Evil 2 โรงเรียนใหม่

ตอนที่ 2 โรงเรียนใหม่

 

 

 

เมื่อสองแม่ลูกได้เจอกันแล้วเพ็ญภัฏจึงรู้ถึงสาเหตุว่าทำไมตุลย์ถึงได้พยายามอัตวินิบาตกรรมตัวเองแบบนั้น เพ็ญภัฏจึงตัดสินใจที่จะย้ายโรงเรียนให้กับลูกชาย แต่ก่อนหน้านั้นต้องพาตุลย์ไปจัดการเรื่องที่โรงพยาบาลเสียก่อนเมื่อสองแม่ลูกมาถึงที่โรงพยาบาลก็ทำเอาทั้งหมอและพยาบาลแตกตื่นกันเป็นอย่างมากทางโรงพยาบาลจึงขอให้ตรวจร่างกายตุลย์อย่างละเอียดซึ่งเพ็ญภัฏก็ไม่ได้ติดขัดอะไรและเพื่อความสบายของทุกฝ่ายด้วย

 

ตุลย์ได้เข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดตามที่เพ็ญภัฏขอ แต่ผลการตรวจของตุลย์คือปกติทุกอย่างไม่มีอะไรที่ผิดปกติเลย ผลการตรวจของตุลย์ทำให้ทุกคนถึงกับหาคำตอบไม่ได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้กันแน่

 

เมื่อการตรวจร่างกายของตุลย์จบลง เอกสารก็เสร็จหมดแล้ว เพ็ญภัฏจึงพาตุลย์กลับบ้าน “หิวข้าวไหมลูก…แวะหาอะไรกินก่อนเข้าบ้านกันไหม” เพ็ญภัฏถามลูกชายของเธอด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรครับแม่…ผมไม่หิวครับ” ตุลย์ตอบเพ็ญภัฏ

 

 

 

 

ตอนนี้สองแม่ลูกก็ได้มาถึงบ้านกันแล้ว ตุลย์ขอตัวแยกจากเพ็ญภัฏขึ้นห้องไป ส่วนเพ็ญภัฏได้กดโทรศัพท์และโทรหาใครคนหนึ่ง “ตื๊ด ๆ ๆ คุณคะ…คุณทำเรื่องเข้าเรียนที่นั่นให้ลูกหน่อยสิคะ” ปลายสายที่ฟังเพ็ญภัฏพูดจบก็ได้ตอบเพ็ญกลับมา “นี่ลูกของเราก้าวผ่านความตายมาแล้วงั้นเหรอ” เพ็ญภัฏจึงตอบกลับไป “ค่ะ…ขอโทษนะคะที่ฉันห้ามลูกของเราไม่ได้” ปลายที่ฟังจบก็ได้ตอบเพ็ญภัฏกลับมา “คุณอย่าโทษตัวเองเลย คุณทำดีที่สุดแล้ว…เอาเป็นว่าเรื่องโรงเรียนเดี๋ยวผมจะจัดการให้เองนะ คุณไม่ต้องห่วง” เพ็ญภัฏที่ฟังปลายสายพูดจบ เธอก็ได้ตัดพ้อกับตัวเอง “ในที่สุดลูกก็เป็นเหมือนกับฉันจนได้ ทั้งที่ฉันภาวนามาตลอดเลยว่าอย่าให้มีวันนั้น” ปลายสายจึงตอบกลับเพ็ญภัฏ “ผมถึงบอกไงว่าคุณอย่าโทษตัวเองเลย…เพราะสักวันหนึ่งลูกก็ต้องเป็น” เพ็ญภัฏจึงถามกับปลายสาย “แล้วคุณจะกลับมาเมื่อไหร่คะ” ปลายสายจึงได้ตอบกลับเพ็ญภัฏ “ก็จนกว่าจะจัดการพวกนอกรีตที่นี่เสร็จอ่ะแหละ…ผมขอโทษนะที่ปล่อยให้คุณดูแลลูกคนเดียว” เพ็ญภัฏจึงได้น้ำตาซึมเหมือนจะร้องไห้ก่อนจะตอบปลายสาย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ…ก็มันเป็นงานของคุณนี่คะ”

 

เมื่อคุยโทรศัพท์จบแล้ว เพ็ญภัฏจึงเรียกชื่อ ๆ หนึ่งออกมา “มายะ ๆ ๆ” เมื่อเธอพูดจบก็ได้เริ่มเงา ๆ หนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธออย่างช้า ๆ เงานั้นปรากฏขึ้นเป็นรูปร่างและค่อย ๆ ชัดเจน สิ่งนั้นเป็นรูปร่างของมนุษย์ผู้หญิงวัยรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ “มายะ…เธอช่วยตามไปดูแลตุลย์ที่โรงเรียนนั่นหน่อยได้มั้ย” เงานั้นจึงตอบเพ็ญ “เขาตื่นขึ้นมาแล้วงั้นเหรอ” เพ็ญภัฏจึงยอมรับออกไป “ใช่” ผู้หญิงคนนั้นจึงตอบกลับเพ็ญภัฏ “ได้สิ…เขาก็เป็นลูกของฉันเหมือนกันนี่นา” เพ็ญภัฏได้ถอนหายใจก่อนจะตอบผู้หญิงคนนั้นกลับไป “ขอบใจนะมายะ” หลังจากนั้นผู้หญิงคนนั้นจึงค่อย ๆ จางและเลือนหายไปในที่สุด

วันต่อมา

 

“บี๊บ ๆ ๆ ๆ ~”

 

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมานั้นบนหน้าจอโทรศัพท์นั้นได้ขึ้นชื่อว่า “คฑาวุธ” และแล้วก็ได้มีมือมาคว้าโทรศัพท์นั้นไป “ว่าไงคะคุณ” โทรศัพท์นั้นคือโทรศัพท์ของเพ็ญภัฏและปลายสายคือคฑาวุธ “เรื่องโรงเรียนผมจัดการให้คุณแล้วนะครับ…อาทิตย์หน้าคุณพาลูกไปรายงานตัวที่โรงเรียนได้เลยนะครับ” จากนั้นสายของคฑาวุธก็ได้ตัดไป เพ็ญภัฏเธอรู้ดีว่าสามีของเธอนั้นต้องคอยต่อสู้เพื่อรักษาสมดุลให้กับโลก เพ็ญภัฏเธอเข้าใจในตัวสามีเธอเป็นอย่างดีและเพราะความมั่นคงในความรักของทั้งสองคนจึงทำให้คนทั้งสองคนถึงแม้จะห่างไกลกันแต่ระยะทางนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความรักของทั้งสองคนนั้นลดลงเลย

 

ขณะที่ตุลย์นั้นก็ยังคงสงสัยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองอยู่ภายในห้องของตัวเองคนเดียว เขาไม่รู้ว่าจะเอาสิ่งเหล่านี้ไปถามใคร แล้วถ้าพูดไปใครจะเชื่อเขาล่ะ ทุกคนต้องหาว่าเขาเป็นคนบ้าแน่นอน สิ่งที่อยู่ในตัวของเขามันคือตัวอะไรกันแน่ แล้วตัวที่มันมาสิงอยู่ในตัวของเขานั้นมันต้องการอะไร

 

“ตุลย์…ลงมาหาแม่หน่อยสิจ๊ะ” เพ็ญภัฏเธอได้ตะโกนเรียกลูกชายสุดที่รักของเธอเพื่อที่จะคุยอะไรบางอย่าง ในขณะที่ตุลย์ก็ได้ตอบรับเสียงของเพ็ญภัฏเช่นกัน “ครับแม่…ผมกำลังไปครับ” ตุลย์จึงต้องหยุดคิดหยุดสงสัยไปก่อนว่าตัวอะไรกันแน่ที่มันสิงอยู่ในตัวของเขา

เพ็ญภัฏเธอได้นั่งรอที่จะคุยกับลูกชายสุดที่ของเธออยู่ที่โซฟา “ผมมาแล้วครับแม่” เสียงของตุลย์ที่ทักเพ็ญภัฏขึ้นมา “นั่งก่อนสิลูก…แม่กำลังจะคุยกับลูกเรื่องโรงเรียนใหม่ที่ลูกต้องย้ายไปเรียนน่ะ” เมื่อตุลย์ได้มานั่งที่โซฟาตามคำพูดของเพ็ญภัฏแล้วตุลย์จึงได้ถามเพ็ญภัฏ “ผมต้องย้ายโรงเรียนใหม่สินะครับ”

 

เมื่อเพ็ญภัฏฟังตุลย์พูดจนจบแล้วเธอจึงเริ่มอธิบายต่อ “ลูกคงรู้ตัวแล้วสินะ…ว่าตัวลูกนั้นได้ฟื้นมาจากความตาย และลูกก็คงมีคำถามต่าง ๆ มากมายที่ตอนนี้ลูกกำลังถามตัวเองอยู่ จริง ๆ แล้วแม่รู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับลูกในตอนนี้นะ แม่จึงต้องให้ลูกย้ายโรงเรียนไปในโรงเรียนที่พ่อกับแม่เคยเรียนมาก่อน เพราะตอนนี้ลูกไม่ใช่คนธรรมดาอีกแล้ว และนี่คือสิ่งที่แม่ภาวนามาตลอดเลยว่าขออย่าให้ลูกต้องเป็นเหมือนพ่อกับแม่”

 

ตุลย์ที่ได้ฟังคำพูดและน้ำเสียงที่แสดงถึงความเสียใจของเพ็ญภัฏแล้ว ตุลย์จึงได้เอื้อมมือไปจับและคว้ามือของเพ็ญภัฏขึ้นมา “แม่ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรหรอกครับ…ผมไม่เคยโกรธหรือโทษพ่อกับแม่เลยนะครับ” คำพูดนี้จากคนผู้ซึ่งเป็นลูกชายอย่างตุลย์ได้มีน้ำเสียงที่รู้สึกเคารพและขอบคุณในตัวของเพ็ญภัฏผู้เป็นแม่ที่เขารักที่สุด

 

 

 

 

 

 

เพ็ญภัฏเธอจึงได้เริ่มอธิบายต่อ “โรงเรียนใหม่ที่ลูกจะต้องไปเรียนนั้น…จะรวมเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ หรือพวกที่เหนือมนุษย์ ที่โรงเรียนนั้นคนปกติไม่สามารถไปเรียนได้ ที่โรงเรียนแห่งนั้นเป็นความลับที่คนภายนอกไม่อาจจะเข้าไปรับรู้ได้ และตัวตนที่ลูกเป็นคือโอปปาติกะผู้ซึ่งฟื้นจากความตายและกลายเป็นอมนุษย์ มีพลังที่พิเศษแต่ทุกครั้งที่ใช้พลังก็จะมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่ลูกต้องจ่ายเช่นกัน”

 

เมื่อตุลย์ได้ฟังที่เพ็ญภัฏอธิบายแล้วเขาจึงมีคำถาม “แม่ครับ…สรุปตอนนี้ผมไม่ใช่คนธรรมดาแล้วใช่มั้ยครับ” เพ็ญภัฏที่ฟังคำถามตุลย์จบจึงพยักหน้าก่อนที่จะพูดต่อ “ใช่จ่ะ…แล้วที่ลูกกลายเป็นโอปปาติกะส่วนหนึ่งก็อาจจะมาจากแม่ด้วยเพราะแม่เองก็เป็นโอปปาติกะมาก่อนที่จะได้เจอกับพ่อของลูกที่โรงเรียนนั้น”

 

ตุลย์ที่ได้ยินคำสารภาพความจริงจากเพ็ญภัฏผู้เป็นแม่ก็ได้ทำให้เขาถึงกับอึ้งและตกตะลึงจนถึงกับพูดไม่ออกกับความจริงที่เขาเพิ่งจะได้รับรู้จากเพ็ญภัฏ ตุลย์เองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตลอด 16 ปี ที่เขาเกิดมา แม่ของเขาก็ดูไม่เคยมีท่าทีหรืออาการใด ๆ เลย ที่จะแสดงถึงความไม่ใช่มนุษย์จากแม่ของตน

 

เพ็ญภัฏเธอได้จับมือของตุลย์ก่อนที่เธอจะพูด “กำหนดเข้าเรียนของลูกคือวันจันทร์หน้านะลูก…แม่ได้เตรียมการณ์ทุกอย่างไว้ให้ลูกหมดแล้ว อะไรแย่ ๆ ที่ลูกเคยเจอมาก่อนหน้านี้ แม่ขอให้ลูกนั้นทิ้งมันไว้ตรงนี้ และไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในโรงเรียนใหม่ เพราะนับจากนี้ต่อไปชีวิตลูกจะไม่ใช่คนปกติอีกแล้วตลอดกาล” เพ็ญภัฏเธอได้พูดกับตุลย์ในแบบที่เธอนั้นก็ได้เตรียมใจมาแล้ว

 

“แม่ครับ…แม่ช่วยอธิบายถึงสิ่งที่ผมเป็นหน่อยได้มั้ยครับ” ตุลย์ได้ถามกับเพ็ญภัฏในสิ่งที่ตัวเขาเองยังคงสงสัยในตัวเอง และเมื่อเพ็ญภัฏฟังแล้วก็เข้าใจดีถึงความสงสัยที่ลูกชายของตนนั้นกำลังเผชิญอยู่ เพราะในวันที่เธอทิ้งความเป็นมนุษย์ไปเธอก็มีอาการที่สับสนแบบนี้เช่นกัน

 

 

“แม่เคยอัตวินิบาตกรรมตัวเองแบบที่ลูกทำ…แต่แม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงได้ฟื้นขึ้นมาในฐานะของโอปปาติกะ แม่ขอโทษนะลูกที่ความเป็นโอปปาติกะของแม่ได้ส่งไปถึงลูก” เพ็ญภัฏเธอพูดคุยกับตุลย์ด้วยความรู้สึกผิดเอามาก ๆ

 

“ผมกลายร่างกลายเป็นเหมือนกับปีศาจอะไรสักอย่าง…แม่พอจะรู้มั้ยครับว่ามันคืออะไร” ตุลย์ได้ถามกับเพ็ญภัฏถึงความสงสัยของตัวเอง เมื่อเพ็ญภัฏฟังที่ฟังตุลย์พูดจบแล้ว เธอจึงได้มองหน้าของตุลย์ “อสูรกายสินะ” เพ็ญภัฏเธอพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่กระอักกระอ่วนใจอย่างมาก

 

“ผมเข้าใจดีครับว่าแม่ไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้…แม่ไม่ต้องโทษตัวเองนะครับ แล้วโรงเรียนใหม่ที่ผมจะต้องไปนี่มันเป็นยังไงเหรอครับแม่” ตุลย์ได้ปลอบเพ็ญภัฏพร้อมถามถึงโรงเรียนใหม่ที่เขาจะต้องไป เพราะตอนนี้ตุลย์ก็ได้เริ่มมีความสนใจถึงโรงเรียนใหม่ที่เขาจะต้องไปเรียนแล้ว

 

 

 

 

เพ็ญภัฏเธอจึงได้เริ่มอธิบาย “ที่โรงเรียนใหม่นั้นเป็นโรงเรียนประจำที่รวบรวมทุกตัวตนที่ไม่ใช่มนุษย์ เพราะที่นั่นจะฝึกทั้งความเป็นมนุษย์และไม่เป็นมนุษย์ในเวลาเดียวกัน เพื่อให้แต่ละเผ่าพันธุ์สามารถอาศัยร่วมกับมนุษย์ได้โดยที่ไม่เป็นภัยต่อกันและกัน”

 

เมื่อตุลย์ฟังเพ็ญภัฏพูดจบแล้วตุลย์จึงได้ลุกขึ้น “งั้นผมขอไปเต็มตัวและเก็บของก่อนนะครับ” จากนั้นตุลย์ก็ได้เดินไปจากเพ็ญภัฏเพื่อขึ้นห้องของตัวเอง แต่ในขณะที่ตุลย์เดินไปก็ได้คิดไปด้วยว่าชีวิตเราต่อจากนี้มันจะต้องไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

 

 

 

 

สัปดาห์ต่อมา

 

 

 

และแล้ววันนี้ก็ถึงวันที่ตุลย์จะต้องไปเรียนยังโรงเรียนใหม่ ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้นั้นเป็นโรงเรียนประจำและมีสถานที่อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน และตอนนี้ตุลย์กับเพ็ญภัฏก็ได้กำลังรถจากโรงเรียนใหม่ที่กำลังจะมารับพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าของตุลย์

 

 

 

ในที่สุดรถบัสที่จะนำพาตุลย์ไปยังโรงเรียนแห่งใหม่ก็ได้มาถึงเป็นรถบัสเฉพาะของโรงเรียนแห่งนี้ที่จะมารับนักเรียนใหม่ตามข้อมูลที่ได้รับมาจากทางโรงเรียน เมื่อตุลย์ได้ขึ้นรถมาพร้อมกับกระเป๋าแล้วเมื่อตุลย์ได้เจอวางนั่งที่ยังว่างตุลย์จึงยกกระเป๋าขึ้นไปไว้ตรงที่เก็บสัมภาระด้านบนหัว เมื่อตุลย์เก็บกระเป๋าเสร็จแล้วตุลย์จึงได้นั่งลงยังที่ว่าง

 

“เราชื่ออลิซ…เราเป็นจอมเวทย์ แล้วเธอล่ะ?” มือที่ได้ยื่นมาตรงหน้าของตุลย์พร้อมกับเสียงพูดใส ๆ ตุลย์รู้ว่าเธอคนนี้เป็นผู้หญิงก็เพราะตุลย์เห็นก่อนที่จะมานั่งอยู่ตรงนี้แล้ว “เราชื่อตุลย์…เราเป็นโอปปาติกะ” ตุลย์พูดพร้อมกับยื่นมือออกไปด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ “ตุลย์เหรอ…ไม่ต้องเกร็งเราขนาดนั้นก็ได้” อลิซเธอบอกกับตุลย์เพื่อให้ตุลย์ได้ผ่อนคลาย

 

แต่ตุลย์นั้นไม่ชินกับผู้หญิงเพราะในชีวิตของตุลย์นั้น ผู้หญิงที่คุยกับตุลย์น่าจะนับคนได้เลย เพราะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ตุลย์จึงได้รู้สึกเกร็ง ๆ กับอลิซ แต่อลิซเธอก็พยายามที่จะเป็นมิตรกับตุลย์

 

ด้วยความที่อลิซเธอเป็นแม่มดเธอเลยไม่ค่อยอยากมีเพื่อนเป็นคนธรรมดา แต่พอเธอรู้ว่าเธอจะต้องไปเรียนยังที่แห่งนั้น เธอจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บซ่อนตัวเองอีก และนี่จึงเป็นสาเหตุที่เธอได้ทักทายตุลย์ เพราะเธอรู้คนที่จะไปเรียนที่โรงเรียนแห่งนั้นน่ะไม่มีหรอกคนธรรมดา จะมีก็แต่พวกที่ดูเหมือนคนแต่ไม่ใช่คนทั้งนั้น

 

 

 

ส่วนตุลย์เองไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงมาก่อน แต่กลับถูกหญิงทักทายแบบนี้ตุลย์จึงได้แต่เกร็งและทำตัวไม่ถูก และแล้วอลิซกับตุลย์ก็ได้นั่งรถบัสเพื่อมุ่งหน้าไปสู่โรงเรียนนั้นด้วยกัน “ตุลย์…เราเคยได้ยินเรื่องของโอปปาติกะมาบ้างนะ แต่เราไม่เข้าใจอ่ะ เธออธิบายให้เราฟังหน่อยได้ป่ะ?” อลิซเธอได้ถามตุลย์เพราะเธอรู้ว่าเมื่อตายแล้วฟื้นจะกลับมาในฐานะโอปปาติกะ แต่เธอก็ไม่รู้อยู่ดีว่ากลไกที่จะกลายเป็นโอปปาติกะนั้นคืออะไร เพราะมันไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เป็นโอปปาติกะ

 

ตุลย์ที่ได้ฟังคำถามของอลิซจบแล้ว ตุลย์ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบา ๆ “เราเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน…เราแค่รู้ว่าเราฆ่าตัวแล้วเราก็ฟื้นกลับมาเป็นโอปปาติกะ เรารู้แค่นั้นแหละ” ตุลย์นั้นไม่ได้บอกกับอลิซว่าแม่ของตุลย์อย่างเพ็ญภัฏนั้นก็เป็นโอปปาติกะเช่นกัน เพราะตุลย์ยังไม่สนิทอะไรกับอลิซ ในขณะที่บนหลังคารถบัสก็ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังคารถบัสนั่นก็คือมายะนั่นเอง

 

ในที่สุดรถบัสก็ได้หยุดลง ทุกคนจึงได้แบกสัมภาระของตัวเองลงจากรถบัส และได้ชายหญิงคู่หนึ่งยืนรออยู่ด้านล่าง เมื่อทุกคนลงมาจากรถบัสกันจนหมดรวมถึงตุลย์และอลิซก็ด้วย ทุกคนก็ได้มายืนอยู่ ณ ตรงหน้าของชายหญิงคู่นั้น และเมื่อทุกคนลงมากันจบครบหมดแล้ว บทสนทนาระหว่างคนแปลกหน้าจึงได้เริ่มต้นขึ้น

 

 

 

 

 

“สวัสดีครับเด็ก ๆ ทุกคน พวกเธอพอจะรู้เหตุผลที่พวกเธอกำลังจะมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้หรือเปล่า” ชายคนั้นได้ถามกับเด็ก ๆ ที่ลงมาจากรถบัสทุกคน ผู้หญิงที่ยืนข้าง ๆ จึงได้พูดต่อ “จากนี้เราจะได้เป็นลูกศิษย์อาจารย์กันแล้วนะ พวกเธอน่าจะพอรู้จักตัวเองกันแล้วว่าพวกเธอไม่ใช่คนธรรมดา และที่โรงเรียนแห่งนี้พวกเธอจะได้เรียนรู้ทั้งเรื่องตัวตนของพวกเธอเอง และพวกเธอจะได้เรียนรู้ที่จะใช้พลังของพวกเธอเพื่อที่จะอยู่ร่วมกับคนปกติได้” ผู้ชายจึงได้พูดต่อ “พวกเธอถือสัมภาระแล้วตามครูมา” จากนั้นชายหญิงคู่นั้นจึงได้หันหลังและเริ่มออกเดิน

 

เด็ก ๆ ทุกคนก็ได้เดินตามทั้งสองคนนั้นไป โดยที่เด็ก ๆ กลุ่มนั้นก็ไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนนั้นจะพาพวกเขาหรือพวกเธอไปที่ไหน ตุลย์จึงได้ค่อย ๆ หยิบสัมภาระขึ้นมาอย่างช้า ๆ แล้วจึงค่อย ๆ เดิน ๆ ตามกันไป ตุลย์คิดอยู่ในใจตลอดว่าต่อจากนี้ตัวเขาจะต้องทำยังไง เพราะเขายังรู้สึกไม่ชินเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวของเขาในตอนนี้

 

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!