สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าคุณกำลังจะพ่ายแพ้คือการที่คุณลืมตัวไปว่าคุณกำลังก้าวเข้าไปแข่งกับคนที่คุณไม่มีวันชนะ....
อิทธิเริ่มรู้สึกว่าเขาประเมินไอยศิกาต่ำเกินกว่าความเป็นจริง เพราะไม่ทันไรเขาก็เริ่มรู้สึกคิดถึงเธอขึ้นมาซะแล้ว แม้เวลาจะเพิ่งผ่านไปไม่นานหลังจากได้พบหน้าเธอในครั้งนั้น แต่เขาก็กระวนกระวายจนทำให้พาทิตย์เริ่มสงสัยว่าเขากำลังมีอะไรปิดบังอยู่เป็นแน่
"พี่อิทมีอะไรที่อยากจะบอกผมรึเปล่าครับ ทำไมช่วงนี้ถึงดูลนๆ ดูไม่นิ่งเหมือนเมื่อก่อนเลย"
พาทิตย์มองมือขวาคนสนิทที่ยืนกระมิดกระเมี้ยนผิดวิสัยอยู่ในห้องทำงาน เขาทั้งรู้สึกสงสัยและแอบจับพิรุธในเวลาเดีนวกัน ถึงแม้เขาจะรู้ว่าอิทธิไม่มีทางที่จะทรยศหักหลังเขา แต่ก็ห่วงว่าคนของเขาจะมีปัญหาอะไรจุกจิกรึเปล่า เช่น เรื่องของผู้หญิงเป็นต้น
"อ่า คือผม..."
อิทธิพัทธ์เริ่มตอบตะกุกตะกัก เขาไม่คิดเลยว่านายของเขาจะมองท่าทีออกว่าเกิดอะไรขึ้นภายในความรู้สึกที่เคยด้านชานี้ แล้วอยู่ดีๆนายก็วางปืนที่ไม่เคยนำมาใช้ไว้บนโต๊ะ
'ตายxxแล้วกู'
"เอายังไงดีครับ พี่อิทจะบอกผมได้รึยัง"
พาทิตย์กุมขมับแล้วมองคนตรงหน้าด้วยแววตาคาดคั้นและกดดัน แม้อิทธิจะรู้สึกกลัวด้านที่เขาเดาทางไม่ออกของคุณพาทิตย์แต่ก็พูดความจริงออกมาในที่สุด เมื่อ นาย ได้ฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็หัวเราะออกมาแล้วเอาปืนเก็บลงลิ้นชักโต๊ะตามเดิม
"นี่คุณ แต่ไหนแต่ไรคุณไม่เคยคลั่งรักลูกหนี้แบบนี้นะ มันเกิดอะไรขึ้น เธอคนนั้นสวยถึงขั้นทำอะไรไม่ถูกขนาดนั้นเลยเหรอครับ"
"โห เสี่ย .... น้องเขาไม่ได้แค่สวยน่ะสิครับ ทั้งเก่งแล้วก็อ่านเกมผมขาดตลอดเลย ผมต้องแพ้แน่งานนี้"
"ไปหาทำดวลอะไรไว้ล่ะครับ"
"....ก็เธอบอกผมว่าใครรักใครก่อนจะแพ้นี่ครับ"
"พี่อิทก็ลองทำแบบนี้สิ..."
พาทิตย์แนะนำมือขวาคนสนิทถึงการอ่านใจสาวๆที่เขาเคยทำมานักต่อนัก หมายถึงก่อนที่เขาจะเจอน้องมิ้ล ภรรยาคนสวยที่คล้ายว่าจะเริ่มโหดพอๆกันแล้วในตอนนี้
"ดีเลย ผมจะลองใช้วิธีนั้นดูนะครับ"
อิทธิมองว่าคำแยะนำนั้นอาจจะช่วยเขาได้ แต่ก็ยังมีความรู้สึกกังวลเล็กน้อยอยู่ในใจ ซึ่งพาทิตย์เองก็พอจะอ่านท่าทางของมือขวาคนสนิทออกแต่ก็ได้แค่เพียงพูดให้กำลังใจเท่านั้น
"สู้ๆนะพี่ ยังไงเธอก็ไม่รอดเงื้อมมือพี่หรอก วิธีนี้ผมใช้มาเยอะแล้ว"
พาทิตย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับอิทธิที่ยิ้มอ่อนอยู่ใกล้ๆ แล้วก้มอ่านรายงานการร้องเรียนต่างๆที่มีคนส่งเข้ามา และหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง
"คุยอะไรกันคะเหล่าจิ้งจอก แล้วนี่ใครจะไม่รอดคะพี่ทิตย์"
เหล่าจิ้งจอก ของหนูมิ้ลมองตากันแล้วยิ้มออกมาแบบรู้กันเองเพียงสองคน
"ผมไปทำงานต่อดีกว่าครับ โชคดีนะครับเสี่ย"
"คุณจะรีบทิ้งผมไปไหนเนี่ย ผมเหงานะ"
"ไปทำตามแพลนน่ะสิครับ แล้วก็ทำงานด้วย ยังตรวจสอบบัญชีไม่เสร็จดีเลย"
"อ้าว นี่พี่อิทรับงานตรวจสอบบัญชีด้วยเหรอคะ"
หญิงสาวเท้าเอวแล้วมองหน้าสามี
"พี่ทิตย์ทำไมไม่เคยบอกมิ้ลล่ะ มิ้ลกลับมาทำงานนี้ได้แล้วนะ ลูกสาวเราก็เริ่มโตแล้วด้วย"
มิ้ลที่เคยรับผิดชอบงานตรวจสอบบัญชีถึงกับโวยออกมา นั่นเป็นเพราะการดูแลลูกสาวเพียงอย่างเดียวทำให้เธอที่เคยเป็น Working woman เบื่อจะแย่อยู่แล้ว
"ก็พี่อยากให้เธอคอยดูแล แล้วก็สอนลูกของเราตั้งแต่ตอนนี้ จะได้โตมาเป็นคนดี คนเก่ง แล้วก็พร้อมมาสืบทอดอำนาจของพวกเราไงคะ"
.......
เสียงของทั้งสองเบาลงเมื่ออิทธิเดินออกมาจากห้องทำงานของพาทิตย์เพื่อเคลียร์งานในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบต่อให้จบ เขายอมรับว่าแต่ก่อนคุณหญิงมานิตาเป็นนักตรวจสอบบัญชีที่ละเอียดมาก แต่ช่วงที่เธอต้องดูแลนายน้อยของเขา เธอเริ่มนอนน้อยและมีอาการเหนื่อยและเพลียได้แทบทั้งวัน เขาควรจะมาช่วยในด้านนี้ และปล่อยให้เธอได้พักเสียบ้าง
'แต่การที่จะให้นายน้อยที่เป็นผู้หญิงมาสืบทอดตำแหน่งมันยังไงอยู่นะเนี่ย'
ทันทีที่เขาเดินไปถึงที่ห้องทำงานส่วนตัว เลขาฯหน้าห้องคนสวยของเขาก็ปรี่เข้ามารายงานถึงเรื่องที่จัดการเอกสารที่ต้องให้นายพาทิตย์เรียบร้อยแล้ว เขาจึงบอกว่าเดี๋ยวจะเดินไปส่งด้วยตนเองและเข้าไปเช็คงานที่เหลืออยู่ไม่มากนักบนโต๊ะทำงานสีขาวด้านในห้อง อิทธิมองว่าบ้านนี้เป็นบ้านที่อาจจะดูแปลกไปหน่อย เพราะขนาดเขาที่เป็นเพียงมือขวามาเฟียยังมีเลขาฯส่วนตัว แถมมีห้องทำงานให้ด้วย ก็ปกติที่อื่นมันมีซะที่ไหน
'มันต้องออกไปบู๊แหลกไม่ใช่เหรอวะ'
มันก็จริงที่มาเฟียบ้านนี้เป็นสายนักธุรกิจที่เน้นการมีคอนเนคชั่นทางการค้ามากกว่าเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมือง ดังนั้นงานหลักของบ้านจะมีสองอย่าง คือการรับฟังข้อร้องเรียนจากคนในพื้นที่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของคุณหญิงมานิตา กับ การจัดการด้านเงินทุนหมุนเวียนสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยตามพื้นที่ต่างๆที่คุณพาทิตย์รับผิดชอบ
เขาจะออกไปทำงานนอกพื้นที่ก็ต่อเมื่อมีสายมาแจ้งว่ามีข้อร้องเรียนเรื่องวัยรุ่นตีกัน บ่อนการพนันที่ทำผิดกติกา หรือการค้าประเวณีผิดกฎหมายเท่านั้น นอกนั้นเขาจะเป็นนักธุรกิจที่คอยดูแลควบคุมการชำระเงินกู้ และการให้คำแนะนำกับผู้ที่มีปัญหาทางการเงินจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ตรงตามกำหนดเท่านั้น
เขามองมือถือของตัวเองนิ่งๆแล้วส่งสติกเกอร์แมวให้กับไอยศิกา
(อิทธิ : คุณเงียบไปแบบนี้ แสดงว่าจะให้ผมทักไปก่อนใช่มั้ยล่ะ ได้ครับ ครั้งนี้ผมจะยอมทักก่อนก็แล้วกัน)
ข้อความไปถึงไอยศิกาในเวลาเพียงไม่กี่นาที แต่เธอยังคงเงียบ ไม่ยอมส่งอะไรกลับไปหาเขาเหมือนแต่ก่อน
ไอยศิกาเริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังรู้ทัน เธอเริ่มคิดแผนการใหม่ที่แยบยลกว่า และเชื่อว่าครั้งนี้เธอจะพลาดไปรักเขาไม่ได้เด็ดขาด
'.... ใครจะไปยอมให้เกมมันจบเร็วขนาดนั้นกันล่ะ'
ไอยมองนาฬิกา ตอนนี้เกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว มีญ่าเคลียร์ยอดขายและนำรายงานยอดขายมาส่งก่อนที่จะกลับบ้านไปเมื่อครู่นี้เอง เหลือแค่เธอที่ยังคิดไม่ตกว่าจะสร้างกับดักอะไรดี และเขาก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง
(อิทธิ : อีกสามวันผมว่างนะ เดี๋ยวไปหา)
ไอยศิกาเบิกตาโพลง มันแย่แน่ที่เขาจะมาเจอเธอในวันที่เธอยังคิดไม่ออกว่าควรจะสร้างกับดักอะไรดีเพื่อให้เขาหล่นตุ๊บลงไป เพื่อที่เธอจะได้ไม่เสียโอกาสที่จะได้สินสอดและนำไปใช้หนี้จนครบซักที
'หรือไม่แน่ อาจจะเป็นฉันนี่แหละ ที่โดนเขาผลักลงไปก่อน'
ไอยพิมพ์ข้อความส่งกลับไป
ไอย : เจอกันนะคะ มีหลายที่เลย ที่อยากพาคุณไป
(อิทธิ : ขนาดนั้นเลยเหรอ ผมไปได้แค่สองวัน คงไปได้ไม่กี่ที่หรอก)
บุคคลปลายทางกำลังขมวดคิ้วยุ่งเหยิง แล้วเอามือกุมขมับ เขาเชื่อว่าเธอมีแผน แต่เขาก็ตั้งใจจะเอาแผนของตัวเองไปใช้ เอาล่ะ มันก็ต้องลับคมซักนิดแล้วนะเผือก แกต้องสู้สิวะ
......
เวลาผ่านไปไวจนน่าตกใจ และแล้ววันที่ทั้งเขาและเธอตั้งตารอคอยก็มาถึงในที่สุด ไอยศิกาเตรียมเสื้อผ้าใหม่ให้เขาตื่นตาตื่นใจ แต่งหน้าเบาๆแบบเกาหลี เพราะอย่างน้อยถ้าเขาเห็นว่าเธอน่ารัก เขาก็คงทำอะไรไม่ถูกเหมือนครั้งแรกที่พบกันแน่ๆ แต่ใช่ เธอคิดผิด ผิดมากเลย เพราะเขาเองก็เตรียมตัวมาดีไม่ให้น้อยหน้าคุณเจ้าของสวนที่แสนสวยอยู่แล้ว
ในวินาทีที่เขาก้าวลงจากรถ ทั้งผมที่เซ็ตมาอย่างดี แถมสูทสีครีมที่สั่งตัดเพื่อวันนี้โดยเฉพาะก็ทำให้เขาดูผ่องและราศีจับยิ่งกว่าครั้งแรกที่เขาเดินทางมาเจอเธอที่นี่เสียอีก
'เหอะ เดี๋ยวเถอะ แข่งไปแข่งมา สุดท้ายคงรักกันจนลืมข้อตกลงกันไปเองน่ะแหละ'
เขามองเธอด้วยสายตาที่อ่อนหวาน และแอบยิ้มอ่อนภายใต้หน้ากากอนามัยสีขาวนั่น ....
'ใครจะไปยอมให้เธอได้เปรียบอยู่คนเดียวล่ะ แม่สาวน้อย'
ทั้งไอยศิกาและอิทธิพัทธ์ต่างก็มองตากัน แอบส่งความหวานใส่กันประหนึ่งจุดชนวนสงครามและขบเคี่ยวกันอยู่ในทีตลอดเวลาที่เดินทางไปในรถ ไม่ว่าจะใครเป็นคนขับ หรือจะไปไหนดี อยากกินอะไร ทุกเรื่องดูเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากและวุ่นวาย แต่เมื่อถึงเป้าหมาย ทุกอย่างที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกันมาตลอดก็หายไปหมด มีแต่ความสนุกสนานที่ต่างคนต่างก็เสพให้สมกับที่เป็นวันพักผ่อน เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเริ่มมองเธอด้วยความรู้สึกดีที่มาจากใจจริงๆตั้งแต่เมื่อไหร่ ไอยศิกาเองก็เช่นกัน เธอลืมไปหมดแล้วว่าเธอต้องทำตามแผนที่คิดไว้แทบทั้งคืนจนตาโหลเป็นแพนด้า เธอต้องมานั่งทาคอนซีลเลอร์ปกปิดรอยใต้ตาและแต่งหน้าเกือบครึ่งชั่วโมงแหน่ะกว่าจะปิดมันได้
"พี่อิทคะ ... พี่อิท"
ไอยศิกาสะกิดชายหนุ่มที่นั่งเหม่ออยู่นานจนลืมกาแฟที่สั่งไปเมื่อครู่
"มอคค่าชืดหมดแล้วนะคะ พี่คิดอะไรอยู่เนี่ย"
"อ๋อ พี่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะแหละ ขอบคุณนะไอยที่ดึงสติไว้ ไม่งั้นลอยไปไหนต่อไหนแล้วไม่รู้"
เขายกแก้วมอคค่าเย็นขึ้นมา แล้วดูดจนหมดแก้ว ฉับพลันเขาก็เหมือนจะเห็นคนนั้นที่เขาเคยพบที่เคียงผารีสอร์ทกำลังตกที่นั่งลำบาก จะว่าไปนายนั่นมีศัตรูที่นี่ด้วยเหรอ ...
"เฮ้ย! นี่มันมือขวาเก่าไอ้เสี่ยแพทนี่หว่า ทำไมมาเดินเปื่อยแถวนี้วะ ตกงานเหรอ"
นักเลงที่สวมชุดบอลคนนึงเดินมาผลัก แต่ก็ถูกนายคนนั้นเตะจนล้มลงไปกับพื้น
"มือขวาแล้วไงวะ กูว่างงาน แต่กูมีเงินใช้ละกัน อย่ามาเจือก"
"ไอ้xxx .... กล้ากับกูเหรอวะ ได้ๆๆ เดี๋ยวกูจะสั่งสอนเองว่าใครใหญ่สุดในจังหวั-- อั๊กก"
ถึงร่างจะกำยำ แต่การถูกจู่โจมแบบไม่ตั้งตัวก็ทำให้มันล้มลงไปในทันที ตามด้วยเสียงหาวเหมือนคนนอนไม่พอแบบชิลๆของผู้ชนะในศึกนี้
"เอาล่ะค่ะ ถึงเวลาวัดกันแล้ว ว่าตกลงใครกันแน่ที่ใหญ่ที่สุด"
เสียงนุ่มๆของหญิงสาวดังขึ้นเหนือร่างของมัน เท้าข้างนึงยังอยู่ที่พื้น ส่วนอีกข้างเหยียบตรงกลางหลังพอดิบพอดี
อิทธิมองไปข้างๆก็พบว่าไอยศิกาหายไป แต่ฉับพลันเขาก็ได้คำตอบว่าคนข้างๆเขาหายไปไหน ไอยศิกาที่ใช้เท้าเหยียบลงบนอกของนักเลงคนนั้นกำลังกดเบอร์อะไรซักอย่างแล้วทำท่าโทรหาใครซักคน
"พี่ มาจับไอ้เส็งที มันมากร่างแถวบ้านไอยอีกแล้ว เอาน่า ก็ถือว่าช่วยรุ่นน้องไงพี่ ค่ะ"
เธอเอากุญแจมือออกมาจากกระเป๋าแล้วจัดการรวบทันที แถมด้วยการจิกหัวมาแล้วเอาน้ำในมือเธอราดลงไป
'.... อื้ม นี่คงไม่ใช่แผนใช่มั้ย ถ้าใช่พี่ยอมแล้วก็ได้'
อิทธิที่มองหญิงสาวว่าใสๆน่ารักเริ่มเปลี่ยนมุมมองไปในทันที หรือความจริงแล้วเธอเป็นคนแบบนั้นมาตั้งแต่แรกวะ
สิบนาทีกว่าๆก็มีตำรวจมารวบไอ้เวรนั่นไป ไอยศิกาเดินกลับมาหาเขาที่โต๊ะด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ส่วนเจ้ามือขวารายนั้นก็หนีหายไปไหนซักแห่งแล้ว
"เป็นยังไงบ้างคะ เท่มั้ย"
ไอยศิกาถามขำๆ ก่อนจะบอกเขาว่าเธอคือสายตำรวจ และช่วยรุ่นพี่คนสนิทของเธอตามจับพวกนักเลงท้องถิ่นมานานแล้ว ...
"แล้วทำไมต้องไปช่วยเขาล่ะ งานมันเสี่ยงออก"
อิทธิค้านขึ้นมาแ้วยความเป็นห่วง แต่ก็กักคำว่าเป็นห่วงเอาไว้ก่อน
"ก็เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยไงพี่อิท"
"รุ่นพี่... ผู้หญิงหรือผู้ชาย"
"จะเป็นเพศอะไรแล้วพี่จะสนทำไมเล่า!!"
ไอยศิกาเดินออกไปเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกไม่ค่อยพอใจที่ถูกถามเมื่อครู่ ก็รู้อยู่หรอกว่าหวงน่ะ แต่นายจะหวงฉันกับพี่ที่เป็นเกย์ไม่ได้รึเปล่าวะ
ไอยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก่อนจะเอะใจขึ้นมา
' ... เดี๋ยวนะ เขาหวงฉันเหรอ?! แปลว่าแผนการนี้เวิร์คน่ะสิ เอาล่ะ ลุยต่อ'
เธอสยายผมก่อนจะนำน้ำหอมขวดเล็กออกมาฉีดพรมเพิ่ม จู่ๆมือถือเจ้าปัญหาก็ดังขึ้นมาเป็นเพลงแฟนเก่าคนโปรด... หน้าพี่อลัน ชายหนุ่มสายอปป้าที่เลิกกับเธอเพราะบ้างานวิจัยจบป.เอกจนไม่มีเวลาให้ก็ลอยขึ้นมาในความคิดของเธอในทันที ... จะโทรมาอวดงานวิจัยรอบที่สามสิท่า
"สวัสดีค่ะ พี่ลัน"
"อัย ยูไม่ค่อยรับสายพี่เลยนะ"
ปลายสายส่งเสียงคล้ายกับว่ากำลังน้อยใจที่เธอปัดสายเขาทิ้งเกือบสิบครั้ง... ก็โทรมาล่าสุดพ่นแต่ศัพท์เฉพาะทางชีววิทยา ใครจะไปรู้เรื่องเล่า!!!
"ขอโทษทีค่ะ ก็อัยงานยุ่งนี่นา ช่วงนี้ที่ไร่เริ่มมีลูกค้าแล้วด้วย"
"อ้าวเหรอ ดีใจด้วยนะ เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว พี่ก็สบายใจ เออใช่ นี่พี่อยู่แถวร้านที่อัยชอบเลยนะ เพิ่งกลับมาเมื่อวาน ว่าจะไปหาอยู่"
ไอยยืนนิ่ง พูดอะไรไม่ออก เพราะเธอเองก็เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นเขาเดินมาหน้าร้านอย่างพอเหมาะพอเจาะ ... แล้วก็เดินเข้าร้านไปเมื่อสองนาทีที่แล้ว
'... อืม นี่แกคงก้าวขาผิดข้างออกจากบ้านสินะไอยศิกา ต้องซวยอะไรเบอร์นี้วะ'
อลันที่ไม่รู้ตัวเลยว่าโดนหาว่าเป็นตัวซวยหันหลังมาสังเกตการณ์ไปรอบๆร้าน เขาใส่กางเกงยีนส์ขายาวกับเสื้อคอกลมสีน้ำตาลอ่อนเบาๆสบายๆ และใส่ผ้าใบแคชชวลสีฟ้า
'ยังเทสดีเหมือนเดิมเลยนะพ่อคุณ'
ไอยศิกาคุ้นเคยกับการแต่งตัวแบบนี้ของเขามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มันดูง่ายแต่แฝงความเจ้าสำอางค์ของเขาได้ไม่มิดเท่าไหร ไม่ว่าจะเสื้อที่เรียบกริบ หอมกรุ่นไปด้วยน้ำหอมผู้ชายที่ไม่แรงเกินไป กับกางเกงที่สะอาดเกินกว่าจะเป็นกางเกงยีนส์... แถมเซ็ตผมซะเนี๊ยบคล้ายว่าชวนสาวมาด้วย และแล้วสิ่งที่ไอยไม่ต้องการให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้
