ผมชื่อ ภาคิน
เด็ก ม.ปลายธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่สิ่งพิเศษที่สุดในชีวิตคือ
—สอบตกคณิต
—นั่งหลังห้อง
—และโดนครูเรียกชื่อผิดเป็นประจำ
ถ้าชีวิตเป็นมังงะ ผมน่าจะเป็นตัวประกอบที่เดินผ่านฉากแล้วไม่มีใครจำหน้าได้
จนกระทั่งวันนั้น
กระจกห้องน้ำโรงเรียนแตก
ไม่ใช่แตกแบบระเบิด
แต่แตกเป็นรอยร้าวบาง ๆ เหมือนใครเอาอนาคตไปขีดทับปัจจุบัน
ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมกำลังล้างหน้า
น้ำหยดจากก๊อกดังติ๋ง…ติ๋ง…
แล้วจู่ ๆ ภาพในกระจกก็ “ขยับ” ช้ากว่าผมหนึ่งวินาที
ผมยกมือ
เงาในกระจก…ยกช้ากว่า
“เอ่อ…ผมเพลียหรือผีหลอกวะเนี่ย”
ผมลองทำหน้าตลก
แต่ภาพในกระจก ไม่ทำตาม
มันยิ้ม
ยิ้มแบบที่ผมไม่เคยยิ้มได้
แล้วมันพูด
“อย่าตกใจ ฉันคือ ‘นาย’ ในอีก 7 ปีข้างหน้า”
โอเค
นี่ไม่ใช่มังงะชีวิตธรรมดาแล้ว
นี่มันพล็อตแปลกประหลาดระดับโดนบรรณาธิการถามว่า “คิดดีแล้วใช่ไหม?”
อนาคตในกระจก
“นาย…ดูไม่เหมือนผมเลย” ผมพูด
ในกระจก
ผมใส่เสื้อเชิ้ต
สายตาเหนื่อย
แต่มั่นคง
“เพราะนายยังไม่เคยผ่านสิ่งที่ฉันผ่านมา”
“งั้นบอกมาหน่อย”
ผมกลืนน้ำลาย
“ผมจะได้ดีไหม”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง
“นายจะล้มเหลวหลายครั้ง
จะเสียคนสำคัญ
จะเกลียดตัวเอง
แต่…นายจะไม่ยอมแพ้”
ผมอยากหัวเราะ
แต่ทำไม่ออก
“แล้ว…ความฝันล่ะ”
เขามองผมตรง ๆ
“นายกำลังจะเลิกฝันในอีก 3 เดือน
ถ้าวันนี้นายไม่เปลี่ยนอะไรเลย”
คำพูดนั้นเหมือนค้อน
ทุบใส่หัวใจผมดัง ปึง
เด็กหลังห้องที่ไม่กล้าฝัน
ความฝันของผมคืออยากเป็นนักวาด
อยากมีผลงานลงแอป
อยากให้คนอ่านรอคอยตอนใหม่
แต่ผมไม่เก่ง
ไม่กล้า
ไม่เคยส่งประกวด
ไม่เคยโพสต์งาน
ผมเอาแต่บอกตัวเองว่า
“ไว้ก่อน”
“ยังไม่พร้อม”
“เดี๋ยวค่อยทำ”
“นายรู้ไหม”
เสียงจากกระจกดังขึ้น
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ความล้มเหลว
แต่มันคือการใช้ชีวิตโดยไม่เคยลอง”
ผมกำหมัด
กระจกสั่นเล็กน้อย
รอยร้าวขยายออกเหมือนเวลาที่กำลังแตก
ทางเลือกเดียวในตอนนี้
“ผมเปลี่ยนอนาคตได้ไหม”
เขายิ้ม
คราวนี้เป็นรอยยิ้มที่เหมือนผมจริง ๆ
“ได้
แต่ไม่ใช่เพราะฉันมาบอก
เป็นเพราะนาย ‘ตัดสินใจ’”
เสียงกริ่งดัง
พักเที่ยงใกล้หมด
ภาพในกระจกเริ่มพร่า
“ภาคิน”
“อย่ารอให้โตแล้วมานั่งเสียใจแทนฉัน”
แกร๊ก!
กระจกกลับมาเป็นปกติ
รอยร้าวหายไป
เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ตอนจบที่ยังไม่จบ
เย็นวันนั้น
ผมนั่งอยู่หน้ากระดาษเปล่า
หัวใจเต้นแรง
มือสั่น
แต่ผมไม่ปิดมัน
ผมเริ่มวาด
เส้นแรกไม่สวย
แต่ผมไม่ลบ
ผมอัปโหลดงานชิ้นแรกในชีวิต
ไม่มีใครกดไลก์ในวันแรก
แต่ผมยิ้ม
เพราะผมรู้ว่า
ในอีก 7 ปี
ใครบางคนในกระจก
จะไม่ต้องมายืนเตือนผมอีก
ข้อความสุดท้าย
“อนาคตไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้จากกระจก
แต่มันคือสิ่งที่เรากล้าสร้าง
แม้จะยังไม่เก่ง
แม้จะยังกลัว”
สามปีผ่านไปเร็วกว่าเสียงกริ่งเลิกเรียน
เร็วกว่าเหตุผลที่เรามักใช้หนีความฝัน
ผมไม่ได้นั่งหลังห้องอีกแล้ว
ไม่ใช่เพราะโตขึ้น
แต่เพราะผม “เลือก” ลุกขึ้นมา
สมุดสเก็ตช์ที่เคยซ่อนในกระเป๋า
ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยลบ
รอยขีด
และเส้นที่ไม่สมบูรณ์
แต่ทุกเส้น
เป็นของผม
คืนหนึ่ง
หลังอัปโหลดผลงานตอนล่าสุด
ยอดอ่านยังไม่ถึงพัน
คอมเมนต์มีแค่ประโยคเดียว
“ไม่รู้ทำไม
แต่เรื่องนี้ทำให้เราอยากไม่ยอมแพ้”
ผมนั่งมองหน้าจออยู่นาน
หัวใจมันอุ่นแบบแปลก ๆ
ไม่ดัง
ไม่หวือหวา
แต่จริง
วันนั้น…ผมกลับไปที่เดิม
ห้องน้ำโรงเรียนเก่า
กระจกบานเดิม
ไม่มีรอยร้าว
ไม่มีเสียงใครพูด
มีแค่เด็กคนหนึ่งในเงาสะท้อน
ที่ดูเหนื่อย
แต่ไม่ว่างเปล่า
ผมมองตัวเอง
แล้วยิ้ม
ไม่ใช่รอยยิ้มมั่นใจ
แต่เป็นรอยยิ้มของคนที่ “ยังเดินอยู่”
ผมพูดกับกระจกเบา ๆ
“ไม่ต้องห่วงนะ
ผมยังไม่ถึงฝั่ง
แต่ผมไม่หันหลังแล้ว”
กระจกไม่ตอบ
และนั่นแหละ
คือคำตอบ
ภาพสุดท้าย
หน้าจอมือถือขึ้นแจ้งเตือนใหม่
ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นทีละหนึ่ง
เหมือนหยดน้ำที่ไม่รีบ
แต่ไม่เคยหยุด
ผมปิดไฟ
นั่งลง
เปิดหน้าวาดตอนต่อไป
เพราะผมรู้แล้วว่า
อนาคตไม่เคยอยู่ในกระจก
มันอยู่ในมือ
ที่ยังยอมจับปากกา
แม้วันที่ใจสั่น
จบบริบูรณ์