NovelToon NovelToon

ให้พูดอีกทีจะเป็นพี่หรือเป็นแฟน

ยึด

อืดๆ อืดๆ

อือออ...กี่โมงแล้วเนี้ย ฉันค่อยๆกวาดสายตามองดูรอบๆห้องที่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่มีแสงสว่างลอดเข้ามาแม้แต่เล็กน้อยนั้นแสดงว่ายังไม่เช้าแล้วเสียงการแจ้งเตือนน้อยๆนี้ก็มาขัดการนอนของฉัน

อืดๆ อืดๆ

นี้ก็ดังจังเลยเว้ย ฉันคว้านมือหาเจ้าเสียงตัวปัญหานี้ โอ่ะอยู่นี้เอง ไหนดูสิว่ามีอะไร ตาฉันต้องเบิกโพลงขึ้งมาทันทีเมื่อเห็นภาพของเวลาที่โชว์อยู่ที่หน้าล็อคจอโทรศัทพ์

ตี4! โอ้ยนี้เช้ามากเลยนะเนี้ย

(ประภัสสร): ฟ่างไปค่ายกัน

(ประภัสสร): เราดูแล้วค่ายนี้1วันก่อนเปิดเรียนพอดีจัดที่คณะเราด้วย

(ประภัสสร): มีพี่สายฟ้ามาด้วยอะแก โอ้ยความสุขก่อนเปิดเรียนเป็นเฟรชชี่มันช่างดี

(NC):เท่าไหร่

ใช่ในหัวฉันตอนนั้นไม่ได้สนหรอกว่าใครคือสายฟ้าว่าอะไรติวหรือเฟรชชี่ฉันสนใจแค่ราคาค่ายมากกว่า เพราะตอนนี้ฉันมาอยู่หอคนเดียวฐานะทางบ้านฉันก็ไม่ได้ถือว่ารวยมาก เวลาใช้เงินก็ต้องคิดให้ดีหน่อย

(ประภัสสร): 2999 แต่ ฟ่างไม่ต้องห่วงเราจ่ายแล้วเรียบร้อยเหลือแค่ไป 8โมงเช้ามารับเราด้วยนะ

(NC): พรุ่งนี้?

(ประภัสสร): 8โมงจะถึงนี้ไงไว้เจอกันนะเพื่อนสาว

เอ้าไหนว่าพรุ่งนี้ไง ก็ว่าอยู่ทำไมมันแปลกๆเพราะพรุ่งนี้วันเปิดเรียนนิ 8โมงเช้างั้นหรอ

ตอนนี้ตี4 อีก4ชั่วโมงนอนต่อดีไหมเนี้ย

ฉันมุดหัวลงไปในผ้าห่มผืนนุ่มพยายามสูดดมกลิ่นอันคุ้นเคยนี้เพราะอีกไม่กี่วันก็จะไม่ได้นอนแช่อยู่แบบนี้แล้ว น้ำนะน้ำวันนี้อุส่าจะนอนตื่นบ่ายดื่มด่ำกับช่วงเวลาแบบนี้

ฉันกับน้ำชาเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยประถมจนมาถึงช่วงมัธยมต้น น้ำชาย้ายไปเรียนต่างประเทศกับคุณลุงแต่เราสองคนก็ติดต่อกันทางโชเชียลมาตลอด ซึ้งก็ไม่รู้ว่าน้ำไปทำอีท่าไหนคุณลุงถึงยอมให้มาเรียนมหาลัยในไทย แล้วก็ดันมาติดคณะและมหาลัยเดียวกันกับฉัน ฉันไม่ได้บอกน้ำนะว่าจะยื่นสมัคมหาลัยไหน นี้สินะเพื่อนกันขนาดลงเรียนยังติดที่เดียวกัน

ตอนนี้เป็นเวลา 7 โมงเช้าฉันก็มารับยัยเพื่อนตัวแสบอย่างน้ำ น้ำเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่สวยม๊ากบ้านน้ำอยู่ใกล้มหาลัยและด้วยเหตุผลหลายๆอย่างน้ำเลยไม่ได้ออกไปอยู่หอหรือคอนโดเองลำพัง

"สวัสดีครับหนูฟ่างมารับคุณน้ำหรอครับ"

"ใช่ค่ะ" ฉันตอบลุงชัยคนขับรถที่บ้านของน้ำแกมาเปิดประตูให้

"คุณหนูน่าจะยังไม่ตื่นคุณหนูฟ่างเข้าไปรอในบ้านก่อนก็ได้ครับ"

"ฟ่างเอาคิมสันเข้าไปได้หรอคะ"

"อ้อคุณแป้งไม่อยู่ครับไม่ต้องกังวลเรื่องเสียง"

คิมสันที่ว่านี้คือลูกรักของฉันนะถึงฐานะที่บ้านฉันจะไม่ได้ดีมากแต่ฉันก็ไม่ได้อ้อยอิ่งเกาะแม่ไปวันๆฉันหางานประจำทำจนซื้อบิ๊กไบค์ได้คันหนึ่ง ส่วนคุณแป้งคือคุณแม่ของน้ำท่านป่วยเป็นโรคหัวใจ ท่านจึงต้องการความเงียบและความเป็นส่วนตัวอย่างมาก แต่ก็อย่างว่าล่ะรถไม่แรงไม่มีแรงขับ

ฉันจัดการเอาคิมสันมาจอดที่โรงรถให้เรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าบ้านของน้ำ ทำไมรู้สึกไม่ชินทุกทีที่มาบ้านน้ำมันอาจเป็นเพราะความสวยหรือความอลังการของบ้าน นี้สินะเค้าเรียกว่าบ้านคนรวยน่ะ

"ฟ่างมาเร็วจังนี้พึ่ง7โมงเองนะ"น้ำเดินบิดขี้เกียจลงมาจากชั้นสองของบ้าน อย่างว่านะคนสวยขนาดพึ่งตื่นก็ยังสวย

"น้ำนัด8โมงนิเผื่อๆเวลา"

"โถ่เพื่อนสาว ละกินอะไรมายัง" ฉันส่ายหัวตอบเพื่อนเบาๆ น้ำเลยให้ป้าแจ่มทำข้าวเช้าให้เราทั้งคู่ก่อนจะเดินสะบัดผมขึ้นไปอาบน้ำ

ถึงฉันจะสนิทกับน้ำมากแต่ไม่รู้ว่ามาที่บ้านน้ำทีไรเป็นต้องเกรงใจทุกที ถึงน้ำจะไปเรียนที่เมืองนอกแต่ทุกเทศกาลหรือวันหยุด น้ำจะบินกลับมาที่ไทยทันที

"อ้าวฟ่างมาเช้าจัง นี้น้ำมันแกล้งอีกแล้วหรอ"

"ปล่าวค่ะพี่เปลว ฟ่างมาเช้าเอง"

พี่เปลวเป็นพี่ชายคนโตของน้ำพี่เปลวเป็นเดือนมหาลัยปีก่อนๆที่นอกจากจะหล่อแล้วยังมีความสามารถสุดๆฉลาดมากด้วยฉันจำได้ว่าพี่เปลวสอบเรียนต่อแพทย์ติดตั้งแต่อายุ 17 เลยด้วยซ้ำ พอมองย้อนไปฉันในปีสองปีที่แล้ว ยังวุ้นเก็บเงินซื้อรถให้ตัวเองอยู่เลย

"อ๋อโอเครค่ะ"พี่เปลวตอบก่อนจะเดินมานั่งข้างๆฉัน "แล้วนี้ทานอะไรมาหรือยัง" คนหน้าหล่อเอ่ยถามอย่างสุภาพ

"น้ำให้ป้าแจ่มทำให้แล้วค่ะ"

"อ่อ โอเครค่ะ" ว่าจบมือนุ่มๆของพี่เปลวก็วางลงที่หัวฉันอย่างอ่อนโยน

"พี่เปลวคะ ตอนนี้เราเป็นแค่พี่น้องกันแล้วนิคะ"

พี่เปลวถอนหายใจออกเบาๆก่อนจะดึงมือข้างสวยที่ขยับมาอยู่ไม่ถูกที่เทาไหร่ออกก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับฉันแทน

ฉันกับพี่เปลวเคยสนิทกันมากอยู่ช่วงหนึ่งไม่เชิงคนคบกันหรอกแค่รู้สึกดีต่อกัน ตอนนั้นฉันคงพึ่ง16-17ได้พี่เปลวคง19ย่าง20 ตอนนี้พี่เปลวก็ 21 แล้ว ฉันจำได้ว่าตอนนั้นพี่เปลวเป็นคนเอ่ยปากพูดว่า ขอหยุดความสัมพันธ์ของเราเอาไว้แค่พี่น้องเพราะพี่เปลวต้องโฟกัสแค่เรื่องเรียน แต่ฉันก็มารู้เอาทีหลังว่าที่จริง พี่เปลวคบกับรุ่นน้องในคณะ ซึ้งฉันก็ไม่ได้เสียใจอะไรมากขนาดนั้นหรอก แค่ฉันรู้สึกมองความสัมพันธ์ของคนสองคน พื้นฐานความไว้ใจคน และการเชื่อใจคนแย่ลงมากๆ

มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกใช่ไหมล่ะจะบอกว่าไม่โกรธก็ไม่ได้ แต่ในเมื่อฉันกับน้ำเป็นเพื่อนกัน จะมาให้เรื่องแค่นี้กระทบความเป็นเพื่อนของเราได้ยังไงล่ะ

"อ้าวพี่เปลว ยังไม่ไปเรียนอีกหรอ ละนี้มาเกาะแกะอะไรฟ่างอีกหรือปล่าวอ่ะ น้ำบอกกี่รอบแล้วอ่ะ ว่าอย่ายุ่งกับเพื่อนน้ำ" เสียงน้ำเดินบ่นมาแต่ไกล ทำเอาพี่เปลวที่กำลังดื่มน้ำเต้าหู้อยู่แทบสำลัก

"อะไรของเราน้ำพี่ไม่ได้ทำอะไรฟ่างเลยนะทำไมใส่ร้ายกันแบบนี้"

"จริงหรือปล่าวฟ่าง" ฉันพยักหน้าตอบเบาๆ

ฉันกับน้ำทานข้าวเช้าที่ป้าแจ่มทำให้ เพราะเป็นตอนเช้าป้าแจ่มเลยทำข้าวต้มทะเล ซึ้งแน่นอนว่ามันคงไม่พอสำหรับท้องปลาวาฬอย่างฉัน

ตอนนี้เป็นเวลา 8 โมงกว่าๆ ฉันกับน้ำมาถึงหน้าคณะแล้ว วันนี้ยังไม่ใช่วันเปิดเรียนอย่างสมบูรณ์ แต่ดูเหมือนว่าจะมีรุ่นพี่ และคณะอาจารย์เดินตรวจเช็คความเรียบร้อยของห้องและสถานที่เรียนอยู่ไม่น้อย

ถ้าดูจากตารางแล้วเราเริ่มติว 10 โมงเช้า นี้ก็พึ่ง 8 โมงกว่าๆ หาอะไรกินต่อดีไหมนะ ฉันสะกิดแขนน้ำที่ยังเอามือสางผมยาวๆนั้นอย่างไม่หยุด ก็ไม่ได้จะว่าหรอกนะแต่อยากให้ไปรับเองนิน่านั่งคิมสันมาแบบนี้ไม่รวบผมไว้ดีๆก่อนใส่หมวก มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ผมจะยุ่ง

"น้ำเราขอไปเซเว่นแปปหนึ่งได้ไหม"

"อ่าๆได้ ฝากซื้อน้ำมะเขือเทศมาด้วยนะ"

น้ำมะเขือเทศงั้นหรอ แค่คิดก็อืดท้องไปกว่าครึ่งแล้วถ้าเป็นมะเขือเทศสดๆนี้ว่าเลี่ยนลิ้นแล้วนะ นี้น้ำมันเลย น้ำควรได้รับการยกย้องนะเนี้ยว่ากินได้อะ ถ้าเป็นฉันนะผลิตภัณฑ์เดียวที่ทำจากมะเขือเทศแล้วฉันยอมกิน คือขนมรสมะเขือเทศห่อสีแดงๆเท่านั้นแหละ

หน้าเซเว่นทำไมวันนี้มันคึกคักกว่าปกติ คนต่อแถวรอเข้าข้างในยาวออกมาถึงถนนทางเดิน แถมยังเป็นสาวๆ ม.ปลาย อีก มีป้ายไฟอะไรเยอะแยะเต็มมือไปหมดใครมา พระเอกซีรีส์เกาหลีหรอ

นี้ก็ 9 โมงละ ถ้ากว่าจะรอสาวๆพวกนี้ต่อแถวเสร็จเที่ยงพอดีมั้ง หมวกก็ถือมาด้วยนิน่า หึขอโทษนะสาวๆ พอดีรีบ

ืืฉันใส่หมวกกันน็อคสีดำตัวสวยของฉันเเล้วเบียดร่างบางๆเข้าไปในเซเว่น ที่มีสาวๆเดินตามกรี๊ดให้ใครสักคนอยู่ตรงโซนขนม แต่ช่างเถอะเป้าหมายของฉันคือน้ำมะเขือเทศ และขนมปังของฉันเท่านั้น

น้ำมะเขือเทศๆ อ้อนี้ไง เหลือกล่องเดียวสะด้วย ฉันกำลังจะหยิบเอาน้ำมะเขือเทศกล่องนั้นแต่กลับโดนไอร้หน้าหล่อคนหนึ่งแย่งไปสะก่อน

"แย่งงี้เลยหรอ"

"ของเธอหรอ ไม่เห็นติดชื่อไว้นิ" ติดชื่อกับผีสิเห็นชัดๆว่าฉันหยิบก่อน "ไม่มีใครบอกใครสอนหรอว่าอย่าใส่หมวกกันน็อคเข้าร้าน...มันคล้ายโจรปล้น"

"ไม่มีใครบอกหรอว่าอย่าแย่งของที่มีคนจะเอาแล้วก่อน" ว่าจบฉันก็ดึงเอากล่องน้ำมะเขือเทศจากมือใหญ่ๆของหมอนั้น แล้วรีบก้าวเท้ายาวๆมาที่เคาท์เตอร์จ่ายเงิน

คิวต่อคิดเงินนี้จะเยอะไปไหนนะถึงฉันจะใจกล้าฝ่าดงสาวๆเข้ามาในนี้ได้ แต่ไอร้เรื่องต่อคิวคิดเงินนี้ใครจะกล้าแซงหน้ามึนยังไงก็ต้องมีมารยาทปะ

"โอ้ยทันปะนิ"

"หึ รีบทำไมไม่มาตั้งแต่เมื่อวาน เอามานี้"

ว่าจบหมอนั้นก็ดึงเอากล่องน้ำมะเขือเทศจากมือฉันก่อนจะเดินยิ้มๆไปที่เคาน์เตอร์สาวๆน้อยใหญ่ที่ยืนต่อคิวอยู่ ต่างหลีกทางให้อย่างอัตโนมัติ

"จะยืนเด๋ออีกนานไหมไหนว่ารีบ"

"ห..หะ"

"เด๋อจริงๆ" ว่าจบหมอนี้ก็จับแขนฉันแล้วลากออกมาจากเซเว่น แต่เดี๋ยวนะถือวิสาสะมาแตะเนื้อต้องตัวคนอื่นได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นี้ไม่มีใครสอนหรอ

"ปล่อย"

"ปล่อย?" เอ้าไอร้หน้ามึนนี้ย้อนคำพูดฉันเฉยเลย ฉันค่อยๆแกะมือเรียวๆที่เกาะเเขนฉันแน่นจนตอนนี้เริ่มปวดขึ้นมานิดหน่อยออก

"ขอบใจสำหรับน้ำ"

"น้ำ?"

"ก็ที่เดินไปคิดเงินให้ไง เอามาเรารีบ"

"บ้า ใครบอกว่าไปคิดเงินให้เธอนี้ของเราต่างหากล่ะ" พูดยังไม่ทันหุบปากด้วยซ้ำไอร้บ้านี้ก็หยิบหลอดขึ้นมาเจาะกล่องน้ำมะเขือเทศดูดเข้าปากต่อหน้าฉัน

"เห้ย นี้นาย..." เสียเวลามาตั้งเกือบชั่วโมงน้ำมะเขือเทศก็ไม่ได้ ฉันเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ ก่อนจะถอดหมวกกันน็อคออก ซึ้งตอนนี้ฉันก็ไม่ได้นึงถึงสภาพผมของตัวเองว่าตอนนี้เป็นยังไงหรอก

"อุส่าเสียเวลามา"

"เห้ย...อย่าทำเสียงแบบนั้นดิ"

"มีอะไรกันวะไนท์"

"คือกูเห็นน้องมันน่าแกล้งดีกูเลยแย่งน้ำบ้านี้มา ใครจะรู้ว่าน้องมันจะเหมือนจะร้องเลยว่ะสายฟ้า"

"เห้ยน้องพี่ขอโทษ"

ฉันได้ยินเสียพวกพี่มันคุยกันเบาๆเพราะตอนนี้เหมือนเสียงกรี๊ดของสาวๆที่ตามหวีดใครสักคนในเซเว่นดังออกมาข้างนอกแล้ว

"อยากกินมากก็กินไปเถอะ"

"น้องเพื่อนพี่บอกขอโทษไง"

"ยุ่ง" ว่าจบฉันก็เดินออกมาจากตรงนั้น

ข้าวก็หิวน้ำมะเขือเทศก็ไม่ได้ยังมาเจอคนแบบนี้อีก น้ำจะงอนฉันปล่าวนะที่ไม่ได้ซื้อมาให้

ฉันเดินมาถึงหน้าตึกของคณะก็ 10 โมงพอดีเหมือนเขาจะให้ลงทะเบียนเข้างานกันแล้ว

น้ำคงเข้าไปแล้วมั้ง หรือจะไม่เข้าดีนะขัาวก็หิวแต่ถ้าจะไปก็ไลน์บอกน้ำก่อนดีกว่าไหมนะ

ื(NC):น้ำอยู่ในงานยัง

(ปภัสสร):ใช่ๆฟ่างเดินเข้ามาเลย

น้ำบอกว่าเดินเข้ามาเลยขนาดนี้ จะบอกว่าไม่ไปก็จะแปลกๆอยู่นะ สุดท้ายฉันก็ได้เดินเข้ามาหาน้ำในงาน คนเยอะขนาดนี้น้ำอยู่ไหนนะ

"ฟ่างๆ ทางนี้ๆ" เสียงน้ำตะโกนลั่นทำเอาคนทั้งห้องหันมามองฉันเป็นทางเดียวกัน

นี้จะบอกว่าฉันโชคร้ายมากกว่าโชคดีที่ได้คนดีๆอย่างน้ำมาเป็นเพื่อนก็ไม่ผิดหรอกนะ ฉันอายคนเป็นไหมละนี้ ฉันยิ้มเขินๆก่อนจะรีบเดินมาซุกหน้าลงโต๊ะอย่างไวกับความอับอายที่เพื่อนรักของฉันได้ฝากเอาไว้

"ฟ่างช้าจังอะน้ำมาตั้งนานแล้วนะ"

"เร็วสุดละน้ำ คนมันเยอะอะ ขอโทษนะฟ่างไม่ได้ซื้อมาให้น้ำด้วย มันหมดอ่ะ"

"ไม่เป็นไรพี่ไนท์ซื้อมาให้แล้ว" ไนท์หรอชื่อมันออกจะคุ้นๆนะ "นั้นไงพี่ไนท์มาแล้ว" น้ำชี้มือไปทางหนุ่มหน้าหล่อที่สวมเสื้อช็อปสีน้ำเงินเข้มที่เดินหน้าหล่อๆมา

"เชี้ย...ย โอ้ย!!" น้ำหยิกแขนฉันจนฉันสะดุ้ง คนยิ่งผิวบางๆ แต่ที่หน้าสะดุ้งไปมากกว่านั้นคือคนหน้าหล่อที่กำลังเดินมาคือคนเดียวกันกับที่แย่งน้ำมะเขือเทศกับฉันในเซเว่นเมื่อตะกี้ยังไงล่ะ

"พูดไม่เพราะน้ำบอกกี่ครั้งละฟ่าง" น้ำหันมากระซิบ "พี่ไนท์มาแล้วหรอค่ะ"

"ใช่ครับ แล้วนี่ใครครับเพื่อนน้ำหรอ" พี่มันเอียงคอมามองดูฉันฉันว่าฉันไม่ได้คิดไปเองนะเมื่อกี้พี่มันยิ้มแปลกๆใส่ฉันขนลุกไปถึงเท้าละเนี้ย

"ใช่ค่ะนี้ฟ่า..ง ฟ่างทำอะไรของฟ่างอะ"

"ห...หะฟ่างหนาวอะน้ำ"

"จะเอาออกดีๆหรือให้น้ำดึง" ว่าจบน้ำก็เอามือมากระชากเสื้อแขนยาวของตัวเองที่ฉันเอามาคลุมหัวออก ที่ต้องใช้คำว่ากระชากเพราะตอนนี้ผมของฉันนี้ปลิวว่อนไปในอากาศหมดแล้วหนะสิ

"น้ำ!!!" คนตัวเล็กเหมือนจะตกใจเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่ฉันใช้พูดไปเมื่อตะกี้

"น้ำ...ขอโทษฟ่าง ฟ่างเป็นอะไรไหม" ว่าจบน้ำก็ยื่นมือมาจับผมฉันให้มันเข้าที่เข้าทาง

"เป็นอะไรกันหรือปล่าวครับน้องน้ำ"

"ไม่มีอะไรค่ะพี่ไนท์ พี่ไนท์ไปทำหน้าที่เถอะค่ะ"

"ได้ครับ" ว่าจบคนหน้าหล่อก็หันหลังเดินจากไป

ในการมาติวครั้งนี้ภาคเช้าก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษแค่เรื่องพื้นฐาน และมีข้อสอบนิดหน่อยซึ้งฉันก็ไม่ค่อยได้สนใจมาก ตอนมัธยมก็ไม่ได้ขนาดว่าเรียนเก่งหรอกแต่ก็พอรู้เรื่อง ซึ้งฉันค่อนข้างสมาธิสั้นแน่นอนว่าที่ติวเตอร์พูดมายากมากที่จะเข้าหูฉัน

น้ำที่เป็นคนชวนฉันมาก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สนใจเนื้อหาพอๆกันกับฉัน นี้ล่ะนะเพื่อนรัก

ส่วนพี่ไนท์ก็เดินมาหาเราสองคนอยู่บ่อยๆ

"เมื่อไรพี่สายฟ้าจะมาสักทีอะฟ่าง"

"ใครสายฟ้า" ฉันหันไปตอบน้ำ

"ก็พี่สายฟ้าไง คนที่หล่อๆ เป็นเดือนมหาลัย หล่อรวยเป็นทายาท..อือ.."ฉันเอามือปิดปากน้ำเอาไว้สะก่อนที่จะได้ฟังคุณสมบัติอันยาวระเรื่อของผู้ชายต้นเหตุที่ทำให้น้ำลากฉันมาด้วยในวันนี้

"เอาล่ะค่ะน้องๆทุกคน พี่ๆรู้นะคะว่าที่น้องๆมาในวันนี้ไม่ใช่แค่มาติวใช่ไหมค่ะ" เสียงพี่สตาฟค่ายเอ่ยอยู่บนเวที "แหม๋ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เชิญพบกับน้องสายฟ้า ที่จะมาสอนความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์คอสพิเศษของเราได้เลย คร่าา"

"กรี้ดดดด~~~" เสียงกรี๊ดของสาวๆน้อยใหญ่ที่นั่งอยู่ในห้องดังขึ้นอย่างอัตโนมัตเมื่อพี่สตาฟพูดจบ หูของฉันที่ไวต่อเสียงมากๆอยู่แล้วนั้น เหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

"ฟ่างๆ" น้ำเรียกชื่อฉันก่อนจะเขย่าเเขนฉันเบาๆ "ถ่ายรูปให้น้ำหน่อยสิ" น้ำยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ฉันก่อนจะส่งยิ้มหวานๆผ่านเลนส์กล้องมา

"ถ่ายยังไงอะน้ำ"

"ถ่ายคู่กับพี่สายฟ้าไง" แล้วฉันก็ต้องนิ่งไปพักหนึ่งกับประโยคที่เพื่อนสาวได้เอ่ยมา ก็เพราะว่าอีตาสายฟ้าที่น้ำว่ายืนหัวโด่อยู่บนเวที แล้วฉันจะถ่ายได้ยังไง

ฉันยิ้มแห้งๆให้น้ำก่อนจะกดถ่ายรูปให้เท่าที่ความสามารถของฉันจะถ่ายได้ ยังดีที่เรานั่งไม่ไกลจากเวทีมาก ไม่อย่างนั้นพี่สายฟ้าคนหล่อเท่ของน้ำคงเหลือเท่าไม้ตะเกียบ

ตอนนี้ก็ผ่านมาจะเกือบชั่วโมงแล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าสิ่งที่คนพูดอยู่บนเวทีจะดังไม่มากพอเท่าเสียงกรี๊ดที่ดังขึ้นอยู่ตลอดเวลา อะไรจะขนาดนั้นนะ นี้ขนาดตั้งใจฟังสุดๆแล้วนะ เพราะเนื้อหามันของคณะฉันล้วนๆ แต่กลับไม่ได้อะไรนอกจาก

พี่สายฟ้าค่ะ พี่สายฟ้า พี่สายฟ้า กรี๊ดๆ โอ้ย

น่าเบื่อแบบนี้ก็คงมีทางเดียวแหละฉันหยิบเอาโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายขึ้นมาจิ้มๆกดๆเกมที่ฉันเล่นเป็นประจำ เพราะถึงจะฟังไปตอนนี้ก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก เสียเวลาจริงๆเลย

ปั่ง!!

"น้องครับเข้าใจที่พี่พูดไหมครับ"

"กรี๊ดพี่สายฟ้าดุกร้าวใจมากอะแก"

"โอ้ยละลายแล้ว" เสียงรุ่นน้องที่สวมชุดนักเรียน ม.ปลายนั่งอยู่โต๊ะข้างหน้าฉันพูดขึ้นมา

ฉันยิ้มตอบหนุ่มหน้าหล่อที่น้ำอยากมาดูนักหนายืนกอดอกจ้องอยู่ต่อหน้าฉันก่อนจะหันมานั้งเล่นโทรศัพท์ต่อ

"ถ้าน้องยังเล่นอีกพี่จะยึดนะครับ"

จะยึดหรอใครจะกล้านี้โทรศัพท์ฉัน

"เห้ย" พี่แกดึงโทรศัพท์ออกไปจากมือฉันก่อนจะเก็บเข้าไปไว้ในเสื้อช็อปสีน้ำเงินเข้มพี่มันหันมายิ้มจางๆแล้วเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้บนเวทีแบบเดิมอย่างไม่แคร์เจ้าของโทรศัพท์เครื่องนั้นแบบฉันเลยสักนิดเดียว

.........................................................

นี้ไม่ใช่นิยายแบบแชทนะคะ!

แอนดรอยด์

"น้ำ!! โทรศัพท์ฟ่าง" ฉันหันไปพูดกับน้ำ ซึ่งเหมือนว่าตอนนี้น้ำไม่ได้ฟังฉันพูดอะไรเลยสักนิด นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังนั่งยิ้ม ชายตามองไอร้บ้านั่นที่เดินกลับไปบนเวทีแบบเดิม

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆจนตอนนี้จะ 4 โมงเย็นแล้ว ฉันรู้ได้ยังไงน่ะหรอ ก็เพราะว่าเอาโทรศัพท์น้ำมาดูยังไงล่ะ ความเบื่อที่ฟังไม่รู้เรื่องค่อยๆเพิ่มขึ้นมาทีละนิด จนตอนนี้กระดาษติวที่ค่ายแจก

ยับยู้ยี่เป็นรูพรุนเพราะรอยปากกาที่ฉันจิ้มๆกดๆลงไปเพื่อคลายความเบื่อหมดแล้ว

"เมื่อกี้โทรศัพท์ใครที่สายฟ้ามันเอาไป" ฉันเงยหน้าฟังเสียงพี่ไนท์ถามน้ำ คนหน้าสวยทำหน้างงๆ ก็แหง่ล่ะเล่นไม่สนใจเลยนิตอนไอร้บ้านั่นมาคงมัวแต่มองหน้าไม่มองดูสิ่งที่หมอนั่นทำสินะ

"เอ่อ โทรศัพท์ใครหรอค่ะพี่ไนท์" น้ำถาม

"เคสลายฉลามสีดำ ของเราหรือปล่าวสายฟ้ามันบอกว่ายึดมาจากโซน A5 แถวน้ำนิ"

"ฉลามสีดำ?" น้ำหันมามองฉัน "เอ่อ...ของฟ่างนิ ใช่ไหมฟ่าง"

"อือ" ฉันตอบน้ำ

"สายฟ้ามันบอกว่าจบงานไปเอาคืนอยู่ที่ห้องสตาฟ มันจะรออยู่ที่นั่น" น้ำทำตาโตก่อนจะหันมาหาฉันอีกรอบ ตาใสๆคู่นั้น สื่ออะไรได้เป็นอย่างดี

"ฟ่างไม่ว่าง ฟ่างรีบกลับให้น้ำไปเอาแทนได้ป่ะ" ฉันว่าก่อนจะเก็บปากกาใส่กระเป๋า

"ไม่ได้ มันบอกว่าเจ้าของโทรศัพท์ อีกอย่าง นอกจากจะใช้คนอื่นไปจ่ายเงินให้แล้ว ขนาดโทรศัพท์ของตัวเองแท้ๆยังจะให้เพื่อนไปอีกหรอ" พี่มันว่า

"น้ำไปได้ค่ะพี่ไนท์" คนตัวเล็กรีบตอบ

"ได๊ น้ำจะกลับพร้อมพี่เปลวใช่ไหม เดี๋ยวฟ่างไปเอาเอง" ฉันมองดูหน้าที่สุดแสนจะกวนตีนของพี่มัน คนหน้าหล่อคลี่ยิ้มออกมาบางๆก่อนจะบอกว่าห้องสตาฟอยู่ไหน

ตอนนี้ 5 โมงกว่าแล้วเจ้าของค่ายและพี่สตาฟกล่าวปิดค่ายและบอกลาเด็กๆที่มาในวันนี้ สรุปสั่นๆนะวันนี้ที่มาฉันไม่ได้ประโยชน์หรือสาระอะไรเลย นอกจากเสียเวลา โทรศัพท์ก็โดนยึด

ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง

ฉันแยกทางกับน้ำก่อนจะออกมาจากห้องติว เพื่อไปเอาโทรศัพท์คืนที่ห้องสตาฟ จากที่พี่ไนท์บอกห้องสตาฟอยู่หลังเวทีพอดี เดินเข้าไปได้เลย แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว ค่ายพึ่งเลิกถ้าหากว่ามีคนดังมาอย่างที่น้ำบอก ก็ปกติที่จะมีคนรุมไปขอถ่ายรูปขอลายเซ็นต์หลังจบงาน

ไปหาอะไรกินก่อนดีไหมนะนี่ก็เย็นมากละ แต่จะไปได้ยังไง รออีกสักหน่อยค่อยไปละกัน แต่ถ้ารอก็กลับบ้านเย็นอีก ความคิดในสมองของฉันเริ่มตีกันเรื่อยๆ จนตอนนี้ขาก็ก้าวมาถึงหน้าห้องสตาฟแล้ว

ไม่เห็นมีคนอย่างที่คิดเลยนิ ฉันค่อยๆเปิดประตูเข้าไปในห้องก่อนจะมองไปดูรอบๆว่ามีคนอยู่ไหม พี่มันหลับอยู่หรอเนี่ย ฉันมองดูคนไร้มารยาทที่ดึงเอาโทรศัพท์คนอื่นไปอย่างหน้าตาเฉย หลับอย่างสบายใจบนโซฟาในห้อง

เดินเข้าไปดูใกล้ๆหน่อยละกันว่าหลับจริงหรือปล่าวซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าจะเข้าไปดูทำไมก็แค่คนนอนปกติดูไร้พิษภัยดีนะต่างจากตอนอยู่ข้างนอกโดยสิ้นเชิง ปลายผมสีดำสนิทปลิวไหวไปตามแรงพัดลมคิ้วสวยๆคู่นี้ดูเข้ากับโครงหน้าหล่อๆของเค้า แต่ไร้มารยาทไปนิด

เดี๋ยวนะฟ่างนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการมานะเธอต้องหาโทรศัพท์สิ ไม่ใช่มามองผู้ชายนอน ฉันสลัดความคิดทั้งหมดออกจากหัวก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นมองหาโทรศัพท์ของฉันที่โต๊ะวางของภายในห้อง

บนโต๊ะมีโทรศัพท์ใครบ้างไม่รู้ที่โดนยึดมาวางเต็มไปหมด แต่มันก็ไม่ใช่ของฉัน แล้วถ้าไม่ได้อยู่บนโต๊ะแล้วอยู่ที่ไหนล่ะ อยู่กับพี่มันหรอ

ฉันเดินวนกลับมานั่งจ้องที่คนหน้าหล่อแบบเดิมก่อนจะเริ่มมองว่าพี่แกจะเอาโทรศัพท์ของฉันไว้ที่ไหน กระเป๋าเสื้อช็อปก็ไม่มี กระเป๋ากางเกงทั่งสองข้างก็ดูเหมือนจะ แต่เดี๋ยวนะนี้เข้าข่ายลวนลามไหมอะ ช่างเถอะ รีบเอารีบกลับก่อนพี่มันจะตื่นละกัน

"จะลวนลามหรอ"

"เชี่ย" แขนของฉันโดนกระชากเข้าไปหาอย่างแรงจนตอนนี้ร่างของฉันนอนทับพี่มันอยู่ ฉันพยายามจะดึงแขนออกจากมือใหญ่ๆนั้นแต่ดูเหมือนว่ามันจะกำแน่นเกินไปจนไม่สามารถกระดิกได้

"ก็นอนดูอยู่ตั้งนานว่าจะทำอะไร"

"โทรศัพท์อยู่ไหน"

"รู้ไหม ว่าการที่เค้าจ้างพี่ไปออกงานชั่วโมงละเท่าไหร่ ถึงได้เข้าใกล้ได้ขนาดนี้" พี่มันว่าเบาๆ ทั้งๆที่ตายังคงหลับอยู่

"ปล่อย มันเจ็บ" เหมือนประโยคเมื่อกี้มันจะไม่ผ่านหูของพี่มันเลยแม้แต่น้อย "ถ้าคนมาเห็นเขาจะเข้าใจผิด" ตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยลืมขึ้น ก่อนที่คนหน้าหล่อจะค่อยๆปล่อยมือ

"แล้วทำไมยังไม่ไปอีก" พี่มันว่า

"โทรศัพท์"

"สักเครื่องบนโต๊ะก็ไม่มีหรอ"

"ไม่"

"อ๊อ งั้นคงเป็นเครื่องนี้ เครื่องที่มันไม่เหมือนคนอื่น" ว่าจบพี่แกก็ล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบเอาโทรศัพท์ของฉันออกมา

"ทำไม" ว่าจบฉันก็เดินเข้าไปหยิบเอาโทรศัพท์มาจากมือของพี่มัน แล้วเดินออกไปที่หน้าประตู

"จะไม่ฟังคำตอบก่อนหรอ"

"แล้วทำไมก็พูดมาดิ" จะพูดก็ไม่พูดฉันชักเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว

"ก็เพราะมันเป็น แอน ดรอยด์" พี่มันย้ำลงตรงสองคำสุดท้าย อย่างชัดๆ

แอนดรอยด์งั้นหรอแล้วมันแปลกตรงไหน นี้บูลลี่โทรศัพท์คนอื่นหรอ ฉันไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่หันหน้าไปมองพี่มัน แล้วเดินออกมาจากห้อง

ฉันเดินกลับมาที่รถที่จอดไว้หน้าคณะ อย่างหัวเสียเพราะนี้มันก็เย็นมากแล้ว ข้าวก็หิว ใช้เวลาเปลืองทิ้งอีกแล้วสินะ

