1
บทนำ — เถ้าธุลีสลักใจ
คืนหนึ่งในฤดูหนาว หิมะโปรยปรายราวกับจะกลบฝังโลกทั้งใบ เด็กน้อยไร้นามถูกลากผ่านตรอกแคบมืดสลัว สองมือเปื้อนโคลน กำขนมปังแข็งกระด้างชิ้นสุดท้ายไว้แน่น รอยตราสลักด้วยเหล็กร้อนบนข้อมือเล็ก ๆ ยังคงแสบร้าว…
เหยียนเอ๋อร์
มะ…ไม่นะ!!!! ปล่อยข้า!!! ฮือ ท่านพ่อ อย่าขายข้า!!
เสียงหวีดร้องสะท้อนก้องในตรอกแคบ แต่ถูกกลบด้วยเสียงฝีเท้าหนักหน่วง และเสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมของพวกค้ามนุษย์
เด็กน้อยดิ้นรนสุดแรงอย่างไม่ยอมแพ้ ร่างเล็ก ๆ ถูกลากไถลไปบนพื้นโคลนเย็นเยียบ ใบหน้าขาวซีดปนเศษดินจนไม่เห็นสีผิวเดิม ดวงตากลมโตเปียกชื้นด้วยหยาดน้ำตา ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด แต่เพราะใจดวงน้อย ๆ นั้นแตกสลาย
ตปก
จำไว้ เจ้ามีค่าแค่ตราบนข้อมือนั่น
ชายค้ามนุษย์เอ่ยเสียงเย็นเฉียบ ก่อนจะเหวี่ยงเด็กน้อยลงในกรงไม้เก่า ๆ ท่ามกลางเด็กอีกหลายสิบชีวิตที่มีชะตาไม่ต่างกัน…
คืนหนาวเหน็บเดินทางผ่านไปอย่างไร้ความปรานี ในมุมมืดแห่งโลกนี้ ไม่มีใครสนใจเสียงร้องไห้ของเด็กคนหนึ่งอีกต่อไปแล้ว
แต่ใต้เถ้าธุลีของความสิ้นหวัง… หัวใจดวงน้อยยังคงเต้นอยู่เงียบ ๆ
สาบานด้วยเถ้าธุลีเหล่านี้…
ว่าวันหนึ่ง ข้าจะเป็นผู้เลือกชะตาของตัวเอง
ในถ้ำแห่งหนึ่ง มีทาสมากมาย ทั้งชายหญิง เด็กน้อย คนชรา ทุกคนล้วนเป็นผู้ไร้บ้าน ไร้ที่พึ่ง ถูกจับกุมมาอย่างโหดเหี้ยม
ไฟจากคบเพลิงที่ปักอยู่ตามผนังหินส่องแสงสลัว บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นสาบเหงื่อและความสิ้นหวัง เด็กน้อยตัวสั่นเทิ้มในอ้อมแขนผอมบางของตัวเอง เสื้อผ้าที่สวมอยู่ขาดรุ่งริ่งจนแทบปิดกายไม่มิด
ตปก
ไปทำงานของแกซะ ถ้าแกไม่ทำ อย่าหวังจะได้กินข้าว
เสียงตะคอกดังลั่น ก่อนที่ชายร่างกำยำจะผลักเธออย่างแรงจนล้มคว่ำกับพื้นหินเย็นเฉียบ
เด็กน้อยครางเบา ๆ แต่ไม่กล้าร้องไห้ออกมาอีก น้ำตาไหลพรากเงียบ ๆ ขณะที่เธอค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นด้วยแรงที่เหลืออยู่น้อยนิด
รอบตัวมีแต่ผู้คนที่หม่นหมอง ต่างคนต่างก้มหน้า ไม่มีใครเหลือเรี่ยวแรงจะช่วยเหลือกัน ทุกชีวิตเหมือนถูกลบตัวตนไปแล้ว เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณที่รอวันหมดลมหายใจ
เด็กน้อยกัดฟันแน่น กำหมัดเล็ก ๆ จนสั่น เธอค่อย ๆ ลุกเดินไปยังกองหินที่กองทับกันอยู่ด้านในสุดของถ้ำ
นั่นคือ ‘งาน’ ที่เธอได้รับ — ขุดหิน ลากหิน และแบกหิน ทั้งที่ตัวเล็กเท่าไม้ขีดไฟ
หากไม่ทำ… ก็ไม่มีแม้แต่น้ำข้าวประทังชีวิต
แต่ภายในอกเล็ก ๆ นั้น ยังมีบางสิ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าความหวาดกลัว… บางสิ่งที่แม้โลกจะเหยียบย่ำ เธอก็จะปกป้องมันไว้
เหยียนเอ๋อร์
ข้าจะรอด… ข้าจะรอดให้ได้
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางความมืดมิดของถ้ำและการใช้งานเยี่ยงสัตว์ เด็กน้อยวันวานเริ่มเติบโตขึ้นทีละน้อย… จากเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ตอนนี้กลายเป็นวัยรุ่นอายุราวสิบสองถึงสิบสามปี
การแย่งชิงในหมู่ทาสก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น อาหารที่ได้แต่ละวันแทบไม่พอประทังชีวิต ใครอ่อนแอ คือคนที่ต้องตายก่อน
เสียงคำสั่งอันดุดันดังขึ้นก้องถ้ำในเช้าวันหนึ่ง
ตปก
ไปเรียกนางมา… ดูเหมือนนางจะหนีออกไปเที่ยวอีกแล้ว!
เหล่าทาสชายที่ถูกบังคับให้เป็นผู้คุม ต่างหันขวับไปมองเด็กสาวผมยุ่งเหยิงที่กำลังพยายามแอบกลับเข้ามาทางหลังถ้ำ
เธอมีรอยแผลถากยาวที่หัวเข่า เสื้อผ้าเก่า ๆ ขาดวิ่นมากกว่าเดิม แต่ในดวงตาคู่นั้น… ยังมีแววทระนงไม่ยอมแพ้
แม้สภาพจะเหมือนสุนัขเร่ร่อน แต่เธอก็ยังพยายามหาโอกาสออกไปสัมผัส ‘อิสรภาพ’ แม้เพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ปล่อยข้า! ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด!
เธอร้องตะโกน ดิ้นรนสุดแรงขณะถูกจับกดกับพื้น
แต่เสียงร้องของเธอไม่มีความหมาย เพราะในโลกนี้… ความผิดคือการขัดขืนคำสั่งผู้มีอำนาจ
แส้หนังเส้นหนาถูกชูขึ้นสูง พร้อมจะฟาดลงบนแผ่นหลังบาง ๆ ที่มีเพียงเศษผ้าขาด ๆ บางเบาปกปิด
ตปก
จำไว้เจ้าหนู… ใครคิดฝันถึงอิสรภาพ
ตปก
ต้องถูกล่ามตราบจนสิ้นใจ!
ทั้งสองลากเธอไปยังลานกว้างกลางถ้ำ ที่ทาสหลายสิบคนถูกบังคับให้มองดู
มือสาก ๆ กดศีรษะเธอลงกับพื้นหินอย่างไร้ปรานี
ตปก
จำไว้!! หากพวกมึงยังอยากมีชีวิตอยู่
ตปก
ถ้ากล้าหนีออกไป จะเป็นแบบนี้!!!
หัวหน้าตะโกนเสียงดังลั่น กวาดตามองเหล่าทาสที่ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว
อีกคนเงื้อแส้ขึ้นสูง ก่อนฟาดลงมาเต็มแรง
“เพียะ!!”
เสียงแส้กระทบกับแผ่นหลังเล็ก ๆ ดังสนั่นไปทั่วทั้งถ้ำ
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
อ๊ากกกกกก!!
เธอร้องเสียงหลง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั้งร่าง เลือดสีแดงสดค่อย ๆ ไหลซึมออกมาตามรอยแผลที่โดนฟาด
ร่างเล็กสั่นเทา แต่กลับกำหมัดแน่น ไม่เอ่ยขอความเมตตาสักคำ ดวงตาที่มองลอดเส้นผมยุ่งเหยิง… เต็มไปด้วยไฟแห่งการต่อต้าน แม้ร่างจะอ่อนล้าแทบขาดใจ
เสียงหัวเราะเยาะดังจากพวกคุมทาส
หนึ่งในนั้นกระซิบเสียงเย็นข้างหู ก่อนจะผลักร่างเธอลงกับพื้นอย่างแรงอีกครั้ง
รอบตัวไม่มีใครกล้าแม้แต่จะขยับ ทาสทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก้มหน้าหลบสายตา พวกเขาเรียนรู้แล้วว่า ใครพยายามต่อต้าน… จะถูกทำลายไม่ต่างจากเศษขยะ
แต่ในซากปรักหักพังแห่งศักดิ์ศรีนี้… ยังมีหนึ่งดวงใจที่ไม่เคยยอมพ่ายแพ้
ท่ามกลางเสียงซุบซิบ และสายตาเย็นชาของเหล่าทาส ชายชราผอมโซผู้หนึ่งเดินแหวกฝูงชนเข้ามาหาเธอ
เด็กสาวนอนฟุบอยู่บนพื้น ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลสด เลือดไหลซึมเปรอะเสื้อผ้าเก่า ๆ ใบหน้าที่เคยดื้อรั้นตอนนี้เปื้อนโคลนและน้ำตา
ชายชราทรุดตัวนั่งลงข้างเธอ ชายเสื้อเก่า ๆ สัมผัสกับพื้นหินเย็นเฉียบอย่างไม่สนใจ เขาจ้องมองเด็กสาวด้วยแววตาหม่นเศร้า
เสียงของเขาแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าและปลงตก
ตปก
แม่นาง… เจ้าดิ้นรนไปทำไม
น้ำเสียงนั้นเหมือนเป็นทั้งคำถามและการตัดพ้อต่อโชคชะตา เขาเคยดิ้นรน เคยหวัง… และสุดท้ายก็ถูกโลกบีบบังคับให้ยอมแพ้เหมือนกัน
เด็กสาวค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและน้ำตายังคงส่องประกายแข็งกร้าว
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ข้า…ไม่อยากตาย
เสียงของเธอเบาราวกระซิบ ทว่ามั่นคงยิ่งกว่ากำแพงหินหนา
ชายชรานิ่งไปชั่วครู่ มองแววตานั้น — ดวงตาที่เขาเคยมีในอดีต และสูญเสียไปนานแล้ว…
สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจยาว เบือนหน้าหนีไปทางอื่น เพราะรู้ดีว่า… ในสถานที่เช่นนี้ ความหวังจะมีค่าอะไรได้อีก
แม้เลือดจะไหลเปรอะเสื้อผ้า เด็กสาวก็ยังฝืนกายลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า เธอเดินโซเซไปยังมุมถ้ำที่ถูกจัดไว้สำหรับขุดหิน ลากก้อนหิน ร่างกายที่บอบช้ำสั่นเทา แต่ดวงตากลับเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ
ในใจของเธอ… มีบางอย่างที่ผลักดันให้ต้องก้าวต่อ แม้ร่างกายจะเจ็บปวดจนแทบขยับไม่ได้ก็ตาม
เวลาผ่านไปช้า ๆ ค่ำคืนที่ไร้ตะวันยิ่งทำให้ความหนาวเย็นชอนไชเข้าในกระดูก ไฟคบเพลิงที่ปักตามผนังมีเพียงไม่กี่ดวง ลมหนาวกรูเข้ามาในถ้ำจากทางเข้าที่ไม่มีแม้แต่ประตู
ณ ตอนนี้ ทั่วทั้งถ้ำเงียบกริบ… เพราะเหล่าผู้คุมได้ออกไปจับทาสจากหมู่บ้านใกล้เคียงเพิ่ม
เหลือเพียงยามไม่กี่คนเฝ้าทางออก — คนพวกนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ามีใครบางคน กำลังรอเวลานี้มานานแล้ว
เด็กสาวหอบหายใจเบา ๆ ดวงตาเคลื่อนมองไปรอบตัว… ไม่มีใครทันสังเกตเธอที่ค่อย ๆ เลื่อนตัวไปตามเงามืด
ใต้ผืนดินเปรอะโคลน มีร่องรอยแปลก ๆ ซ่อนอยู่ — เส้นทางลับที่เธอค่อย ๆ แกะสลักด้วยมือเปล่า วันละนิด วันละน้อย ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
เส้นทางนั้นเริ่มต้นจากหลังกองหินใหญ่ ไปยังซอกหลืบของถ้ำที่ไม่มีใครเฝ้า ก่อนจะลัดเลาะผ่านอุโมงค์แคบที่แม้แต่เด็กตัวเล็ก ๆ ก็แทบต้องคลาน
และคืนนี้… คือโอกาสเดียว
เธอขบฟันแน่น หอบหายใจติดขัดจากบาดแผลทั่วตัว แต่ไม่มีเวลาสงสารตัวเองอีกแล้ว
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ถ้าพลาดคืนนี้… ข้าอาจไม่มีวันได้เห็นท้องฟ้าอีก
เสียงหัวใจเต้นระรัวไปพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ค่อย ๆ ลากตัวเองไปตามรอยทางที่จำได้แม่นยำ
เมื่อรอดพ้นจากการหนีได้ เธอวิ่งตามทางที่เธอทำไว้ แต่ไม่พ้น เสียงธูน ฟิ้ว ปัก!!
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
อึก!!
เธอทรุดลงพื้น ธูนนั้นปักมาตรงแขนข้างซ้ายเธอ เธอ ยันตัวเองขึ้นสุดแรงแล้ววิ่งต่อไป เสียงเท้ามากมายตามเธอมากอย่างรวดเร็ว
ผู้คุมมากมายวิ่งพร้อมกับธูนในมือ เธอวิ่งมาสุดทางแล้ว หน้าผาที่สูงเกินจนไม่มีใครกล้าโดด ด้านล่างมีเสียงคำรามของแม่น้ำ ที่พร้อมจะพัดไปตลอด แม่น้ำ เชี่ยวแรง เธอหันมองตรงหน้า
แล้วกำมือแน่น แม้จะมีธูนที่ติดอยู่ที่ไหล่แต่สิ่งที่เจ็บที่สุด การที่จะต้องกลับไปที่ความมืดนั้นอีกครั้ง
ตปก
เป็นเพียงแค่ทาสเจ้ากล้าหนีงั้นรึ!!
ตปก
คิดว่ารอบนี้เจ้าจะรอดเหรอห้ะ!!
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
หึ ข้ารอดหรือไม่รอดมันเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้ากันเหล่า!!!
ตปก
2:นังเด็กอวดดี ถ้าข้าตัดขาเจ้าตอนนั้นมันคงไม่เป็นแบบนี้
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
ต้องโทษเจ้าแล้ว
เธอพุ่งตัวลงหน้าผา พวกยามรีบไปดู ต่อให้ไปจับรอที่ริมแม่น้ำแต่แม่น้ำนี้ไม่สามารถรู้ได้ว่าจะพาไปถึงไหน
เธอพยายาม ตะเกียกตะกายสุดแรงแม้จะเจ็บไหล่ข้างซ้ายแต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้กระแสน้ำแรงเกินไป
เหยียนเอ๋อร์ /นางเอก
อึก—แค่กๆๆ
เธอคอยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ หันมองรอบสายตายังพร่ามัวแต่ก็พอจะเห็น
Comments