‘เมื่อคราที่สุริยาสาดแสง ความหนาวเหน็บก็จะถูกทดแทนด้วยไออุ่น’ เสียงนุ่มลึกฟังดูวังเวงแต่ให้ความรู้สึกทรงอำนาจดังก้องอยู่ในหัวของชายหนุ่มทำให้ร่างสูงต้องลืมตาตื่นเมื่อนาฬิกาปลุกดังเตือนว่าถึงเวลาที่สมควรแล้ว
“ฝันบ้าฝันบออะไรเนี่ย” ประพันธ์ภพสะบัดหัวไล่ความง่วงสองสามทีก่อนจะพาร่างกายเปลือยท่อนบนไปอาบน้ำเพื่อจะต้องลงไปเตรียมอาหารเช้าและปลุกลูกชายไปอยู่บ้านใหญ่ เพราะช่วงนี้เขายุ่งๆกับงานของบริษัทที่เพิ่งจะซื้อต่อมาจึงต้องไปทำงานแม้ว่ามันจะเป็นวันเสาร์อาทิตย์ก็ตาม
“โชไปด้วยไม่ได้เหรอคับ โชไม่อยากอยู่ที่บ้านใหญ่คนเดียว” เด็กชายนั่งทำหน้าหงอยเมื่อพ่อเตรียมของให้ไปอยู่บ้านใหญ่
“พ่อสัญญาครับว่าจะรีบทำงานให้เสร็จไวๆ”
“ให้ป้าเล็กมาอยู่กับโชที่นี่ก็ได้คับที่บ้านใหญ่มันเหงาไม่มีใครอยู่เลย คุณปู่คุณย่าก็ไม่มีใครอยู่สักคนอาเพก็ไม่อยู่”
“ก็ได้ครับแต่โชห้ามซนนะครับห้ามออกไปเล่นข้างนอกรั้วบ้านมันอันตราย”
“ครับผม” เด็กชายกระโดดลงจากที่นอนมาทำท่าวันทยาหัตแบบเดียวกับอาสาวที่สวมเครื่องแบบเต็มยศในภาพที่ตั้งโชว์ในห้องนั่งเล่นแล้ววิ่งปร๋อเข้าห้องน้ำไปอย่างเร็วรี่
...*...
“นี่กุญแจห้องที่หลานขอ ส่วนกระเป๋าตาให้คนเอาไปไว้ที่นั่นให้แล้ว” ทรงพลยื่นกุญแจคอนโดให้หลานสาวขณะที่ภรรยาขึ้นไปช่วยลูกสาวเก็บของอยู่ด้านบน
“ขอบคุณค่ะ คุณตาน่ารักที่สุดเลย” ไออุ่นหอมแก้มผู้เป็นตาอย่างเอาใจก่อนจะรับกุญแจห้องที่เธอขอให้ตาหาให้เพราะว่าที่นั่นมันอยู่ใกล้ที่ทำงาน
“ที่นี่เป็นคอนโดของเพื่อนตาเอง ห้องนี้เป็นห้องว่างแต่ตาซื้อให้แล้วล่ะเข้าไปเซ็นโอนได้เลย” ทรงพล บอกพลางยื่นใบสัญญาซื้อขายให้หลานสาวคนเดียว
“แต่ว่า...”
“คิดซะว่าเป็นของขวัญที่ผ่านทดลองงานก็แล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะ” ไออุ่นกราบที่ตักกว้างอย่างนอบน้อมกับความเมตตาของผู้เป็นตา
“เรากับยัยพรนี่ถอดแบบกันมาจริงๆเลยนะไอ้เรื่องอยากทำอะไรด้วยตัวเองเนี่ย ตาล่ะปวดหัว” ทรงพลบ่นยิ้มๆภูมิใจที่หลานนั้นเติบโตมาเป็นคนดีและเข้มแข็งกว่าที่คิดเอาไว้มาก
“ก็อุ่นเป็นลูกแม่นี่คะ” หญิงสาวบอกพร้อมขยิบตาหนึ่งข้างอย่างภูมิใจ
“ไม่ไหวก็บอกนะลูก เงินแค่นั้นน่ะเล็กน้อยมาก”
“ถ้าไม่ไหวอุ่นจะรีบต่อสายตรงหาทันทีเลยค่ะ”
“คุยอะไรกันสองตาหลาน” อำไพถามขณะที่ถือกระเป๋าใบใหญ่ลงบันได ทรงพลจึงรีบลุกไปช่วยภรรยาถือกลัวว่าร่างเล็กๆนั้นจะตกบันไดซะก่อน
“คุยกันเรื่อยเปื่อยค่ะคุณยาย แม่ล่ะคะ”
“อยู่บนห้องจ้ะเห็นคลุมผ้าพวกเฟอร์นิเจอร์อยู่น่ะ” อำไพนั่งลงหอมแก้มหลานสาวฟอดใหญ่อย่างเอ็นดู
“งั้นอุ่นไปหาแม่แปปนึงนะคะ” หญิงสาววิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วเมื่อผู้เป็นยายพยักหน้าอนุญาต เมื่อหลานสาวลับตาไปอำไพจึงเดินออกไปหาสามีที่จัดของอยู่ข้างนอกปล่อยให้แม่ลูกเขาลากัน
“แม่คะ”
“อะไรลูกวิ่งเสียงดังเป็นเด็กๆไปได้” อำพรดุลูกสาวที่วิ่งตึงๆเข้ามาหา แต่ใบหน้างามที่เป็นต้นแบบของคนที่วิ่งเข้ามาก็ไม่ได้หันกลับไปมอง
“Happy Birthday ล่วงหน้าค่ะแม่” ไออุ่นยื่นม้วนกระดาษไปให้มารดาที่ยืนขมวดคิ้วเป็นคำถามกับของขวัญของลูกสาว
“ปีนี้แม่ไปอยู่ไกล อุ่นไม่รู้ว่าจะได้ไปฉลองด้วยหรือเปล่าเลยให้ไว้ก่อนค่ะ”
“ขอบใจนะลูก” อำพรดึงร่างบางของลูกสาวมากอดด้วยน้ำตานองใบหน้าเมื่อเห็นภาพที่ลูกสาววาดให้
“อุ่นรู้ว่าแม่รักพ่อกับอุ่นมาก อุ่นก็รักแม่มากๆเหมือนกันค่ะ” ไออุ่นหอมแก้มขาวของมารดาด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ถึงแม้ว่าในใจจะหวิวๆกับการต้องอยู่ห่างจากแม่ไกลๆแบบนี้เป็นครั้งแรก
“อุ่นแน่ใจนะลูกว่าจะไม่เอารถไว้ใช้น่ะ” อำไพหันมาถามหลานสาวอีกครั้งเมื่อกำลังจะออกจากบ้าน
“แน่ค่ะ ที่นี่รถติดมากใช้รถเมล์หรือรถไฟฟ้าสะดวกกว่าค่ะ คอนโดที่คุณตาซื้อให้อยู่ใกล้ๆกับรถไฟฟ้าอุ่นไม่ลำบากหรอกค่ะ”
“จ้ะดูแลตัวเองดีๆนะลูกถ้าไม่ไหวก็โทรมายายจะให้ตาเรามารับ”
“ค่ะ ถ้าไม่ไหวอุ่นจะรีบบึ่งรถไปหาเลย” หญิงสาวเข้าไปหอมแก้มอำไพสองข้างอย่างเอาใจก่อนรถตู้คันโตจะเคลื่อนตัวออกไปจากรั้วบ้านพร้อมกับอีโค่คาคันโปรดของมารดาที่ทรงพลให้คนขับตามออกไป
“เอาล่ะถึงเวลาที่เธอจะต้องไปแล้วเช่นกันไออุ่น” หญิงสาวบอกตัวเองแล้วเดินเข้าบ้านไปเพื่อตรวจความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะหิ้วกระเป๋าเดินทางขนาดกลางออกมายืนรอเพื่อนที่หน้าบ้านเมื่อใกล้เวลานัด
“วันนี้วันหยุดทำไมแกยังต้องทาตัวเป็นยัยน้องดำด้วยล่ะ” นลินที่ทำหน้าที่มารับเพื่อนสาวไปคอนโดใหม่ถาม เมื่อเปิดประตูรถลงมาเจอกุลาแสนสวยยืนอยู่หน้าบ้านสองชั้นในหมู่บ้านจัดสรรย่านปทุมวัน
“ก็กันไว้ก่อนไงแบบนี้มั่นใจกว่า”
“ตามแต่คุณเธอเลยค่ะ แล้วของมีแค่นี้เหรอ” นลินมองกระเป๋าเดินทางใบเดียวของเพื่อนก่อนจะชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในบ้านที่ประตูถูกล็อกเรียบร้อย
“แค่นี้แหละ ของใช้กับเสื้อผ้าบางส่วนตาฉันให้คนเอาไปไว้ให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“บางทีฉันก็ไม่เข้าใจแกนะ ครอบครัวแกก็ไม่ใช่ไม่มีเงินแต่กลับทำตัวเหมือนตัวเองจนขนาดต้องทนให้คนอื่นเขาโขกสับอยู่ที่ทำงานนั่น”
“เงินนั่นมันก็ของปู่ฉัน กิจการรีสอร์ทก็เป็นของปู่มีลุงทรงฤทธิ์ดูแลอยู่แล้วชั้นต้องไปทำอะไรอีกล่ะส่วนเหมืองก็มีคุณลุงโอภาสดูแลอยู่”
“จ้าแม่คนขยัน” นลินส่ายหน้าให้เพื่อนขำๆก่อนจะขับรถออกจากหมู่บ้าน
“...จะไปไหนต่อไหม วันนี้ฉันให้แกทั้งวัน” นลินทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวนุ่มเมื่อมาถึงห้องของไออุ่นที่กว่าจะฝ่าฟันรถติดมาได้ก็กินเวลาไปเกือบเที่ยง
“ฉันว่าจะไปซื้อของใช้ส่วนตัวอีกนิดหน่อยไหนๆก็ว่างแล้วจะได้ไม่ต้องยุ่งยากอีก”
“จ้า..”