"อ้าว ทำไมเมื่อกี๊ไม่บอกว่าอยู่ที่ร้านล่ะ"
"เอ่อ คือพอดีมากับ--"
ไอยศิกาอึกอัก พยายามมองหาอิทธิไปทั่วร้าน
"เขามากับผมน่ะครับ คุณเป็นใครครับ รู้จักน้องไอยตั้งแต่เมื่อไหร่"
อิทธิเดินเข้ามาโอบไหล่ไอยศิกาที่กำลังอึดอัดใจจากคำถามของคนที่อยู่ตรงหน้า นายนั่นแต่งตัวดีแต่ก็พูดจายังกับตัวเองเป็นเจ้านายของผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆเขางั้นแหละ
"ผมชื่ออลัน เป็นแฟนเก่าของน้องไอยครับ แล้วคุณล่ะใคร เป็นแฟนใหม่ยัยนี่ล่ะสิ"
อลันเริ่มวางมาดด้วยความที่คิดว่าอีกฝั่งคงไม่ได้มีดีเท่าเขาแน่ๆ
"พี่ก็เพิ่งรู้นะว่าน้องไอยชอบผู้ชายหน้าคม ไม่ใช่อาตี๋แบบพี่ คงเพราะแบบนี้ถึงขอเลิกกันล่ะสิ"
"พี่ลันพูดมากไปแล้วนะคะ"
"มากไปตรงไหนไอย พี่ก็พูดตามที่คิดน่ะแหละ หรือที่เลิกไปก็เพราะไอ้ผู้ชายคนนี้ ถ้าพี่ไม่ใช่สเป็คจะมาคบทำไมล่ะ"
"คนอย่างพี่ก็คบกับงานวิจัยไปเถอะค่ะ ไม่เห็นจำเป็นต้องกลับมาหาไอยเลยนี่คะ ถ้าเรียนสูงแต่อยู่กับใครไม่ได้ ก็อยู่คนเดียวไปแล้วกัน"
ไอยจงใจเดินชนอลันแล้วคว้ากระเป๋าวิ่งออกจากร้านไป อิทธิวิ่งไปคว้ากระเป๋าตัวเองแล้วตามเธอไปเช่นกัน แต่ก็หาไม่เจอแล้วว่าไอยวิ่งไปที่ไหนกันแน่ เขาเดินหาเธอไปทุกที่ ก่อนจะเห็นไอยยืนกุมขมับอยู่ตรงที่รอรถสองแถวที่จะกลับเข้าไร่
"ขอโทษนะที่พี่ช่วยอะไรไอยไม่ได้เลย"
"ไอยก็ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่หรอก พี่อิทไม่ผิดนะคะ ไอยต้องขอบคุณพี่ด้วยซ้ำที่ออกตัวช่วยไอยเอาไว้"
"เป็นแฟนเก่าที่แย่เหมือนกันนะ"
ไอยส่ายหน้า
"เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้หรอกค่ะ แต่ก็หมกมุ่นกับงานมากไป ไอยเตือนแล้วว่าให้พักบ้างก็ไม่ฟัง แต่พอป่วยก็มาโทษว่าไม่ยอมดูแล"
อิทธิมองไอยที่ยืนทำหน้าเบื่อหน่ายด้วยความเป็นห่วงว่าภายใต้หน้ากากอันนิ่งเฉยนั้น เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ความจริงแล้วไอยก็แค่คิดว่า จริงๆแล้วเธอก็ตกหลุมรักนายอิทธิไปแล้วแน่ๆ แต่เธอจะไม่ยอมสารภาพหรอกว่าตัวเองแพ้น่ะ จนกว่าจะจวนตัวจริงก็จะไม่ยอมเด็ดขาดเลยด้วย
แต่ปัญหาจวนตัว มักจะมาตอนที่ไม่ได้ตั้งตัวเสมอ ไอยศิกาแยกกับเขาที่ร้านของตัวเองในไร่หวานใจ และเธอไม่มีทางรู้เลยว่าจากนี้ไป เธอเป็นฝ่ายที่ต้องช่วยเหลือและปกป้องเขาบ้างแล้ว
อิทธิพัทธ์กลับมาที่เคียงผารีสอร์ทอีกครั้ง และพบกับคุณอาคม เจ้าของรีสอร์ทที่ช่วงนี้แข็งแรงดีกว่าวันก่อนมาก เขาเข้าพักโซนที่เงียบสงบ แทบไม่มีใครเข้าไปพักเท่าไหร่ แม่อิงจันทร์ลูกสาวคุณคมเตือนเขาว่ามันอันตรายเพราะเคยเจอโจรป่าดักปล้นลูกค้าที่พักโซนนั้นมาแล้ว จนต้องปิดรีสอร์ทเพื่อความปลอดภัยไปซักพักตามคำสั่งจังหวัด
ค่ำคืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ไม่มีแสงจันทร์สาดส่อง เสียงย่องของใครซักคนเดินวนรอบนอกห้องทำให้อิทธิเริ่มระวังตัว เขาเช็คทุกจุดว่าล็อคดีแล้ว ก่อนจะเตรียมปืน เสียงรถของลูกค้าที่เข้าพักส่วนหน้าทำให้เสียงเดินของคนด้านนอกเงียบไป แต่ไม่นานนักก็มีเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่อยู่ด้านนอก
'ไม่น่าใช่น้องอิง ...ลูกค้าใหม่เหรอ'
เขามองที่ตาแมวและหน้าต่างก่อนจะออกไปด้านนอก มีเสียงเอะอะของผู้ชายดังออกมาจากออฟฟิศ น่าจะมีโจรมากกว่าหนึ่งคนเท่าที่ประเมินได้ในตอนนี้
ปัง!!
เสียงปืนดังขึ้นพร้อมเสียงโอดโอยและเสียงกรีดร้องที่มาจากอิงจันทร์ เขารู้แน่ชัดเพราะเธอเรียกชื่อพ่อเธอถึงสามครั้ง เสียงร้องไห้ของหญิงสาวทั้งสองทำให้เขาอึดอัดจนต้องวิ่งเข้าไปด้านในออฟฟิศ
'เอาวะ เป็นไงก็เป็นกัน'
เขาแอบส่งข้อความให้กับไอยศิกาเรียบร้อยแล้วและหวังว่าตำรวจจะมาทัน แต่เขาไม่คาดหวังว่าเธอจะมาด้วยหรอก
"เห้ย! ไอ้ผีเมืองมา หนีเร็ว"
"จะหนีไปไหนวะ"
เขาตะโกนออกมาแล้วยิงไปที่ขาของโจรคนนึงที่วิ่งไปที่ประตู แต่อีกคนที่ไหวตัวทันหยิบปืนขึ้นมาแล้วเล็งไปที่อกของอิทธิ ก่อนจะลั่นไกออกมา
ปัง!!
เลือดสีแดงฉานซึมออกมาเปื้อนเชิ้ตสีขาวที่ใส่อยู่ทีละนิด อิทธิล้มลง และดันนึกถึงสีหน้าผิดหวังของไอยศิกาขึ้นมา ในตอนนั้น เขารวบรวมแรงฮึดสุดท้ายและยิงไปที่ท้องของโจรที่ยิงเขาไปเมื่อซักครู่ คุณคมเจ้าของรีสอร์ทแน่นิ่งไปซักพักแล้ว โดยมีลูกสาวประคองเขาไว้ไม่ห่าง
'ถ้ามีคุณอยู่ตรงนี้ก็คงดี'
เขายิ้มให้กับความคิดโง่ๆนั่น ใครเขาจะยอมออกมากลางดึกเพื่อคนอย่างเขาล่ะ ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย สติวูบสุดท้ายหมดลงเมื่อได้ยินเสียงหวอจากรถพยาบาลและรถตำรวจ เขาหลับตาลงไปพร้อมกับความสบายใจและเสียงที่ไม่คาดฝันก็ดังขึ้น
"พี่อิท!! อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะคะ ไอยอยู่นี่แล้วนะ เดี๋ยวหมอก็พาพี่ไปรักษาแล้ว ทำใจดีๆไว้นะคะ"
'นี่มันสวรรค์รึเปล่านะ สงสัยนางฟ้าคงให้พรเราอยู่ล่ะมั้ง'
อิทธิหมดสติไป ทุกอย่างดำมืดไปหมด
.....
วันต่อมา ที่โรงพยาบาล
อิทธิยังคงนอนอยู่ในห้อง ICU เนื่องจากต้องให้เลือดแทนที่ส่วนที่เสียไปจนเป็นอันตรายต่อค่าความดันโลหิต หมอที่แผนกฉุกเฉินแจ้งกับไอยศิกาว่าเลือดของเธอเข้ากันได้กับเขา แต่ก็อาจไม่ต้องใช้ เพราะในธนาคารเลือดก็ยังพอมีเหลืออยู่
'หากฝืนผ่าตัดก็อาจอันตรายถึงชีวิตได้'
หมอแจ้งไว้อย่างนั้น ทำให้ไอยศิกาเริ่มกังวลและโทรหาพาทิตย์ด้วยตนเอง เพราะเธอคิดว่าควรจะแจ้งเพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วงคนของตนเองมากนักและรู้ว่ามีคนคอยดูแลอยู่....
{อ้าว คุณไอยเหรอครับ ทำไมใช้มือถือพี่เผือกโทรมาล่ะครับ มันไปโดนยิงที่ไหนมา}
เสียงปลายสายดูร้อนรนเพียงเล็กน้อย แต่เดี๋ยวนะ รู้ได้ยังไงว่าใครโทรไปน่ะ
"พอดีมีโจรป่าดักทำร้ายคนในรีสอร์ทแถวนั้นน่ะค่ะ เขาไปช่วยเลยโดนลูกหลงไปด้วย"
{อ๋อ เป็นคนดีนี่เอง สงสัยสวรรค์เริ่มจะให้กำลังใจแล้วล่ะครับ ไม่ต้องห่วงไป ถ้ามีคุณอยู่ พี่เผือกคงจะหายไวกว่าปกติ}
"มีเรื่องแปลกๆแบบนี้ด้วยเหรอคะ"
{เขาชอบคุณนะ ชอบมากเลยล่ะ ผมฝากดูแลมือขวาผมด้วยแล้วกันครับ ผมต้องทำงานแล้ว เดี๋ยวผมจะไปเร็วๆนี้แล้วกันนะครับ}
"ได้ค่ะ สวัสดีค่ะ"
พ่อเลี้ยงพาทิตย์เป็นคนแบบนี้เองสินะเนี่ย พี่อิทถึงได้ยอมตายเพื่อนายขนาดนั้น แต่การช่วยคนแบบนี้มันไม่ระห่ำเกินไปรึไง
......
ในขณะเดียวกัน ที่ห้องพักฟื้นชั้นสี่
"คุณอาคมครับ จะส่งคนไปกำจัดโจรพวกนั้นเลยมั้ยครับ ที่บังอาจมาบุกถึงที่รีสอร์ทขนาดนี้"
ชายหนุ่มวัยกลางคนยิ้มเย็น ผมเพ้าที่เริ่มยาวมีสีเทาดอกเลาแซมไปทั่วถูกเซ็ตไว้อย่างดี
"ยังไม่ต้อง ส่งดอกไม้นี่ไปขอบคุณน้องไอยศิกากับคนที่มาช่วยลูกสาวฉันก่อน ที่เหลือเดี๋ยวค่อยว่ากัน
"ครับนาย เอ่อ ผู้หญิงคนนั้นมานอนเฝ้านายตั้งแต่เมื่อคืนก่อนแล้วครับ นายพอจะ--"
"เดี๋ยวฉันถามเอง นายไปทำธุระเถอะ"
อาคมถูกยิงเฉียดไปแค่เล็กน้อยจึงไม่มีกระสุนฝังจนต้องผ่าตัด แต่ก็ทำให้เลือดซึมออกมาพอสมควร อิงจันทร์กลับไปติดต่อกับตำรวจเรื่องการตามจับโจรแต่เช้าแล้ว จึงไม่ได้อยู่เฝ้า จะมีก็แต่เธอคนนี้ที่ยังนอนอยู่บนโซฟาใกล้ๆเตียงเพียงคนเดียว
'คุณสิตา ทำไมถึงต้องทำดีกับผมขนาดนี้ด้วย'
เขานั่งมองหญิงสาวที่หลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ตาที่ดูล้าและลึกโหลแสดงว่าแทบจะอยู่เฝ้าเขาทั้งคืนจนร่างกายประท้วง
เธอสะดุ้งตื่นด้วยเสียงปิดประตูของลูกน้องนายอาคมที่อยู่เป็นเพื่อนเธอเฝ้าดูแลอาคมทั้งคืน ก่อนจะยิ้มหวานให้เขาที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย
"สวัสดีค่ะคุณอาคม ฉันชื่อสิตา เป็นแพทย์ประจำตัวของคุณเองค่ะ"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments