ดวงใจแม่ทัพหนานเปียน
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในเช้าวันอาทิตย์ปลุกหญิงสาวที่เพิ่งจะทิ้งหัวลงหมอนตอนตีสองต้องก่นด่าด้วยคำหยาบคายก่อนจะควานมือหาเจ้าเครื่องสื่อสารที่กำลังแผดเสียงดังลั่น ไม่น่าลืมกดตั้งสั่นเลยให้ตายสินี่มันวันหยุดของเธอนะ
"ฮาร์ท ขอร้องช่วยรับมันซักที"เสียงของคนที่นอนอยู่ข้างๆดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะดึงหมอนขึ้นมาปิดหน้า ฮาร์ทหรือชื่อที่แม่ศรีตั้งให้คือดวงใจวัยยี่สิบปีหยิบเจ้าตัวปัญหาออกมาจากกระเป๋าก่อนจะกดรับโดยไม่ได้มองว่าใครโทรมา
"ฮัลโหลจี ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญฉันเอาแกตายแน่"
"สวัสดีค่ะ ดิฉันโทรมาจากห้างหุ้นส่วนกินกันจน จำกัดนะคะ คนที่ดิฉันกำลังพูดสายอยู่ใช่คุณ ดวงใจ เลิศรสหรือเปล่าคะ"
"ใช่ค่ะ ฉันดวงใจว่าแต่คุณเป็นใครคะ"
"ก่อนอื่นดิฉันขอถามคุณดวงใจก่อนว่าคุณได้ส่งฉลากน้ำปลาตราปลาบึกมาร่วมชิงโชคหรือเปล่าคะ"หญิงสาวที่ตื่นตั้งแต่ชื่อบริษัทมองนาฬิกาที่อยู่ข้างฝาก่อนจะพยักหน้า
"อ้อ น้ำปลาตราปลาบึก อร่อยวันนี้เป็นโรคไตในวันหน้า ใช่ค่ะฉันส่งไป"
"ถ้าอย่างนั้นทางเราก็ขอเเสดงความยินดีกับคุณด้วยนะคะ คุณดวงใจได้รับรางวัลใหญ่เป็นตั๋วเครื่องบินไปไม่กลับกรุงเทพฯ -ปักกิ่งจำนวนสี่ที่นั่งนะคะ สะดวกติดต่อรับรางวัลทางไหนดีคะ ทางไปรษณีย์หรือคุณดวงใจจะมารับด้วยตนเอง"
"ไปรับเองค่ะ"แม้จะยังช็อคกับความโชคดีของตัวเองแต่ดวงใจก็หากระดาษและปากกามาจดที่อยู่ก่อนที่ทางนั้นจะขอตัววางสายไป
"จันทร์ ไอ้จันทร์ตื่น"
"อะไร แกปลุกฉันทำไม"จันทร์หรือจันทร์เจ้าเหวี่ยงหมอนไปข้างๆก่อนจะดันตัวขึ้นมาจากที่นอน ผมที่เคยดำยาวพันกันยุ่งเหยิงราวกับรังนกแต่เจ้าตัวก็ไม่คิดจะใส่ใจเพราะว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการนอน
"จันทร์ แกจำฉลากน้ำปลาที่ฉันส่งไปชิงโชคเล่นๆเมื่อเดือนก่อนนั่นได้ไหม"
"อ๋อ อร่อยวันนี้เป็นโรคไตในวันหน้า น้ำปลาบ้าอะไรตั้งสโลแกนเสียไม่อยากกิน ว่าแต่ถามทำไม"เสียงเกาพุงแครกๆไม่ทำให้ความตื่นเต้นขอวดวงใจลดน้อยลง
"มันได้รางวัลใหญ่"
"รางวัลอะไร ได้กินน้ำปลาฟรีตลอดชีวิตหรือค่ารักษาพยาบาลตอนที่แกต้องไปฟอกไต"
"จันทร์นี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ รางวัลใหญ่ที่ฉันบอกคือ ตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ - ปักกิ่ง"
"เป็ดปักกิ่งเหรอ อืม กำลังอยากกินอยู่พอดีจะไปเยาวราชใช่ไหมฝากซื้อเกาลัดคั่วด้วยร้อยหนึ่ง"ดวงใจล่ะอยากจะจับตัวเพื่อนมาเขย่าๆให้ตัวมึนออกไปจากตัวเพื่อนของเธอซักที
"ฉันไม่ได้จะไปเยาวราช"
"อ้าว ก็ไหนบอกว่าจะไปซื้อเป็ดปักกิ่ง"
"โอ๊ย ไม่คุยด้วยแล้วอยากจะนอนก็นอนไปเลย"แล้วคนที่กึ่งหลับกึ่งตื่นก็ทิ้งตัวลงนอนถ้ามีเสียงกรนเบาๆที่ดังออกมาให้ได้ยินก็แสดงว่าหลับสนิทไปแล้ว แปลก แล้วเมื่อกี้นี้มันละเมออย่างงั้นเหรอ
ดวงใจตื่นเต้นเกินกว่าจะหลับต่อถึงแม้จะไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องจริงไหมแต่เธอกำลังเข้าเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลด์เพื่อเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางแล้ว กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนที่เสียงข้อความจากแอปธนาคารดังขึ้น หนึ่งพันสามร้อยห้าสิบบาทที่จ่ายไปภายในระยะเวลาห้านาที
ตกตอนเย็นเธอก็บอกข่าวดีนี้กับเพื่อนๆอีกสองคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องเช่าจนสรุปได้ว่าวันพรุ่งนี้ทั้งสี่จะลางานและไปรับรางวัลด้วยกัน
"นี่มันใช่ของจริงหรือเปล่า จันทร์แกลองโทรไปเช็คที่สายการบินสิ" สี่สาวมองตั๋วเครื่องบินสี่ใบที่วางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นภายในห้องเช่า ในตั๋วระบุวันที่ออกเดินทางและสายการบินแต่มันไม่ได้ระบุวันที่กลับ ด้วยความไม่รู้จึงไม่มีใครสงสัยเพราะคิดว่าพอถึงกำหนดทางสายการบินคงจะโทรมาแจ้งพวกเธอเอง
"ของจริงฉันเคยเห็นยัยชมเอามาอวดตอนที่มันจะบินไปอยู่กับผัวที่เยอรมัน"
"โดนหลอกไปขายตูดล่ะสิไม่ว่า"ไม้เบื่อไม้เมาตั้งแต่สมัยอยู่บ้านอบอุ่นอย่างบัวได้แต่กรอกตามองบน เธอไม่ได้อิจฉาคนที่เติบโตมาด้วยกันแต่กลัวว่าชมพู่จะโดนผู้ชายคนนั้นหลอก อะไรคือเจอหน้ากันแค่สามครั้งก็หอบเสื้อผ้าตามเขาไปเฉย
"ช่างเรื่องชมพู่เหอะ นางคงไปดีแล้ว ว่าแต่จะไปทำพาสปอร์ตกันวันไหน"
"พรุ่งนี้ ไหนๆก็ลางานแล้วก็ลายาวไปเลย"
"หัวหน้าเขาจะไม่ไล่พวกเราออกเหรอวะ ลาทีเดียวสี่คน"
"จะไปยากอะไรไล่ออกก็หางานใหม่ถ้าไม่อย่างงั้นก็หาผัวจีนซักคนโชดดีจะได้กินอาหารเหลา"
"แล้วถ้าโชคร้าย"
"ไม่รู้ก็เพราะในพันทิปไม่ได้เขียนเอาไว้"
แต่ถึงอย่างนั้นในใจของทั้งสี่คนก็คิดถึงแต่สิ่งดีๆจนกระทั่งถึงวันที่สี่สาวจะบินลัดฟ้าไปตามรอยซีรีย์ซึ่งมันอยู่ในกำหนดการที่ทางบริษัทน้ำปลากำหนดเอาไว้
พอมาถึงทั้งสี่คนก็เข้าพักในโรงแรมระดับสามดาวที่อยู่ใกล้ถนนคนเดินหวังฝูจิ่ง ดวงใจที่ศึกษาแผนที่มาก่อนหน้าสะกิดเพื่อนๆที่กำลังจะทิ้งตัวลงบนเตียง
"ไปกินเป็ดปักกิ่งกันเถอะ ที่ใกล้ๆนี่มีร้านดังอยู่"
"อื้อ ไม่ไป ขอนอนพักก่อน โอ๊ยเมาเครื่องบิน"จันทร์เจ้าสลัดรองเท้าแล้วมุดเข้าไปในผ้าห่มส่วนจีรวรรณกำลังทำหน้าพะอืดพะอมเหมือนอยากจะเอาอาหารที่กินบนเครื่องบินออกมา
"เคยแต่เมารถเมาเรือแต่ไม่คิดเลยว่าจะเมาเครื่องบินด้วย ตายกูตายแน่งานนี้"บัวบูชาทำท่าทำทางตามเพื่อนจนในที่สุดทั้งสองคนก็วิ่งเข้าห้องน้ำอีกคนกอดชักโครก อีกคนกอดอ่างล้างหน้า สุดท้ายอาหารมื้อเเรกที่เหยียบจีนแผ่นใหญ่คือมาม่าคัพที่พกมาจากเมืองไทยเพราะทั้งสามคนหมดแรวเกินกว่าจะก้าวออกจากห้องได้
เช้าวันต่อมาแม้จะยังมีอาการมึนๆหลงเหลืออยู่แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยวแต่อย่างใด ทั้งสี่คนแต่งตัวให้ทะมัดทะแมงเพราะวันนี้จะไปเดินเที่ยวที่กำแพงเมืองจีน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ออกจากห้องพักไกด์ที่นำเที่ยวก็โทรมาบอกว่าเกิดอุบัติเหตุไม่สามารถพาพวกเธอเที่ยวได้อีก
"ไม่เป็นไรค่ะคุณเว่ย พอดีพวกเราพอจะพูดภาษาจีนได้นิดหน่อยคงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ"ทริปนี้ยกความดีความชอบให้กับซีรีย์จีนที่ดูมาตั้งแต่สิบห้าจนตอนนี้ยี่สิบก็ยังดูอยู่แถมยังติ่งหนักมากด้วย
'ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ'
"ไม่เป็นไรค่ะขอให้คุณเว่ยหายไวไวนะคะ ค่ะๆสวัสดีค่ะ " ดวงใจวางสายไกด์สาวก่อนจะหันมาสบตากับเพื่อนๆ
"พวกแก วันนี้ต้องอัตตาหิอัตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนแล้วล่ะ ไกด์ที่จะนำเที่ยววันนี้รถชนนอนอยู่โรงพยาบาล"
"สปีคจีนคล่องอย่างกับเป็นคนจีนขนาดนี้แกจะกลัวอะไร ถ้ากลัวก็ตามหลังเรานี่เดี๋ยวจะพาทัวร์เอง" เผื่อความเหนียวทุกคนเดินกลับไปจัดกระเป๋าสะพายใหม่โดยใส่สิ่งของที่คิดว่าจำเป็นที่สุดลงไป ดวงใจหยิบมาม่า ลูกอมและหอยลายกระป๋อง รวมถึงยาสามัญประจำบ้านอย่างพารา ยาแก้อักเสบ แก้ท้องเสีย ยาลดกรดและอุปกรณ์ทำแผลติดไปด้วย
"ฮาร์ท คือเราจะไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนไม่ใช่ไปเดินป่า แกจะขนอะไรไปเยอะเเยะ"
"คนที่พกไม้ขีดไฟกับไฟแช็คไม่น่าจะพูดประโยคนี้นะ แล้วนั่นเอาน้ำพริกนรกยายแจ่มไปทำไม"
"ก็เอาไปไว้คลุกข้าวน่ะสิ"บัวบูชาหยิบน้ำพริกใส่กระเป๋าไปอีกหลายชนิดทั้งตาแดง แมงดารวมถึงปราร้าบอง ที่ไม่รู้ว่ามันผ่านด่านตรวจมาได้ยังไง รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นอย่างครีมอาบน้ำ ยาสระผม ครีมทาผิว แปรงสีฟันกับยาสีฟันที่เป็นแบบพกพาใส่ลงไปด้วว
"ดีเลยงั้นเราเอาเป็นขนมขบเคี้ยวก็เเล้วกัน"จันทร์เจ้าหยิบกล้วยกวน สับปะรดกวนและมะม่วงกวนใส่กระเป๋าไม่ลืมที่จะหยิบถั่วกรอบแก้วไปด้วย ส่วนคนสุดท้ายอย่างจีรวรรณหยิบเครื่องดื่มอัดแก๊สหลากหลายรสชาติใส่กระเป๋าไม่ลืมคอลลาเจนและวิตามินซีที่สามารถละลายน้ำได้ในทันทีและที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเธอคือพวกผงปรุงรสต่างๆ
"พวกเราจัดของยังกับจะไม่ได้กลับมาแล้วยังงั้นแหละ"มือทั้งสามคู่ที่กำลังขะมักเขม้นกับการจัดของหยุดชะงักไม่เว้นแม้แต่คนพูดอย่างดวงใจ
"ฮาร์ท แกพูดอะไรน่ะตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลย"
"เราขอโทษ"แม้จะพูดแบบนั้นแต่ใจของเธอกลับรู้สึกหวิวๆชอบกล เมื่อรูดซิปกระเป๋าสะพายหลังแล้วเธอก็จ้องมองเพื่อนทั้งสามคนจนถูกบัวบูชาดุ พอเตรียมของที่น่าจะเกินความจำเป็นเสร็จแล้วก็ได้เวลาไปเที่ยว ตอนที่เอากระเป๋าขึ้นสะพายหลังมีเสียหลักบ้างเล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่าจะใส่มากเกินไป แต่ก็ไม่มีใครคิดจะเอาออก
ช่วงนี้เป็นเดือนพฤษภาคมอากาศจึงไม่ค่อยหนาวมากทั้งสี่คนเดินทางไปกำแพงเมืองจีนมู่เถียนยวี่ด้วยรถสาธารณะ พอไปถึงนอกจากจะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวแล้วแดดมันยังร้อนมากๆดังนั้นพวกเธอจึงตัดสินใจว่าจะนั่งรถกลับไปไหว้พระขอพรที่หยงเหอกงหรือวัดลามะ
"ไม่น่าแบกมาให้หนักเลย"พอเดินมากๆเข้าสิ่งของที่ไม่รู้ว่าจะแบกมาทำไมก็เริ่มสร้างปัญหา
"ไปนั่งพักตรงนั้นก่อนไหม"ดวงใจชี้ไปยังที่นั่งที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่และใกล้ๆกันมีร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว ดวงใจวางกระเป๋าลงบนม้านั่งก่อนจะเดินไปดูแผงขายของที่ระลึกเล็กๆแทนที่จะไปดูที่ร้านใหญ่ๆ
"แม่หนูสนใจชิ้นไหนเลือกได้เลยนะ ป้าขายให้ราคาไม่แพง"
"ฮาร์ท ดูอะไรน่ะ"
"โอ๊ะ กำไลวงนี้สวยดี คุณป้าคะกำไลนี้ราคาเท่าไหร่คะ" จีรวรรณยื่นมือออกไปหยิบกำไลที่ทำจากหนกขาวมาดู ซึ่งไม่รู้ทำไมเธอถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับมัน
"กำไลนั่นป้าขายสามสิบหยวน"
"แล้วต่างหูคู่นี้ล่ะคะ"บัวบูชาหยิบต่างหูที่ทำจากไข่มุกขึ้นมาทาบอยู่ดีหัวใจของเธอก็รู้สึกโหยหาบางสิ่งบางอย่าง
"สามสิบหยวนเท่ากันจ้ะ"
"พวกแกว่าแหวนวงนี้สวยเหมาะกับเราไหม"จันทร์เจ้าหยิบแหวนหยกสีชมพูมาสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายก่อนจะกางมือให้เพื่อนๆดู ตอนแรกคิดว่ามันจะหลวมพอนำมาลองสวมกลับใส่ได้พอดีเสียอย่างงั้น
"แหวนวงนั้นก็ราคาสามสิบหยวนเหมือนกันจ้ะ แม่หนูอยากได้ปิ่นอันนี้หรือเปล่าป้าขายให้เท่ากัน" ดวงใจหยิบปิ่นหยกขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา ความวูบโหวงในใจที่เกิดขึ้นมันคืออะไร ทำไมอยู่ๆเธอถึงอยากจะร้องไห้
"ทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบหยวนนะคะ"
"ขอบคุณนะ ป้าขอให้แม่หนูทั้งสี่คนเดินทางปลอดภัย"แม้จะไม่เข้าใจคำพูดของหญิงวัยกลางคนสักเท่าไหร่แต่จีรวรรณที่เป็นคนจ่ายเงินก็ยิ้มกว้างให้ก่อนจะลากเพื่อนๆกลับมายังเก้าอี้ที่วางกระเป๋าเอาไว้
"เมื่อโชคชะตาที่บิดพลิ้วกำลังจะกลับมาเหมือนเดิมก็หมดหน้าที่ของข้าแล้ว ขอให้พวกท่านโชคดีและมีความสุข"
........
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments