อัจฉริยะเหนือชั้น
"เสี่ยวหยู่...เสี่ยวหยู่..ตื่นๆๆๆ...จะเที่ยงคืนแล้ว...ลุกขึ้นมากินเกี๊ยวได้แล้ว"
เสียงเรียกที่เฝิงหยู่ไม่คุ้นหูนักแต่กลับรู้สึก ได้ถึงความรักมากมายที่มีต่อเขา พลาง
พึมพำขึ้นมาเบาๆ อย่างสะลึมสะลือและ ลืมตาขึ้น ก่อนจะพบใบหน้าอันอ่อนเยาว์ที่ฝังอยู่ในความจํา
"...อาเจ๊?"
"ตื่นเสียที ...ไปๆ.. ไปล้างหน้าเร็วเข้า .... บอกแล้วว่าอย่าดื่มเหล้า ก็ยังจะดื่มอยู่นั่นละ !..ดูสิหลับจนพลาดดูรายการชุนหว่านเลย" เฝิงตันอิงเอ่ยล่อน้องชายด้วยรอยยิ้ม
รายการชุนหว่าน? วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าเช่นนั้นหรือ?
เฝิงหยู่มองไปรอบๆห้องอย่างสับสน เขามองเห็นเพียงห้องขนาดเล็ก มันมีขนาดไม่เกินหกตารางเมตร มีเตียงเดี่ยวเตียงหนึ่งที่ด้านบนมีที่นอนที่ถูกปะชุนเอาไว้ มีโต๊ะไม้เก่าๆอีกตัวหนึ่ง เหนือศรีษะขึ้นไปมีตะเกียงไฟฟ้าขนาด20 วัตต์ที่ส่องแสงสลัวๆ และหนังสือพิมพ์เก่าแปะบนกําแพง ล้วนแล้วแต่เป็นเนื้อหา ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บ้านเมืองที่เขาจดจําไม่ได้
นี้มันคือบ้านหลังเดิมที่เขาเคยอาศัยอยู่ตอนเด็กไม่ใช่หรือ? แต่บ้านหลังนี้ได้ถูกทําลาย ไปตามการพัฒนาของบ้านเมือง ไปตั้งนานแล้ว และทําไมอาเจ๊ของเขา ถึงได้ดูอ่อนวัยขนาดนี้ได้?
เฝิงหยู่ยกมือขึ้นช้าๆ แล้วพบว่านี้ต้องไม่ใช่เรื่องตลกแน่ๆ เพราะมือของเขาดูเล็กลงและแขนก็ผอมบางขึ้นด้วย
เขารีบกระโดดลงจากเตียงและไปยืนข้างขอบประตู บนขอบประตูมีรอยมีดเล็กที่เขาทำสัญลักษณ์ไว้ในวันปีใหม่ของทุกๆปี เส้นที่สูงที่สุด คือปี 2531 สูง 166 ซม.
ตอนนี้เป็นปี 2531 เช่นนั้นหรือ? เขายังเรียนไม่จบมัธยมต้นด้วยซ้ำไม่ใช่หรือไง?
เขาหยิกหัวตัวเองและเกือบจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม?
เฝิงหยู่เปิดประตูออกมา แม่ของเขากําลัง ต้มเกี๊ยวด้วยกะทะอยู่ในครัว
เขาอาศัยอยู่ในบ้านเล็กๆ มีห้องครัวอยู่ถัดออกจากห้องของเขาไป ติดกับห้องครัวเป็นห้องนั่งเล่น โดนหเองนั่งเล่นของบ้านหลังนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของบ้านก็ว่า ได้
ตื่นแล้วหรือ...ต่อไปยังอยากจะดื่มเหล้าอีกไหมเนี่ย?" จางมู่วามองดูลูกชายด้วยความเอ็นดู
เฝิ่งหยู่มองไปร่างของมารดาคนที่ยังคงมีเส้นผมดกดําด้วยนํ้าตาคลอเบ้า
" ม๊า ผมทําให้ม๊าลําบากแล้ว "
"เด็กคนนี้นี่พูดอะไรกัน... รีบไปล้างหน้าเถอะ! เเล้วจะได้ไปนั่งดูทีวี... อีกเดี๋ยวเกี๊ยวก็จะเสร็จแล้ว" พอจางมู่วาได้ยินสิ่งที่เฝิ่งหยู่พูดก็รู้สึกดีใจมาก นี่แสดงว่าลูกชายของเธอเติบใหญ่ขึ้นแล้วสินะ?
เมื่อเฝิงหยู่เห็นพ่อของเขานั่งอยู่บนม้านั่งในห้องนั่งเล่น ริมฝีปากของเขาเริ่มสั่นระริกขึ้น ในอนาคตพอเขามีความสามารถที่จะพอหาเงินได้มากพอ พ่อของเขาก็ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้ายและเสียชีวิตลงในอีกสามเดือนต่อมา
เพราะการตายของพ่อ เฝิงหยู่จึงเศร้าโศกเสียใจอยู่หลายปี
" ป๊า "
" โอ้! ตื่นแล้วหรือลูก...ยังรู้สึกคลื่นไส้อยู่ไหม?...มาๆ..มาดูทีวีกัน..นี่เป็นการแสดงเต้นรำพื้นเมืองพอดี "
"ไม่คลื่นไส้แล้วครับ...ฤทธิ์แอลกอฮอล์หายหมดแล้ว...แต่ป๊า..ผมอยากดื่มกับป๊าอีกสักหน่อย "
เมื่อเห็นสีหน้าแสดงความโกรธของพ่อ เฝิงหยู่ก็รีบเอ่ยเพิ่อย่างรวดเร็ว
"แต่เบียร์ก็พอครับ"
ในตลอดชีวิตของเขาเฝิงหยู่ดื่มกับพ่อแค่ไม่กี่ครั้ง และตอนนี้เฝิงหยู่มีความปราถนาอย่างแรงกล้าที่จะดื่มกับพ่ออีกสักครั้ง
" ยังไม่เข็ดอีกหรือไง?...อืม...ก็ได้.. มาๆมาดื่มกันอีก ดูซิ! ว่าเช้าวันพรุ่งนี้ยังจะตื่นมาอวยพรวันปีใหม่ไหวไหม?...ตันอิง!...ไปหยิบเบียร์มาสองขวดสิ"
เฝิงตันอิงส่ายหัวอย่างทําอะไรไม่ได้ก่อนจะไปหยิบเบียร์สองขวดและแก้วมาให้
ในห้องมีเตียงเดี่ยวพร้องกับเครื่องนอน เฝิงตันอิงอยู่โรงเรียนประจำและกลับมาในช่วงวันหยุดเท่านั้น เมื่อกลับมาเธอจะนอนกับแม่บนเตียงนี้ที่มีเฝิงซิ่งไท่เป็นผู้จับจองอยู่
และเมื่อสามปีที่แล้ว เฝิงหยู่ก็เคยนอนตรงนี้เช่นกัน
ทางด้านทิศตะวันตกของห้องนั่งเล่นมีตู้เสื้อผ้าสามประตูเป็นแนวตั้งโดยชั้นบนตู้เสื้อผ้าเป็นกระเป๋าเดินทางสองใบวาง
ชิดกําแพงอยู่ บนโต๊ะไม้ที่ดูแข็งแรงมีทีวีขาวแําขนาด14นิ้วตั้งอยู่ และทีวีกําลังฉายรายการชุนหว่านบนจอในตอนนี้
ตรงกลางห้องนั่งเล่น มีโต๊ะกลมที่เต็มด้วยจานและถ้วยชาม มีอาหารแปดอย่างแต่มันเป็นอาหารที่กินเหลือจากตอนเย็นมีทั้ง ไก่ ปลา หมู เป็นต้น ทั้งแปดจานล้วนเป็นอาหารจานเนื้อ
เฝิงหยู่ไม่ได้ดูทีวี แต่เดินไปหน้าตู้เสื้อผ้าเพื่อมองดูตนเองในกระจก แม้ว่าแสงที่ส่องจากหลอดไฟจะไม่ได้สว่างมากนัก แต่ก็สามารถมองเห็นตนเองได้อย่างชัดเจน เขายังเป็นวัยรุ่นและมีหนวดเล็กน้อยด้านล่างจมูกเหนือริมฝีปากของตน
เขามองดูปฏิทินที่ติดทับบานประตูมันระบุให้รู้ว่าเป็นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2531 ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเก่า ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าตนได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
แม่รีบปรุงเกี๊ยวให้เสร็จ โดยมี เฝิงหยู่และเฝิงตันอิงเข้าไปในครัวเพื่อช่วยยกเกี๊ยวออกมา ก่อนที่ทั้งสี่คนจะนั่งลงล้อมโต๊ะกลมกลางห้อง เฝิงซิ่งไท่ยกตะเกียบขึ้นมาเพื่อกินเกี๊ยวทันที
"เสี่ยวหยู่....ยังจะดื่มอีก" จางมู่วาถลึงตาใส่เฝิงหยู่
"โถ่!...ม๊า... ปีใหม่แล้วนะ..ขอให้ผมดื่มสักหน่อยเถอะครับ
เฝิงซิ่งไท่ช่วยพูดขอร้องอีกสองสามคํา ก่อนที่จากมู่วาจะส่ายหัวตนอย่างเหนื่อยใจ เฝิงหยู่จึงรีบรินเบียร์ด้วยความกระตือรือร้นให้แม่และพี่สาวของตนด้วยเช่นกัน สมาชิกในครอบครัวล้วนดื่มกันถ้วนหน้า
"ป๊า...ม๊า....อาเจ๊...สุขสันต์วันปีใหม่...หมดแก้ว!"
เฝิงหยู่กินอาหารที่ตั้งบนโต๊ะอย่างสบายอารมณ์ เขารู้สึกว่ามันอร่อยเป็นพิเศษไม่ต้องกังวลถึงสารเร่งฮอร์โมนหรือสารกับบูด เหมือนเช่นในอนาคต
ทั้งปลา กระต่าย ที่จับได้ล้วนเป็นของป่าทั้งนั้น ส่วนไก่และหมูนั้นก็เลี้ยงเอง พ่อและลูกชายกินอาหารและเกี๊ยวบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฝิงซิ่งอนุญาตให้แต่ละคนดื่มเบียร์ได้คนละขวดเท่านั้น
หลังจากอาหารกลางดึกเพื่อตอนรับปีใหม่จบลง เฝิงหยู่ช่วยเก็บจานและล้างจานจนเสร็จและกลับไปนอนเอนกายในห้อง
เมื่อนอนได้สักพักก็ได้แต่พลิกตัวไปมา และคิดย้อนกลับถึงชีวิตในอดีตก่อนที่จะย้อนเวลากลับมา
เดิมทีเฝิงหยู๋เป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปี หลังจากลาออกจากบริษัทรักษาความปลอดภัย เขาได้ลงทุนในตลาดหุ้นโดยตัดสินใจลงทุนหุ้นทั้งคลังสินค้า สัญญาซื้อขายล่วงหน้า ทองคำและนํ้ามัน ถึงแม้ว่าจะไม่ประสบความสําเร็จมากนัก แต่รายรับก็ยังคงไม่เลว
เขามีภรรยาแต่ไม่มีลูก อีกทั้งพ่อเสียชีวิตก่อนวัยอันควรแม่จึงมาอาศัยอยู่ด้วย เขาจําได้ว่าในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2558 เพื่อที่จะพาภรรยาไปรักษาตัวในต่างประเทศเรื่องที่เธอเป็นหมัน เขาจึงต้องการจะหาเงินเพิ่มขึ้นอีก
เขาใช้เงินเก็บจนหมด จํานองทั้งบ้านและรถ ยืมเงินปันผลและลงทุนในหุ้น จากการประเมินตลาดหุ้นของเขา เขาคิดว่าตลาดหุ้นจะยังคงทะยานขึ้นอีก จนแม้แต่คนโง่ยังทําเงินได้
ตอนแรกเริ่ม มันขึ้นจริงๆ อย่างที่คาดไว้ เขาทําเงินได้สองเท่าในเวลาสั้นๆ และเพราะต้องการกําไรที่เพิ่มมากขึ้นจึงกล้าซื้อหุ้นในราคาที่สูงมากขึ้น หากเขายังคงทําเงินได้อีกสองเท่า เขาจะใช้ชีวิตสบายๆ อย่างไม่ต้องทำอะไรได้ทั้งชีวิต
อย่างไรก็ตาม เมื่อตลาดหุ้นถึง 5000จุด เขาย่อมเกิดความโลภเหมือนกับคนอื่นๆ จึงคิดว่าตลาดหุ้นจะพุ่งสูงขึ้นไปอีกแต่หุ้นก็สูงขึ้นมาเพียงเล็กน้อย และไม่นานหุ้นก็ดิ่งลง เพราะเขาใช้วิธีหวังผลกําไร และไม่มีเงินทุนสำรอง เขาจึงเผชิญหน้ากับการสูญเสียครั้งใหญ่
หลังจากคืนเงินที่ยืมมาแล้ว เขาก็หมดตัว ภรรยายังคงงไม่รู้ว่าเขาได้นำบ้านและรถไปจํานองจนหมดและไม่รู้ว่าจะกลับบ้านไปสู้หน้ากับครอบครัวได้อย่างไร
เขาล้มละลายในที่สุด วันนั้นเขาดื่มเหล้าจนเมามาย เดินโซซัดโซเซโดยไม่ระวังตัวเองจนหกล้มไปบนพื้นถนนและเกิด'อุบัติเหตุ' ถูกรถบรรทุกชนจนเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาผู้คนที่อยู่บริเวณนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตาย กรมธรรม์อุบัติเหตุจะจ่ายเงินให้เป็นล้านๆ พอที่จะไถ่บ้านและรถ และยังคงเหลือเงินจํานวนหนึ่งเพื่อแม่และภรรยาของเขาได้
เขายังจําสิ่งที่เขาคิดได้ ตอนที่เขามองรถบรรทุกคันใหญ่ที่พุ่งตรงมาหาร่างเขาอย่างรวดเร็ว เขาคิดว่าหากพระเจ้าให้โอกาสกลับมาอีกครั้งหนึ่งเขาไม่ต้องการที่จะตายอย่างคนโง่เขลาเช่นนี้อีก และเขาต้องการทําให้ครอบครัวมีชีวิตที่สุขสบายมากกว่านี้
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าพระเจ้าจะให้โอกาสให้เขากลับมามีชีวิตใหม่จริงๆ
พระเจ้าให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง!ตอนนี้เขาไม่คิดเสียดายต่อชีวิตเมื่อชาติที่แล้ว เขาอยากจะรํ่ารวย เขาต้องการจะกลายเป็นคําในโลกของการลงทุน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เฝิงหยู่จึงตะโกนเสียงดังอย่างอดใจไม่ไหว " ผม...เฝิง หยู่...กลับมาแล้ว!!!!"
"เสี่ยวหยู่....หยุดตะโกนได้แล้ว!..รีบนอนเร็วเข้า!"
จางมู่วาตะโกนจากอีกฟากหนึ่ง ของกําแพงในเวลาเดียวกัน ก็บ่นเรื่องที่สามียอมให้ลูกชายดื่มยามคํ่าคืนอีกครั้ง
เฝิงหยู่ได้ยินแม่บ่นก็ยกยิ้มเต็มหน้าก่อนจะขยับท่านอน ให้สบายขึ้น แล้วงีบหลับไปในที่สุด
(หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบกันนะคะหนูอุตสาห์หานิยายที่ไม่มีลิขสิทธิ์เรื่องนี้ตั้งนาน
แถมหนูยังต้องมาพิมเองทั้งหมดตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะพิมพ์เสร็จ หวังว่าจะถูกใจพี่ๆน้องๆกันนะคะ ช่วยเป็นแฟนคลับให้หนู เพื่อหนูจะได้มีกําลังใจในการทําตอนต่อไปด้วยนะคะ)
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments