ในตรอกแคบๆ ที่แอปแผนที่ไม่เคยพาใครมา
มีร้านหนึ่งตั้งอยู่
ป้ายไม้เก่าเอียงนิดๆ เขียนด้วยลายมือว่า
“ซ่อมทุกอย่างที่ชีวิตทำพัง”
คิว—เด็กหนุ่มธรรมดาแบบธรรมดาจนโลกไม่จำเป็นต้องจำ
ยืนจ้องป้ายอยู่นาน
ไม่ใช่เพราะลังเล
แต่เพราะเขาอ่านซ้ำไปซ้ำมาแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่า
“ทุกอย่าง” นี่มันรวมถึงอะไรบ้าง
ชีวิตเขาตอนนี้พังแบบครบสูตร
สอบตก
เพื่อนสนิทหาย
ความฝันหายไปพร้อมความมั่นใจ
และที่แย่ที่สุด—เขารู้สึกเหมือนตัวเอง “ไม่มีค่า” ในโลกที่ทุกคนดูเก่งกว่า
สุดท้ายคิวก็ผลักประตูเข้าไป
กระดิ่งดัง กริ๊ง เบาๆ
เสียงแบบที่ทำให้รู้สึกว่า
“ตัดสินใจแล้วนะ ถอยไม่ได้แล้ว”
ข้างในร้านไม่ได้ดูวิเศษ
ไม่มีแสง ไม่มีวงเวท
มีแค่โต๊ะไม้ เก้าอี้เก่า และชายคนหนึ่งนั่งกินบะหมี่ถ้วย
“มาซ่อมอะไร”
ชายคนนั้นถามโดยไม่เงยหน้า
“ชีวิตครับ”
คิวตอบเสียงเบา แต่ชัด
ชายคนนั้นหยุดกิน
เงยหน้ามอง
ก่อนจะยิ้มบางๆ
“อันนี้แพงนะ”
กติกาของร้านรับซ่อมความพัง
ชายคนนั้นแนะนำตัวว่าชื่อ ลุงเซ็น
ไม่ใช่พ่อมด ไม่ใช่เทพ
แค่ “คนที่เก็บของพังเก่ง”
กติกามีแค่ 3 ข้อ
ร้านนี้ซ่อมได้จริง
ต้องยอมจ่าย “สิ่งที่สำคัญ”
ห้ามถามว่าซ่อมยังไง
“แล้ว…ต้องจ่ายอะไรครับ”
คิวถาม
ลุงเซ็นยิ้ม
“เดี๋ยวร้านจะเลือกเอง”
เสียง ติ๊ง ดังขึ้น
ผนังร้านเลื่อนออก เผยห้องสีขาวโล่ง
กลางห้องมีประตูบานเดียว
บนประตูเขียนว่า
“ความพยายามครั้งสุดท้ายของคุณ”
“เข้าไป”
ลุงเซ็นพูด
“ถ้ากลับออกมาได้ ชีวิตจะไม่เหมือนเดิม”
คิวกลืนน้ำลาย
แล้วก้าวเข้าไป
ห้องที่สะท้อนสิ่งที่เราไม่กล้ามอง
ข้างในไม่ใช่ห้อง
แต่เป็น “ความทรงจำ”
เขาเห็นตัวเองนั่งอยู่หน้ากระดาษข้อสอบ
มือสั่น
เห็นเพื่อนที่เคยหัวเราะด้วยกัน
ค่อยๆ เดินออกไปโดยไม่หันกลับมา
เสียงหนึ่งดังขึ้นรอบตัว
ไม่ใช่เสียงลุงเซ็น
แต่เป็นเสียงของ “เขาเอง”
“นายพยายามแล้วจริงเหรอ
หรือแค่กลัวความล้มเหลว?”
ภาพเปลี่ยน
เป็นความฝันในวัยเด็ก
สิ่งที่เขาเคยอยากเป็น
แต่เลิกคิดถึงมันเพราะคำว่า “ไม่เหมาะกับนาย”
คิวทรุดลง
นี่ไม่ใช่การซ่อม
นี่คือการผ่าชีวิตดูทั้งดุ้น
“ถ้าฉันออกไปตอนนี้…ได้ไหม”
เขาถาม
ประตูยังอยู่
แต่ไกลออกไปทุกที
เสียงเดิมตอบกลับ
“ร้านไม่เคยกักใคร
แต่คนส่วนใหญ่ เลือกหนีเอง”
คิวยืนขึ้น
กำหมัดแน่น
แล้วพูดกับตัวเองเป็นครั้งแรกโดยไม่หลบสายตา
“โอเค
ถ้าต้องพังอีกรอบ
ก็ให้มันพังแบบฉันเลือกเอง”
ทันใดนั้น
ห้องสีขาวแตกกระจายเหมือนกระจก
ราคาที่ต้องจ่าย
คิวลืมตา
กลับมาอยู่ในร้าน
ลุงเซ็นยืนรออยู่แล้ว
“ซ่อมเสร็จ”
เขาพูดเรียบๆ
“ชีวิตนายจะไม่ง่ายขึ้น
แต่จะ ‘จริง’ ขึ้น”
“แล้ว…ผมต้องจ่ายอะไร”
คิวถาม
ลุงเซ็นยื่นกระจกบานเล็กให้
ในนั้นไม่ใช่หน้าคิวแบบเดิม
แต่เป็นแววตาที่ไม่หลบอีกต่อไป
“นายจ่าย
‘ข้ออ้างทั้งหมด’ ไปแล้ว”
คิวอึ้ง
ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
น้ำตาไหลนิดหน่อย
แต่ไม่อาย
เขาเดินออกจากร้าน
กระดิ่งดัง กริ๊ง อีกครั้ง
เมื่อหันกลับไป
ตรอกนั้นว่างเปล่า
ไม่มีร้าน
ไม่มีป้าย
เหมือนไม่เคยมีอะไรอยู่ตรงนั้นเลย
วันต่อมา
ชีวิตคิวยังไม่ได้ดีขึ้นทันที
เขายังต้องอ่านหนังสือ
ยังต้องเริ่มใหม่
ยังต้องแพ้บ้าง
แต่มีอย่างหนึ่งที่เปลี่ยนไป
เขาไม่หนีคำว่า “พยายาม” อีกแล้ว
และในคืนหนึ่ง
ขณะเดินกลับบ้าน
เขาเห็นเด็กอีกคนยืนจ้องตรอกว่างๆ
เด็กคนนั้นถามเขาว่า
“พี่…เมื่อกี้ตรงนี้มีร้านอยู่ใช่ไหม”
คิวยิ้ม
แล้วตอบว่า
“ถ้านายเห็น
แสดงว่านายพร้อมแล้ว”
หลายปีผ่านไป
คิวโตขึ้น
ไม่ดัง
ไม่เด่น
ไม่ได้กลายเป็นคนที่โลกต้องปรบมือให้
เขาเป็นแค่คนธรรมดาที่ตื่นเช้า เหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง
แต่ไม่เคยโกหกตัวเองอีกเลย
คืนหนึ่ง หลังเลิกงาน
เขาเดินผ่านตรอกเดิม
ตรอกที่ครั้งหนึ่ง “เคยมีร้าน”
คราวนี้ไม่มีเด็กยืนถาม
ไม่มีความรู้สึกแปลก
มีแค่ความเงียบ และลมเย็นๆ
คิวหยุดเดินเองโดยไม่รู้ตัว
หัวเราะเบาๆ แล้วพูดกับอากาศ
“ไม่ต้องซ่อมแล้วนะ
มันพังพอให้โตแล้ว”
ไม่มีเสียงตอบ
ไม่มีประตูเปิด
ไม่มีปาฏิหาริย์
แต่ในเงามืดลึกของตรอก
ป้ายไม้เก่าๆ แตกหักครึ่งหนึ่ง
ค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมตัวอักษรบรรทัดสุดท้ายที่เหลืออยู่แค่คำเดียว
“พอ”
และในที่ที่ร้านเคยตั้งอยู่
ก็ไม่เคยมีร้านอีกเลย
เพราะมันไม่ได้หายไป
มัน ทำงานเสร็จแล้ว
จบบริบูรณ์