุยมิ่งดูสีหน้าท่าทางลังเลของเยี่ยเสี่ยวหยวนภายในแววตาคู่นั้น

"ถ้าเช่นนั้นก็ยกเลิกข้าไม่แต่ง"

จุยมิ่งยื่นคำขาดสะบัดมือทำท่าจะเดินหนี เยี่ยเสี่ยวหยวนตกใจรีบยกมือห้าม

"เดี๋ยวก่อนจุยมิ่งหลานชาย ข้าตกลงตามที่เจ้าร้องขอทุกอย่าง"

เยี่ยเสี่ยวหยวนยิ้มแยกเขี้ยวอย่างฝืนใจ

"เพื่อท่านแม่ ข้าต้องทำ" เยี่ยเสี่ยวหยวนคิดในใจก่อนจะหันไปยิ้มกับเจ๋อจางหมิ่น

"หา!!! เขายอมแต่งกับข้าเช่นนั้นหรือ ลูกชายคนโตของข้าเจ้านี่ช่างประเสริฐเสียจริง เท่านี้ข้าก็ไม่ต้องตายแล้วแถมได้แต่งงานกับบุรุษหนุ่มรูปงามราวกับเทพบุตร"

หญิงชราหัวเราะออกมาแววตาเคลิบเคลิ้มจินตนาถึงวันแต่งงาน

"ท่านแม่ จุยมิ่งน่ะจะแต่งกับท่านหลังจากสอบนายอำเภอได้แล้วเท่านั้นและข้าต้องหาอาจารย์ที่เก่งที่สุดเพื่อสอนหนังสือให้กับเขา"

เยี่ยเสี่ยวหยวนสีหน้าวิตกกังวลหลังอธิบายบอกกับมารดา

"แล้วชักช้าอยู่ใยรีบหาอาจารย์ที่เก่งที่สุดให้เขาเสียสิ ว่าแต่ว่าแล้วเมื่อใดจึงจะสอบนายอำเภอกัน ข้ามีเวลาแค่สี่สิบห้าวันนะไม่เช่นนั้นข้าต้องถูกฟ้าผ่าตายอีกหนเป็นแน่แท้"

น้ำเสียงสีหน้าของหญิงชราดูวิตกกังวล

"สอบนายอำเภออีกสี่สิบวันข้างหน้า ท่านแม่ถ้าเพียงแต่งแก้เคล็ดท่านแต่งกับบุรุษหนุ่มผู้อื่นไปก่อนมิได้หรือเหตุใดต้องเป็นจางจุยมิ่งเพียงคนเดียวด้วย "

เยี่ยเสี่ยวหยวนสอบถามออกมาด้วยความสงสัยและพูดความระบายในใจออกมา หญิงชราถอนหายใจยกแขนพาดบ่าบุตรชายทั้งสองแล้วมองจ้องไปด้านหน้าบนท้องฟ้า

"พวกเจ้าเชื่อเรื่องชะตาฟ้าลิขิตหรือไม่ ข้ามั่นใจว่าเจ๋อจุยมิ่งนี่แหล่ะคือคนที่ข้าตามหา"

หญิงชราดวงตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง

"แต่ท่านแม่ เขาแต่งกับท่านเพียงในนามเท่านั้นนี่นา บุรุษหนุ่มรูปงามที่ไหนจะเอาทั้งชีวิตมาทิ้งกับหญิงชราวัยไม้ใกล้ฝั่งกันล่ะท่านแม่ พวกข้าเองก็ไม่อยากได้ท่านพ่อคนใหม่ด้วย อีกอย่างจุยมิ่งก็มีนางในใจที่หมายปองแถมเป็นถึงบุตรีมหาเสนาบดีเว่ยแล้วเห็นว่าหากสอบนายอำเภอได้แล้วจะแต่งแก้เคล็ดให้ท่านแม่แล้วจึงจะไปสู่ขอแม่นางคนนั้น" เยี่ยเสี่ยวเปาพูดออกมาพลางจ้องมองไปบนท้องฟ้าตามผู้เป็นมารดา

"จริงด้วย แต่งแค่เพียงในนามเพื่อรักษาชีวิต แต่ตอนนี้ข้าอยู่ในร่างของหญิงชราถ้าถอนคำสัญญาได้แล้วเช่นไร ข้าต้องติดในร่างหญิงชรานี้ตลอดไปเช่นนั้นหรือ ไม่ได้ ๆ ๆ ถ้าข้าเหลืออายุไขอีกสองปีเล่า ไม่นะ ชีวิตของข้า ข้าลืมคิดตรงจุดนี้ไปได้เช่นไรกันนะ"

หญิงสาวในร่างหญิงชราเพิ่งนึกถึงจุดนี้ขึ้นมาว่าประเด็นหลักไม่ใช่การแต่งงานกับคนที่ถูกใจ แต่มันคือการที่นางปลดประกาศิตรักที่ได้เอ่ยวาจาไปเมื่อชาติที่แล้วและสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปจากนั้นต่างหาก

"ไม่ได้ ข้าจะอยู่ในร่างนี้ไม่ได้ และจะให้จุยมิ่งแต่งกับหญิงอื่นก่อนแก้คำสาปไม่ได้ข้าต้องขัดขวางงานแต่งงานของเขา"

หญิงชราคิดได้เช่นนั้นก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาจนบุตรทั้งสองตกใจ

"ลูกทั้งสองของแม่ แม่มีเรื่องจะต้องสั่งเสียพวกเจ้า"

เยี่ยฮูหยินมือวางบนบ่าบุตรทั้งสอง จ้องมองแววตาเป็นประกาย

"อะไรอีกแล้วท่านแม่ เหตุใดพูดเหมือนท่านจะจากไปอีกแล้วกันเล่า ท่านจะแต่งงานแก้เคล็ดเพื่อให้อายุยืนแล้วนี่นา"

เยี่ยเสี่ยวเปาหน้าเสียเมื่อมารดาเริ่มพูดเป็นลาง

"หากข้าจู่ ๆ เกิดตายไปอีก แล้วมีสตรีอื่นมาหาเจ้าที่บ้านพูดเรื่องนี้กับเจ้าทั้งสองได้โปรดรู้ไว้ว่านั้นคือแม่ของพวกเจ้าเอง ให้ช่วยเหลือในทุก ๆ อย่างเหมือนกับพวเจ้าดูแลแม่ด้วย เข้าใจหรือไม่ จำคำแม่เอาไว้ให้ดี"

สั่งลาเรียบร้อย หญิงชราก็ออกวิ่งภายในเขตจวน ค้นหาของบางอย่าง

"ท่านแม่ ท่านกำลังหาสิ่งใดหรือ" เยี่ยเสี่ยวเปาสอบถามเพราะเห็นมารดาเดินวนไปวนมาอยู่

"เชือก ข้ากำลังหาเชือก" พูดพลางสายตามองหาสิ่งของ

"ท่านแม่จะเอาเชือกไปทำสิ่งใดกัน ข้าจะให้บ่าวไปหยิบมาให้ นี่พวกเจ้าไปหาเชือกมาให้เยี่ยฮูหยินหน่อยสิ" เยี่ยเสี่ยวหยวนถามมารดาด้วยความสงสัยพลางสั่งบ่าวไพร่ไปหาของที่มารดาต้องการ

"ข้าจะเอาเชือกมาผูกคอตาย รอบนี้ข้าไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายแน่ ข้าจะเลือกวิธีตายของข้าเอง"

คำพูดชวนตกใจของมารดาทำให้บุตรชายทั้งสองร้องออกมา

"หา!! ท่านแม่เพิ่งจะฟื้นเหตุใดจึงคิดจะตายอีกเล่าคงไม่ใช่ท่านคิดจริงจังกับพ่อหนุ่มคนนั้นและเสียใจที่เขาจะแต่งงานจริงๆ จนอยากจะตายหรอกนะ"

เยี่ยเสี่ยวเปาจับมือมารดาเขย่าด้วยความตกใจ หญิงสาวในร่างหญิงชราดึงมือจากลูกชายออก ทันทีที่บ่าวถือเชือกเดินมานางก็ยิ้มวิ่งอย่างรวดเร็วเกินกว่าหญิงชราในวัยเดียวกันจะทำได้ นางวิ่งคว้าเชือกจากบ่าวแล้ววิ่งเข้าห้องอย่างรวดเร็วหาสิ่งของมาวางขวางประตู แล้ววิ่งหาที่ที่จะคล้องเชือกเพื่อผูกคอได้

ด้านนอกต่างวุ่นวายกัน เสียงดังโหวกเหวกของพี่น้องสองเศรษฐีต่างตามบ่าวไพร่มาพังประตูเพราะกลัวมารดาจะฆ่าตัวตายจริง ๆ พอเปิดห้องไปได้ บุตรชายทั้งคู่ของเยี่ยฮูหยินก็รีบมาจับขาเพราะเจอมารดากำลังจะแขวนคอ

"ท่านแม่!!! อยากได้อะไรบอกพวกลูก ไม่ว่าอะไรก็จะหามาให้แต่อย่าตายเด็ดขาด ห้ามตาย"

ลูกชายสองคนที่รักมารดาเท่าชีวิตพากันยกขาเยี่ยฮูหยินไว้ หญิงชราก็ใช้เท้าทั้งเตะทั้งยันบุตรชายทั้งสอง

"เข้ามาทำไม ออกไป ข้าจะตายแล้วมาเกิดใหม่ ข้าไม่มีเวลาแล้ว เดี๋ยวข้ากลับมาหาพวกเจ้าแน่นอน ข้าจะไปเข้าร่างสตรีที่อ่อนวัยกว่านี้เพื่อจะมีอายุยืนยาว ปล่อย ปล่อยขาข้าสิ อ่อก!!!"

ขาที่เตะไปมาเตะเก้าอี้หยั่งเท้าล้มพร้อม ๆ กับลูกชายทั้งคู่โดนเยี่ยฮุหยินใช้เท้าเตะทั้งคู่จนล้มทำให้คอไปแขวนอยู่บนเชือกจริง เมื่อโดนเชือกรัดก็เกิดกลัวขึ้นมาหายใจไม่ออกรีบดิ้น มือพลางไขว่คว้าให้คนช่วยเหลือ ดวงตาเบิกกว้างราวกับขาดอากาศหายใจ

หลังจากสกุลเยี่ยวุ่นวายทั้งวันเพราะเยี่ยฮูหยิน ตอนนี้ต่างคนต่างเหนื่อย นอนแช่บนเตียงด้านข้างเตียงซ้ายขวามีเยี่ยเสี่ยวหยวนกับเยี่ยเสี่ยวเปานอนขนาบข้าง หญิงชราดวงตาเหม่อลอยเงยหน้ามองเพดาน

"ข้าต้องเลือกวิธีตายที่แบบฉับเดียวแล้วไม่เจ็บ แล้วจะได้หาร่างใหม่ แต่ครอบครัวนี้ บุตรชายของเยี่ยฮุหยินช่างกตัญญุเสียหญิงและร่ำรวย หากข้าไปเกิดในร่างใหม่ข้าต้องหาวิธีกลับมาให้สองคนนี้ช่วยเหลือข้าให้ได้ อย่างน้อยข้าก็สุขสบายจนตาย"

คิดในใจพลางหันไปมองชายวัยกลางคนทั้งสองคนนอนหลับสลบไปเพราะเหนือยไล่ตามนางทั้งวัน

"ข้าต้องหาสัญสักษณ์หรือคำพูดลับที่พวกเขาทั้งคู่จะจำข้าได้และเชื่อว่าคือมารดากลับมาจริง ๆ พวกท่านช่างเป็นบุตรที่รักมารดายิ่งนัก"

วันต่อมา ที่จวนท่านนายอำเภอมีเหล่าอาจารย์ชื่อดังมากมายไปที่จวนนายอำเภอแม้แต่พระอาจารย์ของฮ่องเต้ก็ยังมาที่จวนของนายอำเภอเพื่อสอนเจ๋อจุยมิ่งในการเตรียมสอบ

นายอำเภอจางหมิ่นมองเหล่ามหาบัณฑิตและเหล่าอาจารย์อย่างชอบอกชอบใจแววตาฉาบไปด้วยแสงแห่งความหวัง เจ๋อจุยมิ่งถูกลากตื่นแต่เช้าเพื่อมาเตรียมตัวในการอ่านตำราสอบนายอำเภอ

ทางด้านจวนสกุลเยี่ย หลังเยี่ยฮูหยินถูกเหล่าบ่าวไพร่เฝ้าจับตาทั้งวันทั้งคืนซึ่งพยายามหาทางฆ่าตัวตายก็ไม่สำเร็จ นางจึงวางแผนเพื่อออกไปข้างนอก

"หา!! ท่านแม่อยากออกไปไหว้พระเช่นนั้นหรือ"

สองมหาเศรษฐีเยี่ยจ้องมองใบหน้าผู้เป็นมารดาอย่างสงสัย

"ท่านคงไม่ได้คิดแผนเพื่อที่ฆ่าตัวตายอีกใช่หรือไม่"

เยี่ยเสี่ยวเปาพุดแล้วจ้องมองมารดาอย่างจับผิด เยี่ยฮูหยินหลบสายตาผู้เป็นบุตรพลางหัวเราะกลบเกลื่อนหันหน้าไปทางอื่น

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ...ข้าจะไปทำเช่นนั้นกันทำไมเล่า การฆ่าตัวตายบาปจะตายอีกอย่างทรมานมากกว่าจะตาย ข้าไม่ทำแล้ว"

หลังจากหลอกล่อมหาเศรษฐีทั้งสองจนยินยอมให้ออกไปไหว้พระแล้ว หยิงชรายิ้มอย่างยินดีที่แผนใกล้จะสำเร็จ

วันต่อมาขบวนรถม้าเดินทางของเยี่ยฮูหยินก็ถูกเตรียมการอย่างดี หญิงชราถูกบุตรชายทั้งสองพยุงแขนมาเดินส่งขึ้นรถม้า

"ท่านแม่ เพื่อการเดินทางอย่างปลอดภัยของท่านพวกเราได้เตรียมองครักษ์ให้กับท่านแม่ด้วย เฉินฮ่าวหนาน มาคารวะฮูหยิน"

เยี่ยเสี่ยวเปาเรียกองครักษ์เข้ามา หญิงชราหันไปมอง ชายหนุ่มที่เดินมาพร้อมกับสายลมพัดแผ่วเบา ชายร่างสูงกำยำ ใบหน้าหล่อเหลางดงามขัดกับบุคลิกที่เงียบขรึมใบหน้าไร้แม้แต่รอยยิ้มนั้นเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ราวกับทั้งโลกกำลังหยุดหมุน จิตใจของหญิงชราหรือจิตวิญญาณของนางกันแน่ที่กำลังใจสั่นเต้นแรงโครมครามขึ้นมาเมื่อมองหน้าบุรุษผู้นี้

"คารวะเยี่ยฮูหยิน ข้าเฉินฮ่าวหนานจากนี้จะมาเป็นองครักษ์คอยติดตามปกป้องท่าน"

"ส่วนข้า เสี่ยวเจิน เป็นสาวรับใช้ของฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ"

เยี่ยฮูหยินรีบเดินลงมาจากรถม้าเดินมาจับมือของเฉินฮ่าวหนานจนชายหนุ่มตกใจ บุตรสองคนตาโต เมื่อมารดาของพวกเขาหลังฟื้นราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน

"ข้าต้องรบกวนเจ้าแล้ว" เยี่ยฮูหยินยิ้มออกมาแววตากรุ้มกริ่มเป็นประกาย

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!