“ไปรถไฟฟ้านะแก ไม่กี่สถานีก็ถึง” นลินได้แต่พยักหน้าเป็นคำตอบเพราะไม่อยากจะขัดใจเพื่อนที่ไม่ค่อยจะชอบรถติดในเมืองกรุงเป็นที่สุด
“ฉันรออยู่แถวนี้นะ เสร็จแล้วไลน์มาบอกด้วย” นลินบอกเพื่อนเมื่อมองเห็นร้านขายของกิ๊ฟช็อปลายการ์ตูนที่ลูกศิษย์คนโปรดชอบ
ไออุ่นพยักหน้าตอบแล้วเดินไปอีกทางเพื่อซื้อของใช้ แต่เดินมาได้สักพักตากลมคู่สวยก็สังเกตเห็นเด็กชายตัวเล็กยืนอยู่หน้าร้านขายเสื้อผ้าผู้ชายคนเดียว ร่างบางจึงก้าวเข้าไปถามด้วยความหวังดี
“รอใครอยู่ครับ” ไออุ่นย่อตัวลงให้ความสูงใกล้เคียงกับเด็กชายแล้วถามไถ่เด็กชายตัวน้อย
“เปล่าครับผมมาซื้อของขวัญให้พ่อ แต่ว่า...” เสียงเล็กขาดไปเมื่อตาคมมองเข้าไปยังร้านที่ดูหรูหราตามแบรนด์ที่นำเข้า
“แล้วหนูมากับใครครับ ตัวแค่นี้มาเดินคนเดียวมันอันตรายนะรู้ไหม” ไออุ่นถามเด็กชายตัวน้อยด้วยรอยยิ้มอย่างถูกชะตา
“มากับป้าเล็กครับแต่หลงกัน”
“พี่ว่าเราไปประกาศหากันดีกว่าไหมแล้วค่อยมาซื้อ”
“ไม่มีเวลาแล้วครับพ่อผมใกล้จะกลับแล้ว” เด็กชายพูดแล้วทำหน้าเศร้าจนคนรักเด็กอย่างไออุ่นใจอ่อนยวบ
“งั้นพี่จะพาเข้าไปซื้อแต่ว่าหนูต้องบอกพี่ก่อนว่าชื่ออะไรพี่ชื่อไออุ่นครับ”
“ผมชื่อโชกุนครับ” เด็กชายยิ้มกว้างจนตาหยีแล้วจับมือนุ่มเดินเข้าไปในร้าน มือนิ่มๆกับกลิ่นหอมอ่อนๆทำให้หัวใจเด็กน้อยรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่เงยหน้ามองเสี้ยวหน้าของพี่สาวใจดีด้วยความสุขใจ
“แล้วโชกุนจะซื้ออะไรให้คุณพ่อล่ะครับ” ไออุ่นถามเด็กชายที่เดินวนดูของหลายอย่างแต่ก็ไม่จับอันไหนเลย
“โชอยากได้ไทด์ครับ”
“หืมไทด์?..อ๋อเนคไทงั้นไปดูทางโน้นดีกว่าครับ” หญิงสาวจับมือเล็กๆเดินไปอีกทางเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เด็กชายอยากได้อยู่ตรงไหน
“โห..เยอะแยะเลย” โชกุนตาโตเมื่อพี่สาวใจดีอุ้มขึ้นดูช่องที่วางโชว์เนคไทหลากสีหลายสไตล์
“แล้วโชกุนอยากได้แบบไหนครับ”
“อันนี้พี่อุ่นว่าสวยไหมครับ” โชกุนชี้ไปที่เส้นสีแดงแจ๋นสะดุดตา
“พี่ว่าอันนั้นมันดูไม่น่าเหมาะกับพ่อโชกุนแน่ๆคับ เอาเป็นอันนี้ดีกว่าไหม” หญิงสาวชี้ไปที่เส้นสีดำมีเส้นสีขาวเล็กๆขีดเป็นเส้นตรงเดี่ยวๆผ่าตามแนวยาวซีกซ้ายดูเรียบแต่หรู
“ก็ได้ครับสวยดี พี่ครับๆเอาเส้นนี้ครับ” เด็กชายหันไปเรียกพนักงานขายมาหยิบเนคไทเส้นที่อยากได้ออกจากตู้กระจกโชว์
“มาซื้อให้คุณพ่อเหรอคะน่ารักจัง” พนักงานผู้หญิงเอ่ยชมสองคนต่างวัยที่อุ้มกันตามไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
“ครับ” โชกุนยิ้มกว้างรับอย่างภูมิใจแต่อีกคนปั้นหน้าไม่ถูกรู้สึกเขินๆยังไงก็ไม่รู้เมื่อถูกมองจากสายตาของคนถาม
“โชกุนครับ พกเงินมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ” ไออุ่นกระซิบกับเด็กชายเบาๆเมื่อเจ้าตัวเปิดกระเป๋าให้เธอนับเงินไปจ่ายค่าเนคไท
“ก็โชไม่รู้ว่าต้องใช้เท่าไหร่เลยเอามาหมดกระปุกเลยครับ” โชกุนส่งยิ้มแห้งๆไปให้พี่สาวใจดีตัวนุ่มนิ่มที่ตอนนี้กำลังส่งสายตาดุมาให้ตัวเอง
“คราวหลังห้ามพกเงินเยอะขนาดนี้รู้ไหมครับมันอันตรายมาก” ไออุ่นดุเด็กชายเบาๆเมื่อออกมาจากร้านทั้งที่ตัวเธอก็ยังคงอุ้มร่างเล็กๆนั่นอยู่
“ครับ ออกมาคราวนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้” โชกุนบอกด้วยใบหน้าเศร้าๆซบกับไหล่บางอย่างอ้อนๆเมื่อรู้สึกถึงไออุ่นที่พี่สาวใจดีมี เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ไม่เหมือนกับของพ่อแต่ก็อบอุ่นเหมือนกันรู้สึกปลอดภัยเหมือนกันยิ่งกลิ่นหอมๆที่มาจากตัวพี่สาวใจดียิ่งชวนให้ตาปิด
ครืด~ ครืด~ เสียงสั่นของเจ้าเครื่องสีดำในกระเป๋าสะพายใบเล็กของเด็กชายดังส่งสัญญาณเตือน แต่เจ้าตัวดันหลับคอพับกับไหล่มนไปแล้วไออุ่นจึงต้องนั่งลงที่ม้านั่งโซนใกล้ๆกับที่เขาจัดนิทัศการเพื่อเปิดหาเจ้าเครื่องมือสื่อสาร
‘ป้าเล็ก’ รายชื่อที่โชว์หราอยู่หน้าจอทำให้ไออุ่นยิ้มออกที่ไม่ต้องปลุกเจ้าตัวเล็กให้ตื่นตอนถึงจุดประชาสัมพันธ์
“สวัสดีค่ะ..ไม่ต้องตกใจนะคะตอนนี้น้องอยู่ที่โซนนิทรรศการชั้นMค่ะ” เสียงหวานอธิบายอย่างใจเย็นเมื่อปลายสายนั้นเหมือนตั้งสติยังไม่ได้ เพราะใครก็ไม่รู้มารับโทรศัพท์ของเด็กชาย
“ฉันจะนั่งรอที่ร้านกาแฟแถวๆนี้นะคะ ถ้าคุณไม่เห็นก็ค่อยโทรถามเมื่อถึงชั้นนี้แล้วก็ได้...ค่ะหลับค่ะ” หญิงสาวกดวางสายแล้วหอมแก้มเล็กๆอย่างอดไม่ได้
‘ลูกใครกันนะทั้งน่ารักทั้งฉลาดคนเป็นพ่อเป็นแม่คงปลื้มน่าดู’ ไออุ่นยิ้มให้ความคิดของตัวเองแล้วเดินไปยังร้านกาแฟที่นัดกับป้าเล็กของเด็กน้อยเอาไว้
...*...
“งั้นเหรอ...ได้ๆ งั้นชั้นจะเดินเล่นอีกสักพักสี่โมงเย็นเจอกันที่ร้านเดิมนะ แน่ใจว่าไม่ให้ชั้นไปช่วย...จ้าแม่คนเก่งแค่นี้แหละ” นลินส่ายหัวให้กับความใจอ่อนกับเด็กของเพื่อนสนิทแล้วยัดเจ้าเครื่องมือสื่อสารลงที่เดิมก่อนจะหันไปสนใจยางมัดผมลายคิตตี้ตรงหน้าต่อ
“ครูลินนน” เสียงใสร้องเรียกดังลั่นก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งมากอดครูสาวร่างเล็กที่หันไปยิ้มให้เมื่อได้ยินเสียงเรียก
“มากับใครคะ” นลินหอมแก้มป่องๆก่อนจะมองหาคนที่พาเด็กหญิงมาเที่ยว
“มากับหม่ามี๊ค่ะ” นิ้วเล็กๆชี้ไปยังนุชบาที่กำลังเดินมาในชุดกางเกงยีนส์สีดำกับเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พับครึ่งแขนและยังคงมัดผมทรงเดิมคือทรงหางม้าที่ไม่ว่าเจอกันกี่ทีก็ทรงนี้
‘ถึงว่ามัดผมให้ลูกไม่สวย ก็แต่งตัวแนวนี้คงจะทำเป็นแค่รวบผมเท่านั้นแหละ’ นลินยิ้มให้กับความคิดของตัวเองเมื่อมองเห็นการแต่งตัวของแม่เด็กหญิงตัวน้อย
“สวัสดีค่ะคุณนุชบา” นลินเอ่ยทักทายเมื่อร่างสูงๆของแม่เด็กหญิงตัวน้อยเดินมาถึง
“เรียกนุชเฉยๆก็พอค่ะ มาเที่ยวเหรอ” นุชบามองครูสาวตัวเล็กคนโปรดของลูกสาวด้วยความชื่นชมในความสวย ที่วันนี้อยู่ในชุดเดรสคลุมเข่าสีฟ้าอ่อนเปิดไหล่เล็กน้อยผมยาวสีโอ๊คถูกดัดเป็นลอนตรงปลายปล่อยลงมาปรกไหล่และหลังดูเซ็กซี่กว่าทุกๆวัน
“มี๊คะ มี๊คะ” ข้าวหอมเขย่ามือแม่ตัวเองที่ยืนตัวแข็งอยู่หน้าร้านให้รู้สึกตัว
“คะ?ว่าไง”
“ครูลินบอกว่ามากับเพื่อนแต่เที่ยวคนเดียวค่ะ เราชวนครูลินไปด้วยกันได้ไหม”
“ไปไหนคะ” นลินเลิกคิ้วถามเมื่อเดินเข้ามาหาสองแม่ลูกหลังจากไปจ่ายเงินกลับมา
“ไปดูปลาฉลามกันค่ะ” เด็กหญิงหันมาตอบพร้อมรอยยิ้มและเสียงประท้วงของพยาธิ ที่ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองอมยิ้มกับอาการเขินบิดไปมาจนตัวแทบขาดของเด็กหญิง
“ครูว่าเราไปหาอะไรกินก่อนดีไหมแล้วค่อยไปกัน”
“ครูลินมีร้านหรือยังคะ”
“เรียกลินเฉยๆก็พอค่ะฉันเป็นน้องคุณสองปีเลยนะ”
“งั้นคุณลินมีร้านหรือยังถ้ายังไปร้านฝั่งโน้นดีกว่า ที่นั่นร้านประจำยัยตัวเล็ก” นุชบาชวนพร้อมยื่นมือไปถือของให้ครูคนสวย
“ฉันถือให้ดีกว่าค่ะ” นุชบาออกปากเมื่อคนตัวเล็กทำท่าจะปฏิเสธ
“ขอบคุณค่ะ” นลินบอกอย่างเขินๆที่จู่ๆก็มีคนมาถือของให้แม้ว่ามันจะเป็นถุงกระดาษเล็กๆของร้านกิ๊ฟช็อปเมื่อกี้ก็เถอะ
“ไปค่ะ” ข้าวหอมจับมือแม่ตัวเองข้างหนึ่งจับมือครูสาวข้างหนึ่งแล้วฉุดให้ผู้ใหญ่ทั้งสองเดินตามไปยังร้านอาหารร้านโปรดของตัวเองด้วยรอยยิ้มมีความสุข ที่วันนี้ได้มาเที่ยวกับแม่และคุณครูที่รัก
...*...
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยดูคุณหนูให้” เฉลียวขอบคุณหญิงสาวตัวคล้ำที่นั่งอุ้มเด็กชายรออยู่ที่ร้านกาแฟ
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่อยากให้คุณดูแลแกให้ดีกว่านี้หน่อย คนสมัยนี้น่ากลัวมากสำหรับเด็กๆแบบนี้” ไออุ่นบอกหญิงวัยกลางคนอย่างอดไม่ได้ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องโกรธขนาดนี้
“คือ...พอลงจากแท็กซี่ได้คุณหนูก็วิ่งเข้ามาเลย ดิฉันตามไม่ทันจริงๆแล้วก็ไม่เคยมาที่นี่ เดินหลงอยู่ด้านบนตั้งนานโทรหาคุณหนูก็บอกแค่ว่าอยู่หน้าร้านเสื้อผ้า ฉันก็ไม่รู้ว่าที่ไหนเมื่อครู่เจอคนที่พอจะอธิบายได้เลยลองโทรหาใหม่ที่คุณรับนั่นแหละค่ะ” เฉลียวบอกอย่างรู้สึกผิดหากคุณหนูของเธอหายตัวไปเธอไม่ได้ตายดีแน่ๆ
“งื้อออ” เด็กชายกอดคอของไออุ่นไว้แน่นเมื่อเฉลียวกำลังจะดึงร่างเล็กๆนั่นออกจากหญิงสาว
“โชกุนครับป้าเล็กของโชกุนมารับแล้วครับ”
“ไม่! โชจะอยู่กับแม่ไม่ไปไหนทั้งนั้น” ไออุ่นกับเฉลียวมองหน้ากันด้วยใบหน้าถอดสีที่เด็กชายพูดแบบนั้นทั้งยังกอดร่างบางแน่นขึ้นกว่าเดิม
“นี่พี่ไออุ่นนะคะคุณหนู ไม่ใช่คุณแม่”
“โชจะให้พี่อุ่นเป็นแม่” เด็กชายบอกอย่างเอาแต่ใจตาคมปรือๆด้วยความง่วงจู่ๆกลับมีน้ำตาไหลทะลักออกมาซะอย่างนั้น
‘งานเข้า’ คือคำแรกที่ผุดขึ้นในหัวของไออุ่นเมื่อได้ยินเด็กชายบอกแบบนั้น ถึงแม้ว่าโชกุนจะยังเด็กมากแต่การที่เด็กตัวเล็กๆสี่ห้าขวบไปยืนอยู่หน้าร้านขายเสื้อผ้าผู้ชายเพื่อซื้อของขวัญให้พ่อแบบนั้น แสดงให้เห็นว่าเด็กคนนี้ฉลาดและรู้จักคิดมากกว่าเด็กวัยเดียวกันแน่ๆ ยิ่งการที่เด็กชายพูดแบบนั้นแสดงว่าเธอคงไม่อาจรอดไปได้แบบง่ายๆเหมือนกัน
“โชอยากมีแม่ พี่อุ่นเป็นแม่ให้โชได้ไหมคับ” โชกุนถามทั้งที่กอดหญิงสาวไว้แน่นกลัวว่าจะโดนดึงออก
“โชกุนไม่มีคุณแม่เหรอครับ ถึงจะให้พี่เป็นแม่” ไออุ่นถามอย่างใจเย็นพยักหน้าให้เฉลียวถือกระเป๋าของเด็กชายตามออกมาเพราะเจ้าตัวเริ่มงอแงเพราะความง่วง
“พ่อบอกว่าแม่โชตายไปแล้ว โชอยากมีแม่เหมือนคนอื่นพี่อุ่นเป็นแม่ให้โชได้ไหมฮึก..ฮือๆ” ผิดจากที่คาดไว้ที่ไหนล่ะ ไออุ่นเอ่ยกับตัวเองในใจเมื่อเด็กชายใช้น้ำตาต่อรอง ยิ่งเห็นเด็กชายร้องไห้หัวใจของไออุ่นก็รู้สึกไม่สบายใจคำที่จะปฏิเสธถูกกลืนลงคอทันที
“ได้ครับๆ พี่จะเป็นแม่ให้โชกุนแต่ว่าคนเก่งของพี่ต้องหยุดร้องไห้ก่อนนะครับ” ไออุ่นปลอบเด็กชายอย่างใจเย็น มือบางลูบแผ่นหลังเล็กๆที่กำลังสั่นเทาแผ่วเบา เสียงสะอื้นเงียบลงพร้อมกับลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอ ตาคมปิดสนิททั้งที่น้ำตายังเปรอะเปื้อนใบหน้าขาว หญิงสาวระบายยิ้มอบอุ่นแล้วใช้นิ้วเรียวเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเล็กๆอย่างเอ็นดู
“เอาไงดีคะถ้าตื่นขึ้นมาไม่เห็นคุณคงอาละวาดบ้านแตกแน่ๆค่ะ” เฉลียวบอกอย่างหวั่นๆเพราะคุณหนูเล็กของเธอบทจะดีก็แสนดีว่านอนสอนง่าย แต่บทจะร้ายล่ะก็ไม่มีใครเอาอยู่หากไม่ใช่คุณภพ
“งั้นอุ่นจะนั่งแท็กซี่ไปด้วยแล้วแงะแกออกตรงหน้าบ้าน ถ้ายังไม่หยุดให้โทรมาเบอร์นี้นะคะเดี๋ยวอุ่นจัดการต่อให้” ไออุ่นเอาโทรศัพท์ของเด็กชายมากดเบอร์ตัวเองลงไปเมมชื่อไว้เสร็จสรรพแล้วยื่นคืนให้เฉลียว
“ฉันออกไปเรียกแท็กซี่เลยนะคะ” เฉลียวบอกเมื่อตรวจดูของในกระเป๋าใบเล็กของเด็กชายเสร็จแล้ว ไออุ่นพาเด็กชายมาหลบแดดตรงเงาของอาคารเพื่อรอรถมือบางก็กดโทรศัพท์หาเพื่อนทันที
“แกวันนี้ฉันคงไปกินข้าวด้วยไม่ได้แล้วล่ะ” เสียงหวานบอกคนปลายสายด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
“เหรอ..อือ ถ้างั้นเอาไว้เจอกันที่ห้องฉันเลยแล้วกันเที่ยวให้สนุกล่ะ” ร่างบางวางสายแล้วพาลูกชายหมาดๆขึ้นรถเมื่อเฉลียวเดินลงมาเปิดประตูให้
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” นุชบาถามร่างเล็กที่ยืนยิ้มให้เจ้าฉลามขาวที่ว่ายวนอยู่ใกล้ๆ
“เปล่าค่ะ แค่คิดว่าวันนี้ฉันคงได้เลี้ยงมื้อเย็นคุณกับยัยหนูซะแล้วล่ะ” นลินบอกอย่างอารมณ์ดีแล้วยกมือถือมาถ่ายรูปเด็กน้อยที่ทำตาโตตื่นเต้นกับบรรดาสัตว์ใต้ทะเล
นุชบาเองก็อดยิ้มให้ภาพนั้นไม่ได้เช่นกัน ไม่คิดเลยว่ายัยหนูของเธอจะเปิดใจรับครูสาวตัวเล็กให้เข้ามาอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองมากขนาดนี้ เพราะขนาดน้องสาวของเธอยังไม่เคยได้อุ้มเลยตั้งแต่ข้าวหอมรู้ความ แต่เจ้าตัวกลับเข้ามากอดออดอ้อนครูสาวราวกับว่าเลี้ยงกันมาตั้งแต่เกิดอย่างนั้นแหละ
“ค่ะบอส” นุชบาละสายตาจากลูกสาวมารับสายจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูเมื่อเห็นว่าใครโทรมา
“...ได้ค่ะ เรื่องนั้นฉันคาดไว้แล้วว่าพวกที่มีชนักติดหลังมันจะเริ่มกวาดอำนาจ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะคนของเราสแตนด์บายเรียบร้อยบอสจัดการได้โดยไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลยค่ะ” นุชบาวางสายก่อนจะเดินตามสองสาวต่างวัยที่พากันเดินไปถ่ายรูปไปด้วยรอยยิ้ม
...*...
