High School Evil วิทยาลัยเหนือมนุษย์
ตอนที่ 1 กำเนิดใหม่
เลือด…ที่ไหลลงจากอ่างอาบน้ำ เลือดที่ไหลลงท่อไปพร้อมกับน้ำที่ยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง คัดเตอร์ที่ตกอยู่บนพื้นข้าง ๆ กันกับอ่างอาบน้ำ แขนที่วางอยู่บนขอบอ่างอาบน้ำ เลือดที่หยุดออกจากข้อมือ และมือที่ห้อยลงอย่างไร้การควบคุม นี่คือภาพของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ฆ่าตัวตายด้วยการเอาคัตเตอร์มากรีดที่ขอมือตัวเอง
“ตุลย์ ตุลย์ อาบน้ำเสร็จรึยังลูก” เสียงของหญิงวัยกลางคน ๆ หนึ่งที่ได้มาเคาะประตูห้องน้ำเพื่อถามคนในห้องน้ำ แต่ทว่าตอนนี้ภายในพื้นของห้องน้ำได้ฉาบไปแล้วซึ่งเลือดอันแดงฉานของตุลย์เด็กหนุ่มผู้คิดจะฆ่าตัวตาย ทุกอย่างเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงตอบรับใด ๆ จากภายในห้องน้ำ เสียงของหญิงกลางคนที่เรียกหาอีกครั้งแต่ก็ยังไร้ซึ่งเสียงตอบกลับไปอยู่ดี
แกร๊ก ๆ ๆ ๆ ~
“เอี๊ยดดด~” ประตูค่อยเปิดออกอย่างช้า ๆ “กรี๊ด~ ตุลย์ลูกแม่” ความรู้สึกของหญิงวัยกลางคนต่อภาพที่อยู่ยังเบื้องหน้า ทำให้จิตใจแทบจะแตกสลายเมื่อลูกชายที่รักของตัวเองอัตวินิบาตกรรมตัวเอง หญิงวัยกลางคนเธอลนลาน เธอสับสน เธอตกใจ เธอแทบจะทำอะไรไม่ถูก แต่เธอก็รีบวิ่งไปหาผ้าและโทรศัพท์ ผ้านั้นเธอเอามาห้ามเลือดให้เด็ชาย ส่วนโทรศัพท์เธอกดโทร 1669 เพื่อรถโรงพยาบาล จากนั้นเธอจึงได้พยายามที่จะอุ้มเด็กชายออกมาที่หน้าบ้านไปพร้อม ๆ กับน้ำตาที่ไหลเป็นสายไม่อาจหยุดยั้งได้
เสียงไซเรนที่ดังมาแต่ไกลและได้เข้ามาใกล้บ้านของตุลย์เข้ามาเรื่อย ๆ ในที่สุดรถกู้ชีพก็ได้มาจอดยังหน้าบ้านของตุลย์ ตอนนี้เหตุการณ์ทั้งหมดชุลมุนวุ่นวายจนถึงขีดสุด เพราะตอนนี้ตุลย์เด็กหนุ่มที่อัตวินิบาตกรรมตัวเองได้เสียเลือดจนเนื้อตัวขาวซีด เพราะฉะนั้นตอนนี้ทุกวินาทีคือชีวิต
เด็กหนุ่มถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนที่สุดทันที โดยมีหญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่ของเขาไปกับรถโรงพยาบาลด้วย เมื่อรถมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินบรรยากาศที่ถึงแม้จะเตรียมพร้อมกับเคสนี้ไว้แล้วแต่ก็ยังคงชุลมุนวุ่นวายจนถึงขั้นสุดอยู่ดี เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันต้องแข่งกับเวลาไปหมด
ตอนนี้หมอและพยาบาลกำลังช่วยกันอย่างสุดชีวิตเพื่อยื้อชีวิตของเด็กหนุ่มเอาไว้ให้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นชีพจรของเด็กหนุ่มกลับเต้นอ่อนลงไปเรื่อย ๆ ทุกที ๆ การหายใจที่เริ่มแผ่วลงไปอย่างช้า ๆ ถึงแม้จะอยู่ในมือของหมอแล้วก็ตาม สัญญาณชีพที่วิ่งผ่านไปทีละเส้นก็มีแต่รังจะลดลงไปอย่างไม่หยุด
“ตื๊ด ~”
เสียงของเครื่อง HRM ได้ดังเป็นสัญญาณทั้งดังและยาวไม่หยุด “คุณพยาบาลครับ…ขอ AED ด่วนเลยครับ คุณพยาบาลครับ…ทำ CPR รอ AED ด่วนเลยครับ อย่าลืมเตรียมสารกระตุ้นหัวใจด้วยครับ” ตอนนี้เมื่อสัญญาณชีพของตุลย์ได้หยุดลงจากที่สถานการณ์ย้ำแย่มากพอแล้ว ตอนนี้ยิ่งแย่ไปหนักไปกว่าเดิม เพราะคนไข้หนึ่งคนกำลังจะเสียชีวิตอย่างสมบูรณ์แล้ว ทุกอย่างในห้องฉุกเฉินตอนนี้ทุกคนเร่งทำหน้าของตัวเอง
ตอนนี้ตามตัวของตุลย์เต็มไปด้วยแผ่นอีเล็คโทรด “จะเริ่มทำการปั๊มหัวใจครั้งที่ 1 clear” เครื่อง AED ได้ดึงกระชากร่างของตุลย์ให้ขึ้นพร้อมกับกระแสไฟฟ้าที่วิ่งผ่านเข้าไปในตัวของตุลย์ “จะเริ่มทำการปั๊มหัวใจครั้งที่ 2 clear” นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่หมอพยายามจะ CPR หัวใจของตุลย์ แต่ทุกอย่างนั้นก็ยังคงนิ่งสนิท “จะเริ่มทำการปั๊มหัวใจครั้งที่ 3 clear” หลังจากผ่านครั้งที่สามไปแล้วทุกอย่างก็ยังคงเดิม
ในขณะที่อีกด้านหน้าห้อง OPD ได้ขึ้นไฟแดงเพื่อเป็นสัญญาณที่บอกว่ามีผู้ป่วยวิกฤต ตอนนี้หญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่ของตุลย์สงบจิตสงบใจให้นิ่งไม่ได้ หัวใจที่เต้นเร็ว เหงื่อที่ไหลซึมไปทั่วทั้งตัว ความกระวนกระวายที่พุ่งพล่านขึ้นจนถึงขีดสุด เธอยังคงรอคอยหมออย่างใจจดใจจ่อ
ตอนนี้ไฟแดงหน้า OPD ได้ดับลงแล้ว หมอก็ได้เปิดประตูห้องฉุกเฉินออกมาเพื่อที่จะเดินไปหาหญิงวัยกลางคน แต่หมอยังไม่ทันได้ก้าวเดินออกจากประตูเธอก็วิ่งเข้ามาหาหมอด้วยความกระวนกระวาย “คุณหมอ…ลูกฉันเป็นยังไงบ้างคะ” หมอได้แต่ยืนนิ่งก่อนที่จะพูดว่า “หมอเสียใจด้วยนะครับ…หมอพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วครับ” หญิงวัยกลางคนได้ขาอ่อน เข่าทรุด และลงไปนั่งกับพื้นพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนกำลังจะคลุ้มคลั่ง
หญิงวัยกลางคนเธอได้สลบหมดสติลงไป หมอและพยาบาลได้นำตัวเธอขึ้นเตียงเข็นและพยายามทำให้เธอได้ฟื้นคืนสติ เมื่อเธอฟื้นคืนสติมาเธอได้ถามกับหมอ “ลูกของฉันเขาจากไปแล้วจริง ๆ ใช่มั้ยคะ”
“หมอขอแสดงความเสียใจอีกครั้งด้วยนะครับ” หญิงวัยกลางคนเธอได้แต่นอนร้องไห้อยู่บนเตียง เธอกำลังเสียใจอย่างถึงที่สุดที่เธอได้สูญเสียลูกชายของเธอไปแล้ว เธอยังคงทำใจยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะเธอไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะต้องมาสูญเสียลูกชายไปเร็วแบบนี้ เธอยังคงไม่พร้อมกับการที่จะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น นี่คือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหญิงวัยกลางคนนี้
เมื่อหญิงวัยกลางคนเธอเริ่มที่จะทำใจยอมรับกับการสูญเสียแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เธอต้องไปเซ็นต์เอกสารกับโรงพยาบาล ตอนนี้เธอก็ได้ขอคุณหมอขอให้เธอได้เข้าไปเจอกับเด็กหนุ่มผู้เป็นบุคคลคนอันเป็นที่รักของเธออย่างถึงที่สุด เมื่อเธอได้เห็นร่างที่ไร้วิญญาณของตุลย์นั้นนอนอยู่ก็เริ่มมีน้ำตาไหลออกมาอีกครั้งเพียงครั้งนี้เธอไม่ได้เป็นลมหมดสติไปเพียงแค่นั้น
“รบกวนคุณเพ็ญภัฏเซ็นเอกสารหน่อยนะคะ” เพ็ญภัฏผู้เป็นแม่ของตุลย์ได้รับเอกสารจากพยาบาลเพื่อเซ็นรับทราบเพื่อที่จะนำร่างของตุลย์ไปชันสูตรต่อ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นครบกระบวนการแล้ว เธอจึงกลับบ้านและรอวันมารับร่างของตุลย์กลับไปทำพิธีต่อไป
ในขณะที่อีกด้านหนึ่งร่างของตุลย์ตอนนี้กำลังถูกชันสูตร หมอสองคนที่ได้ทำการชันสูตรก็ได้คุยกัน “เออนี่แก…แกเคยได้ยินเรื่องของโอปปาติกะป่ะ” หมออีกคนจึงถามกลับไปด้วยความสงสัย “มันคืออะไรวะแก” หมอที่ถามจึงตอบกลับไป “ก็มันเรื่องโลกหลังความตายไงแก…คนอัตวินิบาตกรรมตัวเองอ่ะ จะมีโอกาสฟื้นกลับมาแล้วเป็นโอปปาติกะตามตำนานของศาสนาพุทธอ่ะนะ ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดหรอก…ก็แค่รู้ว่าตายแล้วฟื้นแค่นั้นเอง แต่การฟื้นกลับมาจะกลับมาพร้อมกับพลังพิเศษที่เป็นพลังอารมณ์ประมาณว่าพลังสัตว์ประหลาดหรือปีศาจของตะวันตกอ่ะแหละ เพียงแต่พวกโอปปาติกะจะต้องจ่ายบางสิ่งเพื่อแลกกับพลังของตัวเอง”
“เพ้อเจ้อ…ของแบบนั้นมันจะไปมีได้ยังไง…ถ้ามันมีจริงป่านนี้คงมีสัตว์ประหลาดไปทั่วโลกละ” การชันสูตรยังคงดำเนินต่อไป หมอทั้งสองคนยังคงทำหน้าที่ของตัวเอง “เอาล่ะ…เสร็จสักทีเรากลับกันเถอะ” หมอทั้งสองคนก็ได้ทำหน้าของตัวเองเสร็จแล้วโดยที่เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาคุยกันนั้นมันจะเกิดได้จริงหรือไม่
ร่างไร้วิญญาณของตุลย์ที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงเพื่อรอบุรุษพยาบาลมานำร่างไปเก็บยังห้องดับจิต ตอนนี้ในห้องชันสูตรไม่มีใครมีเพียงแต่เหล่าร่างไร้วิญญาณเพียงเท่านั้น แต่ในวันนี้ในห้องชันสูตรนั้นมีเพียงร่างของตุลย์เท่านั้นที่เป็นร่างที่เกิดจากการอัตวินิบาตกรรมตัวเอง
นิ้วที่กระตุก ดวงตาที่ลืมตาตื่นเบิกโพลงขึ้น ณ ห้องชันสูตร ตุลย์ที่ได้ลืมตาตื่นและฟื้นจากความตาย เขาค้นพบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่มีเพียงเครื่องมือแพทย์และเหล่าร่างไร้วิญญาณ เขาไม่รู้เลยว่าที่นี่มันคือที่ไหน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นทำไมเขาถึงฟื้นขึ้นมาได้ ทั้ง ๆ ที่เขามั่นใจมากว่ารอยแผลคัดเตอร์กรีดที่ข้อมือนั้นของเขามันจะต้องทำให้เขาตายแล้วอย่างแน่นอน แต่แล้วทำไมตัวเขานั้นถึงยังฟื้นกลับขึ้นมาได้อีก มันเป็นคำถามในใจที่พกความสับสนมาอย่างเต็มเปี่ยม แต่ก่อนที่ตุลย์จะหาคำตอบให้กับความสงสัยในใจของเขา เขาจะต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้เสียก่อน
ตอนนี้ตุลย์ที่น่าจะตายไปแล้วได้หาทางหนีออกจากโรงพยาบาล เมื่อตุลย์หนีออกมาจากโรงพยาบาลได้ตุลย์จึงหาทางที่จะกลับบ้านให้ได้ในขณะที่ตัวเขาก็ยังคงสงสัยว่าตัวเขาฟื้นจากความตายมาได้ยังไง และมันก็ไม่น่ามีสมการไหนที่จะมาอธิบายเรื่องนี้ได้เลย
ในขณะที่อีกด้านในห้องชันสูตรตอนนี้เหลือเพียงแค่เตียงเปล่า ๆ บุรุษพยบาลที่จะเข้ามานำศพเพื่อย้ายไปห้องดับจิตกลับพบเพียงแค่เตียงเปล่า บุรุษพยาบาลจึงได้แตกตื่นวิ่งหน้าตั้งด้วยความตกใจเพื่อมาหาเวชระเบียนและห้องฉุกเฉินเพื่อบอกว่าศพนั้นหรือร่างของตุลย์นั้นได้หายไป
อีกด้านตุลย์ที่เดินกลับบ้านก็ได้ค้นพบตัวเองว่าตัวเขาเองนั้นเดินมาเป็นกิโลแล้วแต่เขากลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แถมตัวเขาเองนั้นยังรู้สึกว่าตัวเองเดินเร็วกว่าปกติมาก ๆ ด้วย เขาได้ยืนคิดและคิด ๆ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่นะ” ตุลย์ได้ยืนถามตัวเองอยู่ ณ ที่ตรงนั้น
หลังจากที่ศพของตุลย์นั้นได้หายไปก็ได้ทำให้โรงพยาบาลถึงกับต้องวุ่นวายปั่นป่วนเพื่อตามหาศพของตุลย์และไขข้อข้องใจของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ได้ว่าศพของตุลย์ไปไหนและอยู่ ณ ที่แห่งใด
ตุลย์ที่ได้เดินมาเรื่อย ๆ ได้ค้นพบตัวเองอีกทีก็ถึงหน้าปากซอยบ้านตัวเองแล้ว ตุลย์จึงเดินต่อไปเพื่อไปให้ถึงบ้านของตัวเอง แต่เบื้องหน้าของตุลย์ก็ได้มีสุนัขจรจัดที่เห่าไล่เขา แต่เมื่อตุลย์สบตากับมัน สุนัขเหล่านั้นก็เกิดอาการกลัวสุดขีดและวิ่งหนีตุลย์เหมือนว่าสุนัขเหล่านั้นมันกำลังจะวิ่งหนีตาย
จากเหตุการณ์สุนัขที่ผ่านมาเมื่อกี้ตุลย์ก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับตัวเองมากขึ้นจากเดิมมหาศาล เพราะแค่เขาจ้องมองพวกมันเท่านั้น พวกมันก็หนีตายกันแบบไม่คิดชีวิต เขารู้ได้อย่างเดียวเลยว่านี่ไม่น่าจะใช่สิ่งที่คนธรรมดาทำได้แน่ ๆ
ตุลย์ยังคงเดินไปแบบที่ยังงง ๆ กับทุกสิ่งสรรค์ทั้งมวลที่มันได้เกิดขึ้นมาจนถึงตอนนี้ และแล้วในที่สุดตุลย์ก็ได้เดินมาจนถึงหน้าบ้านของเขา แต่เขากลับพบว่าบ้านของเขาปิดไฟมืดไปหมด เขาทั้งตะโกนเรียกแม่ ทั้งกดกริ่งเรียกแม่ แต่ก็ไร้วี่แววของผู้เป็นแม่
ณ ตอนนี้เพ็ญภัฏมาถึงที่โรงพยาบาลเพื่อมารับทราบแล้วว่าศพของลูกชายตัวเองนั้นได้หายไป ตอนนี้เพ็ญภัฏเธอทั้งเสียใจ ทั้งงง ทั้งสับสน ทั้งรู้สึกใจคอไม่ดี ตอนนี้เธอเลือกไม่ถูกแล้วว่าเธอควรจะรู้สึกยังไงก่อนกันแน่
ในขณะที่อีกด้านตุลย์รู้แล้วว่าแม่ของตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน เขาจึงตัดสินใจปีนรั้วเข้าบ้าน เมื่อเขาปีนรั้วได้เป็นผลสำเร็จเขารู้ว่ากุญแจในของบ้านนั้นซ่อนไว้ที่ไหน เขาจึงไปยังที่ซ่อนของกุญแจบ้านทันที แต่เมื่อเขากำลังจะถึงที่ซ่อนกุญแจก็ได้เกิดบางสิ่งขึ้นกับร่างกายของเขา เขาค้นพบว่าเงาเขามันไม่ใช่เงาของตัวเอง มันเหมือนเงาของปีศาจที่ครอบร่างของเขาเอาไว้ เพียงชั่วครู่เขาก็กลับได้เห็นว่าเป็นเงาของตัวเองตามเดิม
ตอนนี้ความวุ่นวาย ณ ที่โรงพยาบาลก็ยังคงไม่จบลง เพราะการที่ศพหายไปโรงพยาบาลนั้นมันเรื่องใหญ่เอามาก ๆ เพราะฉะนั้นทุกคนจึงต้องหาร่างของตุลย์ให้เจอให้จงได้ และร่างที่ฉีด Formalin ไปแล้วไม่ทางที่จะลุกขึ้นมาเดินได้อย่างแน่นอน
เพ็ญภัฏที่รอคำตอบจากทางโรงพยบาลด้วยใจที่กระวนกระวายจนถึงที่สุด เธอจึงตัดสินใจบอกกับทางโรงพยาบาลว่าเธอจะขอกลับไปดูที่บ้านของและเธอจะรีบกลับมา ในเมื่อโรงยาบาลนั้นก็ยังหาคำตอบให้กับเธอไม่ได้ เธอจึงจะออกตามหาด้วยตัวเอง
แต่เมื่อเธอกำลังจะไปดูเหตุการณ์ที่บ้านของเธอ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มาพอดีเธอจึงต้องถูกตำรวจสอบสวนว่าเธอทำอะไร อยู่ที่ไหน และสอบสวนหมอนิติเวชทั้งสองคนด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงยังจำเป็นที่จะต้องอยู่โรงพยาบาลต่ออีกหน่อย
ในขณะที่อีกด้านตอนนี้ตุลย์ได้มีอาการเหมือนร่างกายมีการตอบสนองบางอย่างในแบบที่ตัวเขาก็ไม่เข้าใจในตัวเอง มันมีอาการใจเต้นเร็วแบบแปลก ๆ และมีอาการร่างกระตุกเหมือนกับกำลังจะกลายร่างเป็นตัวอะไรสักอย่าง และเงาที่เขาได้เห็นในตอนแรกตอนนี้เงานั้นมันก็กลับมาอีกครั้ง
ตอนนี้เพ็ญภัฏได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้สอบสอนต่าง ๆ นา ๆ เสร็จหมดแล้ว เธอจึงขอตัวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อที่จะมาดู ณ ที่บ้านของเธอว่ามีอะไรเกิดหรือเปล่า เธอได้รีบออกมาจากโรงพยาบาลด้วยท่าทีที่กระวนกระวายใจเอามาก ๆ เพราะเธอสับสนไปหมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เพ็ญภัฏเธอได้ขับรถไปพร้อมคุยกับใครคนหนึ่งผ่านทางโทรศัพท์ไปด้วย