เจ้าชายต้องสาปกับหนุ่มขี้อ่อย
ื
ในทางของสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง มี 4 พี่น้องที่ไม่แท้กําลังเดินอยู่ และ รอบข้างก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ออกมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะแห่งนี้ พวกเขามีจุดเด่นอยู่ที่สีผมและสีตา สีตาและสีผมของพวกเขานั้นล้วนเป็นสีแดง ไม่รู้เพราะอะไรแต่ดูเหมือนพวกเขาจะมีสีผมและสีตาที่เป็นเอกลักษณ์นี้มาตั้งแต่เกิด พวกเขาแต่ละคนนั้นมีอายุที่ห่างกันเป็นอย่างมาก พี่คนโตสุดนั้นเป็นผู้หญิงเธอมีชื่อว่าอารีและเธอมีอายุ 35 ปี ถัดมานั้นเป็นผู้ชายชื่ออีน อายุ 30 ปี ตามด้วยนันที่เป็นผู้ชาย อายุ 26 ปี และเชย์ที่เป็นน้องชายคนเล็กสุด 19 ปี
ถึงจะเห็นอย่างนี้แต่ความจริงแล้วนั้นพวกเขาสวยและหล่อมาก แน่นอนพวกเขานั้นหน้าตาดีกันทั้งนั้น แต่ว่าเหมือนพวกเขาจะปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ล่ะ เข้าเรื่องกันดีกว่า..ถึงไหนแล้วนะอ้อใช่
4 พี่น้องเดินตามทางไปเรื่อยๆถึงจะไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปไหนก็เถอะ แต่ทันใดนั้น
ตุบ!
มีบางอย่างเกิดขึ้น เหมือนว่าจะมีคนชน‘เชย์’ล่ะ ผู้ชายตัวสูงประมาณสัก 190 เชนติเมตรเห็นจะได้ใส่สูทสีดํา ตาสีแดง ผมสีดํา ผิวสีขาว อ้อและหล่อมากด้วย ยืนจ้องมองเชย์ที่ล้มอยู่ก่อนเขาจะยื่นมือมาและพูดขึ้น
“เป็นอะไรไหมครับ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ชนคุณ”
เขายิ้มเมื่อพูดจบประโยค เชย์เงยหน้ามองชายคนนั้นทั้งคู่ได้สบตากันและหยุดชะงักไป เชย์หันหน้าหนีก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง
“ขอบคุณครับแต่ผมไม่เป็นไร”
“อ่า..งั้นหรอครับ”
เขาพูดตอบกลับแต่จังหวะนั้นเองพวกพี่ชายและพี่สาวก็หันมาพอดีทําให้ได้รู้ว่าเชย์ไม่ได้ตามมาด้วยก่อนจะเห็นว่า มีคนคุยกับน้องของตนอยู่ทําให้พวกเขารีบเข้าไปดูเหตุการณ์ทันที
“มีอะไรหรือเปล่าเชย์”
“เปล่าครับไม่มีอะไร”
อารีพูดขัดก่อนเขาจะได้พูดอะไรต่อและพี่ชายอีกสองคนที่ตามมาติดๆก็พูดขึ้นด้วย
“ถ้าไม่มีอะไรก็รีบไปกันเถอะ”
“อืม”
อีนพูดขึ้นและนันก็พูดตามนั่นทําให้เชย์ตอบกลับพวกพี่ทั้งสาม
“โอเค”
พวกเขา 4 คนรีบเดินออกไปทันทีและทิ้งเขาเอาไว้ ชาย หนุ่มยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรก่อนเขาจะยิ้มและเดินจากไป 4 พี่น้องได้กลับมาถึงบ้านพวกเขาบอกเชย์ว่าอย่าไปยุ่งกับคนๆนั้นอีก เชย์ได้แต่พยักหน้าไม้ได้พูดตอบกลับอะไร สาเหตที่พวกพี่ๆทั้งสามนั้นดูซีเรียสกับเรื่องนี้นักนั่นก็เพราะว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นอสูร เมื่อตอนเชย์ยังเด็กเขาได้ถูกอสูรจับไปแต่ก็ถูกพวกพี่ๆช่วยออกมาได้นับแต่นั้นมาก็ถูกบอกว่าให้ระวังคนตาสีแดงนอกจากพวกเขาเอาไว้เพราะอสูรนั้นมีตาสีเเดงเป็นเอกลักษณ์ แม้เชย์จะจําเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ก็เถอะนะ
อ้อ 4 พี่น้องมีตาสีแดงเหมือนกันก็จริงแต่พวกเขานั้นไม่ใช่อสูร ความจริงแล้วพวกเขาเป็นหนึ่งใน 4 เผ่าสัตว์อสูรโบราณที่ยังเหลือรอดอยู่ในปัจจุบัน ถ้าถามว่าเผ่าสัตว์อสูรโบราณคืออะไร สัตว์อสูรโบราณก็คือ สัตว์ประจําทิศทั้งสี่ พวกมันมีรูปร่างเหมือนสัตว์ทั่วไปแต่ไม่ใช่ พวกมันนั้นแข็งแกร่งเปรียบดั่งเทพเจ้า มีพลังมากมายมหาศาลจนสามารถทําลายโลกได้เลย สัตว์อสูรโบราณมีทั้งหมด 4 เผ่า ประจําแต่ละทิศของตน ได้แก่
1 เผ่าปักษาเพลิง ประจําทิศตะวันตก สัตว์อสูรที่มีรูปร่างเป็นนกสีแดงตัวใหญ่ มันสามารถควบคุมสภาพภูมมิอากาศได้ พลังประจําตัวคือไฟ นอกจากจะควบคุมสภาพภูมิอากาศได้แล้วยังสามารถควบคุมไฟได้อีกด้วย
2 เผ่าหมาป่าดํา ประจําทิศเหนือ สัตว์อสูรที่มีรูปร่างเป็นหมาป่าสีดําตัวใหญ่ มันสามารถควบคุมแผ่นดินได้ จะทําทําให้เกิดแผ่นดินไหวหรือเกิดแผ่นดินใหม่มันสามารถทําได้หมด พลังประจําตัวคือควบคุมธรรมชาติ มันสามารถทําให้เกิดป่าไม้หรือจะทําให้พื้นที่นั้นแห้งแล้งก็ทําได้
3 เผ่าแมวทอง ประจําทิศตะวันออก สัตว์อสูรที่มีรูปร่างเป็นแมวสีทองตัวใหญ่ มันสามารถควบคุมพวกสัตว์สิ่งมีชีวิตได้ตามที่ต้องการ พลังประจําตัวคือแสง พวกมันสามารถควบคุมแสงได้ตามใจนึก จะทําให้แสงเกิดขึ้นที่
ใดก็ได้หรือจะทําให้หายไปก็ได้
4 เผ่าเต่าฟ้า ประจําทิศใต้ สัตว์อสูรที่มีรูปร่างเป็นเต่าทะเลสีฟ้าปนดําตัวใหญ่ มันสามารถควบคุมผืนนํ้ามหาสุมทรได้ พลังประจําตัวคือนํ้า มันสามารถทําให้นํ้าโผล่หรือหายไปที่ไหนก็ได้
ใช่ 4 เผ่าสัตว์อสูรโบราณนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากแต่ทําไมถึงถูกจับไปได้ง่ายๆล่ะ นั่นก็เพราะว่า การที่สัตว์อสูรโบราณจะสามารถใช้พลังทั้งหมดได้นั้นจะต้องได้รับอนุญาตจากราชันสัตว์อสูรโบราณของแต่ละเผ่าเสียก่อน แน่นอน 4 เผ่าสัตว์อสูรนั้นมีราชันเป็นของตน หากพวกมันจะใช้พลังทั้งหมดที่มีได้นั้นจะต้องได้รับอนุญาตจากราชันของตนก่อน แต่ทว่า เมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อนราชันสัตว์อสูรกับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นั่นจึงทําให้สัตว์อสูรโบราณไร้ผู้นํา แน่นอนว่ามันส่งผลร้ายแรงเป็นอย่างมาก เอาล่ะ นอกนี้ยังมีอีกวิธีนึงคือ สมาชิกทุกตัวต้องเห็นพร้อมต้องกันจึงจะใช้พลังทั้งหมดได้
แต่ว่าไม่ใช่แค่นี้ มันยังมีสิ่งที่จะลดทอนพลังของสัตว์อสูรลงนั่นจะทําให้มันอ่อนแอลง คือ หินวิญญาณ ยิ่งมันมีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีผลต่อสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น นี่จึงเป็นสาเหตุหลักๆที่ทําให้สัตว์อสูรโบราณถูกล่า ในความจริงแล้วสัตว์อสูรโราณนั้นมีประโยชน์มากมายหากใครได้มันมาครอบครองก็จะเสริมสร้างอํานาจตัวเองเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเหล่าสัตว์อสูรโบราณนั้นต้องการเลือดที่บริสุทร์ทุกๆ 500 ปี นี่จึงเป็นสาเหตุที่พวกมันอยู่รวมเป็นกลุ่ม
จริงๆแล้วปกติราชันสัตว์อสูรมักจะเป็นคนให้เลือดกับสมาชิกเผ่าของตน แต่เมื่อไม่มีราชันอยู่จึงต้องใช้เลือดของสมาชิกเผ่าที่โตเต็มวัยแล้วแทน หากสัตว์อสูรไม่ได้รับเลือดเป็นเวลานานพวกมันก็จะเข้าสู่ด้านมืด หากเป็นงั้นจะต้องถูกสมาชิกเผ่าด้วยกันเองกําจัด ไม่งั้นมันจะออกอาละวาดไปทั่ว นี่จึงเป็นสาเหตุใหญ่เลยที่ทําให้สัตว์อสูรใกล้สูญพันธ์ุ
และทั้งหมดนี้นั่นเองจึงทําให้สัตว์อสูรต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ
ในคืนวันนั้น เชย์ได้แต่นอนคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งคืนจนหลับไป อีกฝั่งนึง ชายหนุ่มที่กําลังนั่งทํางานอยู่บนโต๊ะสีนํ้าตาลไม่สิ พูดให้ถูกคือเขากําลังรอบางอย่างอยู่ต่างหาก
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงพูด
“ขออนุญาครับ”
“เข้ามา”
ชายหนุ่มในชุดสูทสีเทาเดินเข้ามาและยื่นชองเอกสารสีนํ้าตาลวางไว้บนโต๊ะหลังจากนั้นจึงเดินออกจากห้องไป เขาหยิบมันขึ้นมาและเปิดดู ข้างในมีกระดาษที่มีประวัติของคนๆหนึ่งอยู่ กระดาษถูกเอาออกจากชองเอกสาร เขาอ่านมันและยิ้มออกมา
รุ่งเช้าเชย์ออกจากบ้านและเดินตรงไปที่สวนสาธารณะที่เดิม เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงเก้าอี้พิงยาวสีนํ้าตาลตัวหนึ่งที่ข้างๆมีต้นไม้ขนาดใหญ่เป็นร่มเงาให้อยู่ หลังจากดูอยู่สักพักเชย์ก็ตัดสินใจนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้น เขามองดูผู้คนมากมายที่อยู่ข้างหน้า ผู้คนเหล่านั้นต่างก็ทํากิจวัตรประจําวันของตนอยู่ เชย์เพลิดเพลินกับการดูผู้คนเหล่านั้น ทุกๆเช้าเขามักจะออกมานั่งที่เก้าอี้ตัวนี้และมองดูผู้คนมากมาย จะว่านี่เป็นกิจวัตรประจําวันของเขาก็ได้ แต่ว่าวันนี้เหมือนเขาจะรู้สึกง่วงอยู่หน่อยๆ คงเพราะเมื่อคืนเขานอนดึกและอากาศของเช้านี้มันเย็นสบายน่านอนด้วยล่ะมั้ง หลังจากผ่านไปสักพักเชย์ก็ตัดสินใจที่จะงีบหลับสักหน่อย เขาเงยหัวขึ้นและหลับตาลง
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว เชย์สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่คลุมตัวเขาอยู่ มันทั้งอุ่นและนุ่มสบายตัว เขาอยากจะอยู่อย่างนั้นอีกสักนิดแต่เพราะมันผ่านมานานแล้วจึงตัดสินใจลืมตาขึ้น
“ตื่นแล้วหรอ”
โทนเสียงที่ทุ้มตํ่า แต่พอฟังแล้วก็รู้สึกไพเราะน่าฟัง เชย์ตกใจและหันมองไปตามเสียง เขาเห็นชายหนุ่มผมสีดํา ตาสีแดงในชุดสูทสีดํา หน้าตาหล่อเหลา กําลังจ้อมมองเขาอยู่
“เอ่อ..คุณคือ..”
“ขอโทษด้วยที่แนะนําตัวช้าไป ผมชื่อริวที่เจอกันเมื่อวานไง”
“อ่า..ครับ ผมเชย์”
“ว่าแต่ มีอะไรหรือเปล่า”
“พอดีผมเห็นคุณหลับอยู่แล้วก็ดูท่าทางหนาวน่ะก็เลยเอาเสื้อคลุมมาคลุมให้น่ะ”
“อ่า..ครับขอบคุณครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวสิครับ”
“อะไรหรอ”
“คือผมอยากได้ชื่อเฟสของคุณน่ะครับ พอดีรู้สึกว่าคุยกับคุณแล้วถูกคอดีน่ะเลยอยากจะทําความรู้จักเอาไว้”
“อ่าครับ ชื่อเฟสผมชื่อเชย์ครับถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ครับแล้วผมจะแอดไปนะ”
“อ่าครับ”
เชย์รีบเดินกลับบ้านทันที สาเหตก็เพราะว่าพวกพี่ๆบอกเอาไว้ว่าอย่าไปยุ่ง แต่ว่าเขาดันทําพลาดครั้งมหันเลยคือให้ช่องทางการติดต่อไปนี่สิ ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นด้วยนั่นทําให้เชย์ลนลานอย่างไม่น้อยเลยเพราะปกติจะมีพวกพี่ๆคอยอยู่ด้วยเสมอแต่นี่เขาอยู่คนเดียวเลยไม่รู้ว่าจะทํายังไงดี เอาเป็นว่าเขาตัดสินใจที่จะไปคิดเรื่องนี้ต่อที่บ้าน หลังกลับถึงบ้านเชย์รีบเดินเข้าห้องของตนอย่างเร็วโดยไม่สนใจพวกพี่ๆที่นั่นกันอยู่แน่นอนว่าพวกพี่ๆเองก็แอบสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่ก็ไม่ได้ถามไป
หลังจากเชย์เขาห้องไปก็ได้แต่คิดว่าจะทําอย่างไรต่อไปดี เขาไม่รู้ด้วยซํ้าว่าควรทําอย่างไรแต่ไอจะให้ไปปรึกษาพวกพี่ๆก็กะไรอยู่ เพราะลึกๆในใจแล้วเขาแอบอยากจะทําความรู้จักกับริวอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ทําไมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเขากลับรู้สึกเหมือนได้พบกับบางสิ่งที่ลืมเลือนไป เชย์รู้สึกคุ้นเคยกับริวอย่างแปลกประหลาดเหมือนเคยเจอกันมาก่อนแต่เขากลับจําไม่ได้ นั่นเองจึงเป็นสาเหตุที่ทําให้เชย์คิดหนักเมื่อคืน แต่เขาคิดยังไงก็คิดไม่ออก ไม่ว่าจะนึกแล้วนึกอีกหรือพยายามค้นความทรงจําดูแต่เขาก็จําอะไรไม่ได้เลย นั่นจะต้องเกี่ยวกับเรื่องราวที่เขาจําไม่ได้ในตอนเด็กแน่ๆ เพราะอย่างนี้เชย์จึงคิดที่จะทําความรู้จักกับริวแต่ก็ไม่อยากผิดคําพูดกับพวกพี่ๆเลยทําให้เขาคิดหนักนั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตามเขาตัดสินใจแล้วที่จะรื้อฟื้นความทรงจําในวัยเด็กให้ได้ไม่ว่าความทรงจํานั้นจะเจ็บปวดชักเพียงใดก็ตาม ด้วยเหตุนี้ทําให้เชย์ต้องผิดคําพูดกับพวกพี่ๆ เขาเลือกที่จะทําความรู้จักกับริวที่เป็นอสูรและตัดสินใจที่จะรับผลที่จะตามมาในภายหลังแล้ว เชย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเขากดรับคําขอเป็นเพื่อนของริว ทันทีที่เชย์กดรับคําขอข้อความจากริวก็เด่งขึ้นมาทันที
“สวัดดีครับ”
“สวัดดี”
เชย์ตอบกลับข้อความของริวทันที เขารีบพิมพ์ถามกลับไป
“เอ่อ..คือ..เราเคยเจอกันตอนเด็กหรือเปล่าผมรู้สึกคุ้นกับคุณมากเลย”
“คุณจําได้หรอใช่เราเคยเจอกันตอนเด็ก”
“เปล่า..ผมจําเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเด็กไม่ค่อยได้หรอก ถ้าหากว่าเราเคยเจอกัน”
“ไม่เป็นไรผมจะช่วยรื้อฟื้นความทรงจําให้คุณเอง!”
“อ่า..ขอบคุณครับต้องฝากด้วย”
“ถ้างั้นผมขอนัดเจอคุณที่สวนสาธารณะที่เดิมในวันพรุ่งนี้ได้ไหม”
“อ่า โอเคได้สิ”
“งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
“อื้ม”
เชย์ดูจะดีใจเป็นอย่างมาก เขาต้องการอยากที่จะรู้เรื่องราวในตอนเด็กเป็นอย่างมากไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ยอม หลังจากนั้นเชย์ตัดสินใจที่จะนอนพักต่ออีกสักหน่อย เพราะเขารู้สึกว่าการที่เขาคิดหนักไปก่อนหน้านี้มันเปลืองพลังงานเป็นอย่างมากจึงรู้สึกง่วงขึ้นมาจริงๆซะแล้ว เขาวางโทรศัพท์และหลับตาลง เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในขณะที่เชย์หลับ เขานอนยาวเลยหลังจากนั้น เรียกได้ว่าเขานอนเกือบจะเต็มวันเลยก็ว่าได้ หลังจากเชย์ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลา 20:00 ทุ่มซะแล้ว
เพราะพี่สาวของเขาเรียกให้ไปกินข้าวเชย์จึงออกจากห้องและลงไปข้างล่าง ทุกคนอยู่กันอย่างพร้อมหน้า 4 พี่น้องสัมผัสได้ถึงบรรยาศที่ดูอึดอัด คนพี่เป็นคนเปิดปากพูดก่อน พี่คนโตสุดอย่างอารีตัดสินใจถามน้องชายคนเล็กของเธอออกไป
“นี่ มีอะไรหรือเปล่า พี่เห็นเธอเดินรีบร้อนขึ้นห้องไปเมื่อเช้านี้น่ะ”
“เปล่าไม่มีอะไร”
“แน่นะ”
“อื้ม”
“ถ้าไม่มีอะไรจริงๆล่ะก็ ก็ดีแล้ว”
“โถ่~พี่ละก็กินข้าวกันดีกว่าน่า”
“......”
“......”
“อะไรเล่ากินได้แล้วน่า”
จบการสนทนาร่วมโต๊ะกินข้าวระหว่างพี่น้อง เชย์รีบขึ้นห้องเหมือนเคย ไม่รู้เพราะอะไรเขารู้สึกตื่นเต้นจนอยากจะให้พรุ่งนี้มาถึงเร็วๆเป็นอย่างมาก เขารีบเข้านอนเร็วจากปกตินิดหน่อย เหมือนว่าทั้งวันนี้เชย์จะมีแต่นอนแล้วก็นอนกับนอนนะ(ถึงจะตื่นขึ้นมากินข้าวนิดหน่อยก็เถอะ) เวลาผ่านไปช่วงเวลาในตอนเช้ามาถึงเชย์ยังคงทํากิจวัตรเหมือนเดิม เขาตื่นเช้าเพื่อไปที่สวนสาธารณะที่เดิมเพิ่มเติมคือมีคนให้รอ แน่นอนเชย์ก็หลับไปอีกแล้วเพราะบรรยากาศมันเย็นสบายมากเลย แต่พอตื่นมาก็จะมีริวนั่งยิ้มอยู่ข้างๆพร้อมกับเอาเสื้อคลุมให้
“อ๊ะ! โทษทีดันเผลอหลับไปซะได้”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ กลับกันผมชอบมากกว่าที่ได้ดูคุณในยามหลับมันงดงามมากเลย”
“อ่า..หรอครับ”
“ครับใช่แล้วครับ”
“เอ่อ..เข้าเรื่องเถอะครับ”
“หึ เหมือนคุณจะอยากรู้เรื่องในวัยเด็กมากเลยนะครับ”
“อ่า”
“เอาเถอะตกลงครับผมจะพาไปสถานที่นึง แต่ว่าเรื่องราวในวัยเด็กของพวกเราน่ะมันเยอะมากเลย วันเดียวคงจะไม่หมดเห็นทีเราคงจะได้รู้จักกันนานๆแล้วล่ะครับ”
“อ่าครับ”
ริวได้พาเชย์ไปยังสถานที่หนึ่ง ที่นั่นเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้สีสันสดใสมากมาย สายลมพัดโชยผ่านกระทบผิวหน้า พัดเอากลิ่มหอมของดอกไม้นานาชนิดตามมาด้วย เชย์สูดดมกลิ่มหอมของดอกไม้และชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงาม เขารู้สึกได้ สถานที่แห่งนี้มันช่างทําให้เขารู้สึกคุ้นเคย แต่ว่า ถึงจะพยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออก เขาได้แต่รู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่นี้เท่านั้น
“นึกอะไรออกบ้างไหมครับ”
“ไม่เลย ถึงจะพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่”
“อ่า..ไม่เป็นไรครับค่อยๆดูไปเรื่อยๆเดี๋ยวคงนึกอะไรออกเอง”
“.....”
ทว่า หลังจากจ้องมองทิวทัศน์อันสวยงามของทุ่งดอกไม้ที่พิ้วไหวไปตามสายลม เชย์ก็เหมือนจะนึกอะไรออก
“อึก”
“ฮิฮิ สวยใช่ม๊า~ถ้าเชย์ชอบล่ะก็ผมจะพามาที่นี่บ่อยๆเลย!”
“อื้ม!”
เสียงแว้วและภาพความทรงที่ไหลเข้ามาในหัวดังขึ้นนั่นทําให้เชย์รู้สึกปวดหัวจี๊ด
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“อ่า ไม่เป็นอะไรแต่เหมือนจะนึกบางอย่างออก”
“ดีจังเลยนะครับ งั้นเราพอแค่นี้กันก่อนไหมครับเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมากันไหม”
“อืม”
“เดี๋ยวผมไปส่งนะครับ”
“พาไปส่งแค่ที่สวนสาธารณะตรงที่เดิมก็พอครับ”
“อ่าโอเคครับ”
ริวพาเชย์ไปส่งนะที่สวนสาธารณะที่เดิมตามที่เขาขอ
“ขอบคุณนะครับคุณช่วยอะไรได้เยอะเลย”
“งั้นไว้พรุ่งนี้เจอกันอีกนะครับ”
“ครับ”
หลังจากนั้นเชย์จึงเดินกลับบ้านเหมือนเดิม เขาเหนื่อยล้าจากทั้งวันแล้ว เมื่อถึงบ้านเชย์รีบตรงดิ่งเข้าห้องเหมือนเคยและล้มตัวหงายหลังลงนอนทันที เปลือกตาเริ่มหล่นและปิดลงมาในไม่ช้าเขาก็หลับไป
“เชย์ สัญญานะ”
“อื้อ สัญญา”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments