เสียงลมหายใจแรกของฤดูหนาวพัดผ่านบานหน้าต่างห้องสมุดชั้นสาม
อากาศเย็นลงอย่างไม่ทันตั้งตัวในเช้าวันอังคารที่ดูธรรมดาเหมือนทุกวัน แต่ในความธรรมดานั้น สำหรับ “แทน” มันกลับเป็นวันที่ไม่ธรรมดาที่สุดวันหนึ่งในชีวิตของเขา
เขาเห็น “ภัทร” นั่งอยู่ที่มุมประจำข้างหน้าต่าง ท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านม่านไม้ไผ่ ภัทรใส่เสื้อไหมพรมคอเต่าสีควันบุหรี่ ผมสีเข้มชี้ฟูเล็กน้อยเพราะลมตอนเช้า มีแก้วกาแฟกระดาษวางไว้ข้าง ๆ พร้อมหนังสือเล่มเดิมที่แทนไม่เคยกล้าเดินเข้าไปถามชื่อ
แทนยืนอยู่ห่างออกมาไม่เกินสิบก้าว แต่ความลังเลในใจกลับยืดระยะนั้นให้เหมือนไกลกว่าร้อยเมตร
เขาไม่เคยคุยกับภัทรนานเกินสามประโยค
พวกเขาเจอกันในคาบเลือกเสรีเมื่อเทอมที่แล้ว นั่งติดกันเพราะที่ว่าง แต่ไม่ได้รู้จักกันจริง ๆ
ภัทรดูเงียบ ขรึม ฉลาด และเข้าถึงยาก
แทนคือคนที่พูดมากเกินไปเวลาประหม่า ขี้ลน และชอบคิดอะไรซับซ้อนในใจมากกว่าที่จะแสดงออก
แต่เขารู้ดี ว่าเขามองคนคนนี้มาตลอดหนึ่งปี
—
ในตอนแรกเขาไม่รู้ว่า "ความชอบ" เป็นยังไง
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ห้องเรียนเต็ม
ภัทรดันนั่งลงข้างเขาอีกครั้ง แล้วพูดเสียงเบาโดยไม่มองหน้า
“รบกวนนั่งด้วยหน่อยนะครับ”
เป็นประโยคธรรมดาที่เขาได้ยินมาทั้งชีวิต
แต่สำหรับแทน…ประโยคนั้นอยู่ในหัวเขาทั้งคืน
—
ตลอดทั้งเทอม เขารู้สึกเหมือนมีใครสักคนค่อย ๆ ย่องเข้ามานั่งอยู่ในใจเงียบ ๆ
โดยไม่มีเสียง ไม่มีแสงจ้า ไม่มีดนตรีโรแมนติก
มีแค่การปรากฏตัวในทุกวันจันทร์ที่ห้องเรียน
มีแค่กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่ที่ลอยผ่าน
มีแค่น้ำเสียงเรียบนิ่งเวลาตอบคำถามอาจารย์
และมีแค่…ตัวเขาเองที่รู้ว่า เขาหลงรักเข้าให้แล้ว
—
วันหนึ่ง เขาเดินผ่านห้องสมุดในตอนเย็น แล้วเห็นภัทรนั่งพิมพ์งานอยู่ตรงมุมประจำ เขาเผลอหยุดเดินแล้วมองอยู่นาน จนภัทรเงยหน้าขึ้นมาเห็น
“…แทน?”
“อะ…อื้ม”
“รอใคร?”
“เปล่า แค่เดินผ่าน”
“…จะนั่งด้วยไหมล่ะ?”
แทนยืนนิ่งไปห้าวินาทีก่อนพยักหน้า
วันนั้นเขานั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างภัทรเกือบชั่วโมงโดยไม่ได้พูดอะไร
แต่หัวใจเขาเต้นเหมือนวิ่งมาสามกิโล
—
จากวันนั้น พวกเขาเริ่มนั่งด้วยกันบ่อยขึ้น
ไม่ได้สนิท แต่ก็ไม่ห่าง
ไม่ได้เป็นเพื่อน แต่ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้า
ภัทรเริ่มยิ้มให้เวลาแทนถือหนังสือผิดเล่ม
แทนเริ่มกล้าพูดมากขึ้นทีละนิด
ภัทรเริ่มส่งลิงก์โน้ตเวลาแทนขาดเรียน
แทนเริ่มซื้อน้ำหวานเผื่ออีกแก้ว
ทุกอย่างค่อย ๆ เติบโต
เงียบ
ช้า
และลึกลงทุกวัน
—
จนกระทั่งวันหนึ่ง ภัทรพูดว่า
“เรากำลังจะเรียนจบแล้วนะ”
แทนรู้สึกเหมือนถูกเตือนอะไรบางอย่างที่เขาไม่อยากได้ยิน
ใช่…อีกไม่กี่เดือนพวกเขาจะเรียนจบ
จะไม่มีห้องเรียนให้เดินเข้ามานั่งข้างกันอีก
จะไม่มีโอกาสนั่งเงียบ ๆ ในห้องสมุดที่มุมเดิม
จะไม่มี “บังเอิญ” ในวันที่ต่างคนต่างเดินสวนทาง
แทนอยากพูดออกไป
อยากบอกว่า “อย่าเพิ่งจบได้ไหม”
หรือ “อย่าเพิ่งหายไปจากชีวิตเราเลย”
แต่เขาไม่กล้าพอ
—
วันรับปริญญามาถึง
แทนถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ ยิ้มในรูปเป็นร้อย ๆ ใบ แต่ใจกลับรู้สึกว่างแปลก ๆ
จนกระทั่งสายบ่ายวันนั้น
ภัทรเดินเข้ามาหาเขากลางสนามหญ้า
ถือซองจดหมายบาง ๆ มาให้ พร้อมพูดเบา ๆ
“ฝากไว้อ่านตอนกลับถึงบ้านนะ”
แล้วก็เดินจากไป ทิ้งแทนไว้กับหัวใจที่เต้นจนไม่เป็นจังหวะ
—
เขาเปิดซองจดหมายนั้นในตอนกลางคืน
มือสั่นจนแทบจะถือไม่ไหว
ข้างในมีแค่กระดาษแผ่นเดียว กับลายมือที่คุ้นเคย
> “ขอบคุณที่นั่งข้างกันทุกครั้ง”
“ขอบคุณที่อยู่ในฤดูเรียนของเรา”
“ถ้าเธอคิดเหมือนกัน…โทรหาฉันเมื่อไหร่ก็ได้นะ
แม้จะไม่มีโต๊ะในห้องสมุดให้เธอเดินเข้ามานั่งข้างฉันแล้ว
แต่…ตรงข้างฉันยังว่างอยู่เสมอ”
ด้านล่างมีเบอร์โทรศัพท์ของภัทรเขียนด้วยดินสอ
ตัวเลขสิบตัวธรรมดาที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า “เรา”
แทนยิ้มทั้งน้ำตา
ฤดูเรียนจบลงแล้ว
แต่ฤดูของหัวใจเขาเพิ่งเริ่มต้น
และเขา…จะไม่ปล่อยให้ “ข้างกัน” นั้นเป็นแค่ความทรงจำ
---
จบ