“นุชว่าไงบ้างครับ” มนัสหันมาถามเจ้านายที่นั่งนิ่งมาสักพักหลังจากวางสายจากนุชบา
“เธอวางคนของเราไว้เรียบร้อยแล้วจัดการได้เลย ฉันคิดว่าไม่น่าจะเกินอาทิตย์หน้าพวกมันคงจะเผยไต๋ให้เราเห็นจนหมดไส้หมดพุงแน่” ประพันธ์ภพยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วตักข้าวกะเพราใส่ปากอย่างอารมณ์ดีตาคมจับจ้องไปที่เป้าหมายที่กำลังนั่งหน้าเครียดคุยกับใครบางคนอยู่มุมใกล้ๆกัน แต่คนกลุ่มนั้นกลับไม่เห็นเขา
“ที่นี่เสร็จเร็วก็ดีเหมือนกันนะครับ เพราะปลายเดือนบอสมีประชุมประจำปีสาขาที่มาเก๊าจะได้ไม่ต้องพะวงเรื่องทางนี้”
“ฉันลืมไปเลยนะเนี่ยว่าต้องไปมาเก๊า เรื่องพี่เลี้ยงโชกุนยังหาไม่ได้เลย” ประพันธ์ภพทำหน้าครุ่นคิดเมื่อนึกถึงความดื้อเงียบของลูกชายและจะหาใครที่ไว้ใจพอให้ดูแลหัวใจดวงน้อยในช่วงที่เขาไม่อยู่หลายวันแบบนี้
“ผมจะช่วยหาอีกแรงนะครับ” มนัสอาสาเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเจ้านาย
“ไม่ต้องหรอกนายจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จเถอะ เดือนหน้าเราต้องไปเวกัสผู้จัดการฝ่ายที่นั่นโทรมาว่าให้เข้าร่วมประชุมสหพันธ์ของผู้ประกอบการโรงแรมเห็นว่าจะมีการเลือกคณะกรรมการชุดใหม่”
“ครับ งั้นผมจะเคลียร์ตารางงานช่วงต้นเดือนหน้าให้ล่วงหน้าเลยก็แล้วกันนะครับไหนๆก็ไปเมกาทั้งทีบอสน่าจะพักผ่อนบ้าง ปีนี้บอสยังไม่ได้พักร้อนที่ไหนเลยนะครับ” มนัสบอกพลางยกไอแผดประจำตัวขึ้นมาเปิดเช็คตารางงานของเจ้านาย
“แสนรู้จริงๆนะนายเนี่ย”
“แน่นอนครับขอกระดูกเป็นรางวัลด้วยครับ แฮร่~” มือขวาคนสนิททำตาใสๆส่งให้เจ้านายเมื่อถูกว่าเป็นหมา
“ปีนี้ไม่กระดูกหรอก ปีนี้มีขนมชิ้นใหม่ให้” ประพันธ์ภพบอกด้วยสายตามีเลศนัยแล้วยกน้ำขึ้นจิบพลางดูเวลาเมื่อเป้าหมายลุกออกไปแล้ว
“โครงการใกล้แม่น้ำเจ้าพระยาแถบชานเมืองไม่มียอดจองจริงครับ มีแต่หน้าม้ามาปั่นเพื่อให้บริษัทเซ็นอนุมัติ” ชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆกับกลุ่มเป้าหมายมานั่งลงตรงหน้าของประพันธ์ภพแล้วรายงานสิ่งที่ตนได้ยินและบันทึกเสียงเอาไว้เรียบร้อย
“ใครเป็นสถาปนิกโครงการนี้” ประพันธ์ภพถามเรียบๆ
“ชื่อกำจรครับเป็นพวกเดียวกับกลุ่มนั้น”
“แล้วนายได้ครบไหมว่าใครมีเอี่ยวบ้าง” มนัสถามเพื่อนเมื่อเห็นรายชื่อที่เพื่อนยื่นให้ดู
“ยังขาดผู้จัดการแผนกบัญชีคนสวยกับหัวหน้าแผนกธุรการ สองคนนี้ระวังตัวแจยังไม่มีหลักฐานที่มัดตัวชัดเจน” วิวรรธน์บอกแล้วยื่นซองสีน้ำตาลให้เจ้านาย
“หลักฐานทั้งหมดอยู่ในนี้ครับผมเอามาให้บอสดูก่อน แล้วจะให้นุชจัดการต่อพวกมันดิ้นไม่หลุดแน่”
“ดีไม่ดีพวกมันก็จะหาหลักฐานเอาผิดสองคนที่เหลือมาโชว์ให้เราเห็นเองโดยที่เราไม่ต้องเหนื่อยก็ได้” ประพันธ์ภพบอกอย่างอารมณ์ดีแล้วยื่นซองคืนให้ลูกน้องคนสนิทอีกคน ที่ต้องตามตัวมาจากสวนผลไม้เพื่อมาทำงานนี้โดยเฉพาะ
“วันจันทร์คุณเจนจิราสถาปนิกที่บอสให้ตามจะเข้ามาพบตอบเก้าโมงครึ่งครับ” มนัสรายงานเมื่อเปิดอ่านข้อความในมือถือที่เพิ่งส่งเข้ามา
“วันนี้เราพอกันแค่นี้ล่ะ พรุ่งนี้ก็พักผ่อนเราจะเริ่มลุยซึ่งๆหน้าหลังวันที่สถาปนิกคนนั้นรับงานจากฉัน”
“ครับบอส/ครับบอส” สองหนุ่มรับคำพร้อมกันก่อนที่ทั้งสามจะลุกออกจากร้านอาหารร้านหนึ่งไปโดยที่ไม่มีใครสังเกตชายหนุ่มหน้าตาดีทั้งสามคน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
มัมหมีของราอน
พวกเจ้าก้อนนี่มีแต่คนแสบๆทั้งนั้น
2021-09-06
1