เธอได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับปลายสายโทรศัพท์นั้นได้ฟัง ทางปลายสายก็บอกว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากเลยนะที่จะทำใจให้เชื่อได้ มันยากมาก ๆ มันจะเป็นได้เหรอที่ตุลย์จะฟื้นขึ้นมา ตัวเพ็ญภัฏเองก็สับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูกเหมือนกัน
ตอนนี้ตุลย์เริ่มมีสีผิวที่แปลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำ มือที่ใหญ่ขึ้นนิดหน่อย ผิวที่หยาบกระด้างราวกับผิวสัตว์ เล็บที่ยื่นยาวขึ้นและแหลมขึ้น และร่างกายที่ดูบึกบึนกำยำขึ้น ตอนนี้เขาไม่รู้แล้วว่าเขาจะกลายเป็นตัวอะไรกันแน่ เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ได้อย่างแน่ชัดและมั่นใจที่สุดในชีวิตเลยคือตอนนี้เขา “ไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว”
เมื่อตุลย์ได้แปลงร่างไปในแบบที่เขาก็ไม่รู้แล้วว่าตัวเขาเองนั้นจะกลายเป็นตัวอะไรกันแน่ ในที่สุดทุก ๆ อย่างมันก็ค่อย ๆ เริ่มกลับคืนสภาพเดิม ค่อย ๆ เรื่อย ๆ ไหลกลับสู่สภาพการเป็นคน ตอนนี้มีอีกสิ่งหนึ่งที่ตุลย์ได้รู้แล้ว คือไม่ว่าไอตัวที่อยู่ในร่างของเขามันจะเป็นตัวอะไรก็ตามนอกจากมันไม่ใช่คนแล้วก็น่าจะเป็นตัวอันตรายอีกด้วย
เพราะเหตุใดที่ทำให้ตุลย์ต้องคิดแบบนั้น เพราะตอนที่เขาแปลงร่างเขาสัมผัสตัวตนของมันได้ว่าคนธรรมดาไม่มีทางที่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดอย่างมันได้แน่นอน ตอนนี้ตุลย์ได้หยิบกุญแจมาเปิดเข้าบ้าน แล้วเขาก็มานั่งคิดถึงไอ้สิ่งมันอยู่ในตัวของเขาว่ามันคือตัวอะไร และมันต้องการอะไร และทำไมถึงต้องเป็นเขาด้วย ตุลย์เอาแต่คิดเรื่องของมันจนเขาได้ลืมไปแล้วว่าเขาเพิ่งอัตวินิบาตกรรมตัวเองมาเมื่อไม่กี่ชัวโมงแล้วนี่เอง
ในที่สุดเพ็ญภัฏเธอก็ได้กลับมาถึงบ้านที่บ้าน แต่สิ่งทำให้เธอนั้นตกใจคือไฟของบ้านนั้นมันได้เปิดอยู่ เมื่อเธอหยิบกุญแจมาไขประตูนอกได้เธอก็รีบวิ่งตรงเข้าไปในบ้านทันที โดยที่เธอลืมนึกไปเลยว่าประตูนอกมันล็อคอยู่ มันจะมีใครเข้าไปได้ยังไง หรือนั่นมันอาจจะเป็นโจรขโมยที่มาบุกยกเค้าบ้านของเธอก็เป็นได้ เพราะในหัวสมองของเธอตอนนี้มีเพียงเรื่องของตุลย์เท่านั้น เมื่อเธอเปิดประตูในเข้ามาในบ้านเธอก็ได้พบกับลูกชายของตัวเองที่นั่งอยู่ที่โซฟาของบ้าน
ในขณะที่เมื่อตุลย์ได้เห็นหน้าแม่ของเขา ตัวเขาก็รู้สึกตกใจเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากมายนอกจากผงะไปเพียงนิดหน่อยเท่านั้น
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments