. ในค่ำคืนหนึ่งที่เงียบสงบไร้ซึ่งแสงจันทร์และแสงของดวงดาวมีเพียงแต่ท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงใดๆ แต่ในขณะเดียวกันมีปราสาทที่ดูโบราณแต่กลับสะอาดราวกับเพิ่งถูกสร้างขึ้นมาไม่นานได้มีแสงไฟเล็กๆจุดประกายขึ้นมาจากมือของชายที่ใส่ชุดดำกับเสื้อคลุมสีดำอย่างมิดชิดที่ซ่อนอยู่ในห้องแนวญี่ปุ่นโบราณที่อยู่ด้านในปราสาทแห่งนี้
"ในที่สุด"
"ในที่สุด!!!"
"สิ่งที่ท่านผู้นั้นต้องการ!!!"
"ข้ายินดีจะถวายชีวิตเพื่อท่าน!!!"
. สิ้นประโยคของชายชุดดำเขาก็เริ่มพูดพึมพำอะไรบางอย่างที่ไม่เป็นภาษาหรือไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นภาษาอะไรกันแน่
. ในขณะเดียวกันเสียงฝีเท้าที่วิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งรีบ ทั้งตื่นตระหนก แล้วกระวนกระวาย ได้วิ่งเข้ามาเพื่อเปิดประตูพร้อมพูดว่า
"แกเป็นใคร!!!"
"มันสายไปแล้ว"
. ชายชุดดำพูดพร้อมยิ้มให้เห็นถึงใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในผ้าคลุม ใบหน้าที่ซ่อนอยู่นั้นแสดงให้ถึงดวงตาที่เบิกกว้างแล้วรอยยิ้มที่ยิ้มอย่างปิติยินดี ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าคนนึง
"พวกแกทุกคนต้องตาย"
"นี่คือจุดประสงค์ของท่านผู้เป็นใหญ่ในโลกมืด"
. สิ้นสุดคำของชายผู้นี้ประกายแสงเล็กๆนั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นไฟที่ลุกไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บริเวณนั้น
. แน่นอนรวมไปถึงชายชุดดำคนนั้นด้วย
.
.
.
"คางูยะ!"
"ค่ะ!!!"
. เสียงของหญิงสาวผมสีทองที่ดูสวยงามราวกับแม่พระเลยก็ว่าได้ ได้เรียกเด็กหญิงตัวเล็กๆ ผมสีม่วง เหมือนเด็กประถมไม่มีผิด แต่สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้งสองคงจะเป็นหูที่ยาวและแหลมราวกับอยู่ในเทพนิยาย
"แฮกๆๆ"
. มีเสียงหอบของเด็กสาวตัวน้อยที่หนูโตกว่าคางูยะเล็กน้อย มีผมและทาเป็นสีน้ำตาล
"คะ...คุณหนูอยู่นี่เองหรอคะ!"
. เสียงของเด็กสาวยังคงหอบอยู่เนื่องจากวิ่งตามหาเด็กสาวอีกคนมาได้สักพักแล้ว
"คุจัง! ไม่เป็นไรใช่มั้ย!!"
"ก็...แค่เหนื่อยนิดหน่อยเองค่ะ"
. ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงของเธอยังคงแสดงถึงความเหนื่อยของเธออยู่
"คุซาโกะพยายามหาลูกแทบแย่เลยนะ"
"ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงนะคะ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ!"
. เด็กสาวได้ให้อภัยเด็กสาวอีกคน"
"แต่ว่าลูกมาทำอะไรอยู่ที่นี่หรอ!"
"ก็หิ่งห้อยมันสวยนี่นา"
"อย่างกับดวงดาวของวันนี้เลย!"
. ที่ที่เด็กสาวทั้งสองและหญิงสาวกำลังยืนอยู่เป็นทุ่งหญ้าใกล้ๆกับปราสาทโบราณแห่งนี้ ทุ่งหญ้าถูกประดับไปด้วยหิ่งห้อยมากมาย แล้วต้นไม้ใหญ่ 2 ต้นที่อยู่ใจกลางของทุ่งหญ้า แต่ต้นไม้ทั้ง 2 ต้นเป็นต้นไม้ที่พิเศษไม่เหมือนต้นไม้ต้นอื่น แทนที่จะเติบโตเหมือนต้นไม้ปกติ แต่ทั้ง 2 ต้นกลับเติบโตโดยลำต้นของทั้งสองไขว้กันเป็นเกลียวขนาดใหญ่ ทั้งสองออกดอกตลอดทั้งปี ต้นหนึ่งออกดอกเป็นสีชมพูมีกลีบที่เป็นเอกลักษณ์ ส่วนอีกต้นเป็นดอกสีม่วงที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆออกดอกเป็นช่อยาวลงมาจากต้น
"แม่ค่ะ"
"ดอกไม้พวกนั้น..."
"นายหญิง!!!"
. เด็กน้อยยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงใครสักคนแทรกขึ้นมา
"มีอะไร?"
"ไฟไหม้ครับ!! ไฟกำลังไหม้ปราสาทอยู่!!!"
"รีบบอกให้ทุกคนอพยพออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!!!"
"ครับ!!!"
. สิ้นสุดการสนทนาก็ได้เกิดระเบิดขนาดใหญ่เกือบเท่าประสานดังนี้
"ทั้งสองคนหนีไปซะ"
"แล้วแม่ละคะ!"
"ไม่ต้องห่วงแม่หรอกแม่สัญญาแม่จะกลับไปหาลูกแน่ๆ"
"คุซาโกะพาคางูยะหนีไปให้ไกลที่สุด"
"แล้วก็..."
"อย่าหันหลังกลับมาเด็ดขาด"
"ค่ะนายหญิง"
. คุซาโกะได้พาคางูยะหนีเข้าไปในป่าที่อยู่ใกล้ๆ กับทุ่งหญ้า แต่ถึงอย่างนั้นสาวน้อยร่างเล็กก็คงยังเรียกหาผู้เป็นมารดาของเธออย่างเศร้าสร้อย ส่วนเด็กสาวอีกคนกลับทำได้เพียงแค่หลั่งน้ำตาให้กับนายหญิงของเธออย่างไม่มีทางเลือก
. หญิงสาวได้วิ่งกลับเข้าไปในปราสาทของตนราวกับมีบางอย่างต้องทำให้เร็วที่สุด
[โปรดติดตามตอนต่อไป]
.
.
.
แถม
"พูด"
("คิด")
"ฮิ!ฮิ!"
"55555555555555555555555555ฯลฯ"
"ก็รู้ตัวดีนี้ว่าเวทย์ถนัดของแกใช้ที่นี่ไม่ได้"
. คำดูถูกคำเยาะเย้ยจากหญิงสาวที่ใส่ชุดคลายกับชายชุดดำกำลังพูดกับหญิงสาวคนหนึ่ง
"ใช้ชั้นรู้"
"แต่แกลืมอะไรไปรึเปล่า"
"ชั้นไม่ได้ใช้ได้แค่เวทย์พืชซักหน่อย"
.
.
.
. หญิงสาวในชุดนอนสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากเตียงพร้อมกับเสียงหอบราวกับไปวิ่งมา
("คะ...แค่ฝันหรอ?")
. หญิงสาวผู้มีตาสีม่วงและผมสีม่วงยาวถึงต้นขาได้ลุกขึ้นจากเตียงสีขาวของเธอที่อยู่ตรงกลางของห้องไปยังโต๊ะไม้แกะสลักที่อยู่ตรงทางด้านซ้ายของเตียงเมื่อหันหน้าเข้าหาเตียง
. หญิงสาวได้เปิดสมุดบันทึกเล่มหนึ่งขึ้นมา
...[ไดอารี่]...
...วัน พุธ ที่ 10 เมษายน ศ. 2019...
ผ่านมา 5 ปี แล้วหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ความฝันแปลกๆ นั้นมันเหมือนชัดเจนมากขึ้นและเหมือนจริงมากขึ้นเช่นกัน ราวกับชั้นยังอยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้นทุกๆวัน แต่ยังไงก็ตามวันนี้เป็นวันที่ชั้นต้องไปหาแม่สินะ หวังว่าจะผ่านไปด้วยดีไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ
. หญิงสาวได้หันไปมองรูปที่อยู่บนตู้ข้างๆเตียงนอน พร้อมกับลุกขึ้นไปหยิบภาพที่ประกอบไปด้วยตัวเธอเมื่อตอนเด็ก เพื่อนสาวของเธอ พี่ชาย พี่สาว พ่อและแม่ มีฉากหลังเป็นงานเทศกาลปีใหม่ที่ทุกคนดูสนุกสนานและครื้นเครง
"..."
"อยากอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนเมื่อก่อนจัง"
. เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงที่พูดขึ้นเพื่อเริ่มบทสนทนา
"คุณหนูค่ะ"
"คุจังหรอ?"
"คุณหนูใหญ่ คุณชายใหญ่ และคุณผู้ชายกลับมาแล้วนะคะ"
"คุณหนูเองก็ได้เวลาเตรียมตัวเพื่อไปเยี่ยมนายหญิงแล้วนะคะ"
"เข้ามาก่อนสิคุจัง"
.
.
.
7:00 น.
. หญิงสาวผมสีม่วงใส่ชุดกิโมโนสีดำลายดอกสีขาวได้เปิดประตูเข้ามาในห้องทานอาหารที่อยู่ชั้นล่างของปราสาท เสียประตูดังขึ้นทำให้คนที่นั่งทานอาหารอยู่ที่โต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันมามองหญิงสาวที่อยู่หน้าประตู
"มาแล้วหรอ"
"นี่โมจิอย่าพูดห้วนๆหน้าตายๆแบบนั้นสิมันโคตรจะไม่ใช่ตัวนายเลยนะ"
"หุบปากแล้วเลิกเรียกตรูว่าโมจิซักทีเหอะ!!"
. ชายหนุ่มที่มีผมและตาสีม่วง ตัวสูงยาวเข่าดี แต่งชุดสูทไปออกงาน ลุคแบดบอยหน้านิ่งๆ แต่จริงๆแล้ว...ปากเหมือนนักเลงท้ายซอยบวกกับป้าข้างบ้านหน่อยๆ ได้ทะเลาะกับหญิงสาวผมสีเขียวลอนยาวถึงกลางหลัง ตาสีทองเป็นประกาย แต่งชุดกระโปรงสั้นดูเรียบง่าย มองเผินๆดูเป็นผู้ใหญ่ แต่เอาจริงๆก็ชอบจับผิดชาวบ้านชาวช่องเหมือนอาม่าข้างบ้านสุดๆ
"อย่าไปสนโมจิเลยเนอะ ปากของโมจิมันไม่ต่างกับพวกเด็กหลังห้องและเด็กแว้นท้ายซอยเลย"
"เลิกเรียกตรูว่าโมจิซักที ตรูชื่อว่าโมจิโกะเฟ้ย! ยัยเคียวโฮ"
"บุ—โด—โกะ เฟ้ย!!!"
"ก็สายพันธุ์เดียวกันไม่ใช่หรอ"
"พอเลยทั้งคู่ ไม่อายเด็กเลยหรอหะ"
"แหม~อย่าดุเลยน้าาา นะๆ"
. หญิงสาวผมสีเขียวลอนยาวมัดมวยต่ำแบบหลวมๆ
ดวงตาสีฟ้าสดใสราวกับท้องฟ้ายามบ่าย สวมชุดเดรสสีน้ำเงินอ่อนกระโปรงสั้น ได้พูดขัดจังหวะชายหญิงทั้งสองคนแต่แล้วชายหนุ่มผมสีม่วงและดวงตาสีม่วงที่เหมือนท้องฟ้ายามเที่ยงคืน สวมชุดสูทเช่นเดียวกับชายอีกคน ได้พูดขัดหญิงสาวด้วยน้ำสิ่งที่กวนตีน
"เฮ้ย"! อุซะ!"
"อะไรหรออายะจัง~"
. น้ำเสียงที่กวนตีนและกวนไปถึงเส้นประสาทที่อยู่ลึกที่สุดของอีกฝ่าย ทำให้ฝ่ายหญิงหัวใจสูบฉีดเลือดจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาจากศีรษะและแขนที่กำหนดเตรียมพร้อมบวกกับอีกฝ่ายราวกับจะเอาให้ตาย พร้อมคิดในใจว่า ("ถ้ากูอยู่กับมึงสองต่อสอง มึง! มึงดับคาตีนกูแน่!")
. ฝ่ายชายสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่มาจากสายตาของหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน เรากลับจากบอกอีกฝ่ายว่า ("ชะตากรรมของมึงได้ขาดก็วันนี้แหละ! ") ทำเอาชายหนุ่มผวากันไปเลยทีเดียว
"นี่ๆ มิราๆ "
"ว่า?"
"อาอุซะกับแม่คิดอะไรกันอยู่อะ?"
"ไม่รู้สิ"
"ไม่รู้หรือไม่อยากบอกกันแน่เนี่ย!"
. หญิงสาวทั้งสองที่หน้าเหมือนกันราวกับแกะ แม้กระทั่งผมสีบลอนด์เป็นลอนยาวเหมือนกันแล้วดวงตาสีฟ้าสดใสที่ได้มาจากผู้เป็นแม่เหมือนกัน ต่างกันก็แค่คนหนึ่งไว้ผมแสกข้างแล้วติดกิ๊บ แต่งชุดกางเกงขาสั้นที่บานจนเหมือนเป็นกระโปรง ส่วนอีกคนดูเงียบๆไว้ผมหน้าม้า แต่งชุดกระโปรงยาวไปถึงเข่า กำลังคุยกันอยู่...มั้ง?
"น้าๆๆๆ บอกหน่อยจิ!"
"..."
"บอกหน่อยน้า~"
"ว่าแต่...ไม่มานั่งกินหรอคายะ"
"น...นั่นสินะ"
. สิ้นเสียงของหญิงสาวที่ยังยืนอยู่ตรงหน้าประตู ผู้ที่อยู่ร่วมโต๊ะทานอาหารได้หันมาทางเดียวกันพร้อมกับนึกขึ้นได้ว่า ("คายะ/คางูยะยังไม่ได้กินข้าวเลยนี่หว่า!!!")
.
.
.
. หลังจากอาหารที่โต๊ะหมดไป ได้มีบทสนทนาขึ้น
"วันนี้ทุกคนไม่ไปเยี่ยมแม่กันหรอคะ?"
"วันนี้เป็นวันประชุมของสภานะ ทั้งพ่อกับอายะก็ต้องไป"
"แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นายน่ะน่าจะลองคุยกับยามิดูอีกทีละ"
"ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ตามที เจ้านั้นคงไม่ให้อภัยแน่ๆ"
. ใบหน้าที่โศกเศร้าของชายหนุ่มแม้จะยิ้มอยู่ก็ตามแต่สีหน้าและท่าทางก็บ่งบอกได้ชัดเจน
"แหวะ! อยากจะอ้วก!"
"พูดอย่างนี้ได้ยังไงหะ!!!"
"แล้วทำไม! มีปัญหาหรอ!!!"
"กูพ่อมึงนะเว้ย!!"
"ก็มันจริงนี่หว่า! ถ้าไม่เป็นแบบนี้ก็จีบผู้หญิงติดไปนานแล้ว"
"แก!!!!"
. การเปิดศึกของสองพ่อลูกหัวม่วงกำลังจะเริ่มขึ้น ภายในห้องรู้สึกได้ถึงความร้อนและความเย็นสลับกันไป แต่ศึกนี้ก็ถูกขัดจังหวะด้วยวงแหวนเวทย์สีเขียวบนพื้นที่ทั้งสองยืนอยู่
. เมื่อทั้งสองเห็นแสงจากวงเวทย์แล้ว แต่ถ้าว่าก็ไม่มีเวลาให้หนีเพราะวงเวทย์ได้ซักเถาวัลย์มาพันธนาการชายหนุ่มทั้งสองเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
"ฝีมือแกใช่มั้ยเคียวโฮ!!"
"ชื่อบุ—โด—โกะ ค่ะ คุณอิโมโมจิ"
"ไม่สนโว้ย! ปล่อยตรูเดี๋ยวนี้นะเฟ้ย!!!"
("อะไรแบบนี้ได้แม่มาเต็มๆเลยนะ")
...****************...
นอกเรื่องแป๊บ
อิโม\=หัวมัน/เซ่อซ่า/ไม่ได้เรื่อง
โมจิ\=ขนมญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง
ที่นี่ก็น่าจะแปลได้แล้วเนอะ
งั้นเข้าเรื่องกันต่อ
...****************...
8:00 น.
. หญิงสาวผมสีม่วงกับหญิงสาวผมสีน้ำตาลในชุดเมด ได้เดินตามทางเดินลายหินด้านข้างทางเดินปลูกประดับไปด้วยเสาหินที่สูงไม่เกินความสูงของมนุษย์ทั้งสองข้างทาง พวกเธอทั้งสองเดินจนไปถึงเสาหินต้นนึงที่สลักชื่อไว้ว่า "คิโนะ ซากุระ"
. หญิงสาวทั้งสองวางดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนและสีขาวในช่อเดียวกันลงตรงหน้าเสาหินต้นนั้น สักพักน้ำตาของทั้งสองได้ไหลออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย แม้ทั้งสองจะพยายามเช็ดน้ำตาและกลั้นน้ำตามากเท่าไหร่ น้ำตากลับยิ่งไหลลงมามากขึ้นเท่านั้น
. ท้ายที่สุดทั้งคู่ได้นั่งหลั่งน้ำตาให้กับผู้เป็นแม่และผู้เป็นนายของตัวเองตรงหน้าเสาหินที่มีชื่อของผู้มีพระคุณของทั้งสอง
.
.
.
. ณ ห้องมืดห้องหนึ่ง มีหญิงสาวผมสีดำคนหนึ่งได้สนทนากับหญิงสาวที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องนั้น
"นี่คือรายชื่อนักเรียน ปี 1 คลาส เมอร์ลิน ห้อง คิกุ ค่ะอาจารย์แองเจลีก้า"
...รายชื่อนักเรียน ปี 1 คลาส ??? ห้อง คิกุ...
อุมิโนะ โซระ
คามินทร์ คิริโกะ
คามิโอนะ คากามิ
คิโนะ ฮานะ
กิงฮิโระ โทริ
ชิโระ เนะโกะฮิเมะ
ซึกิโนะ คางูยะ
ซึจิ คุซาโกะ
ฟุยูคิโนะ ยูกิ
10.ยูเมะโนะ มิราอิ
11.โยโซระ ฮารุ
12.ริบอน คิอิโระ
"น่าสนใจดีนิ"
"นักเรียนประจำคลาสของชั้น"
. คำพูดที่ให้ความรู้สึกแอบแฝงของหญิงสาวผมสีเทาอ่อนที่อยู่ในห้องทำงานส่วนตัวด้วยใบหน้าที่มีเล่นัยและอยากรู้อยากเห็นพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้อดสงสัยไม่ได้กับความคิดภายในจิตใจของเธอ
.
.
.
21:00 น.
...[ไดอารี่]...
สุดท้ายวันนี้ชั้นกับคุจังก็ไม่ได้บอกอะไรกับแม่อีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากให้พ่อไปด้วยจัง ไม่ใช่แค่พ่อ ชั้นอยากให้ทุกคนไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
แต่ก็ช่วยไม่ได้แฮะ พี่ชายก็ต้องเป็นผู้สืบทอดต่อจากพ่อ ส่วนพี่ใหญ่ก็ต้องไปคุมพี่ชายไม่ให้หนีไปเถลไถลที่ไหนอีก ส่วนฮาจังกับมิจังก็ต้องเป็นผู้สืบทอดต่อจากป้าแล้วก็น้า แต่ถึงยังงั้นชั้นกับพี่ใหญ่ก็ถอนตัวออกไปแล้ว แต่ก็นะ ยังไงก็ยังมีสิทธิ์ในการได้ไปอยู่ในสภาอยู่ดี แต่คิดไปคิดมาก็ชั้นขอผ่านดีกว่าตำแหน่งนี้คงจะไม่เหมาะสมกับฉันเลยสักนิด ไม่แม้แต่นิดเดียว
. เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำลายบรรยากาศของหญิงสาวผมสีม่วงในชุดนอนกระโปรงยาวสีขาวไล่ไปม่วงอ่อนๆ
"คุณหนูค่ะ! ได้เวลาเข้านอนแล้วนะคะ"
. หญิงสาวผมสีน้ำตาลในชุดนอนสีขาวกระโปรงเลยเข่าดูเรียบง่ายเข้ามาบอกเวลาอีกฝ่าย
"คุจัง"
"ค่ะ?"
"คืนนี้เรามานอนด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนได้หรือเปล่า"
. หญิงสาวคนคิดอยู่ได้สักพักก่อนจะตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
"ค่ะ"
...****************...
เริ่มขี่เกียจแล้วอะ
คางูยะ:("ที่นี่ที่ไหน")
คางูยะ:("แล้วชั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง")
คางูยะ:"นี่!!!"
คางูยะ:"นายไม่เป็นอะไรใช้มั้ย?!"
. เธอเห็นชายคนหนึ่งบาทเจ็บสาหัส มีแผลตามร่างกาย เลือดของชายคนนั้นไหลออกมาไม่ยอมหยุดราวกับสายน้ำ
"เจ้าหนีไปซะ!!!"
คางูยะ:"แต่ว่าแผลนายมัน!!!"
"ไม่ต้องสนใจข้า!! เจ้ารีบหนีไปซะ!!! โอ..."
.
.
.
คางูยะ:"แต่ว่า!!!"
"หวา!!!"
คางูยะ:"..."
. เสียงสะดุ้งตื่นของคางูยะทำให้อีกเสียงที่อยู่ในมุมมืดของห้องส่งเสียงร้องออกมา
"คือ...เออ—คือว่า—"
คางูยะ:"ฮาจัง?"
ฮานะ"ช...ชั้นไม่ได้ทำให้เธอตื่นใช่ไหม?"
ฮานะ:"ก็แบบ...แบบว่าฉันเข้ามาแบบตามใจชอบนี่เนอะ!"
คางูยะ:"ไม่หรอก"
คางูยะ:"ชั้นสะดุ้งตื่นเองนะ"
คางูยะ:"แต่ว่ามาทำไมที่ห้องชั้นหรอ?"
ฮานะ:"คือว่า"
ฮานะ:"มิราบอกว่าที่ห้องชั้นจะมีวิญญาณเด็กมาหาชั้นแหละ!"
คางูยะ:"ไม่ใช่ว่าโดนหลอกอีกหรอ?"
ฮานะ:"ไม่รู้แหลๆ! ยังไงซะชั้นก็จะไม่ไปนอนในห้องที่มีผีหรอก!!!"
คางูยะ:"ก็ได้ๆ แค่คืนนี้นะ"
ฮานะ:"คายะใจดีที่สุด!!!"
คางูยะ:"เบาๆหน่อยเดี๋ยวคนอื่นก็ตื่นหรอก"
. หลังจากนั้นทั้งคู่ก็หลับอย่างสบายใจ...มั้ง(อีกแล้ว!!!)
.
.
.
คางูยะ:"ที่นี่มัน!!"
คางูยะ?:"แม่ค่ะๆ"
ซากุระ:"ว่าไงหรอจ๊ะ"
คางูยะ?:"แม่อ่านอะไรอยู่หรอเห็นอ่านมันทุกวันเลย"
ซากุระ:"เล่มนี้หรอ อืม~ มันเป็นเรื่องของเจ้าหญิงกับชายธรรมดาคนนึงนะ"
คางูยะ?:"เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยค่ะ?!"
ซากุระ:"งั้น กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีลูกสาวของเทพผู้เป็นกษัตริย์แห่งสรวงสวรรค์ นามว่า โอริฮิเมะ ได้พบรักกับหนุ่มชาวบ้านธรรมดาๆ คนนึง นามว่า ฮิโกโบชิ ที่อาศัยอยู่อีกฟากของแม่น้ำอามาโนะคาวะ หลังจากที่ทั้งสองได้แต่งงานกัน ทั้งคู่ไม่ทำงานทำการและหน้าที่ที่เคยทำเหมือนแต่ก่อน กษัตริย์จึงแยกพวกเขาออกจากกันไม่ให้เจอกันอีก"
คางูยะ?:"อะไรกันเนี่ยใจร้ายอ่ะ!"
ซากุระ:"แต่มีตำนานอยู่ว่าในวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี ทั้งคู่จะได้เจอกันที่สะพานข้ามแม่น้ำอามาโนะคาวะนะ"
คางูยะ?:"แต่วันนั้นมีแค่ปีละหนไม่ใช่หรอ!!!"
ซากุระ:"แต่ยังไงตำนานมันก็แค่ตำนานละเนอะ"
คางูยะ?:"แต่มันน่าเศร้านี่นาเจอกันแค่ปีละหนเอง"
ซากุระ:"งั้นวันทานาบาตะปีนี้ก็มาขอให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตดีมั้ย?"
คางูยะ?:"อือ!!!"
.
.
.
คางูยะ:"อืม~"
. หญิงสาวตื่นขึ้นมาพร้อมกับลุกขึ้นไปที่โต๊ะและเก้าอี้ตัวเดิมเพื่อเขียนอะไรบางอย่างเหมือนเคย
...ไดอารี่...
......วัน ศุกร์ ที่ 19 เมษายน 2019......
เมื่อคืนชั้นฝันแปลกมากๆ โดยเฉพาะฝันครั้งแรกของคืนเหมือนหนังย้อนยุคเลย แล้วมีผู้ชายคนนึงชั้นจำหน้าตาของเค้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เค้าเรียกชั้นว่า โอ... อะไรซักอย่างเนี่ยแหละ แล้วก็ฝันอีกอย่างนึงเป็นฝันที่ชั้นเห็นแม่เล่าตำนานในนิทานโปรดของแม่ให้ชั้นฟัง แล้วมันจะเป็นอดีตแต่ก็เป็นความทรงจำที่ดีมากเลยล่ะ
คางูยะ:("เอ๊ะ! น้ำตามัน")
คางูยะ:("แค่นึกถึงความฝันที่เกี่ยวกับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นน่ะนะ")
.
.
.
8:00
บุโดโกะ:"ทุกคนพร้อมกันหมดแล้วใช่มั้ย"
ทุกคน:"อืม!!!(คุซาโกะ:"ค่ะ!!!")"
อุซะ:"งั้นไป world academic กันเลย"
. เสียงเฮฮาก่อนออกเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวทุกคนต่างแต่งชุดเครื่องแบบนักเรียนของห้องคิกุ(สีม่วง)
...****************...
*เครื่องแบบนักเรียนหญิงจะเป็นเสื้อแขนยาวสีขาว ปกคอเสื้อโค้ง คอเสื้อประดับด้วยโบว์สีตามห้องลายสก๊อต เสื้อคลุมแขนยาวสีตามห้องคอแขนกว้างเป็น 2 เท่าของขนาดรอบข้อมือ กระโปรงยาวเกือลถึงเข่าสีตามห้องลายสก็อต กางเกงสีดำยาวถึงครึ่งน่อง ถุงเท้ายาวถึงเข่าสีขาวปักลายดอกไม้ประจำห้อง รองเท้านักเรียนสีดำ*
*เครื่องแบบนักเรียนชายจะเป็นเสื้อแขนยาวสีขาว ปกคอเสื้อเป็นมุมฉากเอียงจะแนวระนาบ 45° คอเสื้อประดับด้วยเน็กไทสีตามห้องลายสก๊อต เสื้อคลุมแขนยาวสีตามห้อง กางเกงสีดำ ขาดเข็มขัดสีขาว ถุงเท้าสีขาว ร้องเท้าสีน้ำตาล
...****************...
...ไดอารี่...
วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรก แต่เห็นว่าปฐมนิเทศจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้จะเป็นวันทำกิจกรรมของคลาสทางเลือก แน่นอนว่ากิจกรรมนั้นจะเป็นกิจกรรมเฉพาะของปี 1 แล้วปี้อื่นๆห้ามบอกว่ากิจกรรมที่ว่านั้นคืออะไร อย่างเซ็ง...
.
.
.
บุโดโกะ:"ยินดีต้อนรับสู่ SAR"
โมจิโคะ:"Special Administrative Region"
บุโดโกะ:"อยากอวดความรู้จะได้มั้ยโมจิ"
โมจิโคะ:"อย่าเรียก..."
ฮานะ:"คือว่า..."
ฮานะ:"ตอนนี้มัน 12:30 น. แล้วนะคะแล้วก็พวกเรา..."
. ฮานะพูดยังไม่ทันจบเสียงท้องร้องของทุกคนก็ได้ร้องขึ้นมา
บุโดโกะ:"งั้นไปโรงอาหารกันก่อนเนอะ"
.
.
.
. ณ ลานกว้างแห่งหนึ่งในโรงเรียน ถ้าจะพูดให้ถูกก็คงจะเป็นล้านกว้างสนามประลองซะมากกว่า ในสนามมีเหล่าเด็กปี 1 คลาส ??? จาก 12 ห้อง ห้องละ 12 คน รวม 144 คน ในลานกว้างของสนาม พื้นที่คนนั่งเต็มไปด้วยนักเรียนห้องต่างๆ จากปีต่างๆ ที่ไม่ใช่ปี 1 และคณะครูอาจารย์ที่สอนในวิชาพิเศษต่างๆ ทั้งหมดรวมกันยังไม่ถึงครึ่งสนาม แต่เสียงเซียร์ของนักเรียนปีต่างๆ กลับดังสนั่นกึกก้องไปทั่วสนามประลอง
"แฮะแฮม!!!"
. เสียงของชายชราสวมชุดนักบวชสีขาว ค่อยๆกางเขนขนาดเท่าฝ่ามือสีเงิน ผมสีขาวแซมน้ำตาล ดวงตาสีฟ้า ส่งเสียงกระแอมที่ทำให้ทุกคนในสนามอยู่ในความสงบและหันไปสนใจที่ตัวของต้นเสียงได้ แน่นอนว่าทุกคนยกเว้นเด็กปี 1 บางคนอะนะ
"ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบ"
. สิ้นเสียงของชายชราสนามได้ปกคลุมไปด้วยความเงียบไปสักครู่ก่อนที่เจ้าตัวจะพูดขึ้นมาว่า
"สวัสดีนักเรียนและคุณครูทุกท่าน กระผมพระสันตะปาปาครุส แอนโทนี่ จะขอประกาศการประลองรอบแรกของนักเรียนปี 1 เพื่อจัดห้อง ณ บัดนี้"
นักเรียนปี 1 ทุกคน:("การประลองบ้าอะไรวะเนี่ย!!!")
ครุส:"การประลองจะเป็นการสุ่มปี 1 โดยรวมทั้งหมด 12 ห้อง ห้องละ 12 คน รวมทั้งหมด 144 คน ออกมาเป็นคู่เพื่อให้มาประลองกัน แต่ไม่ต้องห่วงเพราะทางเราได้กางเขตแดนเวทย์ที่ทำให้เวลาข้างในเดินช้ากว่าข้างนอกเรียบร้อยแล้ว"
. เมื่อเสียงประกาศจบการจับฉลากให้สู้กันก็เริ่มขึ้น แต่ละคู่แข่งกันแพ้แข่งกันชนะอย่างดุเดือด จนกระทั่ง...
"อุมิโนะ โซระ ปะทะ ชิโร เนะโกะฮิเมะ!!!"
"คู่แรกที่เป็นห้องเดียวกันมาแล้ว!"
"อะไรกันดูจากสภาพก็รู้แล้วว่าใครชนะ"
"ผู้ชายคนนั้นก็ดูติ๋มๆเนอะ"
"หูกับหางแมวหรอมีเชื้อสายมนุษย์สัตว์ที่อ่อนแอแบบนั้นก็รู้ผลแล้วล่ะ"
โซระ:"ไม่เป็นไรใช่มั้ย"
เนะโกะฮิเมะ:"อืม"
. ณ สนามประลอง กลางสนามพี่ชายผมและตาสีฟ้าครามราวกับน้ำทะเล ประจันหน้ากับหญิงสาวร่างเล็ก ผมสีขาว ตาข้างสายสีเขียวมิ้น ตาข้างขวาสีเหลืองขมิ้น มีหูและหางแมวสีขาว ทั้งคู่สวมชุดนักเรียนห้องคิกุ
"เริ่มได้!!!"
โซระ:"เธอก่อนเลย"
เนะโกะฮิเมะ:"งั้นไม่เกรงใจแล้วนะโซระ!"
. เนะโกะฮิเมะพุ่งเข้าไปโจมตีด้วยความเร็วแล้วแรงที่มีอยู่ แต่อีกฝ่ายก็รับการโจมตีได้ พร้อมสวนกลับโดยเวทย์น้ำ แต่เนะโกะฮิเมะก็หลบได้ พร้อมกับใช้เวทย์เสริมแรงกระหน่ำต่อยไปที่พื้นของสนามจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้อีกฝ่ายเกือบทรงตัวไม่ทัน
"โห! สุดยอด!!"
"สูสีกันมาก!!!"
"ต้องมองใหม่แล้วแฮะ"
เนะโกะฮิเมะ:"เป็นอะไรโซระแค่นี้นายก็ไม่ไหวแล้วหรอ"
โซระ:"แค่เซเอง"
. เนะโกะฮิเมะใช้โอกาสโจมตีทีเผลอจนโซระกระเด็นไปติดกำแพงของสนาม หลังจากนั้น โซระก็ยิงเวทย์น้ำขนาดใหญ่ที่แรงมากๆ แต่ไม่ถึงกับตายสวนกลับตอนอีกฝ่ายเผลอ
โซระ:"เล่นเอาเจ็บหนักใช่เล่นนะเนี่ย"
เนะโกะฮิเมะ:"นายเองก็ไม่ต่างอะไรกันหรอก"
. ทั้งคู่ต่างลุกขึ้นมาแล้วสู้กันต่อแบบไม่มีใครยอมใคร เนะโกะฮิเมะได้โจมตีโซระอย่างต่อเนื่องทำให้ตอนนี้เธอเป็นฝ่ายได้เปรียบแบบสุดๆ
. แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็แค่รอเวลาที่จะร่ายเวทย์เท่านั้น เมื่อเวลามาถึง ลมขนาดใหญ่และแรงมากๆ ก็พัดออกมารอบๆ ตัวของโซระ ลมนั้นมีความคมเป็นอย่างมากทำให้เนะโกะฮิเมะเกิดบาดแผลจนต้องหยุดชะงัก
เนะโกะฮิเมะ:"เล่นเบาๆก็ได้นี่!!!"
โซระ:"ก็เธอเล่นผมซะนวมก่อนนี่!"
. ทั้งสองพากันเหนื่อยหอบแล้วใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว สาเหตุเนื่องมาจากคนนึงซักอีกคนซะนวม ส่วนอีกคนก็โดนซัดซะนวน และเสียพลังเวทย์ไปมากกว่าอีกฝ่าย ถึงอย่างนั้นอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้
โซระ:"ผมขอยอมแพ้"
เนะโกะฮิเมะ:"หา!!!!"
เนะโกะฮิเมะ:"นายจะบ้ารึเปล่า นายยังมีเวทย์ที่จัดการชั้นได้สบายๆ อยู่นี่!!!"
โซระ:"แต่พลังเวทย์ของผมจะหมดแล้วนะ"
เนะโกะฮิเมะ:"พูดความจริงออกมาซะโซระ ชั้นรู้นะว่านายยังเหลือพลังเวทย์อีกครึ่งนึง"
โซระ:"ก็ได้ๆ เอาจริงๆ ก็แค่ไม่อยากสู้ต่อก็แค่นั้นเอง"
เนะโกะฮิเมะ:"นายนี่แปลกคน"
"ผู้ชนะ ชิโระ เนะโกะฮิเมะ!!!"
ฮานะ:"ควรจะดีใจหรือเสียใจกันเนี่ย!"
. หลังจากนั้นมิราอิก็ให้มะเหงกกับฮานะไป 1 ที
.
.
.
"คู่ต่อไป มารุต สกุณไตรทิพย์ ปะทะ ซึจิ คุซาโกะ!!!"
. ชายผมสีดำตาสีเขียวดูมืดมนใส่ชุดนักเรียนสีฟ้า และคุซาโกะเมดประจำตัวของนางเอกสุดที่รักของผู้เขียน(เหรอ)ได้อยู่ท่ามกลางสนามแห่งนี้
. ชายที่ดูมืดมนนั้นจู่ๆ ก็ได้ยกมือขึ้น
มารุต:"ผมขอสละสิทธิ์"
. ทุกคนทั้งสนามประลองถึงกับตกใจกับเหตุการนี้เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ทุกครั้ง
คุซาโกะ:"ทำไมถึงสละสิทธิ์ละคะ?"
มารุต:"ผม...ไม่อยากทำร้ายผู้หญิง"
คุซาโกะ:"เออคือว่าคุณมาจากกรุงนภาใช่มั้ยคะ ถ้างั้นชื่อเล่นของคุณชื่ออะไรหรอคะ"
มารุต:"เรียกผมว่า มารุต ดีกว่านะ"
"ไอป๋อขี้ป๊อดวะ"
มารุต:"อะไรวะไอภูมิมึงมีปัญหากับกูหรอวะ"
ภูมิ:"อุ้ยๆๆ ร้อนตัวหรอเอง~"
มารุต:"มึงอยากตายใช่ไหมไอภูมิ"
ภูมิ:"ขอโทษกั๊บลูกพี่"
"ผู้ชนะ ซึจิ คุซาโกะ:!!!!"
...ไดอารี่...
เป็นการแข่งขันที่ดูไร้สาระสุดๆ ไปเลยล่ะ แต่ก็สุดยอดมากเลยด้วย มีคนเก่งๆ เยอะแยะเลย แถมคุจังก็โดนแอบชอบซะด้วย แต่ว่าชั้นจะชนะคนพวกนี้ได้มั้ยนะ
...****************...
อีหนูเชื่อพี่เอ็งมีสกิลนางเอกติดตัวอยู่
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!