บทที่หนึ่ง เหยื่อมีเขี้ยวเล็บ

ซ่า!

โครมแรกยังกระโดดโหยงเหยงหลบทัน

ซ่า!

แต่โครมที่สองนี่สิอ้าปากรับเข้าไปเต็มๆ อย่างไม่ทันนึกว่าจะมีแผนสองกันเหนียวไว้ด้วย

เสียงซ่าๆ เหมือนฝนตกนี้ เล่นเอาคนที่ดูพยากรณ์อากาศทุกเช้ายืนเซ็ง เมื่อพิธีกรในทีวีไม่ได้เตือนว่าฟ้าจะรั่ววันนี้ แต่เป็นเพราะถังใส่น้ำถูพื้น ลื่นหลุดมือใครบางคน " อย่างตั้งใจ " จากอาคารเรียนชั้นสามเทโครมมาใส่กบาลคนที่ได้แต่ยืนเปียกแข็งทื่อเป็นรูปปั้นอนุเสาวรีย์ชัยฯ

" อยากจะสาดก็สาดลงมาอีกซี่! "

ซ่า!

พูดไม่ทันขาดคำ น้ำทิพย์กลิ่นคาวผ้าขี้ริ้วจากสวรรค์ชั้นสามก็เทลงมาตามประสงค์คนปากดี

" เอาจนได้สินะวันนี้ "

เธอบ่นกระปอดกระแปดพลางสบัดศีรษะไล่หยดน้ำ ก่อนเดินดุ่มๆ ไปที่โรงพละ

…สำหรับเธอ การถูกกลั่นแกล้งนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเธอเจอมันประจำตั้งแต่เล็กจนโตเหมือนต้องกินข้าววันละสามมื้อ แต่ไม่เคยคิดโกรธแค้นใครเป็นพิเศษ เพียงแค่รู้สึกเบื่อหน่ายซ้ำซากที่ต้องเจออยากเลี่ยงไม่ได้

เด็กสาวร่างเปียกปอนเดินเข้าโรงพละเพื่อเปลี่ยนชุดนักเรียนเป็นชุดกีฬาแก้ขัดไปก่อน แต่ก่อนที่เธอจะถึงตูล็อกเกอร์ ที่สูงเท่าศรีษะมีป้ายชื่อ " นาค " ติดอยู่ แต่เธอก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเดินผ่านกระจกบานใหญ่

เด็กสาวรูปร่างอ้วนนิดๆสะท้อนอยู่ในกระจก ยังดีที่ส่วนสูง 168 เซนติเมตรช่วยให้เธอดูไม่อ้วนจนเกินไป แต่กระนั้นก็ไม่ได้ดูดีนะ เธอไม่ใช่คนขาวแต่ก็ไม่จัดว่าดำ ใบหน้ากลมแลดูจืดจืด ที่พินิจตรงไหนก็ไม่มีส่วนใดมีเสน่ห์ ตาไม่มีชั้น ขนตาสั้น เส้นผมสีน้ำตาลเข้มไม่ได้รับการจัดแต่งมากไปกว่าการผูกหางม้าง่ายไปตามกฎระเบียบโรงเรียน และมีหน้าม้าบางๆปิดหน้าผาก

" เออ…ขี้เหร่เข้าไปสิ " เด็กสาวร่างท้วมว่าคนในกระจงก่อนระบายลมหายใจอีกรอบ นี่คงเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เธอทุกคนอื่นแกล้งอยู่บ่อยๆ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ไม่ชวนให้ใครมาชายตามอง สำหรับเธอมันเป็นแบบนี้มา 17 ปีเต็มแล้ว ถึงโวยวาย โอดครวญ โทษลมโทษฝนไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากทำใจกับข้อด้อยของตนเอง

ร่างท้วมๆ ผละออกจากกระจกตรงหน้ากลับไปเผชิญกับความจริง หยิบเสื้อพละออกมาเปลี่ยนก่อนจะตัวปอดบวม เกิดตายขึ้นมา ไม่มีใครไปงานศพ จะเสียหน้าผีตนอื่นๆ ซะหมด

" นาค! "เสียงคุ้นเคยดังขึ้นเมื่อเด็กสาวเดินออกมาจากโรงพละ ทำให้นาคต้องหันไปมองต้นเสียง ถึงเธอจะมีรูปร่างท้วม แต่เรื่องความคล่องแคล่วเธอกลับไวกว่าคนร่างผอมเพรียวหลายเท่าตัว

เจ้าของเสียงหวานที่กำลังวิ่งเหยาะๆ มาทางเธอเป็นเด็กสาวผิวขาวรูปร่างเพรียวที่มีใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนรับกับผมสีน้ำตาลเข้มที่ยาวตรงถึงกลางหลัง จมูกโด่งรั้นนิดๆ เข้ากันกับริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อ พวงแก้มแดงแบบมีเลือดฝาดดูน่าหยิกราวตุ๊กตา ทั้งน่าทะนุถนอม ทั้งหน้ากอด...สวย จนชนิดที่ว่าตรงกันข้ามกับเด็กสาวที่เธอร้องเรียกโดยสิ้นเชิง

นาคเลิกคิ้วมองเด็กสาวตรงหน้า

" อ่าวๆ ทำไมต้องรีบขนาดนั้นด้วย " เธอว่าพลางอมยิ้มน้อยๆ กับท่าทางเร่งรีบของ 'พี่สาว'

ใช่...พี่สาวแท้ๆ ที่เล่นเอาเธอต้องหยุดดูกระจกทุกครั้งที่เห็นหน้า เพราะความแตกต่างแบบสุดขั่ว ทั้งหน้าตา ทั้งอุปนิสัย ไม่มีส่วนไหนเหมอนกันเลยสักนิดเดียวจนชวนสงสัยว่าแม่เธอโครโมโซมผิดเพี้ยนตอนตั้งท้องเธอรึปล่าว

" โดนแกล้งอีกแล้วเหรอ ให้พี่จัดการแทนไหม " คนสวยน่ารักตีสีหน้าจริงจังแสดงความรู้สึกโกรธแทน แต่กลับดูน่าขันในสายตานาค เพราะเธอดูน่ากอดมากกว่าน่ากลัว

" โอ๊ย...จัดขบวนรถไฟหนุ่มๆ ของพี่ไม่ให้ชนกันก่อนดีกว่ามั้ง " เด็กสาวร่างท้วมสัพยอกคนเป็นพี่อย่างไม่คิดติดใจการโดนกลั่นแกล้งที่ผ่านมา ก็บอกแล้วไงว่าเธอชินแล้ว

ถ้าคนพวกนั้นมีปัญญาแกล้ง เธอก็มีปัญญาอดทนเหมือนกัน...

เพราะมันไม่นักหนาเท่ากับการที่เธอต้องทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่หลายร้อยล้านของพ่อ... ฟังดูหรู แต่น่าขยาด เพราะงานที่ว่าน่ะไม่ใช่การนั่งในห้องแอร์หยิบโน่นหยิบนี่ หรือชงกาแฟให้ประธานบริษัทซึ่งเป็นพ่อของเธอ หรือได้ทำงานสบายในฐานะลูกสาว...ไม่เลย...หยุดคิดได้

พ่อยัดงานทุกอย่างมาให้เธอ ตั่งแต่งานจับกังยันงานติดต่อธุรกิจ จนถึงขนาดครั้งหนึ่งได้ให้เธอไปเจรจาธุรกิจกับบริษัทต่างชาติ ถึงไม่ใช่โดยตรงแต่ก็ถือว่ามีบทบาทสำคัญ พ่อคิดได้ยังไง เธอเพิ่งอายุสิบเจ็ดปี...เด็กผู้หญิงอายุแค่สิบเจ็ดปี ใครที่ไหนจะไว้ใจ แค่เธอเป็นภาษาหน่อยก็โยนงานนี้มาให้แบบที่เธอต้องอ้าปากหวอ...เสียแต่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้เธอยกธงขาวไม่ได้

ช่วงแรกๆ น่ะผลออกมาแย่มาก โดยเฉพาะเรื่องการเจรจาธุรกิจซึ่งไม่ใช่งานสำหรับเด็กอย่างเธอเลย แต่ถ้าเรียนรู้เรื่องวาทศิลป์ดีๆ อายุก็จะกาลายเป็นแค่ตัวเลข สำหรับนักธุรกิจพวกนั้นก็เหมือนกัน โชคดีที่เธอรู้จักที่จะเรียนรู้ การเจรจาธุรกิจกับบริษัทต่างชาติ สามครั้ง เธอล้มเหลวไปสอง สำเร็จหนึ่ง ใช่...แค่หนึ่ง อาจไม่ดี แต่ก็มากเกินสำหรับเด็กอายุสิบเจ็ด

นาค หรือ ฤทัยนาค เป็นคุณหนูที่เกือบเรียกว่าไม่ใช่คุณหนูเธอทำงานหนักเหมือนทาส เคยแม้แต่ขุดหลุมฝังเสาเข็มให้บริษัทสาขาย่อยของพ่อเธอ ว่าง่ายๆ... งานกรรมกรนั่นแหละ บอกแล้วว่าเธอทำงานตั้งแต่จับกังถึงติดต่อธุรกิจ ด้วยเหตุผลข้างๆคูๆ ของพ่อที่บอกว่าเธอมี ' พรสวรรค์ ' ...พรสวรรค์บ้าอะไรเธอไม่รู้ แต่เธอไม่เคยได้ออกโชว์หน้าโชว์ตาในงานสังคมไฮโซเลย ... เคยไปอยู่ครั้งหนึ่ง... ที่เธอต้องทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูหน้างานตามคำสั่งของพ่อ ด้วยเหตุผลที่ว่า 'พ่ออยากให้แกเรียนรู้ทุกอย่าง' เรียนรู้ทุกอย่างบ้าบออะไร เธอทำงานทุกอย่างในบริษัทไม่เว้นแม้แต่เปลี่ยนหลอดไฟ จนได้ข้อสรุปที่ถือว่าเป็นคติประจำใจว่า 'หน้าตากับรูปร่างสวยๆเท่านั้นถึงจะได้บัตรวีไอพีของชีวิต'

พี่สาวเธอสิคุณหนูของจริง พ่อไม่เคยให้พี่สาวคนนี้รู้เรื่องธุรกิจอะไรเลย ในขณะที่เธอรู้ไส้รู้พุงของบริษัททุกขด รู้แม้กระทั่งข้อมูลคู่แข่งทางธุรกิจ กลยุทธ์ทางการตลาดเต็มสมองเธอไปหมด

นัน หรือ นันทกา พี่สาวอายุสิบแปดปีของเธอ ทำงานอย่างมากก็แค่เดินตามพ่อไปทั่วบริษัท และออกงานสังคม ซึ่งพี่เธอไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ในสายตาของนาคพี่สาวเหมือนนางเอกนิยายสมัยใหม่แบบรักใสๆ ที่เห็นเกลื่อนตลาด พวกสาวแซ่บซ่าแข็งนอกอ่อนใน เจอพระเอกเข้าไปหน่อยก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ เอาแต่ใจตามประสาลูกคุณหนู รักความยุติธรรมจนบางครั้งอาจมองข้ามความเป็นจริงของโลกไป ซึ่งมันเป็นอะไรที่มีเสน่ห์กับชายหนุ่มทั้งหลายแหล่ ในขณะที่นาครับบทเหมือนตัวประกอบฉาก หรือไม่ก็ผู้ช่วยพระเอก

ใช่...แค่ผู้ช่วย

"ก็เอาแต่ยอมแบบนี้ ไอ้พวกนั้นก็เลยได้ใจน่ะสิ" นันทกาว่าอย่างโมโหแทน แต่น่ากลับแค่โบกมืออย่างปลงอนิจจังกับพี่สาว

"พี่นัน คนมีสมองเขาไม่ใช้วิธีแก้แค้นกันหรอกนะ ระบบธุรกิจยังต้องสู้ทางช่องโหว่ขอศัตรูเลย ลุยมันเข้าไปโต้งๆเขาก็สวนกลับมาง่ายๆ น่ะสิ" คนเป็นน้องสอนประสบการณ์ที่ได้รับมาจากการทำงาน

"แต่ยอมมันก็ไม่ดีนะ" นันทกายังเถียงเสียงเข้ม

นาคมองพี่สาว รู้สึกระอากับนิสัยไม่ยอมคนอย่างไร้เหตุผลนั่นจริงๆ "เฮ้อก็เอาแต่ตีความหมายคำว่า 'ยอม' เป็นไม่ดีซะหมดน่ะสิ" นาคเริ่มบ่น "แต่ช่างเถอะเดี๋ยวพี่นันก็หาเรื่องเถียงข้างๆคูๆ อีก"

"อะไร...ก็มันจริงนี่ คนอุตส่าห์เป็นห่วงนะ" ใบหน้าใสๆ หงิกอย่างหาคำเถียงไม่ได้

แต่ก่อนที่น่าจะได้เดินกลับขึ้นไปเรียนหนังสือพร้อมพี่สาว เด็กสาวร่างท้วมก็สังเกตเห็นรถลีมูซีนสีดำเงาคันยาวจอดอยู่ข้างกำแพงโรงเรียนใกล้ทางเข้าออกประตู

เธอเงียบและเริ่มหรี่ตามองมันนิ่ง พร้อมวิเคราะห์

" รถลีมูซีนสิบประตูสีดำ มีตราหน้ารถเหมือนตราบริษัทเป็นภาษาจีน...จอดอยู่หน้าโรงเรียนตอนแปดโมงกว่าไม่ได้มาส่งลูกคุณหนูที่ไหน...หรือรอรับ อือ...เป็นไปไม่ได้โรงเรียนเลิก 15:30 น อะไรจะต้องเฝ้าขนาดนั้น อีกอย่าง ไม่ได้มาส่งใครคงไม่มีใครให้รับกลับ แล้วที่นี่ก็ไม่ได้มีเด็กต่างชาติสักหน่อย จะจอดรออะไร... จับตามองใครหรือไง"

การเป็นคนช่างสังเกตและช่างสงสัยของนาค ทำให้เธอหยุดมองรถคันหรูอย่างสนอกสนใจ และมีสีหน้าครุ่นคิด แถมวิเคราะห์เป็นฉากๆ กับตัวเองอย่างเคยตัว

" ทำนิสัยเหมือนคุณพ่อไปได้ ไอ้ช่างสงสัย ช่างสังเกต เห็นอะไรแปลกตาเข้าหน่อยก็หยุดดูเนี่ย แล้วนี่มันเรื่องจริงนะไม่ใช่หนัง ไม่มีอะไรหรอกน่า อาจจะแค่รถรอรับคนจริงๆก็ได้"

นันทกาเป็นฝ่ายหยุดความคิดของนาค เมื่อรู้สึกว่าน้องสาวคิดมากเกินไป น่ากินไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านชาวช่องอยู่

สำหรับนันทกา แม้คนอื่นจะมองน้องสาวเป็นพวกเฉื่อยๆ โง่ๆ เพราะเจ้าหล่อนไม่ชอบแสดงภูมิของตนเองเท่าไหร่นัก แต่เธอรู้ว่าน่าน่ะเก่งขนาดไหน เก่งจนเธอยังนึกอิจฉาพรสวรรค์ด้านมันสมองของนาคอยู่บ่อยๆ นาคเป็นนักเก็บความรู้ตัวยง เธอสนใจสิ่งที่อยู่นอกเหนือบทเรียนในวิชาเรียนหลายๆเรื่อง และค่อนข้างศึกษาจริงจังจนบางครั้งเหมือนหมกมุ่น

แถมหน้าเข้ากับคนง่าย ปรับตัวในสถานการณ์ต่างๆ ได้เร็วอย่างกับกิ้งก่า และเธอก็ไม่ใช่คนซีเรียสกับอะไรง่ายๆ โกรธยากมาก มันเป็นนิสัยที่ถูกปลูกฝังจากพ่อของเธอล้วนๆ ซึ่งนันทการู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อะไรจากพ่อเลยจริงๆ

"เฮ้ย ฉันไม่เหมือนพ่อนะ คนแกะพันนั้นเอาบริษัทไปไม่รอดหรอก!" น้ากรีบโวยวายปฏิเสธ ไม่ชอบให้ใครเอาเธอไปเทียบกับพ่อ แล้วรีบพูดตัดปัญหา "โอเคฉันเลิกสนใจไอ้ลีมูซีนสีดำนั่นก็ได้ มันเป็นแค่รถหรูที่จอดรอรับคุณหนูช่างอ้อร้อที่พ่อแม่ต้องส่งคนมาคอยคุมความประพฤติทั้งวัน... พอใจหรือยัง" หน้าหันมาถามด้วยคำพูดประชดทีเล่นทีจริงกับนันทกา ซึ่งพี่สาวเธอก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ รับคำประชดนั้นอย่างช่วยไม่ได้

คุณหนูช่างอ้อร้อที่พ่อแม่ต้องส่งคนมาคอยคุมความประพฤติงั้นรึ... ช่างคิดนะ

พี่สาวคนสวยได้แต่รำพึงในใจกับคำพูดตัดปัญหาของน้องสาวก่อนพากันขึ้นไปเรียน

ถ้าว่านาคยังจ้องรถคันหรูที่หน้าโรงเรียนไม่วางตา จนตัวเธอหายเข้าไปในอาคารเรียนสีขาว

ในขณะที่ในรถลีมูซีนคันเดิมซึ่งนาคอาจลืมสังเกตชายหนุ่มสวมสูตรสีเข้มตรงตำแหน่งที่นั่งคนขับ เขาสวมแว่นตาสีดำปิดดวงตาบนใบหน้าคม ปลายจมูกงุ้มเล็กน้อย เส้นผมสีดำขลับ ซึ่งตัดกับสีผิวขาวจัดถูกเสยไปข้างหลังอย่างเรียบร้อย หากประเมินจากสายตา เขาน่าจะอายุยี่สิบปลายๆ หรือไม่ก็สามสิบต้นๆ

คนในรถคันหรูเฝ้าจับตามองร่างบางน่ารักของเด็กสาวผมยาวสีน้ำตาลเข้มที่เดินคู่ไปกับร่างท้วมๆ ของเด็กผู้หญิงอีกคนไม่วางตา ก่อนที่มือเรียวแข็งแรงของเขา จะกดปุ่มบนมือถือแบบพับเครื่องเล็กในมือ รายชื่อในมือถือเป็นภาษาจีนหรือไม่ก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เขาหยุดที่ชื่อคนๆหนึ่ง กดต่อสายแล้วแนบมือถือเข้ากับหู

เมื่อมีคนรับสาย เขาก็พูดขึ้นเป็นภาษาจีนกวางตุ้งว่า "我想她開始注意到了。[ผมคิดว่าเธอเริ่มสังเกตเห็นแล้วครับ]" คำพูดสุภาพบอกถึงคู่สายเป็นผู้มีอำนาจสูงกว่า

" 沒關係,你還是要把它帶回來。[ไม่เป็นไร ยังไงก็ต้องจับตัวกลับมาอยู่ดี]" เสียงห้วทุ้มเข้มดังกลับมา

"我明白明天我們會把她帶給你,林小姐 [เข้าใจแล้วครับ พรุ่งนี้เราจะนำตัวเธอไปให้ท่านครับ คุณหลิน]" เขาให้คำมั่นกับนายของตน ตามด้วยคำกำชับหนักแน่นจะปลายสายอีกครั้งที่ส่งมาจาก 'ฮ่องกง'

"好吧,不管它是什麼,你必須得到 Nanthaka Ritthiwong 並把它帶給我。[ดี ไม่ว่ายังไงก็ต้องเอาตัว นันทกา ฤทธิวงษ์ มาให้ฉันให้ได้]"

ชายหนุ่มวางสายจากคู่สนทนาหลังจบคำสั่งจับตัว นันทกา ฤทธิวงษ์ คงไม่ใช่ปัญหา...

แต่ไอ้การจ้องเขม่นจากเด็กสาวร่างท้วมข้างตัวเด็กสาวที่ถูกหมายหัวไว้นี่สิ... ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าหล่อนจะเป็นปัญหาได้

บ้านหลังโตจนเหมือนคฤหาสน์ย่านชานเมืองกรุงเทพมหานคร ที่เป็นมรดกสืบทอด มาจากรุ่นปู่โทรมนิดหน่อยแต่สไตล์ยุโรปทำให้ดูทันสมัยขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าในบ้านหลังใหญ่ หนีจะมีคนอาศัยอยู่แค่สามคนเท่านั้น ไม่มีแม้คนใช้ที่คอยดูแลบ้านหรือคนทำความสะอาด

ทำไมน่ะเหรอ... ข้อนี้ฤทัยนาค ลูกสาวคนเล็กของบ้านตอบได้

เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ของพ่อเธอใกล้ถึงกาลอวสาน พ่อถูกคนเก่าแก่ที่ไว้ใจที่สุดหรอกต้มจนหมดตัว บริษัทโดนผลาญเงินจนไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว พ่อต้องใช้เงินส่วนตัวที่สะสมมานานจ่ายค่าแรงลูกน้องจนตอนนี้ใกล้หมดตัวเต็มที โดนคนใกล้ตัวเล่นซะน่วมทั้งที่เธอเคยเตือนแล้ว แต่เหมือนพ่อเธอจะไม่ค่อยเชื่อคนอายุน้อยกว่าเท่าไหร่

โอเคไม่ใช่แค่ 'ไม่ค่อย' หรอกแต่ 'มากๆ' เลยต่างหาก สุดท้ายเลยต้องทิ้งบ้านหรูใจกลางกรุงฯ มาอยู่ย่านชานเมืองกับมรดกที่เหลือทิ้งไว้ชิ้นสุดท้ายคือบ้านหลังนี้ และแน่นอนว่านันทกาไม่รู้เรื่องนี้ พี่เป็นคนเดียวที่พ่อไม่อยากให้รู้เรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้น ผิดกับเธอที่ต้องรับรู้เรื่องร้ายๆทุกอย่าง

เออ เธอมันพวกกิ้งก่าเปลี่ยนสีนี่ รับได้ทุกสถานการณ์อยู่แล้ว ไม่งั้นคงโวยวายเป็นบ้าเป็นหลังไปนานสองนานแล้วล่ะ

การย้ายบ้านถูกอ้างด้วยเหตุผลว่าอยากไปอยู่ใกล้ชนบท ใช่...ชนบท ฟังมีรสนิยมแต่นี่ย่านชานเมืองกรุงเทพฯ มันมีแต่น้ำเน่า และไม่ได้รู้สึกว่าอยู่ใกล้ท้องทุ่งแม้แต่นิดเดียว เสียงก็ยังอึกทึกเหมือนเดิม ส่วนเรื่องที่ไม่มีคนใช้ก็ถูกอ้างว่ายังหาไม่ได้...หาไม่ได้มาสองเดือนแล้ว มันจะหาได้ยังไง ในเมื่อไม่ได้แปะป้ายประกาศว่ารับสมัครคนงานนี่

ยิ่งคิดยิ่งทำให้เด็กสาวร่างท้วมซึ่งนั่งอยู่โต๊ะอาหารเซ็งอยากบอกไม่ถูก ไม่ใช่สิ่งที่ต้องมาอยู่ในสภาพที่แย่กว่าเมื่อก่อน แต่เซ็งกับนิสัยของพ่อเธอต่างหาก ถ้าเชื่อคำเธอสักหน่อย คงไม่ต้องมานั่งชูคอเป็นไฮโซตีนเปล่าแบบนี้หรอก แล้วนี่ยังโกหกลูกสาวคนโตของตัวเองอีกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ก็ได้...นาคยอมรับว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องในการต้มตุ๋นนันทกา มันช่วยไม่ได้ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่

"เอ่อ...พี่นัน...พ่อมีเรื่องจะถามเล่นๆ สักข้อ" ผู้ที่พูดนั่งประจำตำแหน่งหัวโต๊ะ เป็นชายวัยกลางคนสวมเสื้อเชิ้ตขาวกับเนคไทที่ผูกหลวมๆ ใบหน้าแต้มด้วยยิ้มละไมแต่แฝงความหม่นหมอง ผมขาวที่เกิดขึ้นบนศีรษะช่วงหลังๆบ่งบอกถึงความเครียดสะสมและเขาคนนี้คือ ยุทธพงษ์ ฤทธิวงษ์ หัวหน้าครอบครัวฤทธิวงษ์ และประธานบริษัทที่กำลังจะเจ๊งแหล่ไม่เจ๊งแหล่

"ค่ะ ถามมาได้เลย" เด็กสาวแสนสวยตอบรับอย่างร่าเริง ไม่ทันดูสีหน้าคนถาม นายยุทธพงษ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่นาคเริ่มเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว เมื่อสังหรณ์บางอย่างกำลังร้องเตือนเธอ

คนเป็นพ่อตัดสินใจเอ่ยออกมา "ถ้าสมมุติ...ถ้าสมมุติธุรกิจของพ่อล้มละลายนันจะว่ายัง..."

แกร๊ง!

เด็กสาวร่างท้วมโยนชอนลงจานขัดคำถามของพ่อ จนทุกคนหันไปมองเธอเป็นตาเดียว

"หนูอิ่มแล้ว" นาคพูดเสียงห้วนหน้าตาย และส่งสายตาเป็นเชิงบอกพ่อว่าให้หยุดพูดเรื่องนี้กับพี่สาวเธอ

"มีอะไรกันรึปล่าว" นันทการีบถามอย่างงมงัน เมื่อเธอปฏิกิริยาแปลกๆจากพ่อและน้องสาว นาคมีวิธีทำให้พี่สาวของเธอเลิกสนใจปัญหาตรงหน้า " พี่นันวันนี้เวรฉันล้างจาน อีกอย่างฉันว่าละครเกาหลีเรื่องโปรดของพี่มาแล้ว"

ได้ผลทันตาเห็นเมื่อโดนจี้จุดสำคัญ นันทการีบขอบใจน้องสาวที่ช่วยเตือนก่อนวิ่งออกไปดูละครเกาหลีเรื่องโปรดของเธอ ลืมปัญหาที่อยู่ด้านหลังไปหมด

ที่โต๊ะอาหารเหลือสองชีวิตนั่งอยู่ เด็กสาวเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

" ไหนพ่อบอกว่าจะไม่ให้พูดเรื่องนี้กับพี่นันไง ไหงพูดซะเองแบบนี้ล่ะ"

" ก็แค่อยากลองดูปฏิกิริยาของพี่นันเท่านั้น" พ่อตอบเหมือนขอไปที นาคมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลาอย่างน่าเบื่อหน่ายก่อนจะประชดกลับไป "เออ ใช่สิ ลูกสาวพ่อเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสีทุกคนนี่"

คำประชดเรียกเสียงหึในลำคอของนายยุทธพงษ์ได้ เขารู้ว่านาคแอบว่าเขาเรื่องที่ไม่เคยเห็นเธอสำคัญบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นว่าไม่สำคัญ เพียงแต่ลูกสาวคนเล็กของเขาคนนี้เป็นความภูมิใจของเขาต่างหาก เธอได้ดั่งใจทุกอย่าง สมกับที่เขาตั้งชื่อเธอว่า ฤทัยนาค 'ฤทัย' ที่แปลว่า หัวใจ และ 'นาค' ที่มาจาก ตัวนากหรือพญานาคซึ่งแปลเต็มๆว่าหัวใจของพญานาค และเพราะว่าเธอเป็นความภูมิใจ มีหัวใจที่แข็งแกร่งของพญานาคที่รับกับทุกอย่างที่ดาหน้าเข้ามาได้ ถึงไม่จำเป็นต้องคอยทะนุถนอมยังไงล่ะ

" นาค... แกน่าจะได้เป็นพี่มากกว่าน้องนะ"

" โอ๊ย... พอเหอะพ่อ อย่าเริ่ม หนูเซ็งประโยคนี้เต็มที" นักร้องดักคออย่างรู้ทัน ก่อนที่เธอจะเริ่มร่ายยาวอย่างอารมณ์เสีย ปกติเธอไม่ใช่คนอารมณ์เสียง่าย แต่เปิดบทสนทนากับพ่อทีไรอารมณ์ขึ้นทุกที "รู้ไหม ความจริงหนูไม่ได้คิดว่าธุรกิจพ่อกำลังจะเจ๊ง แต่หนูคิดว่ามันเจ๊งไปนานแล้ว แต่หนูไม่สน หนูไม่สนเลยเพราะว่าเทอมนี้หนูจ่ายค่าเรียนไปแล้ว อย่างน้อยที่สุดหนูก็สามารถเรียนได้จนจบเทอม แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือค่าน้ำค่าไฟของเดือนนี้จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย บางทีคงต้องยอมโดนตัดน้ำตัดไฟสัก 2-3 เดือนแล้วค่อยว่ากัน หนูว่าหนูควรหางานทำ เอางานอะไรก็ได้ที่เขาไม่ดูกันที่หน้าตาอย่างเดียวน่ะ สมัยนี้หายากเป็นบ้า อย่างอย่างหนูเอาไปแปลงโฉมก็ไม่ขึ้นซะด้วยสิ"

"แต่พ่อว่าแกได้ทุกงานนะ แกมีพรสวรรค์พิเศษ แถมมีความสามารถด้านอาชญากรรมด้วยซ้ำ พร้อมวงการธุรกิจที่แกอยู่ก็เหมือนวงการอาชญากรรม แกน่าจะดีใจนะที่ฉันคอยยัดเยียดทุกอย่างให้แก จะได้ทันคนอื่นเขา" นายยุทธพงษ์ยังกล่าวอย่างราบเรียบและกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างภูมิใจ แม้จะมีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย

นาคเลิกคิ้วด้วยสีหน้าเฉยชาก่อนจะว่าขึ้นใหม่ " ใช่ เห็นแล้ว พ่อเพิ่งยกบริษัททั้งหมดให้อาชญากรรมใกล้ตัวไป"

คำประชดร้ายกาจรอบนี้ เล่นเอาผู้เป็นพ่อเงียบไปทันใด ก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างเจ็บปวดกับความผิดพลาดและการโดนหักหลัง เขาก้มหน้า วางมือประสานกันบนโต๊ะกินข้าวพร้อมกับนิ่งเงียบ ท่าทางเช่นนั้นทำให้หน้าสำนึกผิดเมื่อรู้ว่าตนเองพูดแรงเกินไป

นาคยกมือขึ้นถูหน้าตัวเองไปมาเพื่อคลายความเครียดและระงับอารมณ์ที่เริ่มพุ่งพล่าน ก่อนหยุดมือและพูดขึ้นใหม่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง " โอเค หนูพูดแรงไปหนูขอโทษ แต่ขอทีกับไอ้ที่พ่อชอบบอกว่าหนูมีพรสวรรค์เนี่ย โดยเฉพาะด้านอาชญากรรมอะไรนั้น เพราะจะยัดเยียดตะรางให้หนูเหรอ หนูเพิ่งจะอายุสิบเจ็ดปี เด็กผู้หญิงอายุสิบเจ็ดบางคนยังเดินหลงทางอยู่เลย บางคนยังขึ้นรถเมล์ไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่หนูต้องทำงานตั้งแต่อายุไม่ถึงสิบขวบ ก่อนผู้ใหญ่บางคนจะหางานได้ซะอีก... แต่หนูก็แค่ทำงานตามที่พ่อสั่งเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ถ้าอยากให้ดูพิเศษนะต้องที่นันไปเลย ได้นั้นสิถึงจะมีคนสนใจจริงๆ" หน้าเริ่มรู้สึกเป็นฝ่ายเหน็ดเหนื่อยบ้างเมื่อต้องพูดเรื่องทำนองนี้อยู่เป็นประจำ

ความจริงมันเป็นวิธีสะกดจิตตัวเองของเธอด้วย สะกดจิตว่าเธอไม่ได้มีความสามารถอะไร แค่เด็กผู้หญิงธรรมดา สาวน้อยลูกเป็ดขี้เหร่ตลอดกาล อาจจะเป็นเพราะนิสัยของเธอที่เกลียดการตกเป็นเป้าสายตาและถูกมองว่าผิดแปลกจากคนอื่น เลยทำให้เธอไม่พยายามหาข้อดีของตัวเองมากนัก

เมื่อบรรยากาศในห้องรับประทานอาหารเงียบไป ดั้งท่วมก็เริ่มลงมือเก็บจานชามบนโต๊ะ ในขณะที่พ่อของเธอเงยหน้าขึ้นพร้อมพูดว่า

" รู้ไหม 'พิเศษ' ของฉันคนละความหมายกับแก"

หน้าแค่ไหวไหล่ตอบอย่างไม่แยแส

" และฉันจะบอกแกด้วยว่า... ฉันติดหนี้..."

คำสารภาพจากคนเป็นพ่อเล่นเอาลูกสาวที่วุ่นวายกับการเก็บโต๊ะชะงัก ก่อนตวัดเสียงตอบ "เหนือคาดเหลือเกิน...กับ 'มาเฟีย' ด้วยรึปล่าว" เจ้าหล่อนประชดใช้อย่างหนึ่งเหลืออด แต่เล่นเอาคนเป็นพ่อสะดุ้งเฮือกเพราะเธอทายแม่นอย่างกับจับกวาง

กับมาเฟีย... ประชดได้ตรงเป้าเลย

หากก่อนที่น่าจะเดินออกไป เสียงคนเป็นพ่อก็รั้งไว้จนเธอต้องหมุนตัวกลับมามองอย่างหงุดหงิดเพราะข้าวของเต็มมือ

นายยุทธพงษ์เดินมาตกปลาลูกสาวคนเล็กเบาๆ 2-3 ที

"จงเป็นเหยื่อที่เหนือกว่าผู้ล่า... นาค ขอบคุณพรสวรรค์ของตัวเอง แล้วก็ใช้มันให้เต็มที่ด้วย"

เขาสั่งสอนด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวเป็นคำพูดสุดท้ายที่จะได้พูดกับเธอ แต่คนเป็นลูกเพียงระบายลมอย่างเบื่อๆ กับพ่อเธอไม่วายวนมาพูดเรื่องเดิมที่เธอเกลียดที่สุด

" หนูว่าขอบคุณคนสร้างบ้านนี้ที่ให้ห้องกินข้าวอยู่ไกลห้องโทรทัศน์ดีกว่าพี่นันถึงไม่ได้ยินเรื่องที่เราคุยกัน" เธอทิ้งท้ายก่อนหายไปในห้องครัว โดยไม่ทันสะกิดใจกับคำพูดของผู้เป็นพ่อ...ว่าเขากำลังโยนงานที่ใหญ่และยากที่สุดในชีวิตให้เธอ

_______________________________________

Please follow the next episode.

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!