เสียงเชียร์ดังก้องในหอประชุมใหญ่ งานประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัยกำลังเข้มข้น
“ธีร์” เดือนคณะอักษร หนุ่มหน้าตาเรียบคมที่มีเสน่ห์จากความสุขุมและฉลาดหลักแหลม เดินออกมาอย่างมั่นใจ แสงไฟจับต้องร่างของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ในอีกฟากเวที “เจตน์” ดาวคณะวิศวะ ผู้ชายมาดกวน ยิ้มทีโลกละลาย ก็กำลังเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ชมไม่แพ้กัน
ทันทีที่ทั้งสองสบตากัน…บรรยากาศบนเวทีแทบจะระเบิด
ไม่ใช่ด้วยความโรแมนติก แต่ด้วยแรงท้าทาย
“หึ ยิ้มแบบนั้นคิดว่าฉันจะยอมแพ้หรือไง” ธีร์กระซิบข้างหูเมื่อเดินสวนกัน
เจตน์หัวเราะเบา ๆ “แค่ยิ้มก็ดังแล้ว นายไหวเหรอ?”
ผลประกวดวันนั้น—ผู้ชนะคือ เสมอ
กรรมการตัดสินให้ทั้งคู่เป็นตัวแทนร่วมกันในฐานะ “ดาวเดือนคู่” เพราะไม่อาจเลือกได้ว่าใครโดดเด่นกว่า
แต่สำหรับธีร์กับเจตน์ ผลนี้เท่ากับ “ประกาศสงคราม”
เพราะตั้งแต่นั้นมา ทุกคนในมหาวิทยาลัยก็จับตา ดาวกับเดือนคู่กัด ที่เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องปะทะคารมทุกครั้งไป
หลังการประกวดดาวเดือน ทั้งธีร์และเจตน์ถูกเชิญเข้าร่วมกิจกรรมมหาวิทยาลัยนับไม่ถ้วน ตั้งแต่งานเปิดบ้านคณะ ไปจนถึงการเป็นพรีเซนเตอร์โปรโมตมหาวิทยาลัย
ซึ่งหมายความว่า—พวกเขาต้องอยู่ด้วยกันแทบทุกงาน
“ทำไมทุกครั้งต้องจับฉันคู่กับนายด้วยวะ” ธีร์บ่นพลางกอดอก
เจตน์ยักไหล่ “ก็เพราะเราคือแพ็กเกจคู่ยังไงล่ะ ดาวกับเดือน…เข้าใจบ้างปะ?”
ทั้งคู่กัดกันทุกครั้งที่เจอ แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ…เมื่อถึงเวลาขึ้นเวทีจริง ๆ พวกเขากลับ “เข้าขากันได้อย่างเหลือเชื่อ”
เหมือนเป็นสัญชาตญาณที่ทำให้แค่สบตาก็รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อ
วันหนึ่ง ในการถ่ายทำวิดีโอโปรโมตที่ต่างจังหวัด ทีมงานกำหนดให้ธีร์กับเจตน์เล่นเป็น เพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือกัน
แรก ๆ ธีร์ขมวดคิ้ว “ใครมันเขียนบทแบบนี้เนี่ย ไม่สมจริงเลย”
เจตน์หัวเราะ “หรือจริง ๆ นายไม่อยากยอมรับว่าฉันพอจะเป็นเพื่อนนายได้?”
ถ่ายไปถ่ายมา บรรยากาศกลับไม่เหมือนแค่การแสดงอีกต่อไป—ตอนที่เจตน์คว้ามือธีร์เพื่อช่วยวิ่งขึ้นเขา หรือเวลาที่ธีร์เผลอปัดเหงื่อออกจากหน้าผากเจตน์โดยไม่ได้ตั้งใจ
หัวใจทั้งสองเริ่มเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
คืนนั้น หลังทีมงานเลิกถ่าย ทั้งคู่แอบขึ้นไปนั่งบนหลังคารีสอร์ต มองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและแสงจันทร์
เจตน์เอ่ยขึ้นเสียงเบา
“รู้ไหม…ฉันไม่เคยคิดเลยว่าการมีนายอยู่ข้าง ๆ มันจะทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขนาดนี้”
ธีร์หันไปมอง ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นี่พูดจริงหรือกวนตีน?”
“จริง” เจตน์ตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ไม่ใช่รอยยิ้มกวน ๆ แบบที่เคย
ธีร์เงียบไปนาน ก่อนจะถอนหายใจ
“ก็นะ…บางทีเราคงเลิกเป็นศัตรูกันชั่วคราวได้บ้าง”
หลังกลับจากทริปถ่ายวิดีโอ ธีร์กับเจตน์ก็สนิทกันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จากที่เคยเถียงกันตลอด กลายเป็นคุยกันในไลน์แทบทุกวัน
จากที่เคยอยากหลีกเลี่ยง กลายเป็นเผลอหาเหตุผลมานั่งข้างกันในห้องประชุม
เพื่อน ๆ รอบตัวต่างเริ่มแซว
“เอ๊ะ นี่ดาวกับเดือน หรือคู่รักลับ ๆ กันแน่วะ?”
ทั้งคู่ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ใบหน้ากลับขึ้นสีโดยไม่รู้ตัว
วันหนึ่ง ขณะเตรียมงานกีฬามหาวิทยาลัย เจตน์เกิดเจ็บข้อเท้าจากการซ้อม
ธีร์รีบไปหาที่ห้องพยาบาล เห็นเจตน์นั่งทำหน้ายุ่ง
“ซุ่มซ่ามจริง ๆ” ธีร์บ่น แต่กลับย่อตัวลงช่วยประคบเย็นให้
เจตน์มองคนตรงหน้า แววตานุ่มลง
“ไม่คิดเลยว่านายจะอ่อนโยนได้ขนาดนี้”
“อย่ามาพูดมาก” ธีร์ตอบ แต่หูแดงจนปิดไม่มิด
ช่วงเวลานั้นเงียบสงบ หัวใจทั้งคู่เต้นแรงกว่าปกติ เหมือนทุกอย่างรอบตัวหายไป เหลือเพียงแค่คนสองคนในห้องเล็ก ๆ
หลังงานกีฬาจบ ทั้งสองนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ที่เงียบสงัด มองไฟสนามที่เพิ่งดับลง
เจตน์เอ่ยขึ้นเบา ๆ
“ธีร์ นายเคยรู้สึกมั้ยว่า…การอยู่กับฉันมันไม่เหมือนอยู่กับคนอื่น”
ธีร์สะอึกไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบเสียงแผ่ว
“อืม…ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมนะ”
ทั้งคู่หันมาสบตากัน เงียบไปนานจนความรู้สึกบางอย่างแทบล้นออกมา แต่ยังไม่มีใครกล้าเอ่ยคำพูดที่ซ่อนอยู่
บรรยากาศงานกีฬามหาวิทยาลัยยังคงคึกคัก แต่สำหรับธีร์และเจตน์—หัวใจกลับวุ่นวายยิ่งกว่าสนามแข่ง
ตั้งแต่วันที่เจตน์เจ็บข้อเท้า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดูเปลี่ยนไปแบบแปลก ๆ
ใกล้ชิดมากขึ้น หัวเราะด้วยกันมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็มีช่วงเงียบที่เต็มไปด้วยความอึดอัด เพราะไม่มีใครกล้าพูดถึงความรู้สึกจริง
คืนวันประกวดปิดงานกีฬา ทั้งสองถูกเชิญให้ขึ้นเวทีเป็น “ดาวกับเดือน” คู่ตัวแทนอีกครั้ง
เสียงเชียร์ดังสนั่นราวกับเมื่อวันแรกที่พวกเขาพบกัน
แต่คราวนี้…สายตาที่มองกันไม่ใช่แค่การท้าทาย
มันคือสายตาที่เต็มไปด้วยบางอย่างที่พูดไม่ออก
หลังเวที ธีร์หันไปถามเสียงเบา
“เจตน์…ทำไมนายต้องยิ้มให้ฉันตลอดแบบนั้น”
เจตน์หัวเราะในลำคอ “เพราะเวลานายหงุดหงิดตอนโดนฉันยิ้มใส่มันน่ารักดีไง”
ธีร์หน้าแดงจัด หันหนีทันที “บ้า!”
คืนนั้นหลังงานเลิก ฝนตกหนักจนทุกคนรีบกลับ
เหลือเพียงธีร์กับเจตน์ที่ติดอยู่ใต้ศาลาเล็ก ๆ ข้างสนาม
เสียงฝนซ่า ๆ คล้ายปิดกั้นโลกภายนอก เหลือเพียงความเงียบและหัวใจสองดวง
เจตน์มองธีร์นิ่ง ก่อนพูดออกมา
“นายรู้มั้ย ตั้งแต่วันแรกที่เราสบตากันบนเวที…ฉันไม่ได้คิดว่านายเป็นศัตรูเลย ฉันแค่—”
“พอ!” ธีร์รีบขัด น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
“อย่าพูดออกมา…”
เจตน์ขมวดคิ้ว “ทำไมล่ะ หรือว่านาย—”
ธีร์กำมือแน่น พูดตัด
“เพราะถ้านายพูด ฉันจะไม่มีทางปฏิเสธได้อีกแล้ว…”
สายตาทั้งคู่สั่นไหว ฝนยังคงตกไม่หยุด แต่ความเงียบในศาลากลับดังชัดเจนกว่าทุกเสียง
เสียงฝนเมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ในใจของทั้งคู่
แม้วันถัดมาแดดจะสดใส แต่บรรยากาศระหว่างธีร์กับเจตน์กลับเต็มไปด้วยความเงียบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทั้งสองไม่กล้าสบตากันตรง ๆ
เหมือนกลัวว่าเพียงแค่มองก็จะทำให้สิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจถูกเปิดเผย
ค่ำวันนั้น หลังเลิกซ้อมงานใหญ่ของมหาวิทยาลัย เจตน์ยืนรอธีร์อยู่ที่สนามหญ้า
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินออกมา เขาตัดสินใจไม่หนีความรู้สึกอีกต่อไป
“ธีร์” เจตน์เรียกเสียงมั่นคง “ฟังฉันหน่อย”
ธีร์หยุดเดิน หันมาด้วยสีหน้าลังเล
“จะพูดอะไรอีกล่ะ เมื่อคืนมันก็ชัดเจนพอแล้วไม่ใช่เหรอ”
เจตน์ส่ายหน้า ก้าวเข้าไปใกล้
“ไม่…มันยังไม่ชัดพอสำหรับฉัน ถ้าฉันไม่พูดออกไป นายอาจจะไม่มีวันรู้จริง ๆ”
ลมหายใจทั้งคู่ใกล้กันจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่าย
เจตน์เอ่ยออกมาชัดถ้อยชัดคำ
“ฉันชอบนาย…ตั้งแต่วันแรกที่เราสบตากันบนเวทีนั่นแหละ
ไม่ใช่เพราะอยากเอาชนะ แต่เพราะนายทำให้ฉันหยุดมองไปทางอื่นไม่ได้เลย”
ธีร์เงียบไป ดวงตาไหววูบ ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย ก่อนค่อย ๆ ตอบ
“นายมันบ้า…บ้าที่ทำให้ฉันต้องรู้สึกเหมือนกัน”
เจตน์ยิ้มกว้าง โล่งใจจนหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
เขาก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด ยื่นมือออกไป
“งั้นเลิกแข่งกันเถอะ มาเดินไปข้างหน้าด้วยกันแทนได้มั้ย”
ธีร์มองมือที่ยื่นมา แล้วหัวเราะเบา ๆ พลางจับไว้แน่น
“ถ้าจะเดินไปด้วยกัน…ก็ห้ามทิ้งกันกลางทางนะ”
เสียงเชียร์ในหอประชุมวันประกาศผลโครงการใหญ่ครั้งสุดท้ายดังก้องอีกครั้ง
ดาวกับเดือนยังคงยืนเคียงข้างกัน—แต่คราวนี้ไม่ใช่ในฐานะคู่แข่ง
ทว่าในฐานะ คู่รัก ที่เลือกจะก้าวผ่านทุกเวทีไปด้วยกัน
จากคนที่เคยเป็นศัตรูหัวใจ วันนี้กลับกลายเป็นคนที่หัวใจไม่อาจขาดไปได้อีกแล้ว