" I'm ready to play ใต้ฝุ่นคิมสัน" ฉันป้อนคำสั่งพิเศษให้กับคิมสันมองเผินๆมันอาจจะเป็นแค่รถธรรมดา แต่ฉันเอาคิมสันไปปรับแต่งที่ต่างประเทศตั้งหลายรอบ เลยได้ลูกเล่นใหม่ๆมา รวมทั้งคำสั่งเสียงสตาร์ทรถแบบไม่ต้องมีกุลแจ แค่อยู่ใกล้โทรศัพท์ที่ลงคำสั่งไว้

มันเลยง่ายมากๆแม้ฉันจะปากุลแจรถทิ้งที่ไหน ก็สตาร์ทรถติด เสียงเพราะๆของฉลามเยียวยาจิตใจฉันได้มาก ฉันค่อนข้างจะคลั่งเสียงเครื่องยนต์มาตั่งแต่เด็กแล้ว

ในที่สุดเช้าวันเปิดเรียนก็มาถึง ฉันมองดูตัวเองในกระจกอยู่หลายรอบกับตัวเองที่ใส่ชุดนักศึกษาเรียบๆ มันก็ถือว่าใช้ได้อยู่นะเนี้ยสำหรับคนที่ไม่ได้หน้าตาดีมากอย่างฉัน ก็ยังโชคดีอยู่มากที่พ่อให้ความสูงมาเยอะ แต่แม่นี้ให้ความสวยมาน๊อยเหลือเกินแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะฉันรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยที่สุดก่อนจะออกจากหอพัก เพราะไม่อยากวิ่งตาเหลือกกลับมาเอาของ ถึงจะเจอเรื่องแย่ๆบ่อย แต่ประสบการณ์เปิดเรียนวันแรกก็ต้องดีที่สุด

มหาลัยฉันมันเป็นมหาลัยที่ใหญ่ที่สุดในอีสานแล้วล่ะแต่ละคณะนี้ก็ใหญ่อย่างกับหมู่บ้านหนึ่งเลยแหละดีที่ศึกษาเส้นทางมาดี เข้าประตูทางนี้ก็ต้องผ่านคณะพยาบาลแล้วก็แพท...

ปรี๊กๆ!!!!

"เชี่ย"

โคร่ม~~

อ่ะ....เจ็บๆๆลุกไม่ขึ้นเลยหนักเกินไปแล้วนะคิมสัน

"ใต้ฝุ่นคิมสัน Not play" ฉันเอ่ยปลดล็อคคำสั่งเครื่องยนต์ของฉลามอย่างน้อยมันก็ทำให้โครงรถล้อหน้ามันหันตรงในทางที่มันจะอยู่ไม่ทับขาฉันมากจนขนาดที่ฉันจะลุกขึ้นไม่ไหว

"เป็นอะไรหรือปล่าวคุณ" เจ้าของรถคู่กรณีที่ขับรถเกือบชนฉันเมื่อกี้เดินลงมาดูฉัน ที่สภาพตอนนี้โดนคิมสันทับขาไว้จนกระดิกไปไหนไม่ได้

"มาผมช่วย"

"อย่าๆ เจ็บ"

"คุณ ถ้าผมไม่เอารถออกมันก็ทับอยู่แบบนี้"

"อือ.." ฉันตอบเสียงสั่นๆเพราะตอนนี้ฉันปวดขามาก

"ลุกไหวไหม"

"ไหว" ฉันค่อยๆลุกขึ้นเท่าที่แรงจะมี แต่มันก็ลุกไม่ขึ้นขาที่ปวดอยู่เหมือนจะปวดขึ้นมากอีก

"มาผมช่วย" ว่าจบหนุ่มคู่กรณีก็ทำท่าเหมือนจะมาอุ้มฉัน

"หยุดๆ หยุดตรงนั้นหละ โทรเรียกคนมาช่วยไม่ดีกว่าหรอ" คนหน้าหล่อทำหน้านิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะเดินไปที่ประตูคนขับ ฉันได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์เบาๆ จับใจความได้ว่ารถเกิดอุบัติเหตุอยู่ตรงที่ไหน เพราะตอนนี้ฉันใส่หมวกกันน็อคอยู่

แต่คุยนานไปไหมฉันปวดขามากๆเลยนะถึงจะเป็นตอนเช้าแต่นั่งตากแดดอยู่ตรงนี้นานๆ มันร้อนนะเว้ย ดีที่ตรงซอยนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านไปผ่านมาไม่อย่างนั้น คงมีคนมามุงกันเต็มแน่ๆเลย

"เอาหละเรียบร้อย เดี๋ยวเอารถไว้นี้ล่ะเดี๋ยวมีคนมาจัดการ ส่วนเราพี่ดูออกแหละว่าลุกไม่ขึ้น จะให้พี่พะยุงดีๆหรือให้อุ้ม" แทนตัวเองว่าพี่อย่างนั้นหรอ

"พ...พะยุง"

"อืม" พี่มันว่าก่อนจะเดินเข้ามาช่วยพะยุงฉัน แต่เพราะขาที่ปวดมากมันเลยเป็นไปอย่างทุลักทุเล

"ขี่รถคันโตแบบนี้ กลัวเจ็บด้วยหรอ"

"ไม่ได้กลัว"ฉันตอบเสียงสั่นๆ

"ไม่กลัวแต่ร้องไหร้หรอ" เจ็บขนาดนี้เป็นใครใครก็ร้อง แต่ฉันใส่หมวกกันน็อคอยู่นะรู้ได้ยังไงว่าฉันร้อง ใช้แม่ซื้อหรอ

"อิงรถพี่ไว้ก่อนแปปหนึ่ง" พี่มันว่าก่อนจะค่อยๆปล่อยมือออกจากตัวฉันแล้วเดินวนกลับไปที่ประตูฝั่งคนขับแบบเดิม

"จะเดินไปหรอ" ฉันเจ็บขนาดนี้ยังจะให้เดินหรอ ฉันคิดว่าพี่มันจะให้ใครมารับหรือเรียกรถพยาบาล

"อืมใช่ เดี๋ยวก็มีคนมาเอารถไปละ ส่วนเราอะถือนี้ไว้" พี่มันยื่นเสื้อกาวน์มาให้ฉัน เสื้อกาวน์นี่แสดงว่าคงเป็นคณะแพทย์สินะ ฉันพยักหน้าเบาๆก่อนจะรับเอาไว้

"ทีนี้ก็... ฮึบ" พี่มันอุ้มฉันขึ้นมาอย่างง่ายดาย ทั้งที่ฉันก็ไม่ใช่คนตัวเล็กขนาดนั้นนะถ้าเทียบกันจริงๆก็ตัวเกือบจะเท่าๆกันเลยนะเว้ย

"เห้ยพี่ทำอะไรของพี่ มันเจ็บนะ" ฉันว่าก่อนจะเริ่มดิ้น

"เจ็บนิอย่าดิ้น ส่วนเสื้อก็เอามาคลุมขาไว้ ย้ำอีกข้ออย่าดิ้นมันหนัก ถ้าดิ้นพี่โยนทิ้งตรงนี้ล่ะ"

"..."

"พูดง่ายดีนิ"

ฉันถูกพี่มันอุ้มมาที่ห้องทำแผลของตึกคณะแพทย์ ถึงจะในตอนเช้าคนจะไม่ค่อยเยอะมาก แต่มันก็ดึงดูดความสนใจของคนในตึกได้เป็นอย่างดี ส่วนใหญ่ก็ผู้หญิงล่ะนะเห็นวิ่งตามกันมาเป็นแถบๆ ตอนนี้ก็เกาะประตูห้องทำแผลเหมือนตุ๊กแกที่เกาะตามฝ่าหรือผนังบ้านไม่มีผิด จนอาจารย์ที่ดูแลห้องทำแผลต้องออกไปห้ามไม่รู้กี่รอบกัน

ฉันเกียจกลิ่นห้องทำแผลเป็นที่สุด กลิ่นสำลี กลิ่นน้ำยาล้างแผล หรือแม้แต่เสียงเครื่องมือต่างๆ เพราะตอนเด็กฉันเป็นเด็กที่จะเรียกว่าซนก็คงจะไม่ผิด เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น

"สวัสดีครับ...น้อง?"

"ฟ่างค่ะ" ฉันตอบหนุ่มหน้าหล่อที่เดินถือถาดอุปกรณ์ล้างแผล ที่มีสำลีชิ้นเล็กชิ้นน้อย แอลกอฮอล์ล้างแผล มายืนที่ปลายเตียงผู้ป่วยที่ฉันนั่งอยู่

"ครับน้องฟ่าง พี่ชื่อเกมส์นะเดี๋ยวพี่จะล้างแผลให้" เกมส์หรอชื่อเหมือนน้องหมาที่บ้านน้ำจัง แต่เป็นเวอร์ชั่นคนที่หล่อละมุนนะ

"มีแค่ล้างแผลใช่ไหมคะ ขานิวไม่ได้หักหรือเป็นอย่างอื่นใช่ไหม" ฉันถาม

"ต้องรอ"

"กระดูกร้าวนิดหน่อยตรงข้อต่อเท้าไม่ได้ดูแย่มาก แต่ก็คงต้องเข้าเฝือกอ่อนๆ" พี่เกมส์ยังพูดไม่จบ พี่มันก็เดินถือภาพเอ็กซเรย์เท้าฉันเข้ามาในห้องสะก่อน

"ไม่เอาอะ เข้าเฝือกขับรถไม่ได้" ฉันว่าต่อ

"เกมส์เดี๋ยวมึงออกไปดูเคสที่ตึกcnให้กูก่อนที เดี๋ยวนี้กูจัดการเอง"

"แหม๋ เพื่อนครับร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยสนใจกะอีแค่เรื่องล้างแผล ทำไมวันนี้มาแปลกครับเพื่อน" พี่มันว่าก่อนจะเดินไปหยิบเอาแฟ้มงาน

"อ้อจัดการfcมึงด้วยนะครับเพื่อน"ว่าจบพี่เกมส์ก็เดินออกไปจากห้อง

ใส่เฝือกหรอแล้วฉันจะขับรถยังไง จะเดินยังไงใช้ไม้ค้ำหรอ อาบน้ำล่ะ แค่คิดก็ยากไปหมด วุ้นวายไปหมด แล้วถ้าตอนถอดเฝือกล่ะจะเอาออกยังไง

"หมวกจะถอดออกได้หรือยัง"

"ม...หมวกหรอ อ่อ"

"พี่ชื่อไนล์แพทย์ปี4" ไนล์หรอชื่อแปลกดีนะ

"อ้อชื่อ" หมวกบ้านี้ถอดออกยากจัง ปกติออกแปปเดียวนิ

"มาพี่ช่วย"

"อืม" ฉันเอียงหัวให้พี่ไนล์ช่วยถอดหมวก เหมือนมันจะหลุดง่ายกว่าเมื่อกี้เลยแหะ

"ฟ่างปี1" พี่ไนล์ยืนถือหมวกกันน็อคแล้วยืนนิ่งไม่พูดไม่จาไปพักหนึ่ง

ทำไมนิ่งไปแบบนั้น หน้าฉันมีอะไรติดหรอ บ้าน่าเมื่อเช้าแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยนะ

"พี่ไนล์" ฉันเอ่ยปากเรียกอีกครั้ง

"ห...หะ"

"ไม่ใส่เฝือกได้ไหม ฟ่างต้องขับรถมาเรียนเอง"

"เอ่อ..."

"ได้ไหม" ฉันถามย้ำคนหน้าหล่ออีกครั้ง

"อืม งั้นล้างแผลแล้วกัน" ฉันพยักหน้าตอบพี่มันเบาๆ

ฉันเอนตัวนอนลงบนเตียงอย่างช้าๆเพราะนอกจากเท้าแล้วศอกฉันยังถลอก ถึงมันไม่ได้ใหญ่มากแต่มันก็มากพอให้เลือดกระซิบออกมา พอมาโดนผ้าปูเตียงหยาบๆที่ห้องทำแผล ความแสบจึงเพิ่มได้ดีกว่าที่ควร แค่ล้างแผลเองหรอแล้วที่ข้อเท้าเคล็ดล่ะ เดี๋ยวนะตะกี้มันเคล็ดหรือมันแตกกันนะ

"งั้นหลับตา" พี่มันเดินมาบอก

"หลับทำไมไม่ได้จะนอน..."

"งั้นก็"

ก็อก~

"โอ้ยยยยยย" ฉันตะโกนออกมาอย่างสุดแรงที่จะมีได้ พี่มันหักข้อเท้าฉันงั้นหรอ

"บอกให้หลับแล้วนะ"

"เบาพี่เบา"ฉันว่าก่อนจะขยับเท้าหนีมือพี่มันไปมา

"จะขยับอีกนานไหม"

"ก็มันเจ็บ" ฉันตอบ

"ไม่เจ็บ อยู่นิ่งๆลองดู..." พี่มันว่าเสียงอ่อนทำให้เท้าที่ขยับไปมาของฉันเริ่มจะอยู่กับที่ขึ้นมาบ้าง

เป็นใครใครก็ระแวงแหละ เล่นมาหักเท้ากันแบบนี้ พี่มันค่อยๆเอาผ้าก็อดมาพันเท้าฉันอย่างเบามือ ไม่เจ็บแล้วจริงๆด้วย มือเบาเหมือนกันนะเนี่ยพ่อคนนี้

"เรียบร้อยละ" พี่มันว่าก่อนจะคีบสำลีที่เปื้อนคราบยาล้างแผลออกจากศอกฉัน มือเบาไปหมดเลยนะเนี้ยแทบจะไม่รู้สึกเลยว่าทำแผลอยู่

ฉันพยักหน้าตอบเบาๆก่อนที่พี่มันจะเดินเอาอุปกรณ์ไปเก็บ เเขนเสื้อพี่มันเปื้อนเหลือดนิ หรือเพราะตอนที่อุ้มฉันมาที่นี้นะ

"มองอะไรขนาดนั้น" พี่มันว่า

"เสื้อ..."

"อ่อ คงตอนอุ้มเรามา" นั่นไงจริงๆด้วย "ทำไมหรอ จะซักคืนหรือไง ไม่เป็นไรหรอกพี่เกือบชนเราเองล่ะ"

ลืมเรื่องรถไปสะสนิท ป่านนี้จะเป็นไงบ้างละเนี้ย

"อ่อ พี่ลืมถามรถเรามันสตาร์ทไม่ติด น้ำมันอะไรก็ไม่ได้หมดไม่รู้เป็นอะไร" แหง๋ละก็แม่มันอยู่นี้ลูกมันจะติดได้ยังไง

"อ่อ พี่ช่วยโทรหาคนที่เอาไปซ่อมให้ทีได้ไหม"

"ได้ แปปนะ" พี่มันเดินไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะยื่นเอามาให้ฉัน

: ตูด ตูด

: (สวัสดีครับคุณหนู)

: เอ่อคือสวัสดีคะหนูเจ้าของรถเองนะคะ

:(อ่อ สวัสดีครับ รถมันสตาร์ทไม่ติดครับลุงเชคดูหมดแล้ว ไม่มีส่วนไหนเสียหายครับ)

: ลุงช่วยเดินไปใกล้ๆรถได้ไหมคะ

: (ได้ครับ สักครู่ครับ)

: (อยู่ตรงรถละครับ)

: ลุงเปิดลำโพงมือถือด้วยนะ

: (ได้ครับ)

: I'm ready to play ใต้ฝุ่นคิมสัน

: บรื่น~ (โอ้ ติดละครับคุณหนู)

ฉันยื่นโทรศัพท์คืนพี่ไนล์ คนหน้าหล่อยืนมองก่อนจะรับโทรศัพท์ไป

"ใต้ฝุ่นคิมสัน?" พี่มันว่าเบาๆ

"หื้ม"

"ปล่าว เสร็จแล้วเราจะไปคณะเลยไหม พี่จะได้ให้ลุงแกเอารถมาให้"

"รถ อ่อไป ตอนนี้กี่โมงแล้วหรอ"

"จะ5โมงเช้าแล้ว จะไปกินข้าวก่อนไปไหมล่ะ ถือสะว่าพี่เลี้ยงขอโทษ"

เลี้ยงข้าวไถ่โทษแล้วฉันหายเจ็บไหมล่ะ ถึงจะเป็นคนที่กลัวการเจ็บตัวมากแต่แผลแค่นี้ก็ยังน้อยกว่าตอนที่...

"ว่ายังไงจะไปไหม" พี่ไนล์ทำเสียงแข็งถามย้ำอีกรอบ

"ป...ไป"

ฉันนั่งเงียบตั่งแต่ออกมาจากห้องทำแผลแล้วเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี สำหรับคนแปลกหน้าแค่นั่งรถมาด้วยก็แปลกพอมากแล้ว พี่มันขับรถมาที่ร้านข้าวของทางตึกวิศวะ เพราะพี่แกบอกว่ากินเสร็จฉันจะได้เข้าตึกเรียนเลย

"ลงมาได้แล้วนั่งนิ่งนานไปไหม กลัวพี่หรือไง" พี่มันว่า ลงไปตอนไหนกันฉันส่ายหัวตอบคนหน้าหล่อที่ยืนเปิดประตูรถให้ฉันอยู่

"กลัว fcพี่มากกว่า ดูสิพูดยังไม่ทันขาดคำหันมากันหมดละ" ฉันดึงเอาเสื้อกาวน์ที่พี่ไนล์ถืออยู่มาคลุมหัว

"ไม่ต้องกลัวหรอก พี่ทำแบบนี้เป็นคนแรก" พี่มันว่าเบาๆ

"หื้ม?"

"ไปกินข้าว เดี๋ยวพี่เลี้ยง" ว่าจบพี่ไนล์ก็ถือวิสาสะจูงมือเดินนำฉันมาที่ร้านอาหาร

"เห้ย เจ็บอย่าดึง" พี่มันลืมไปหรือไงว่าฉันเจ็บเท้าอยู่ ลากอย่างกับจูงหมาไปเดิน

คนแรก กับคนที่พึ่งเจอกันนี้นะละนี้ปี4ละไม่ใช่หรอ ใครเชื่อก็เด็กน้อยแล้ว แถมจับมือชาวบ้านมั่วซั่วแบบนี้ยังไงก็โกหกชัวๆ

"รออยู่นี้ล่ะ พี่จะไปสั่งข้าวมาให้" พี่มันว่าเบาๆก่อนจะเดินไป

ละนั้นมองอะไรกันนักหนาละเนี้ย บรรดาสาวๆที่นั่งกินข้าวกันอยู่ใกล้ๆ ต่างหันมามองฉันและหันไปซุบซิบกัน อะไรมีขี้ติดหน้าฉันหรอ กี่โมงกันละนะป่านนี้น้ำคงกลายร่างเป็นช้างตกมันไปแล้วแน่ๆอุส่านัดไว้ตั้งแต่เช้าที่คณะ จนตอนนี้ยังไม่ได้โทรไปบอกเลย

ก่อนที่จะเดินเข้ามาร้านฉันเห็นรถฉันจอดอยู่ข้างหน้าคุณลุงคนนั้นคงจะเอามาไว้ให้แล้วฉันเลยคุ้ยหาโพสอิทในกระเป๋าแล้วเขียนข้อความบอกสั้นๆ ว่า "ขอบคุณแต่มีธุระ" ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะพร้อมกับเสื้อกาวน์ของพี่มัน

ฉันเดินออกมาจากร้านก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาน้ำอย่างน้อยก็บอกคงพออภัยโทษได้บ้าง(T.T)

:(ฮัลโหลน้ำ)

:\[ฟ่างหายไปไหนมาน้ำรออยู่ที่คณะไม่เจอเลย\]

:(ฟ่างเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะเอาไว้เดี๋ยวเล่านะ) ฉันรีบวางหูโทรศัพท์ทันทีเพราะถ้าขืนฟังต่อน้ำได้เทศบทสวดให้ฉันฟังแน่นอน

"อ้าวน้องฟ่างนิ"ฉันหันมองตามเสียงเรียก พี่ไนท์เดินเข้ามาทักฉันพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน ฉันไม่ได้ตอบเพียงแต่พยักหน้าเบาๆเท่านั้น "มากินข้าวหรอปี1นี้เค้านะแนวเสร็จเร็วจริ้ง"

"ปล่าว" ฉันตอบ

"ละนี้แขนขาไปโดนอะไรมา ไปฟัดกับหมามาหรอ" คนหน้าหล่อทำหน้ายิ้ม อยากจะตบปากให้ฟันหลุดออกมาซักซี่สองซี่จริงๆเลยนะ

"หมาในปากพี่นั้นล่ะ ขอตัวนะรีบ"

"เจอกันทีไรรีบตลอดเลยนะเรา" ฉันไม่พูดอะไรแล้วรีบเดินออกมา อยู่นานกว่านี้พี่ไนล์ออกมาก็เห็นกันพอดี

ที่จริงจะว่ารีบก็รีบจริงๆแหละเจอพี่มันทีไรต้องมีปัญหามาอีกแน่ๆ ฉันรีบวิ่งมาที่รถก่อนจะเชคว่ามีอะไรเสียหายมากไหม ส่งไปเมืองนอกแต่ละทีเสียหายเยอะเลยนะเนี้ยโถ่คิมสันลูกแม่

ดูเหมือนว่าตรงกาบข้างหน้าจะมีรอยนิดหน่อย แต่สเปรย์ทีดำที่ฉีดกรบนี้คนละโทนสีกันเลยนะเนี้ย เหล็กตรงล้อก็เบี้ยวอีกอะไหล่ที่ใช้กับคิมสันที่ติดประกันก็อยู่เมกานี้ต้องส่งไปอีกแล้วหรอ

ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถามบริษัทเรื่องการส่งรถไปกลับว่าขอเวลากลับให้ด่วนกว่าปกติได้ไหม รอบที่แล้วปาไปสองเดือน แค่ไฟหน้าแตกนี้ทั้งกาบทั้งล้อคงเป็นชาติ

"ฟ่าง ทำไมไม่ไปที่คณะน้ำรอตั้งนานละที่ว่าอุบัติเหตุคืออะไร" น้ำที่ไม่รู้ว่ามาตอนไหนยืนกอดอกมองฉันอยู่ คนหน้าสวยทำหน้าไม่พอใจหลายครั้ง แต่มันก็ไม่ได้ดูเลวร้ายขนาดนั้นแก้มป่องๆนั้นทำให้มันดูน่ารักสะมากกว่า

"โดนรถเฉี่ยวนิดหน่อยน่ะเลยล้ม ว่าจะส่งคิมสันเข่าอู่วันนี้เลย กว่าจะได้ก็คงอีกเดือนสองเดือน แย่สุดคงสักสาม" ฉันตอบน้ำ

"ส่งไปนอกอีกแล้วหรอ"

"ใช่อะไหล่มันดีกว่าที่ไทยนิ ขนาดสียังคนละเฉด" ฉันว่าก่อนจะส่งยิ้มให้น้ำ

"ก็เพราะสีรถของเรามันหายากนิ"ฉันหันมองตามเสียงพี่ไนล์เดินมาพร้อมกับพี่เกมส์ ชิบหายแล้วเราทิ้งพี่แกไว้ร้านข้าวนิ "พี่ก็บอกแล้วว่าต้องรอสักอาทิตย์ กะว่าจะสั่งสีมาให้เราก็รีบ" บอกตอนไหนวะ

"อ้าวสองคนนี้รู้จักกันแล้วหรอ" น้ำถามก่อนจะเดินไปหาพี่เกมส์

"ไม่/ใช่" คนหน้าหล่อยิ้ม

"งั้นแนะนำให้รู้จักเลยนะ นิวนี้พี่เกมส์แฟนน้ำเอง ส่วนนี้พี่ไนล์เพื่อนพี่เกมส์" แฟนน้ำมีแฟนตอนไหน แล้วเมื่อวานตามหวีดสายฟ้าอะไรนั้นล่ะ ฉันมองหน้าเพื่อนสาวอย่างงงๆแต่ก็แค่พยักหน้าไป

"งั้นนั้นคงน้องฟ่างเพื่อนน้ำสินะคะ"พี่เกมส์ว่าก่อนจะหันมายิ้มใส่ฉัน "ไปทานข้าวกันหน่อยไหมค่ะสาวๆเมื่อกี้ไนล์มันพาสาวมาทานข้าวแต่สาวก็หนีมันไปสะก่อน แหม๋คนแรกก็แห้วสะละ"

"พี่ไนล์พาสาวมาด้วยหรอ ไหนพี่เกมส์บอกว่าพี่ไนล์ไม่เคยสนใจสาวๆนิค่ะ" น้ำหันไปถาม เออๆถ้าจะถามกันไปย้ำกันมาขนาดนี้นะ

"ก็..."พี่มันลากเสียงยาวๆก่อนจะหันมาที่ฉัน "สรุปน้องฟ่างจะไปไหม" ฉันยิ้มแห้งๆไปทีหนึ่งก่อนจะใช้โอกาศที่สามคนนั้นหันไปคุยกันวิ่งออกมาอย่างสุดแรงเกิด

ว่าก็ว่าเถอะต่อให้ขาจะเป๋ทั้งสองข้างหรือขาขาดฉันก็จะใช้มือตะเกียกตะกายออกมาจากตรงนั้นให้ได้มันก็ไม่ได้อะไรมากหรอกแต่ยังไม่อยากไปไหนกับใครแม้แต่น้ำ ไม่งั้นคงไม่วิ่งตาเหลือกไม่สนรถที่จอดอยู่ที่นั้นแบบนี้หรอก

อืดๆ~~ \[น้ำชา\]

น้ำโทรตามฉันอย่างนั้นหรอปิดเครื่องเลยละกัน เดี๋ยวนะถ้าปิดเครื่องเรื่องมันก็จะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ไหมนะ แต่ฉันอยากจะอยู่คนเดียวนิ ฉันเถียงกับจิตสำนึกตัวเองซ้ำๆจนสุดท้ายฉันก็เลือกที่จะปิดมือถือ

ทิ้งรถไว้ที่นั้นสักพักละกันตอนเย็นค่อยไปเอาคงไม่เป็นไรหรอกถ้าคุณเป็นฉันคุณก็คงทำแบบเดียวกันนั้นแหละ นี้ก็พึ่งจะเที่ยงนิไว้ค่อยกลับมาเอาตอนเย็นๆก็แล้วกัน

ไปหาที่อยู่เงียบๆดีไหมนะ ถึงจะพึ่งเปิดเรียนแต่ฉันก็ไม่ได้โง่ขนาดไม่มีความคิดว่าห้องสมุดน่าจะอยู่ที่ไหน ก็เล่นแขวนป้ายบอกทางอันใหญ่อันโตขนาดนั้น

ฮึบ

ฉันหย่อนก้นลงนั่งที่โต๊ะมุมในสุดของห้องสมุดอย่างช้าๆก่อนจะจัดแจงหนังสือเล่มโตที่ไปหยิบมาจากโซนเคมีเพื่อมาทำเป็นหมอน ถึงจะแข็งไปหน่อยแต่ก็พอใช้ได้แหละ แต่แผลที่แขนนี่จะแสบไปไหนนะเลือดซิบละเนี้ยแต่ก็ช่างเถอะอย่างน้อยก็ได้นอนแล้ว งีบสักหน่อยละกันค่อยกลับไปเอารถ

ฉันหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าตื่นมาอีกทีก็ตอนที่อาจารย์ที่ห้องสมุดมาบอกว่าจะออกเวรแล้วถึงห้องสมุดจะเปิด24ชั่วโมง แต่สำหรับปี1อย่างฉันมาสิงอยู่ที่นี้คนเดียวที่นี้มันอันตรายไปหน่อย

ป่านนี้อีตานั้นคงไปละมั้ง

ฉันค่อยๆบิดขี้เกียจเบาๆเพราะเหมือนว่าความรู้สึกชาที่นอนฟุบกับโต๊ะจะเริ่มแสดงอาการแล้ว แต่แอะศอกฉันผ้าพันแผลที่พี่ไนล์ติดให้กลับกลายเป็นพลาสเตอร์รูปดาวสะอย่างนั้น บ้าน่าหรือว่าเราคิดไปเอง หรือพี่มันก็ติดพลาสเตอร์อยู่แล้วนะ ช่างเถอะตอนนี้ก็สองทุ่มแล้วเอาหนังสือไปเก็บแล้วรีบกลับดีกว่า

"เชี่ย"

ฉันสบถออกมาเบาๆกับภาพตรงหน้าคือพี่มันยืนจิ้มโทรศัพท์พิงรถของตัวเองที่จอดอยู่ข้างๆรถฉัน คนหน้าหล่อหันมามองด้วยท่าทางที่เป็นมิตร แต่ทำไมฉันรู้สึกผิดจังล่ะ

"มาแล้วหรอ" พี่มันว่า

"อือ"

"น้ำบอกว่าถึงเราจะไปไหนแต่เราก็ไม่เคยทิ้งรถพี่เลย...รอ" รออย่างนั้นหรอนี้อย่าบอกนะว่ารอจนถึงสามทุ่มเนี้ยนี้บ้าหรือซื่อบื้อ

ฉันไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ค่อยๆเดินเข้าไปหารถเท่านั้น พี่ไนล์ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนที่จะเปิดประตูรถแล้วหยิบเอาหมวกกันน็อคของฉันออกมา

"จากที่น้ำพูดเราหวงรถมากเลยนิ แต่ทำไมถึงวิ่งไปแบบนั้นล่ะ พี่รู้ว่าเราเริ่มต้นกันไม่ดีที่พี่ขับรถเกือบชนเราแต่ทำไมถึงหนีแบบนั้นล่ะ" เอาแล้วฟ่างทำลูกเขารู้สึกผิดแล้ว

"คือไม่ใช่อย่างนั้น คือฉัน... เอ้ยคือฟ่าง"

"อืมไม่เป็นไรพี่เข้าใจ พี่อาจจะทำเกินไปหน่อย แต่ทีหลังไม่ต้องหนีแล้ว พี่จะไม่ว่าอะไรเราแค่เราบอกมาตรงๆ" คนหน้าหล่อพูดอย่างสุภาพก่อนจะค่อยๆเดินเอาหมวกกันน็อคมาให้ฉันแล้วหมุนตัวเดินกลับไปที่รถของตัวเอง

พี่ไนล์ไม่ได้ว่าอะไรต่อเพียงแค่หันมามองฉันแล้วขึ้นรถขับออกไป หรือว่าฉันทำเกินไปจริงๆนะไว้วันหลังจะไปขอโทษแล้วกันแต่วันนี้ขอกลับห้องก่อนก็แล้วกันนะ

จับสายรหัส

อึดๆ~[วิศวะกรรมศาสตร์2564]

ภูวดล : นักศึกษาทุกภาควิชาครับวันพรุ่งนี้เรามีนัดกันที่ลานเกียร์ตอน 13.30 เพื่อรับฟังการชี้แจ้งเรื่องงานรับน้องจากรุ่นพี่และอาจมีการรับน้องเล็กๆน้อยๆนะครับ

ภูวดล : สำหรับนักศึกษาที่คิดว่าจะไม่มา ไม่ต้องห่วงนะครับ รายชื่อและประวัติต่างๆของนักศึกษาอยู่ที่รุ่นพี่แล้ว อาจารย์มอบอำนาจให้รุ่นพี่ลงโทษได้ตามสมควร

แตง : โห่อาจารย์ใจร้ายจังเลย

มาร์ค : โอ้โห่ผมลาป่วยครับ

Pochi : ซ่อม

เกด(โนเกตุ) : รุ่นพี่มาแล้วหนีเร็วว

พอเปิดโทรศัพท์มาก็ได้เรื่องเลยนะ ฉันค่อยๆไล่อ่านข้อความที่ไลน์กรุฟประจำคณะฉันที่ทางอาจารย์ท่านตั้งขึ้นเพื่อแจ้งข่าวสารให้กับนักศึกษาที่มีบรรดาเพื่อนต่างสาขาโอดครวญเกี่ยวกับการแจ้งนัดพรุ่งนี้และการทำโทษต่างๆนาๆ

ขึ้นชื่อว่าวิศวะกรรมศาสตร์เรื่องรับน้องนี้คงเป็นที่เลื่องลือสินะถ้าฉันไม่ชอบทางเครื่องกลฉันก็คงเลือกเรียนอะไรที่มันสบายๆไปอย่างสถาปัตยกรรมไปแล้วล่ะ ถึงหัวฉันจะไม่ได้ดีหรือแย่มากแต่ก็คงจะพอถูๆไถๆไปได้ล่ะนะ

จากที่ดูๆมาแล้วทางมหาลัยของฉันยกเลิกระบบ sotus ไปตั้งนานแล้วซึ้งฉันก็ไม่ได้ว่าระบบนี้ไม่ดีหรอกนะอยู่ที่ว่าคนจะใช้มันในทางไหนแค่นั้น แต่ถ้าหากจะมีบังคับรุ่นน้องไหว้ หรือการทำโทษหนักๆมันก็คงไม่สมเหตุสมผลอะไร ถ้าแบบนั้นต่อให้รุ่นพี่จะบังคับให้เข้ากิจกรรมยังไงก็อย่าได้หวังว่าจะได้เห็นเงาฉันเลย

เหนื่อยจังฉันทิ้งร่างตัวเองลงบนที่นอนแบบทุกๆครั้งที่มาถึงห้องแทนที่จะเปลี่ยนชุดหรืออาบน้ำก่อน แต่คนติดที่นอนอย่างฉันกว่าจะลุกไปอาบน้ำได้นี้ยากมากๆเลยล่ะนะ

ฉันมาถึงคณะในช่วงสายๆเพื่อหลบหน้าน้ำเพราะเมื่อวานฉันไม่ได้อ่านหรือตอบข้อความน้ำเลย

ปัง~

ฉันสะดุ้งกับเสียงทุบโต๊ะที่ตรงหน้าฉันซึ้งเจ้าของมือเล็กๆนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็น้ำนั้นล่ะ น้ำไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่มองฉันเท่านั้นก็พอเข้าใจล่ะว่ามันแปลว่าอะไร ฉันอธิบายเรื่องเมื่อวานให้น้ำฟังจนน้ำเริ่มเข้าใจแล้วไม่ได้ว่าอะไรฉัน

ตอนนี้ก็ 13.00 น.แล้วเขามีนัดกันตอน 13.30 น.ที่ลานเกียร์นิฉันหันไปหาเพื่อนสนิทเพื่อที่จะบอกเรื่องที่ต้องไปแต่น้ำก็พยักหน้าตอบเชิงว่าโอเครรู้เเล้ว การมีเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันแค่มองหน้าก็เข้าใจโดยไม่ต้องพูดอะไรนี้ มันเป็นของขวัญที่ดีจริงๆนะ

"ฟ่างประชุมเสร็จจะไปไหนไหม" คนตัวเล็กเอ่ยถาม

"ไป...เอ่อไม่น่าจะได้ไปไหนนะ" ฉันตอบ

"น้ำว่าจะชวนฟ่างไปซื้อของหน่อยอะ"

"ซื้อของหรอ"

"ใช่ น้ำขอป๋ากับม๊ามาอยู่คอนโดได้ละ อ่อละก็ช่วงนี้ฟ่างก็ระวังตัวหน่อยละกันนะเค้ารู้กันทั้งมหาลัยละว่าพี่ไนล์ตามจีบฟ่างอยู่"

ขอได้คุณป้ากับคุณลุงอนุญาตได้ยังไงกัน อย่าบอกนะว่าแฟนของน้ำคะยั้นคะยอให้น้ำออกมาอยู่คอนโดให้ได้เนี้ย แล้วระวังตัวอะไรของน้ำล่ะตามจีบบ้าบออะไรกันพึ่งรู้จักกันไม่ถึงอาทิตย์

