ในเมืองที่ทุกอย่างเร่งรีบ
มีตึกสูงกว่าเมฆ
มีผู้คนมากกว่าดวงดาว
แต่กลับไม่มีใครมองตากัน
“ภีม” เป็นหนึ่งในคนพวกนั้น
เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ด ผู้มีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง
คือ การทำทุกอย่างพัง
สอบตก
โดนเปรียบเทียบ
เพื่อนทิ้ง
ความฝันหาย
และคำว่า “อนาคต” ฟังดูเหมือนเรื่องตลก
คืนหนึ่ง หลังจากถูกครูพูดว่า
“ถ้าเธอไม่เปลี่ยนตัวเอง ก็อย่าหวังอะไรจากชีวิต”
ภีมเดินออกจากโรงเรียนโดยไม่รู้จะไปไหน
ฝนตก
รองเท้าเปียก
หัวใจหนักกว่ากระเป๋า
จนเขาเห็นตรอกหนึ่ง
ที่เขาแน่ใจว่า เมื่อวานยังไม่มี
ประตูที่ไม่ควรเปิด
ประตูไม้เก่า
สีลอก
ป้ายแขวนเอียง
ร้านรับซ่อมชีวิต
ไม่ถามอดีต ไม่สัญญาอนาคต
ภีมหัวเราะในลำคอ
“ถ้ามึงซ่อมได้จริง โลกนี้คงไม่เหลือใครร้องไห้”
แต่มือเขากลับผลักประตูเข้าไป
ช่างซ่อมที่รู้มากเกินไป
ในร้านมีของแปลกเต็มไปหมด
นาฬิกาที่เดินถอยหลัง
กรอบรูปที่ไม่มีภาพ
กล่องความทรงจำที่ถูกล็อกด้วยโซ่
หลังเคาน์เตอร์มีชายแก่คนหนึ่ง
หน้าตาเหมือนคนที่เห็นโลกมามากเกินพอ
“พังแบบไหนล่ะ” ชายแก่ถาม
โดยไม่เงยหน้า
“ทั้งชีวิต” ภีมตอบทันที
“อาการหนักนะ”
“หนักกว่านี้ก็ไม่มีอะไรให้เสียแล้ว”
ชายแก่ยิ้ม
ยิ้มแบบคนที่ได้ยินประโยคนี้วันละร้อยรอบ
ราคาของการซ่อม
“ร้านเราซ่อมได้ทุกอย่าง”
“แต่ไม่ฟรี”
“ต้องจ่ายอะไร”
ชายแก่ชี้ไปที่อกภีม
“สิ่งที่ทำให้เธอเป็น ‘เธอ’”
ภีมเงียบ
ก่อนจะพูดเสียงเบา
“งั้นเอาไปเลย ผมไม่ชอบมันอยู่แล้ว”
ชีวิตเวอร์ชันสมบูรณ์แบบ
ภีมตื่นขึ้นมาในเช้าที่แสงแดดสวยเกินจริง
สอบผ่าน
ครูยิ้ม
เพื่อนล้อม
พ่อแม่ภูมิใจ
เขาเก่ง
เขาฉลาด
เขา “เหมาะสม”
ชีวิตเหมือนสูตรสำเร็จ
ไม่มีพลาด
ไม่มีล้ม
แต่ก็ไม่มีเสียงหัวเราะที่ดังจากใจ
ไม่มีความฝันที่ทำให้หัวใจเต้นแรง
เขาเริ่มสังเกต
ว่าตัวเองไม่เคยโกรธ
ไม่เคยเสียใจ
ไม่เคยรู้สึกอะไรจริงๆ
สิ่งที่หายไป
คืนหนึ่ง ภีมยืนหน้ากระจก
พยายามร้องไห้
แต่น้ำตาไม่มา
เขากลับไปที่ร้าน
“คุณเอาอะไรไปจากผม”
ชายแก่เงยหน้าขึ้น
“ความสามารถในการรู้สึกว่าตัวเอง ‘ไม่สมบูรณ์’”
“ผมอยากได้มันคืน”
“ได้”
“แต่คราวนี้ ราคาจะหนักกว่า”
การเลือกครั้งสุดท้าย
“ถ้ารับคืน” ชายแก่พูด
“เธอจะจำทุกความล้มเหลว
ทุกคำดูถูก
ทุกคืนที่ร้องไห้คนเดียว”
“แต่ถ้าไม่รับ”
“เธอจะมีชีวิตที่ดี
แต่ไม่รู้ว่าดีไปทำไม”
ภีมหลับตา
ภาพอดีตถาโถม
แต่ในความเจ็บนั้น
เขาเห็นตัวเอง…พยายาม
“ผมเลือกเจ็บ”
“เพราะอย่างน้อย มันเป็นของผม”
ซ่อมเสร็จแล้ว
โลกสั่น
เสียงนาฬิกาพัง
กรอบรูปมีภาพ
กล่องความทรงจำเปิดออก
ภีมทรุดลง
น้ำตาไหล
หัวใจเจ็บ
แต่เต้นแรง
เช้าวันต่อมา
ร้านหายไป
ตรอกว่างเปล่า
ในมือเขา
มีสกรูตัวหนึ่ง
เก่า
ขึ้นสนิม
สลักคำว่า
ชีวิตไม่ได้ซ่อมให้สมบูรณ์
แต่มันซ่อมให้ไปต่อได้
ตอนจบ
ภีมยังไม่เก่ง
ยังล้ม
ยังโดนเปรียบเทียบ
แต่เขาไม่คิดว่าตัวเองไร้ค่าอีกแล้ว
เพราะคนที่ยังเจ็บ
คือคนที่ยังมีหัวใจ
และชีวิตที่ไม่สมบูรณ์
คือชีวิตที่ยัง “มีความหมาย”
หลายเดือนผ่านไป
ภีมยังใช้ชีวิตเดิม
ตื่นเช้า เหนื่อย สับสน ล้มบ้าง ลุกบ้าง
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างถาวร
เขาเริ่ม “มองเห็น” คนอื่น
เด็กที่นั่งเงียบหลังห้อง
เพื่อนที่ยิ้มเก่งแต่ตาไม่เคยหัวเราะ
คนที่โดนล้อ แล้วแกล้งทำเป็นไม่เป็นไร
ภีมไม่รู้ว่าทำไม
แต่เขาเข้าใจพวกเขา
แบบไม่ต้องพูด
วันหนึ่ง
เด็กผู้ชาย ม.ต้น คนหนึ่งเดินมาหาเขา
หน้าตาเหมือนภีมในอดีตไม่มีผิด
“พี่…
พี่เคยรู้สึกไหมว่า
ตัวเองเกิดมาเพื่อเป็นส่วนเกิน”
ภีมเงียบไปนิด
ก่อนจะยิ้ม—ไม่ใช่ยิ้มหล่อ
แต่เป็นยิ้มของคนที่เคยรอดมาได้
“เคย”
“แล้วตอนนี้ล่ะครับ”
ภีมคิด
ก่อนตอบช้าๆ
“ตอนนี้พี่ยังไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร”
“แต่พี่รู้แล้วว่า
เราไม่ได้เกิดมาเพื่อหายไปเฉยๆ”
คืนนั้น
ภีมเดินผ่านตรอกเดิม
ไม่มีร้าน
ไม่มีประตู
แต่ที่ผนัง
มีตัวหนังสือขีดไว้ด้วยชอล์กสีขาว
เหมือนมีใครเขียนไว้รอนานแล้ว
ร้านนี้ไม่ซ่อมชีวิตให้ดีขึ้น
แค่ซ่อมให้เจ้าของกล้าใช้มันต่อ
ภีมยืนอ่าน
แล้วหัวเราะเบาๆ
เป็นครั้งแรก
ที่เขาหัวเราะ
โดยไม่ต้องมีเหตุผล
บรรทัดสุดท้าย
ชีวิตของภีม
ไม่ได้ดีขึ้นแบบปาฏิหาริย์
ไม่ได้สำเร็จ
ไม่ได้สวยงาม
แต่มัน “เป็นของเขา”
และบางที
นั่นอาจเป็นการซ่อม
ที่ดีที่สุดแล้ว
จบบริบูรณ์