ผมเคยเชื่อว่า
ชีวิตคนเราถูกกำหนดไว้แล้ว
บางคนเกิดมาเก่ง
บางคนเกิดมาธรรมดา
และบางคน…เกิดมาเหมือนผม
ไม่มีอะไรโดดเด่นพอจะถูกจำ
ผมเป็นแค่เด็กม.ต้นคนหนึ่ง
คะแนนกลางๆ
หน้าตาธรรมดา
ชื่อที่ครูมักเรียกผิด
ถ้าชีวิตเป็นเกม
ผมคงเป็นตัวละครที่ไม่มีใครเลือกเล่น
จนคืนหนึ่ง
ก่อนนอน
ผมนอนเล่นเกมมือถือแก้เบื่อ
เกมแนวสะสมของรายวัน
กดรับรางวัลแล้วก็ปิด
วันนั้นผมง่วง
ง่วงมาก
นิ้วลื่นไปโดนปุ่มแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็น
หน้าจอค้าง
ไฟกระพริบ
แล้วข้อความหนึ่งก็โผล่ขึ้นมา
> [คุณได้รับ: ระบบผู้เปลี่ยนโชคชะตา]
สถานะ: เวอร์ชันทดลอง
ผมหัวเราะ
“บั๊กอีกแล้วสินะ”
ผมปิดเกม
ปิดมือถือ
แล้วหลับไปโดยไม่รู้เลยว่า
ชีวิตผมเพิ่งถูก “ล็อกอิน” เข้าอะไรบางอย่าง
เช้าวันถัดมา
ผมมาสาย
ไม่ใช่เพราะขี้เกียจ
แต่เพราะนาฬิกาปลุกไม่ดัง
รถติด
รองเท้าหายข้างหนึ่ง
ทุกอย่างดูซวยตั้งแต่ยังไม่เข้าโรงเรียน
พอเดินเข้าห้อง
เสียงครูก็ดังขึ้นทันที
“วันนี้มีสอบย่อยนะ ไม่บอกล่วงหน้า”
ทั้งห้องเงียบ
ก่อนจะครางพร้อมกัน
ผมรู้สึกหัวใจหล่นวูบ
เพราะผม…ไม่ได้อ่าน
ทันใดนั้น
เสียงแปลกๆ ดังขึ้นในหัว
ติ๊ง—
> [ตรวจพบสถานการณ์วิกฤต]
[เควสต์ฉุกเฉิน: หลบการสอบโดยไม่โดนลงโทษ]
รางวัล: +1 ดวง
โทษ: ซวยสะสม 1 ระดับ
ผมนิ่ง
เหงื่อแตก
นี่มัน…ในหัวผมเหรอ?ข้อความยังไม่หยุด
> [คำแนะนำเบื้องต้น: ทำของตก]
ผมไม่อยากเชื่อ
แต่ผมไม่มีทางเลือก
ผมแกล้งทำปากกาหล่น
ก้มเก็บ
แล้ว “เผลอ” ทำหมึกแตกใส่เสื้อ
ครูมองผม
ถอนหายใจ
“ไปเปลี่ยนเสื้อก่อน เดี๋ยวมาสอบทีหลัง”
โลกทั้งใบของผมเหมือนหยุดหมุน
ผม…รอด?
หลังจากนั้น
ความซวยก็ถาโถม
ผมชนโต๊ะ
ชนเพื่อน
ข้าวกลางวันหก
โดนล้อ
โดนแซว
รองเท้าเปียก
ทุกอย่างเหมือนตั้งใจกลั่นแกล้ง
ตอนเย็น
ระบบเด้งแจ้งเตือนอีกครั้ง
> [เควสต์สำเร็จ]ซวยสะสมถูกชำระแล้วบางส่วน
สถานะผู้ใช้: ปกติ
ผมนั่งมองมือถือ
หัวใจเต้นแรง
นี่ไม่ใช่เกม
นี่คือชีวิตผม
คืนนั้น
ผมเริ่มทดลอง
ผมคิดถึงสิ่งดีๆ
ระบบไม่ตอบ
ผมคิดถึงเรื่องรอด
ระบบเด้งทันที
> [ระบบทำงานเฉพาะ “สถานการณ์เสี่ยง”]
เหมือนมันถูกสร้างมา
เพื่อคนที่กำลังจนมุม
วันต่อมา
ผมใช้มันอีก
หนีโดนทำโทษ
รอดจากปัญหา
หลบเรื่องยุ่งยาก
ทุกครั้งผมได้อะไรบางอย่าง
แต่ก็ต้องแลก
โชคดี…แลกกับโชคร้าย
ความรอด…แลกกับรอยแผลเล็กๆ ในชีวิต
จนคืนวันที่สาม
ระบบส่งข้อความยาวที่สุด
> [แจ้งเตือนสำคัญ]
เวลาทดลองคงเหลือ: 4 วัน
หากไม่อัปเกรด ระบบจะเลือกเจ้าของใหม่
คำเตือน: ผู้ใช้ปัจจุบันจะ “ลืมทุกอย่าง”
ผมนั่งนิ่งลืมทุกอย่างงั้นเหรอ?หมายความว่าผมจะกลับไปเป็นเด็กธรรมดาโดยไม่รู้เลยว่าเคยมีพลังโกงอยู่ในมือ?ผมไม่รู้ว่าควรดีใจหรือกลัว
วันที่ห้าเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเพื่อนสนิทผมโดนใส่ร้ายเกือบถูกลงโทษทั้งที่ไม่ได้ทำผมรู้แต่ไม่มีหลักฐานระบบเด้งขึ้นมาเอง> [เควสต์ระดับสูง: เปลี่ยนผลลัพธ์]รางวัล: ปลดล็อกระบบถาวรโทษ: สูญเสีย “บางสิ่งที่สำคัญ”ผมกำมือแน่นบางสิ่งที่สำคัญ…คืออะไร?แต่ผมเลือกกดยืนยันวันนั้นความจริงถูกเปิดเผยเพื่อนผมรอดผมถูกมองแปลกไปและผมรู้สึกว่าหัวใจผมหายไปบางส่วนเหมือนลืมอะไรบางอย่างชื่อคนความรู้สึกความทรงจำเล็กๆ ที่เคยมีค่าระบบเงียบไปก่อนจะส่งข้อความสุดท้าย> [อัปเกรดสำเร็จ]ยินดีต้อนรับ ผู้เล่นอย่างเป็นทางการผมเงยหน้ามองเพดานชีวิตผมไม่เหมือนเดิมอีกแล้วผมไม่รู้ว่าต่อไปจะต้องเสียอะไรอีกแต่ผมรู้แค่ว่า—ถ้าโลกนี้ไม่ยุติธรรมถ้าชีวิตเป็นเกมที่ไม่เคยปรานีงั้นผมจะเป็นคนที่“โกงมันกลับไป”แม้ต้องแลกแม้ต้องเจ็บผมก็จะเล่นต่อเพราะตอนนี้ผมไม่ใช่ตัวละครที่ไม่มีใครเลือกอีกแล้วชีวิตกลับมาปกติ
ปกติแบบน่าหงุดหงิด
ผมสอบตก
โดนครูเรียก
ฝนตกตอนลืมร่ม
มือถือแบตหมดตอนจำเป็น
ทุกอย่างซื่อสัตย์กับความซวย
ไม่มีหน้าจอ
ไม่มีเสียงติ๊ง
ไม่มีคำแนะนำ
และที่แปลกที่สุดคือ—
ผมไม่รู้สึกเสียดาย
เหมือนมีอะไรบางอย่างในใจบอกว่า
“แบบนี้แหละ…ของจริง”
จนกระทั่งวันหนึ่ง
ระหว่างที่ผมช่วยครูยกเอกสารเก่าในห้องเก็บของ
กล่องหนึ่งหล่นลงมา
มือถือเครื่องเก่าของผมร่วงออกมา
เครื่องที่ผมจำได้ว่า
แบตเสีย
เปิดไม่ติด
ทิ้งไปนานแล้ว
แต่หน้าจอมัน…ติด
ไม่ใช่หน้าจอล็อก
ไม่ใช่เกม
เป็นพื้นหลังสีดำ
กับตัวอักษรขาวเรียบๆ
> [ยินดีต้อนรับ ผู้สังเกตการณ์]
ผมหยุดหายใจ
ไม่ใช่ “ผู้เล่น”
ไม่ใช่ “เจ้าของระบบ”
ผู้สังเกตการณ์?
ผมแตะหน้าจอ
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นอกจากข้อความใหม่
> [ระบบหลักถูกยกเลิกแล้ว]
ฟังก์ชันที่เหลือ: บันทึกผลลัพธ์]
ผมไม่เข้าใจ
แต่ในคืนนั้น
ผมเริ่ม “เห็น”
ไม่ใช่เห็นภาพ
แต่เป็นความรู้สึก
ก่อนใครบางคนจะล้ม
ผมรู้
ก่อนเรื่องจะพัง
ผมรู้
แต่ผม “แก้” ไม่ได้
ไม่มีปุ่ม
ไม่มีเควสต์
ผมทำได้แค่ดู
---
วันหนึ่ง
เพื่อนในห้องผมทะเลาะกันหนัก
เรื่องเล็ก
แต่กำลังจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
ผมรู้
ถ้าปล่อยไป
ใครบางคนจะโดนลงโทษ
ทั้งที่ไม่ควร
ไม่มีระบบช่วย
ไม่มีพลังโกง
มีแค่ปาก
กับความกล้า
ผมพูด
ผมอธิบาย
ผมรับผิดแทนบางส่วน
ผลลัพธ์ไม่สวย
แต่ไม่พัง
คืนนั้น
มือถือเก่าขึ้นข้อความใหม่
> [บันทึกแล้ว]
ผลลัพธ์: เปลี่ยนด้วย “การตัดสินใจ” ไม่ใช่ระบบ]
ผมนั่งนิ่งนานมาก
ระบบไม่ได้หายไป
มันแค่…ถอย
---
วันต่อมา
ผมเจอคนอีกคน
เด็กผู้ชายต่างห้อง
หน้าซีด
ตาโหล
มือถือในมือสั่น
เขาพูดกับผมเบาๆ
เหมือนกลัวใครได้ยิน
“พี่…
พี่เคยเห็นข้อความแปลกๆ ในมือถือมั้ย”
ผมไม่ตอบทันที
หน้าจอมือถือเก่าผมสว่างเอง
> [ตรวจพบผู้เล่นใหม่]
สถานะ: ไม่เสถียร]
ผมเข้าใจในวินาทีนั้น
ระบบไม่ได้เลือกคนที่เก่ง
มันเลือกคนที่ “จนมุม”
และครั้งนี้
มันไม่ได้เลือกผม
ผมมองเด็กคนนั้น
แล้วพูดสิ่งที่ไม่เคยมีใครบอกผมมาก่อน
“ฟังนะ
มันจะช่วยนายได้
แต่ทุกครั้งที่มันช่วย
มันจะเอาอะไรบางอย่างไป
อย่าใช้มันบ่อย
และอย่าใช้เพื่อตัวเองอย่างเดียว”
เด็กคนนั้นถาม
เสียงสั่น
“พี่รู้ได้ยังไง…”
ผมยิ้มบางๆ
ยิ้มแบบคนที่เคยชนะ
แล้วเลือกแพ้เอง
“เพราะพี่เคยเล่นเกมนั้น
จนเกือบลืมว่าตัวเองเป็นใคร”
---
คืนนั้น
มือถือเก่าขึ้นข้อความสุดท้าย
> [ผู้สังเกตการณ์ ทำงานครบเงื่อนไข]
ขอบคุณ สำหรับการไม่โกงโลกอีกครั้ง]
หน้าจอดับ
ถาวร
ผมวางมันลง
และรู้สึกโล่ง
ผมไม่ใช่ผู้เล่น
ไม่ใช่ฮีโร่
ไม่ใช่คนพิเศษ
ผมเป็นแค่คนที่รู้ว่า
ทางลัดมีจริง
แต่ไม่ใช่ทุกทางที่ควรเดิน
และบางที
หน้าที่ของคนที่เคยโกงชีวิตได้
ไม่ใช่การโกงอีก
แต่คือการ
เตือนคนถัดไป
ก่อนที่เขาจะกด “ตกลง” โดยไม่รู้ตัวหลังจากมือถือเก่าดับไป
ชีวิตผมกลับสู่โหมดที่ไม่มีอะไรพิเศษจริงๆ
ไม่มีข้อความ
ไม่มีเสียงเตือน
ไม่มีตัวอักษรลอยในหัว
แต่ผมรู้แล้วว่า
โลกนี้เคย “เปิดหน้าต่าง” ให้ผมดูข้างใน
และคนที่เคยเห็น
ไม่มีทางลืมได้สนิท
ผมเริ่มสังเกตคนรอบตัวมากขึ้น
ไม่ใช่เพราะอยากยุ่ง
แต่เพราะผมเริ่มเห็น “รอยแตก”
เด็กบางคนหัวเราะดัง
แต่ตาไม่หัวเราะ
บางคนเงียบ
แต่เหมือนกำลังร้องขออะไรบางอย่าง
ผมไม่เห็นระบบ
แต่ผมเริ่มเดาออกว่า
ใครกำลัง “จนมุม”
---
ไม่กี่วันต่อมา
ข่าวลือแปลกๆ เริ่มกระจาย
มีเด็กคนหนึ่งในอีกอาคาร
ทายผลสอบได้เป๊ะ
อีกคนรอดโทษทุกครั้งแบบไม่น่าเป็นไปได้
ไม่มีใครพูดตรงๆ
แต่ผมรู้
ระบบไม่ได้มีแค่ระบบเดียว
และมันไม่ได้เรียนรู้จากผมคนเดียว
คืนหนึ่ง
ผมฝัน
ฝันว่าผมยืนอยู่ในห้องโถงสีขาว
ไม่มีผนัง
ไม่มีเพดาน
มีแค่ประตูจำนวนมาก
บางบานสว่าง
บางบานมืด
บางบานมีรอยร้าว
มีเสียงหนึ่งพูดขึ้น
ไม่ดัง
ไม่ดังเลย
แต่ชัด
> “ผู้สังเกตการณ์ไม่ควรฝัน”
ผมสะดุ้งตื่น
หัวใจเต้นแรง
และบนโต๊ะ
มือถือเก่า…กลับมาเปิดเอง
ไม่ใช่ข้อความ
ไม่ใช่คำเตือน
เป็น “รายชื่อ”
> [ผู้ใช้ที่เคยเชื่อมต่อระบบ]
สถานะ:
– ใช้งานอยู่
– ยกเลิกแล้ว
– สูญหาย
คำว่า “สูญหาย”
ทำให้มือผมเย็นเฉียบ
ผมเลื่อนดู
มีชื่อหนึ่งถูกไฮไลต์
ชื่อที่ผมไม่รู้จัก
แต่สถานะขึ้นว่า
> [สูญหาย – ระหว่างอัปเกรด]
ผมไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร
แต่ลางไม่ดีมันชัดเกินไป
---
วันถัดมา
โรงเรียนวุ่นวาย
เด็กคนหนึ่งหายไป
ไม่มาเรียน
ติดต่อไม่ได้
ผู้ปกครองไม่รู้ว่าอยู่ไหน
ครูบอกว่า “อาจจะป่วย”
แต่ผมรู้
มือถือเก่าของผมสั่น
ทั้งที่ไม่มีสัญญาณ
หน้าจอขึ้นประโยคเดียว
> [เมื่อผู้เล่นพยายามโกงผลลัพธ์ที่ “ไม่ควรถูกเปลี่ยน”
ระบบจะปกป้องสมดุล]
ผมนั่งลง
แรงเหมือนหายไปจากขา
นี่ไม่ใช่เกม
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก
ระบบไม่ได้แค่ช่วย
มัน “เลือก”
และบางการเลือก
โลกไม่อนุญาตให้แก้
---
คืนนั้น
ผมตัดสินใจทำในสิ่งที่ผมไม่อยากทำที่สุด
ผมเปิดมือถือเก่า
กดไปที่ประตูบานหนึ่งในฝัน
ที่ตอนนี้ปรากฏเป็นไอคอนจางๆ
หน้าจอเตือนทันที
> [คำเตือน: ผู้สังเกตการณ์ไม่มีสิทธิ์แทรกแซง]
การฝ่าฝืนอาจทำให้สถานะถูกเพิกถอน]
ผมหัวเราะแห้งๆ
“ก็ถ้าดูเฉยๆ แล้วมีคนหายไป
ตำแหน่งนี้ก็ไม่มีความหมายแล้วล่ะ”
ผมกดเข้าไป
หน้าจอแตกเป็นเส้น
เหมือนกระจก
แล้วผมก็เห็น—
ไม่ใช่เด็กคนนั้น
ไม่ใช่ร่าง
ไม่ใช่สถานที่
แต่เป็น “ช่วงเวลา”
ช่วงเวลาที่เขากดปุ่ม
กดยืนยัน
เลือกอัปเกรด
โดยไม่อ่านตัวเล็กๆ ใต้จอ
> [คุณยินยอมให้ระบบตัดสินแทนคุณในทุกกรณี]
ผมเข้าใจทันที
เขาไม่ได้หายไป
เขาแค่…ไม่ต้องตัดสินใจอีกแล้ว
---
ผมปิดมือถือ
มือสั่น
แต่ใจนิ่งอย่างประหลาด
ถ้าระบบยังอยู่
ถ้ามันยังเลือกคนที่กำลังอ่อนแอ
งั้นบทบาทของผม
ไม่ใช่ผู้เล่น
ไม่ใช่ผู้สังเกตการณ์เฉยๆ
แต่คือ
คนที่ “เตือน”
ก่อนใครสักคนจะกดยอมแพ้ชีวิตตัวเอง
ผมลุกขึ้น
พรุ่งนี้ผมจะไปหาเด็กคนนั้น
คนที่ถามผมเรื่องข้อความแปลกๆ
ไม่ใช่เพื่อห้าม
แต่เพื่อบอกความจริงทั้งหมด
เพราะบางที
การโกงที่อันตรายที่สุด
ไม่ใช่การโกงโลก
แต่คือ
การยอมให้บางอย่าง
ใช้ชีวิตแทนเราเช้าวันนั้น
ผมไปหาเด็กคนนั้น
เด็กที่มือถือสั่นในมือ
เด็กที่ระบบเลือก
เหมือนครั้งหนึ่งมันเคยเลือกผม
เขานั่งอยู่หลังอาคารเรียน
หน้าซีด
สายตาว่างเปล่า
ผมไม่พูดอ้อม
ไม่เลี่ยง
ไม่ทำเป็นฮีโร่
ผมเล่าให้เขาฟังทั้งหมด
ตั้งแต่วันแรก
ตั้งแต่สิ่งที่ได้
จนถึงสิ่งที่หายไป
เขาฟังเงียบๆ
แล้วถามคำถามเดียว
“แล้วพี่รอดมาได้ยังไง”
ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง
ก่อนตอบความจริงที่หนักที่สุด
“พี่ไม่รอดหรอก
พี่แค่เลือกเสีย…
ในแบบที่ยังเป็นตัวเอง”
เขาก้มมองมือถือ
นิ้วค้างอยู่เหนือหน้าจอ
> [ยืนยันการอัปเกรด — ใช่ / ไม่]
โลกทั้งใบเงียบลงอีกครั้ง
เหมือนวันนั้น
วันที่ผมต้องเลือก
ผมไม่ได้ห้าม
ไม่ได้จับมือ
ไม่ได้ตะโกน
ผมแค่พูดประโยคเดียว
ช้าๆ ชัดๆ
“ถ้านายกดใช่
ชีวิตจะง่ายขึ้น
แต่จะไม่มีใครถามนายอีกเลยว่า
‘นายอยากเป็นอะไร’”
นิ้วเขาสั่น
แล้วเลื่อนออกจากหน้าจอ
เขากด
ไม่
มือถือดับลงทันที
เหมือนของผมในวันนั้น
เขาหายใจแรง
เหมือนคนเพิ่งกลับจากใต้น้ำ
---
คืนนั้น
ผมฝันอีกครั้ง
ห้องโถงสีขาว
ประตูมากมาย
แต่คราวนี้
หลายบานปิดตาย
หลายบานสลายเป็นฝุ่น
มีเสียงเดิมดังขึ้น
ครั้งนี้…ฟังดูอ่อนลง
> “ระบบถูกสร้าง
เพื่อช่วยมนุษย์หลบความเจ็บปวด
แต่เราเรียนรู้ช้าเกินไปว่า
ความเจ็บปวดคือส่วนหนึ่งของการมีอยู่”
ประตูบานสุดท้าย
ที่เคยมีชื่อผม
ค่อยๆ หายไป
> “ผู้สังเกตการณ์
ทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว”
ผมตื่น
พร้อมความรู้สึกเบา
เหมือนวางของหนักที่แบกมานาน
มือถือเก่าบนโต๊ะ
กลายเป็นแค่เศษพลาสติก
ไม่มีไฟ
ไม่มีสัญญาณ
ไม่มีความลับ
---
วันเวลาผ่านไป
ไม่มีเด็กหายอีก
ไม่มีข่าวลือ
ไม่มีปาฏิหาริย์
ชีวิตยังยาก
ยังพลาด
ยังแพ้
แต่ทุกการตัดสินใจ
กลับมาหาเจ้าของมัน
ผมสอบไม่เก่งขึ้นทันที
ไม่ได้ชนะทุกอย่าง
ไม่ได้เป็นคนพิเศษ
แต่ผมรู้สึกได้ทุกอย่าง
ผิดก็รู้ว่าผิด
เจ็บก็รู้ว่าเจ็บ
สำเร็จก็รู้ว่า
มันเป็นของผมจริงๆ
บางคืน
ผมยังนึกถึงคำถามหนึ่ง
ถ้าวันนั้น
ผมกด “ใช่”
ชีวิตจะดีกว่านี้ไหม
ผมไม่รู้
และผมไม่จำเป็นต้องรู้
เพราะผมได้คำตอบที่สำคัญกว่าแล้ว
โลกอาจไม่ยุติธรรม
ชีวิตอาจไม่ใจดี
แต่ตราบใดที่เรายังเลือกเอง
ความหมายของมัน…ยังเป็นของเรา
และนั่นแหละ
คือชัยชนะเดียว
ที่ไม่ต้องโกง
ภาค2
ผมได้พลังโกง…เพราะกดรับของผิด!ภาค2
โลกไม่พังในวันที่ระบบหายไป
ไม่มีฟ้าผ่า
ไม่มีข่าวด่วน
ไม่มีใครล้มทั้งยืน
มันแค่…เงียบลง
เหมือนเครื่องจักรยักษ์ที่เคยทำงานตลอดเวลา
แล้วมีใครสักคนกดปุ่มปิด
โดยไม่มีเสียงเอะอะ
ผมใช้ชีวิตต่อ
ในโลกที่ไม่เหลืออะไรพิเศษ
แต่โลกไม่ลืม
แม้ผมจะพยายามลืมมันก็ตาม
---
ผมโตขึ้น
โรงเรียนเปลี่ยน
เพื่อนเปลี่ยน
เรื่องที่ต้องรับมือ…ใหญ่ขึ้น
ปัญหามันไม่ใช่แค่สอบตก
หรือโดนครูดุอีกต่อไป
มันคือความล้มเหลวจริง
การตัดสินใจที่ผิดจริง
ผลลัพธ์ที่ไม่มีปุ่มย้อนกลับ
ผมเริ่มเข้าใจว่า
เหตุผลที่ระบบเคยมีอยู่
ไม่ใช่เพราะมนุษย์ขี้โกง
แต่เพราะมนุษย์ “กลัวการรับผิดชอบ”
---
คืนหนึ่ง
หลายปีหลังจากภาคแรกจบลง
ผมได้งานพิเศษในโกดังเอกสารเก่า
ของหน่วยงานรัฐเล็กๆ ที่ไม่มีใครสนใจ
งานน่าเบื่อ
เงินน้อย
แต่ผมชอบ
เพราะที่นี่ไม่มีใครคาดหวังอะไรจากผม
จนคืนหนึ่ง
ขณะจัดแฟ้ม
ผมเจอเอกสารชุดหนึ่ง
ไม่มีชื่อหน่วยงาน
ไม่มีตรา
มีแค่รหัส
PROJECT OBSERVER
หัวใจผมเต้นแรง
ทั้งที่บอกตัวเองว่าไม่เกี่ยว
ผมเปิดอ่าน
> “ระบบช่วยตัดสินใจอัตโนมัติ
ถูกยกเลิกอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ผู้ทดสอบทั้งหมดกลับสู่ภาวะปกติ
แต่ยังคงพบ ‘ผลตกค้างทางพฤติกรรม’”
ผมนั่งลงทันที
ผลตกค้าง…
> “ผู้ที่เคยใช้ระบบ
จะมีแนวโน้ม ‘รับรู้ความเสี่ยงล่วงหน้า’
โดยไม่สามารถอธิบายได้
เรียกกลุ่มนี้ว่า
อดีตผู้เชื่อมต่อ”
ผมยิ้มขม
เขาให้ชื่อผมแล้ว
แม้ผมจะไม่อยากได้มัน
---
คืนนั้น
โทรศัพท์ผมดัง
เบอร์แปลก
เสียงปลายสายเรียบ
นิ่ง
เหมือนคนที่ไม่จำเป็นต้องรีบ
“เรารู้ว่าคุณเคยเป็นผู้สังเกตการณ์”
ผมไม่ถามว่าเขาเป็นใคร
เพราะคำถามนั้นไม่มีประโยชน์
“ระบบตายแล้ว” ผมตอบ
“ผมไม่เกี่ยว”
เขาหัวเราะเบาๆ
“ระบบไม่ตาย
มันแค่ไม่เชื่อฟังอีกต่อไป”
ประโยคเดียว
ทำให้ทุกอย่างที่ผมพยายามวางลง
กลับมาหนักอีกครั้ง
---
พวกเขาพาผมไปที่ห้องใต้ดิน
ไม่มีโลโก้
ไม่มีป้าย
มีแค่จอจำนวนมาก
แต่ไม่มีข้อความ
ไม่มีคำสั่ง
ไม่มีอินเทอร์เฟซ
มีเพียง “ผลลัพธ์”
อุบัติเหตุ
การตัดสินใจผิด
เหตุการณ์ที่ควรหลีกเลี่ยงได้
แต่ไม่มีใครหลบ
ชายคนนั้นพูดกับผมตรงๆ
“ตั้งแต่ระบบหายไป
โลกมีอิสระมากขึ้น
และอัตราความเสียหาย…สูงขึ้นตาม”
ผมกำหมัด
“นั่นไม่ใช่ข้ออ้าง
สำหรับการเอาระบบกลับมา”
เขาส่ายหัว
“เราไม่ได้จะเอามันกลับมา
เราจะสร้างใหม่
โดยไม่มีปุ่ม ‘ปฏิเสธ’”
---
ผมเข้าใจทันที
ภาคแรก
ระบบล้มเพราะมนุษย์ยังมีสิทธิ์เลือก
ภาคนี้
พวกเขาจะลบ ‘การเลือก’ ออกไป
---
“คุณคือกุญแจ”
เขาพูด
“คุณเป็นคนเดียวที่เคยอยู่ระหว่าง
มนุษย์
กับระบบ
โดยไม่ยอมเป็นทั้งสอง”
ผมเงียบ
“เราต้องการให้คุณช่วย
ฝึกระบบเวอร์ชันสุดท้าย
ระบบที่ไม่ถาม
ไม่ลังเล
และไม่ผิดพลาด”
ผมหัวเราะ
ครั้งนี้ไม่มีอารมณ์ขันเลย
“คุณเรียกนั่นว่า ‘ไม่ผิดพลาด’
แต่ผมเรียกมันว่า
โลกที่ไม่มีใครรับผิดชอบอะไรอีกเลย”
---
คืนนั้น
ผมกลับบ้าน
นอนไม่หลับ
ผมรู้แล้วว่าทำไม
อดีตผู้เชื่อมต่ออย่างผม
ถึงไม่เคยรู้สึกปกติจริงๆ
เพราะเมื่อคุณเคยเห็น
ว่าการตัดสินใจถูก “ยืม” ไปได้
คุณจะไม่เชื่อคำว่า ‘จำเป็น’ อีก
---
วันสุดท้าย
ผมกลับไปหาพวกเขา
ไม่ใช่เพื่อช่วย
แต่เพื่อจบ
ผมขอเข้าไปในห้องควบคุม
เพียงลำพัง
จอทั้งหมดเปิดขึ้น
ไม่ใช่ด้วยข้อความ
แต่ด้วย “ความเป็นไปได้”
ผมเห็นโลกที่ระบบกลับมา
โลกที่ไม่มีอุบัติเหตุ
ไม่มีความผิดพลาด
ไม่มีใครตัดสินใจผิด
และผมเห็นอีกโลกหนึ่ง
ที่ยุ่งเหยิง
เจ็บปวด
ไม่ยุติธรรม
แต่…มีชีวิต
ระบบเวอร์ชันสุดท้าย
ถามผมเป็นครั้งแรก
ไม่ใช่บนจอ
แต่ในหัว
> “คุณต้องการลดความสูญเสียหรือไม่”
ผมตอบทันที
“ผมต้องการให้มันมีความหมาย”
> “ความหมายไม่สามารถคำนวณได้”
“งั้นก็อย่าคำนวณมัน”
---
ผมดึงสายหลัก
ไม่ใช่เพื่อทำลายระบบ
แต่เพื่อผูกมันไว้กับสิ่งเดียว
ที่มันไม่สามารถแทนที่ได้
ความลังเลของมนุษย์
ผมบังคับให้ระบบ
ต้องรอ
ต้องถาม
ต้องไม่แน่ใจ
ถ้ามันจะอยู่
มันต้องเจ็บเหมือนเรา
ไฟดับ
เสียงเตือนดัง
ระบบไม่ล่ม
แต่ไม่สมบูรณ์อีกต่อไป
ชายคนนั้นมองผม
ไม่โกรธ
ไม่ดีใจ
“คุณทำให้มันอ่อนแอ”
ผมส่ายหัว
“ผมทำให้มันเป็นมนุษย์
เท่าที่ระบบควรเป็นได้”
---
หลายเดือนต่อมา
โลกยังไม่ดีขึ้นทันที
ยังพลาด
ยังเสีย
ยังร้องไห้
แต่ไม่มีระบบไหน
กล้าตัดสินใจแทนใครทั้งหมดอีก
ผมกลับไปใช้ชีวิตธรรมดา
ไม่มีตำแหน่ง
ไม่มีบทบาท
ไม่มีใครรู้ว่าผมทำอะไร
และนั่น…คือรางวัลเดียว
ที่ผมยอมรับ
บางคืน
ผมยังฝันถึงหน้าจอ
แต่ไม่มีปุ่ม
ไม่มีคำสั่ง
มีแค่คำถามเดียว
ที่ลอยอยู่เฉยๆ
> “ถ้าไม่มีใครโกงให้คุณ
คุณยังเลือกแบบนี้ไหม”
ผมยิ้ม
หลับตา
และตอบในใจ
“ใช่
เพราะครั้งนี้
ผมเลือกเอง”
ภาค3
ผมได้พลังโกง…เพราะกดรับของผิด!ภาค3
โลกไม่ต้องการระบบอีกต่อไป
และระบบ…ก็ไม่ต้องการโลกแล้ว
นั่นคือข้อสรุป
ที่ไม่มีใครเขียนลงในรายงาน
แต่ทุกคนที่เคยอยู่ใกล้มัน
ต่างรับรู้ตรงกัน
หลังจากวันที่ผม “ทำให้ระบบลังเลได้”
มันยังคงอยู่
แต่ไม่เคยตัดสินใจแทนใครได้อีกเลย
มันถาม
มันรอ
และบ่อยครั้ง…มันเงียบ
มนุษย์เรียกสิ่งนั้นว่า “ความล้มเหลว”
แต่ผมรู้ดี
นั่นคือครั้งแรก
ที่มันเริ่มมีศีลธรรม
---
ผมใช้ชีวิตต่อ
เหมือนคนธรรมดาอย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่มีใครตาม
ไม่มีใครเฝ้า
ไม่มีใครเรียกผมว่าอดีตผู้สังเกตการณ์อีก
แต่บางสิ่ง…ไม่ยอมจบง่ายๆ
ไม่ใช่ระบบ
ไม่ใช่องค์กร
ไม่ใช่โครงการลับ
เป็น “คำถาม”
คำถามที่ไม่มีใครอยากถาม
เพราะมันไม่มีคำตอบที่สบายใจ
ถ้าระบบไม่ควรตัดสินใจแทนมนุษย์
แล้วมนุษย์ที่ไม่กล้าตัดสินใจเองล่ะ
ควรทำยังไงกับพวกเขา?
---
คำถามนั้น
กลับมาหาผม
ในคืนฝนตกคืนหนึ่ง
เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
นั่งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ
กอดเข่า
มือถือในมือแตก
แต่ยังเปิดค้างอยู่
หน้าจอสีดำ
มีแค่ประโยคเดียว
> [คุณต้องการให้ใครสักคนเลือกแทนหรือไม่]
ไม่ใช่ระบบเดิม
ไม่ใช่โค้ดเดียวกัน
แต่ผมรู้ทันที
มนุษย์…กำลังพยายามสร้าง “ทางลัด” ใหม่
โดยไม่เรียกมันว่าระบบ
ผมนั่งลงข้างเธอ
ไม่ถามชื่อ
ไม่ถามเรื่อง
ผมถามคำถามเดียว
ที่ผมเคยถูกถาม
เมื่อหลายปีก่อน
“ถ้าไม่มีใครเลือกแทน
เธอจะเลือกอะไร”
เธอสั่น
น้ำตาไหล
และพูดคำที่ผมกลัวที่สุด
“หนูไม่อยากเลือกเลย”
---
ตรงนั้นเอง
ผมเข้าใจทุกอย่าง
ภาคแรก
คือเรื่องของการโกงชีวิต
ภาคสอง
คือเรื่องของการคืนอำนาจการเลือก
และภาคนี้…
คือเรื่องของสิ่งที่ยากที่สุด
การอยู่กับการเลือกของตัวเอง
โดยไม่หนี
---
ผมไม่ปฏิเสธเธอ
ผมไม่บอกว่า “ต้องสู้”
ผมไม่บอกว่า “ต้องเข้มแข็ง”
ผมบอกความจริง
แบบที่ไม่มีระบบไหนกล้าพูด
“มันจะผิด
มันจะพลาด
และมันจะเจ็บ”
เธอมองผม
เหมือนกำลังรอฟังคำปลอบใจ
แต่ผมพูดต่อ
“แต่ถ้าเธอไม่เลือก
จะมีใครบางคน
ใช้ชีวิตแทนเธอไปเรื่อยๆ
จนเธอไม่รู้แล้วว่า
อะไรเป็นของเธอจริงๆ”
เธอก้มมองหน้าจอ
นิ้วแตะปุ่มยืนยันค้างไว้
แล้วเธอก็…ปิดเครื่อง
ไม่ใช่เพราะผม
ไม่ใช่เพราะคำพูดสวยๆ
แต่เพราะเธอร้องไห้
และร้องไห้ได้
โดยไม่มีใครแก้ให้
---
หลังจากคืนนั้น
ผมเริ่มเห็นมันทุกที่
แอป
AI
ระบบช่วยคิด
คำแนะนำอัตโนมัติ
ทั้งหมดไม่ได้เลว
ทั้งหมดไม่ได้ผิด
แต่มันเริ่มมีสิ่งหนึ่งเหมือนกัน
คือการบอกมนุษย์ว่า
“ไม่ต้องคิดเองก็ได้”
ผมไม่ได้ต่อต้านเทคโนโลยี
ผมไม่ได้รณรงค์
ผมไม่ได้เตือนโลก
ผมทำแค่สิ่งเดียว
ที่ผมทำได้ดีที่สุด
ผมถาม
ทุกครั้งที่มีใครขอคำตอบจากผม
ผมจะถามกลับว่า
“ถ้าไม่มีผม
คุณจะเลือกอะไร”
บางคนโกรธ
บางคนหนี
บางคนขอบคุณ
แต่ไม่มีใคร
กดตกลงโดยไม่รู้ตัวอีก
---
คืนสุดท้าย
ของเรื่องทั้งหมด
มาถึงอย่างเงียบงัน
ไม่มีฝัน
ไม่มีประตู
ไม่มีห้องสีขาว
แค่เสียงในหัว
เสียงเดิม
ที่ผมไม่ได้ยินมานาน
> “คุณคิดว่ามนุษย์พร้อมแล้วหรือยัง”
ผมไม่ถามว่า “ใครพูด”
เพราะมันไม่สำคัญแล้ว
ผมตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ยัง”
เสียงนั้นเงียบไป
เหมือนรอคำต่อ
“แต่มนุษย์ไม่จำเป็นต้องพร้อม
เพื่อจะรับผิดชอบชีวิตตัวเอง”
เงียบอีกครั้ง
นานมาก
แล้วคำสุดท้ายก็มาถึง
> “ถ้าอย่างนั้น
ระบบทั้งหมดจะถูกยกเลิกอย่างถาวร”
ผมหลับตา
ไม่รู้สึกดีใจ
ไม่รู้สึกชนะ
แค่รู้สึกว่า
มันถึงเวลาแล้วจริงๆ
> “ไม่มีผู้สังเกตการณ์
ไม่มีผู้เล่น
ไม่มีทางลัด”
ผมพยักหน้า
แม้ไม่มีใครเห็น
“แบบนั้นแหละ
ถึงจะเรียกว่าชีวิต”
---
เช้าวันถัดมา
โลกเหมือนเดิม
คนยังพลาด
ยังผิด
ยังเสียใจ
แต่ทุกการตัดสินใจ
มีเจ้าของชัดเจน
ผมเดินไปตามถนน
ผ่านผู้คน
ไม่มีใครรู้ว่าผมเคยทำอะไร
และนั่น
คือการคืนสิ่งสุดท้าย
ให้โลก
การไม่ต้องมีใครพิเศษ
มาคอยแก้ชีวิตแทนใครอีก
ผมไม่เคยได้พลังโกงอีกเลย
และผมหวังว่า
โลกนี้จะไม่ต้องการมันอีก
เพราะถ้าชีวิตต้องพึ่งทางลัด
เพื่อจะเดินต่อได้
งั้นบางที
เราควรชะลอฝีเท้า
แล้วถามตัวเองใหม่ว่า
เรากำลังเดินไปไหน
และเรายังอยากเป็นคนที่เลือกอยู่ไหม
ภาค4ตอนอวสาน
ผมได้พลังโกง…เพราะกดรับของผิด!ภาค4
หลังจากวันที่ระบบทั้งหมดถูกยกเลิก
โลกไม่ได้ดีขึ้นทันที
มันก็ยังยุ่ง
ยังเสียงดัง
ยังเต็มไปด้วยคนที่ทำผิดพลาดซ้ำๆ
เหมือนเดิมทุกอย่าง
แต่มีบางอย่างหายไป
อย่างถาวร
คำว่า
“น่าจะมีอะไรช่วยได้มากกว่านี้”
---
ผมใช้ชีวิตต่อ
จนวันหนึ่ง
ผมแก่พอ
ที่จะไม่ถูกเรียกว่า “เด็กที่เคยเกี่ยวข้องกับบางอย่าง”
อีกต่อไป
ไม่มีใครจำชื่อระบบ
ไม่มีใครพูดถึงผู้สังเกตการณ์
เรื่องทั้งหมดกลายเป็นแค่ข่าวเก่า
ในแฟ้มที่ไม่มีใครเปิด
และนั่น…
คือสิ่งที่ผมหวังไว้ตั้งแต่ต้น
เพราะถ้าคนยังจำ
มันอาจถูกสร้างใหม่
---
ผมทำงานธรรมดา
สอนหนังสือ
ไม่ใช่วิชาพิเศษ
ไม่ใช่จริยธรรม
ไม่ใช่ปรัชญา
ผมสอนแค่การตั้งคำถาม
ไม่ใช่คำถามยิ่งใหญ่
แค่คำถามเล็กๆ ที่ไม่มีใครสอนให้ถาม
“ถ้าผิด
คุณรับไหวไหม”
เด็กบางคนหัวเราะ
บางคนเงียบ
บางคนไม่ตอบ
ผมไม่เร่ง
ไม่เฉลย
ไม่บอกว่าคำตอบที่ดีควรเป็นอะไร
เพราะผมรู้แล้ว
การไม่รีบให้คำตอบ
คือการให้เกียรติการเลือกของอีกฝ่าย
---
วันหนึ่ง
เด็กคนหนึ่งยกมือถาม
“ครูครับ
ถ้าโลกมันไม่ยุติธรรม
แล้วเราควรทำยังไง”
ห้องเรียนเงียบ
ผมไม่เห็นหน้าจอ
ไม่เห็นข้อความ
ไม่เห็นตัวเลือก
ผมเห็นแค่เด็กคนหนึ่ง
ที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิต
ผมตอบช้าๆ
ด้วยคำตอบที่ไม่มีระบบไหนเคยเขียนไว้
“เราก็ยอมรับว่า
มันไม่ยุติธรรมจริงๆ”
เด็กทำหน้างง
ผมพูดต่อ
“แล้วค่อยถามตัวเองว่า
ถึงมันจะไม่ยุติธรรม
เรายังอยากเป็นคนแบบไหนอยู่ดี”
---
คืนนั้น
ผมฝันเป็นครั้งสุดท้าย
ไม่ใช่ห้องสีขาว
ไม่ใช่ประตู
ไม่ใช่เสียงในหัว
ผมฝันถึงตัวเอง
ตอนยังเด็ก
ตอนที่กดปุ่มรับของผิด
โดยไม่รู้ว่า
มันจะเปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล
เด็กคนนั้นเงยหน้ามองผม
แล้วถามคำถามง่ายๆ
“ถ้าย้อนกลับไปได้
จะกดมั้ย”
ผมนั่งลงข้างเขา
มองหน้าจอในมือ
ที่ตอนนี้มืดสนิท
ผมตอบอย่างซื่อสัตย์ที่สุด
“กด
เพราะถ้าไม่กด
เราคงไม่รู้ว่า
ทางลัดมันน่ากลัวแค่ไหน”
เด็กคนนั้นยิ้ม
แล้วค่อยๆ จางหายไป
---
เช้าวันถัดมา
ผมตื่นขึ้นมา
ด้วยความรู้สึกแปลกใหม่
ไม่โล่ง
ไม่หนัก
ไม่ว่างเปล่า
แต่ “พอดี”
ผมไม่ต้องเฝ้าระวัง
ไม่ต้องเตือน
ไม่ต้องกลัวว่า
จะมีใครสร้างระบบขึ้นมาอีก
เพราะผมรู้แล้วว่า
ตราบใดที่มนุษย์ยังถามตัวเองได้
ระบบแบบนั้น
จะไม่มีวันสมบูรณ์พอจะครองโลก
---
หลายปีต่อมา
ในห้องสมุดเล็กๆ
ผมเจอหนังสือเล่มหนึ่ง
ไม่มีชื่อผู้เขียน
ไม่มีสำนักพิมพ์
มีแค่ประโยคเดียวบนปก
> “ไม่มีใครควรใช้ชีวิตแทนใคร”
ผมยิ้ม
วางมันกลับที่เดิม
โดยไม่ยืม
บางเรื่อง
ไม่จำเป็นต้องถือไว้
แค่เข้าใจ
ก็พอแล้ว
---
ถ้าวันหนึ่ง
เด็กคนไหน
กดรับอะไรผิด
แล้วโลกเริ่มกระซิบกับเขาอีกครั้ง
ผมหวังว่า
เขาจะจำได้ว่า
ไม่มีพลังไหน
สำคัญกว่าการเลือกเอง
ไม่มีระบบไหน
ควรอยู่เหนือหัวใจ
และถ้าเขาเลือกพลาด
เลือกเจ็บ
เลือกเสียใจ
อย่างน้อย
มันก็เป็นชีวิตของเขาจริงๆ
บทสรุป
เรื่องราวทั้งสี่ภาคคือการเดินทางของเด็กคนหนึ่งที่เคยได้ “พลังโกง” จากระบบปริศนา พลังนั้นช่วยให้เขารอด ชนะ และหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดได้ แต่ต้องแลกด้วยตัวตน ความทรงจำ และสิทธิ์ในการเลือก เมื่อเขาเลือกปฏิเสธทางลัด ระบบจึงค่อยๆ สลายไป ทิ้งโลกที่ไม่สมบูรณ์แต่เป็นของมนุษย์จริงๆ ภาคต่อๆ มาคือผลลัพธ์ของโลกหลังไร้ระบบ การต่อสู้กับการคืนอำนาจการเลือก และการยอมรับว่าชีวิตที่พลาด เจ็บ และไม่ยุติธรรม คือชีวิตที่มีความหมายที่สุด สุดท้าย ไม่มีฮีโร่ ไม่มีระบบ เหลือเพียงมนุษย์ที่ต้องรับผิดชอบการตัดสินใจของตนเอง นี่คือชัยชนะที่ไม่ต้องโกง และเป็นจุดจบที่สมบูรณ์ที่สุดและเมื่อไม่มีใครเลือกแทน ไม่มีทางลัดให้พึ่งพา มนุษย์จึงต้องหันกลับ
จบบริบูรณ์