พอมาถึงพี่ไนท์ก็ให้ฉันกับน้ำมานั่งที่เก้าอี้ของรุ่นพี่ที่เป็นพี่ว๊ากเหมือนพี่มันจะเดินไปสะกิดพูดกับเพื่อนอะไรสักอย่างแล้วรุ่นพี่สองสามคนก็หันหน้ามามองฉันเหมือนกับว่าโอเครเข้าใจอะไรประมาณนี้ กิจกรรมรับน้องผ่านไปอย่างรวดเร็วในกิจกรรมก็ไม่ได้โหดร้ายมากมายขนาดนั้นกลับเป็นการรับน้องที่น่ารักๆ มีลิปสติกมาทาแก้มและแป้งมาปะหน้าเท่านั้น พี่ว๊ากที่เหมือนจะแปล่งเสียงดังลั่นห้องในตอนแรกก็กลับเปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคน เหมือนจะมีพี่ไนท์ที่เดินมาหาน้ำอยู่หลายครั้งจนฉันแทบอยากจะพาน้ำมุดดินหนีจากสายตาของคนอื่นๆที่ทำกิจกรรมกัน แต่ฉันกับน้ำได้แค่นั้งมอง ฆ่ากันทางอ้อมชัดๆ

"ทำหน้าอะไรอย่างนั้น ถึงจะใส่แมสพี่ก็ดูออกนะ" พี่มันว่าก่อนจะนั่งลงข้างๆน้ำ

"ก็ดูคนอื่นมองดิ"

"สนใจอะไร พี่บอกไปละว่าเด็กพี่นั่งอยู่เฉยๆก็สบายดีไม่ใช่หรือไง"

"เด็กพี่? พี่จะบ้าหรือไง"

"อะ จุๆ เด็กน้อย น้ำเป็นน้องสาวพี่เราก็เหมือนน้องสาวพี่อีกคน" น้องสาวงั้นหรอได้พี่ชายเพิ่มอีกคนแล้วหรอ

"อ๋อ" ฉันตอบพี่มันเบาๆ นี้คงหมายความว่าพ่อของน้ำไม่ให้น้ำทำกิจกรรมรับน้องเพราะกลัวว่ารุ่นพี่จะเล่นเเรงเลยแค่ให้มานั่งดูโดยมีพี่ไนท์มากำกับสินะ

กิจกรรมดำเนินไปเรื่อยๆจนถึงช่วงสุดท้ายที่ดูเหมือนรุ่นพี่สองสามคนจะพูดเรื่องสายรหัส คงเป็นการตามหาพี่รหัส ป้า น้า บล่าๆละมั้ง แต่ดูเหมือนว่าปีนี้การจับสายรหัสจะเปลี่ยนใหม่จากที่ตามเดิมจะจับกันเฉพาะในสาขาแต่ปีนี้กลับจับทั้งคณะ

"นะครับน้องๆพี่จะขอชีแจ้งกิจกรรมของวันพรุ่งนี้นะ พรุ่งนี้ให้น้องๆแต่ตัวฟรีสไตล์ แต่ขอแบบสุภาพนะครับ การจับสายรหัสของเราไม่ใช่ให้น้องปี 1 ตามหาพี่รหัสที่เป็นปี 2 นะครับ แต่เป็นน้องปี 1 ตามหาพี่รหัสปี 3

เพราะเมื่อนานมาแล้วเคยมีการให้น้อง ปี 1 จับหาพี่ปี 2 แล้วการ พิสูจน์สายรหัสของพี่ปี 2 ทำได้ไม่เหมาะสมนักจึงเปลี่ยนมาเป็นพี่ปี 3 แทนซึ้งถ้าเราได้พี่ปี 3 แล้วพิสูจน์สายรหัสแค่กับพี่ปี 3 เรียบร้อยก็ถือว่าได้การยอมรับจากพี่ๆทั้งสายนั้นนะ"

เปลี่ยนเป็นน้องปี 1 หาพี่ ปี 3 งั้นก็แปลว่ารุ่นพี่ปีนี้ที่มาทำกิจกรรมสินะ ฉันมองไปหาพี่ไนท์ด้วยความหวังเล็กๆว่าอย่างน้อยถ้าฉันหรือน้ำได้พี่มันฉันก็คงจะปลอดภัยไปตลอดการเรียนมหาลัย แต่ปัญหามันอยู่ตรงจับกันทั้งคณะนี้สิ รุ่นพี่แต่ละสาขาก็ไม่ใช่น้อยๆ

โอ้ยคุณพระคุณเจ้าขอให้ฉันหรือว่าน้ำจับได้คำใบ้ของพี่มันด้วยเถอะ

เช้านี้น้ำให้พี่เกมส์เป็นขับมาส่งเราสองคนที่ตึกของคณะแน่นอนมีพี่เกมส์ก็มีพี่ไนล์นั่งอึนๆมาด้วยผมที่ดูฟูฟ่องยังไม่ได้เซตให้เรียบร้อยนั้นพอจะดูออกแหละว่าพี่แกพึ่งตื่น

วันนี้ดูเหมือนอากาศจะหนาวแปลกๆ ตอนเช้าๆยังแดดจ้าอยู่เลย พี่ไนล์เอียงคอดูฉันเหมือนจะเข้าใจว่าฉันหนาวก่อนจะถอดเสื้อกาวน์สีขาวมาคลุมให้ฉัน

"ทีหลังพกมาด้วยถ้าหนาวอะ"พี่มันว่าก่อนจะเดินมาส่งฉันและน้ำที่ลานเกียร์

พี่ไนท์ที่นั่งหงอยอยู่โต๊ะม้าหินอ่อนลายสวยเหมือนจะรีบวิ่งมารับน้ำอย่างไว

"อ้าว เฮียเกมส์มาส่งหรอ นึกว่าฟ้าใสจะมา" ฟ้าใสนี้คือพี่สาวของน้ำที่พึ่งกลับมาจากเชียงใหม่เมื่อวาน

"เสียใจด้วยนะไอร้หน้าหล่อ ฟ้าใสพึ่งมาถึงเพลียเลยไม่มา" พี่ไนท์เรียกพี่เกมส์ว่าเฮียแสดงว่าคงสนิทกันพอสมควร แล้วทำไมถึงหูตั้งเลยล่ะเมื่อพูดถึงพี่ฟ้าใสหรือว่าชอบพี่สาวของน้ำหรอ

"ฝากน้ำกับฟ่างด้วยนะ พี่กับไนล์กลับล่ะมีเคสที่คณะต้องไปดูต่อ"

"ได้ครับเฮีย"

"พี่ไนล์เสื้อกาวน์พี่อะ เอาคืน" ฉันค่อยๆถอดเสื้อคืนพี่ไนล์ที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา

ถ้าง่วงไม่ไหวขนาดนี้จะมากับพี่เกมส์ทำไมล่ะนิ แล้วคนหน้าหล่อก็ค่อยๆเดินจากออกไป

"ตาละห้อยเลยนะน้ำแค่แฟนไปนิ ละนี้อะไรนิฟ่างเสื้อดำ กางเกงดำ แมสยังดำอีก ไปงานศพหรอ" พี่ไนท์ถาม

ฉันก็ไม่ได้อยากจะใส่แมสมาหรอกหายใจไม่ค่อยสะดวกถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่น้ำบอกฉันก็ไม่ได้กลัวใครอยู่แล้วพ่อสอนให้อย่ากลัวใครตั่งแต่เด็กแต่เพื่อความเป็นส่วนตัวไปไหนมาไหนจะได้ไม่ต้องมีคนมารุมมอง

แล้วชุดดำนี้ก็เป็นสีโปรดของฉันอยู่แล้ว ฉันก็ใส่เป็นปกติแบบที่เคยๆ อีกอย่างเข้าให้ใส่เอาที่สบายถ้าสบายก็แน่นอนเสื้อยืดกางเกงยีนส์แต่เป็นสีดำสุภาพก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้น

"ศพแมวพี่หรอ" น้ำว่าก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆมือข้างสวยยกขึ้นมากุมขมับเหมือนจะบ่นการแต่งตัวของฉันในวันนี้

"ถามจริงเถอะใส่ทำไมนิแมส"

"ไม่อยากให้ใครเห็นหน้า" ฉันตอบพี่ไนท์

"โอ้ยฟ่าง 4 ปี นี้จะใส่ได้ตลอดหรอเรา" ฉันไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่พยักไหล่นิดๆแค่นั้น ถ้าใส่ได้ตลอด 4 ปีก็ดีนะ ยังไงก็กะไว้ว่าจะไม่คุยกับใครอยู่แล้วนอกจากน้ำ

"งั้นน้ำกับฟ่างหาที่นั่งไปก่อนละกันนะพี่ไปจัดการพวกฉลากก่อน"

"พี่ไนท์" น้ำกดเสียงลงต่ำก่อนจะดึงชายเสื้อพี่มันไว้ ฉันก็พอดูออกแหละว่าถึงน้ำจะสดใสหรือเข้ากับคนได้ง่าย แต่พอต้องอยู่กับคนไม่รู้จักหรือไม่คุ้นมากๆก็คงจะมีอาการแบบนี้

"พี่รู้น่าน้องสาว ไว้ใจได้"

น้ำพาฉันเดินมานั่งตรงโต๊ะที่ฉันรู้สึกว่ามีคนน้อยที่สุดเหมือนทางคณะจะไม่ได้ฟลิกว่าให้นั่งตามสาขา เพียงแต่มีโต๊ะมีเก้าอี้ให้นั้งโต๊ะละ 6 คน เว้นที่ว่างใว้ให้พี่ปี 3 ด้วย 1 ที่เท่านั้น

โอะมีโต๊ะที่ยังไม่มีคนนั่งพอดีฉันรีบดึงน้ำย้ายร่างมานั่งลงทันที ดูเหมือนว่าจะมีผู้หญิงคนหนึ่งและเพื่อนเดินตรงมาที่โต๊ะฉันนะ

"เธอตรงนี้จองไว้ให้ใครไหม" เสียงใสดังขึ้นฉันส่ายหัวเบาๆ "งั้นเรานั่งด้วยคนนะ เราชื่อผิง นี้ต้นชา"

"อ๋อ สวัสดี" ฉันตอบเบาๆก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ามาเล่น เพื่อเบนความสนใจที่จะเลื่อนการพูดคุยกับสองคนนั้น ส่วนน้ำก็ปรับสีหน้าจากกังวลเป็นสาวตาชื่นพร้อมพูดคุยกับบรรดาเพื่อนใหม่ทันที

"อีผิง!! ทำไมมึงไม่รอกูก่อน"

"แหม๋ มึงตื่นไหมละอีโก้"

"โกโก้ค่ะเรียกให้ถูก"

"อีกระเทย"

"มึงสิกระเทย"

"ว้ายย555"

นี้ฉันคิดผิดไหมนะที่ตามน้ำมานั่งตรงนี้ เหมือนจะมีเพื่อนเพศที่ 3 มานั่งด้วยคนหนึ่ง เหมือนสามคนนี้จะคุยกันไม่หยุดโดยมีน้ำที่พึ่งทักทายสามคนนี้ไปร่วมต่อบทสนทนากันอยู่ด้วย ราวกับไม่ได้เจอกันมาเป็นชาติอย่างนั้นแหละ เสียงคุยดังกลบรุ่นพี่ที่ชี้แจงเรื่องกิจกรรมวันนี้จนโต๊ะอื่นๆหันมามองหลายครั้ง ใครก็ได้ช่วยเอาฉันออกไปจากตรงนี้ที

"มึงพี่ไนท์อย่างบึก อย่างนี้ๆเลยนะ"

"โอ้ยอีโก้ มึงไปรู้ได้ไงไปดูมาหรือไง"

"มันเป็นที่เลื่องลืออีผิง"

"อะแฮมพี่ไนท์อะพี่เรา" น้ำว่าขึ้น

"จริงหรอน้ำแต่กูว่าพี่มาร์ครองเดือนหล่อกว่า"

"อีผิงอีโก้พวกมึงนี้สกิลการมองผู้ชายแย่มาก รองเดือนบ้าอะไรจะหล่อเท่าเดือน มึงดูมึงดูพี่สายฟ้าหน้าฟ้าประทาน"

"จริงวันก่อนเรามางานติวพี่สายฟ้าหล่อมากใช่ไหมฟ่าง" น้ำสะกิดฉันเบาๆ

"ฟ่างเธอว่าใครหล่อสุดตัดสินมาเลย"

"เอ่อคือ" จู่ๆโยนมาหาฉันได้ยังไงนะ

"เห้ย น้องๆโต๊ะนั้นอะจะเสียงดังไปแล้วไหม คุยอะไรกันขึ้นมาพูดบนเวทีนี้มา"

ชิบหายแล้วฉันมองหาพี่ไนท์ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหนแล้ว ช่วยด้วย

พวกฉันห้าคนถูกพี่ๆจับขึ้นมาบนเวทีก่อนที่พี่หน้าหล่อคนหนึ่งจะทวนคำถามว่าคุยเรื่องอะไรกันเสียงดังขนาดนั้น

"เอ่อคือว่าพวกเรา"

"พวกเราทำไมครับ พี่กำลังชี้แจงเรื่องกิจกรรมวันนี้แต่น้องๆไม่สนใจฟังคุยกันเสียงดัง ถ้าไม่บอกว่าคุยเรื่องอะไรพี่ลงโทษนะครับ"

"เรากำลังคุยกันว่าใครหล่อที่สุดค่ะพี่มาร์คโก้บอกว่าพี่ไนท์ส่วนผิงมันบอกว่าพี่มาร์คอีต้นชาบอกว่าพี่สายฟ้าน้ำก็บอกว่าพี่สายฟ้าแล้วทีนี้โกโก้ถามฟ่างว่าใครหล่อสุดแต่ฟ่างก็ไม่ตอบค่ะ"

"อีโก้" ผิงหยิกแขนโกโก้เบาๆก่อนจะหันหน้าไปยิ้มแห้งๆให้พี่มาร์คที่ยืนยิ้มกับคำตอบของโกโก้เมื่อตะกี้

"น้องๆคุยกันเรื่องนี้หรอครับ"

"ใช่ค่ะพี่มาร์ค โกโก้พูดจริงนะคะ"

"แล้วคนไหนคือน้องฟ่างหรอครับ" ทั้งสี่คนชี้มาที่ฉัน เห้ยโยนขี้มางี้เลยหรอน้ำก็ด้วยหรอ "แล้วน้องฟ่างว่าใครหล่อสุดหรอครับ"

"เอ่อคือ" ชิบหายแล้วพ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยด้วย

"ใส่แมสตอบแบบนี้เสียมารยาทไปไหมครับน้อง" เสียงหล่อๆของใครดังขึ้นจากข้างเวทีซึ้งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนสายฟ้าคนไร้มารยาทคนดีคนเดิมของน้ำไงคนหน้าหล่อเดินขึ้นมาแย่งไมค์จากพี่มาร์คมาถือ "สวัสดีครับน้องๆคณะทุกๆคน"

เสียงกรี๊ดของสาวๆที่นั่งอยู่ข้างล่างดังขึ้นอย่างไม่ได้นัดหมายทำเอาหูฉันชาไปเลยทีเดียว

"ถ้าน้องไม่ยอมตอบงั้นเอางี้ น้องสี่คนที่เหลือลงไปได้ครับ เหลือน้องคนนี้ไว้นี้หละ" ฉันคิดไปเองหรือปล่าวที่เมื่อกี้พี่มันหันมาสะแยะยิ้มให้ฉัน ขนลุกแปลกๆเหมือนจะโดนแกล้งเลยแหะ

"พี่ไนท์นะแก" โก้สะกิดฉันเบาๆ

"พี่สายฟ้านะ" น้ำกระซิบก่อนที่สี่คนนั้นจะรีบวิ่งลงไปจากเวที

"เพื่อนๆไปแล้วนะครับน้อง งั้นพี่ให้น้องเลือกจะบอกว่าใครหล่อที่สุดหรือจะถอดแมส"

"ถ้าถอดก็จบใช่ปะ" ฉันหันไปถาม

"ใช่แล้วครับน้องฟ่าง"

ฉันดึงแมสออกแล้วหันหน้าไปมองพี่มันพี่มันไม่พูดอะไรนอกจากจะยิ้มจางๆเท่านั้น

"ไปได้แล้วเนาะ" ฉันว่าก่อนจะกำลังเดินลงมาจากเวที

"แล้วสรุปใครหล่อสุด?"

"เห้ยไหนว่าแค่ถอดแมสไง งั้นเอางี้พี่มาร์คหล่อสุด โอเครนะคะ"

ฉันรีบวิ่งลงมาจากเวทีก่อนจะมองไปที่มือตัวเองที่กำแมสไว้อยู่จบกันอุส่าจะใส่ไว้ตลอดถึงไม่ได้ทั้ง 4 ปีแต่อย่างน้อยก็สักพักจนกว่าเรื่องที่พี่ไนล์ตามจีบฉันจะเงียบไป

ฉันเดินมานั่งที่โต๊ะเดิมที่มีโกโก้ น้ำ ต้นชา และผิงนั้งอ้าปากค้างอยู่

"เดี๋ยวนะนี้แกคือฟ่างที่เขาลือกันให้ว่อนว่าพี่ไนล์ตามจีบอยู่หรอ" ฉันไม่ได้ตอบมีเพียงน้ำที่พยักหน้าตอบโกโก้ไปเบาๆก่อนที่เพื่อนๆทั้งสามจะทำตาโต "โอ้ว ทำไมแกไม่บอกแต่ทีแรกล่ะ"

"เห้อจีบบ้าบออะไรล่ะ" ฉันถอนหายใจออกฟอดใหญ่ก่อนจะเอนหลังลงไปพิงเก้าอี้ที่นั่งอยู่ก่อนที่สายตาของฉันจะบังเอินมองไปเจอพี่มันพอดี เหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าฉันจ้องอยู่ก่อนจะจ้องมาที่ฉันเหมือนกัน

ความเป็นสุขจบสิ้นแล้วสินะ ฉันนั่งฟังพวกพี่ๆเค้าอธิบายการรับสายรหัสอยู่พักใหญ่มันก็ไม่ใช่กฎอะไรมากแค่พี่ๆปี 3 จะเขียนคำใบ้ของตัวเองลงในกระดาษแล้วเอาไปรวมกันที่กล่องเพื่อให้น้องปี 1 ไปจับถ้าได้คำใบ้ของใครก็ต้องหาให้ได้ว่าใครคือพี่รหัสมีเวลาให้ 3 เดือนก่อนถึงกิจกรรมรับน้องมอบเกียร์ให้น้องของคณะซึ้งถือว่านานมาก แต่ถ้าภายในสามเดือนใครยังหาไม่เจอก็คงจะต้องถูกสายรหัสลงโทษ แต่ถึงจะให้ 3 เดือนก็เถอะนะละพี่ปี 3 ในคณะฉันมีตั้งกี่ร้อยคนหล่ะ ก็เล่นมาจับรวมทุกสาขาแบบนี้ ชื่อซ้ำกันมีตั้งกี่คน คำใบ้จะยากเเค่ไหนก็ไม่รู้

การจับฉลากเริ่มไปทีละสาขาวิชาซึ้งสาขาฉันดันจับฉลากได้จับที่สุดท้ายจะเหลือกี่คนกันแต่ก็นะใช่ว่าจำนวนปี 3 จะเท่า ปี 1 ก็เลยมีการที่พี่ๆปี 3 ที่อยากมีน้องรหัสสองคนก็เขียนคำใบ้ลงสองแผ่น นี้มันยิ่งจะไม่ยุ้งยากไปอีกหรอ

"ฉันมีใจสัมผัสว่าจะได้ของพี่ไนท์" โกโก้พูดขึ้นก่อนจะเอามือมาจับที่หน้าอกตัวเองด้วยตาหน้าที่ยิ้มระรื่น

"ตื่นค่ะอีโก้ ได้จับสุดท้ายคงจะได้วิญญาณพี่ไนท์แทน"ผิงตอบโกโก้ก่อนจะหันไปขำกับน้ำและต้นชา

พูดถึงพี่ไนท์พี่แกหายไปไหนแล้วละยังไม่มาเลย แล้วฉันกับน้ำจะจับถูกของพี่มันได้ยังไงกันโถ่เอ้ย

แล้วก็มาถึงคิวของสาขาฉัน ฉันเดินตามหลังน้ำมาซึ้งก็บังเอินมากที่พวกโกโก้ ต้นชา ผิงๆเรียนสาขาเดียวกันกับฉันและน้ำ

"เอ้าพี่มาร์คคะ ทำไมฉลากเหลือ 4 ใบค่ะ พวกหนูมี 5 คนนะคะ" ฉันชำเลืองดูกล่องจับที่ดูเป็นจะเป็นกล่องใสๆในนั้นเหลือกระดาษอยู่ 4 ใบจริงๆด้วย

"มี 4 งั้นหรอ งั้นไม่เป็นไรเดียวพี่เขียนของพี่ใส่อีกใบละกัน" พี่มันว่าก่อนจะขยับยิ้ม เหมือนว่าเพื่อนใหม่ทั้ง 3 ของฉันจะทำตาโตกับคำตอบที่พึ่งได้ไป

"ไม่ต้องมาร์คกูยังไม่ได้เอาคำใบ้กูใส่" พี่สายฟ้าเดินมาตบบ่าพี่มาร์คเบาๆก่อนที่จะโยนกระดาษคำใบ้ของตัวเองลงไปในกล่อง คำตอบเมื่อกี้ทำเอาสาวๆทั้งคณะหูตั้ง และหันมาสนใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่พี่มันจะแก้ตัวว่าไปเข้าห้องน้ำมา ลืมเอาคำใบ้ลงไป ถ้าจะได้จับใหม่คงวุ่นวาย ซึ้งฉันว่าแถไปเรื่อยมากกว่า ว่าจบพี่มันก็จับเอากล่องมาเขย่าพักใหญ่ ก่อนที่จะยื่นมาให้พวกฉันจับฉันกับน้ำให้พวกผิงๆจับก่อนเหลืออันสุดท้ายค่อยเป็นของฉัน

พวกเรากลับมานั่งที่โต๊ะแล้วค่อยๆเปิดกระดาษออกมาพร้อมกัน

"แกฉันว่าอันนี้ไม่น่าจะใช่ของพี่สายฟ้าแน่ๆเอามาเปลี่ยนดิอีผิง"

"บ้าอีโก้ไปเปลี่ยนกะอีต้นชาไป"

"โถ่น้ำว่านี้ไม่ใช่ของพี่สายฟ้าอะ"

"พวกแกได้อะไรอะ ฉันได้ รูปหล่อพ่อรวย" คำใบ้อะไรว่ะนั้น

"กูได้รูปผึ้งอะมึง วาดรูปมางี้ชะนีชัวโอ้ยอีโก้จะเป็นลม"

"แล้วฟ่างได้อะไรอะ" คำถามเมื่อครู่ทำเอาสามสหายรวมทั้งน้ำหันหน้ามามองฉันเป็นทางเดียวกัน

ฉันค่อยๆแกะกระดาษออก

"เมขลาล่อแก้ว" นี้จะแต่งกลอนหรือไงนะ

"น้องๆจับฉลากกันหมดแล้วนะ พี่ๆจะปล่อยกลับบ้านนะแล้วเราไปคอยส่องเฟสบุ๊คหรือไอจีดีๆนะว่าคำใบ้ที่เราได้อาจเป็นของใครได้บ้าง ซึ้งพวกพี่ก็ไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก จะมีการให้พี่ๆไปใบ้เพิ่มเติมในโชเชียลต่างๆอีก 3 ครั้ง ซึ้งนั้นก็ไม่ได้จำกัดว่าต้องใบ้ตอนไหนและถ้าน้องๆอย่าเจอ อย่าลืมทำให้พี่ๆเซ็นชื่อลงกระดาษแผ่นนี้และทำให้พี่ๆยอมรับให้ได้ ขอให้น้องๆโชคดีนะครับ"

ใบ้ในเฟสบุ๊ค ไอจี ขอร้องละ ชื่อยังจำไม่หมดแล้วชื่อไอจีชื่อเฟสจะหามาจากไหน

ฉันกุมขม่ำแล้วก้มหน้ามองดูกระดาษคำใบ้ที่พึ่งได้มา

"หึๆ สลดอะไรขนาดนั้นฟ่างแกไม่รู้สะแล้วว่าอีโกโก้คนนี้ทำอะไรได้บ้าง" ฉันหันไปมองสามสหายที่นั่งยิ้มอย่างพอใจ พวกนี้ชักจะน่ากลัวขึ้นแล้วสิ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!