🌧️ ตอนที่ 1 : ความเงียบในใจฉัน
ตั้งแต่จำความได้ ฉันมักจะอยู่ท่ามกลางเสียงที่ดังแต่ไร้ความหมาย เสียงตะโกน เสียงตำหนิ เสียงที่ทำให้หัวใจฉันค่อย ๆ สั่นจนกลัว
ใคร ๆ ก็บอกให้ฉัน “เข้มแข็ง” แต่ไม่มีใครบอกเลยว่า... ฉันต้องเริ่มจากตรงไหน
ฉันเคยคิดว่า “บ้าน” คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด
แต่สำหรับฉัน มันกลับเป็นที่ที่ฉันต้องกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล
เพราะทุกครั้งที่พยายามพูด หรืออธิบาย
สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงเสียงว่า “อย่าพูดมาก”
ฉันเลยเลือก “เงียบ” แทนคำอธิบายทั้งหมด
ความเงียบกลายเป็นเพื่อนสนิทของฉัน
มันอยู่ด้วยในวันที่ฉันกลัว. ในวันที่ไม่มีใครเข้าใจ
ในวันที่ฉันมองตัวเองในกระจกแล้วถามว่า
“ฉันยังมีค่าอยู่ไหม?”
บางคืน ฉันอยากตะโกนออกไปให้สุดเสียงว่า
“ฉันก็แค่ต้องการให้ใครสักคนเข้าใจฉันบ้าง”
แต่สุดท้ายก็ได้แค่ซ่อนเสียงนั้นไว้ข้างใน
เพราะรู้ว่า... ต่อให้พูดออกไป ก็คงไม่มีใครฟังอยู่ดี
หลายครั้งที่ฉันแกล้งยิ้มในตอนเช้า
ทั้งที่เมื่อคืนยังร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ยิ้มให้เหมือนปกติ
ทั้งที่ข้างในมันพังไปหมดแล้ว. แต่ฉันก็ยังยิ้ม
เพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่า “ฉันอ่อนแอ”
ทุกวันของฉันจึงกลายเป็นการต่อสู้กับตัวเอง
ต่อสู้กับความกลัว ความเหงา และความเงียบในหัวใจ
ฉันไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าจะหลุดพ้นจากตรงนี้
แต่ฉันยังเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง...
ว่าสักวันหนึ่ง ฉันจะกล้าพอที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
แทนที่จะกลืนมันไว้ใน “ความเงียบในใจฉัน”
และสักวันจะหายดีและกลับมาสดใสเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็น
ฉันจะบอกทุกคนที่มาอ่านว่า ขอบคุณที่มาอ่าน
และอยากบอกว่าเมื่อเราไม่มีใคร ความเงียบจะเข้ามาเป็นเพื่อนเราเสมอ
ทุกอย่างย่อมมีเวลาของมัน และทุกอย่างต้องใช้เวลา
อยากบอกอีกอย่างว่า พวกคุณเป็นคนเก่ง
แต่คำว่าคนเก่งนั้นไม่ใช่เก่งเสมอไป แต่เก่งที่จะเดินต่อไปแม้จะเหนื่อย
จะไม่ไหวสักแค่ไหน คุณก็จะลุกขึ้นแล้วเดินต่อ
เราอาจจะไม่รู้จักคุณดีพอแต่อยากบอกว่า สู้ๆน้าา ถ้าเหนื่อยก็แค่หยุดพักแล้วค่อยสู้ต่อ เรารู้ว่าพวกคุณเป็นคนเก่ง😊
☁️ ตอนที่ 2 : วันที่โลกไม่เข้าใจ
เช้าวันหนึ่ง ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเหนื่อยล้า
ทั้งที่เมื่อคืนก็พยายามนอนให้เร็วแต่หัวใจกลับไม่ยอมพัก เหมือนมีเสียงในหัวพูดซ้ำ ๆ ว่า “เธอไม่ดีพอ”
ฉันเดินไปโรงเรียนด้วยใบหน้าเรียบเฉยเหมือนทุกวัน
ในขณะที่คนรอบข้างต่างหัวเราะ สนุกกันไป ฉันกลับรู้สึกเหมือนหลงทางอยู่ในที่ที่คุ้นเคย. ในห้องเรียน ฉันนั่งอยู่หลังสุด เพราะตรงนั้นไม่มีใครสนใจ
บางครั้งฉันอยากจะลองยกมือพูด แต่เสียงในหัวก็แว่วว่า “พูดไปก็ไม่มีใครฟัง” ฉันเลยเลือกที่จะก้มหน้าเขียนในสมุดเงียบ ๆ แทน
หมือนคนที่พยายามซ่อนตัวในโลกของตัวเอง เพื่อไม่ให้ใครมองเห็นความอ่อนแอ
แต่วันนั้นมีบางอย่างเปลี่ยนไป
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ ข้างหลัง “วันนี้ดูเหนื่อยนะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นช้า ๆ เห็นเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งยิ้มให้
รอยยิ้มของเขาไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นในทันที
แต่มันทำให้ฉันรู้สึกว่า... ยังมีคนมองเห็นฉันอยู่บ้าง
ตั้งแต่นั้น เขามักจะเข้ามาคุยด้วยบ่อย ๆ
บางวันก็แค่ถามเรื่องการบ้าน บางวันก็เล่าเรื่องขำ ๆ ให้ฟัง
ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เสียงของเขาทำให้หัวใจฉันเงียบลงได้ชั่วขณะ
ไม่ต้องแสร้งยิ้ม ไม่ต้องซ่อนความรู้สึก แค่ “อยู่เฉย ๆ” แล้วฟัง
แต่ความสุขเล็ก ๆ นั้นก็อยู่ได้ไม่นาน
เมื่อฉันเริ่มยิ้มมากขึ้น แม่กลับพูดขึ้นมาว่า “ทำไมช่วงนี้ดูแปลก ๆ ไป”
คำพูดนั้นทำให้ฉันกลับมาสู่ความกลัวอีกครั้ง
ฉันไม่กล้าแสดงความรู้สึกดี ๆ ออกไป
เพราะกลัวว่าเมื่อไหร่ที่ฉันเริ่มมีความสุข โลกจะพรากมันไปอีก
ในวันที่โลกไม่เข้าใจ ฉันได้เรียนรู้อีกอย่างหนึ่ง —
บางที “ความเข้าใจ” ไม่ได้มาจากทั้งโลก
แต่มาจากแค่ “คนคนเดียว” ที่มองเห็นหัวใจของเราจริง ๆ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ขอให้คุณรู้ว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียวเลย ทุกความรู้สึกที่คุณมีตอนนี้เป็นเรื่องจริงและถูกต้อง อนุญาตให้ตัวเองได้พักบ้าง ไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้ การได้หยุดพักและยอมรับความอ่อนแอคือความกล้าหาญอย่างหนึ่ง ขอให้จำไว้ว่าคุณเก่งมากๆ ที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ มาได้จนถึงวันนี้ และไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ก็ขอให้ใจดีกับตัวเองให้มากๆ เสมอ. เชื่อมั่นในตัวเองนะ😊
🌙 ตอนที่ 3 : คนที่ทำให้ฉันยิ้มอีกครั้ง
หลังจากวันนั้น ฉันเริ่มมองหาเขาในทุกเช้าโดยไม่รู้ตัว
ไม่ว่าจะในห้องเรียน หน้าตึกเรียน หรือแม้แต่ในโรงอาหาร
เขามักจะยิ้มให้ฉันก่อนเสมอ รอยยิ้มที่ดูเหมือนธรรมดา
แต่กลับทำให้หัวใจฉันเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล
บางวันเขายื่นขนมให้ บางวันก็แค่เดินมาพูดว่า “อย่าลืมกินข้าวนะ”
คำพูดง่าย ๆ เหล่านั้น มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร. แต่มันกลับอบอุ่นจนฉันแทบอยากร้องไห้. เพราะไม่ค่อยมีใครพูดกับฉันแบบนั้นมานานแล้ว
ทุกครั้งที่เขาหันมามอง ฉันมักจะหลบสายตา
เพราะกลัวว่าถ้าเขาเห็นในตาฉันดี ๆ. เขาจะรู้ว่าฉัน “เริ่มรู้สึกบางอย่าง” ที่มากกว่าเพื่อน
วันหนึ่งหลังเลิกเรียน ฝนตกหนัก
ฉันไม่มีร่ม เขาเดินเข้ามายื่นร่มให้แล้วพูดว่า
“ถ้าไม่รีบกลับ งั้นกลับด้วยกันไหม”
ตอนนั้นฉันได้ยินเสียงหัวใจตัวเองดังชัดกว่าฝนที่ตกเสียอีก
เราสองคนเดินไปด้วยกันโดยไม่พูดอะไรมาก
แต่ทุกย่างก้าวกลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังเติบโต
บางอย่างที่ทั้งอบอุ่นและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีใครทำให้ “ความเงียบในใจฉัน”
เริ่มมีเสียงหัวเราะเบา ๆ ได้อีกครั้ง. แต่เขาทำได้โดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลย.
คืนนั้นฉันเขียนบันทึกลงในสมุดเล่มเดิมว่า
> “วันนี้... ฉันยิ้มทั้งที่ไม่ได้ฝืนยิ้ม” แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็รู้ดีว่า
ความสุขแบบนี้อาจอยู่ไม่นาน. เพราะทุกครั้งที่ฉันเริ่มมีความสุข
อะไรบางอย่างก็มักจะเกิดขึ้น เพื่อเตือนให้ฉันจำว่า
“อย่ารู้สึกดีเกินไป”
ฉันเลยเริ่มกลัวอีกครั้ง...
กลัวว่าวันหนึ่ง เขาอาจจะหายไป
เหมือนคนอื่น ๆ ที่เคยผ่านมาในชีวิตฉัน
การเจอคนพิเศษแล้วกลัวว่าความสุขนั้นจะหายไปเป็นเรื่องที่น่าหวั่นไหวมาก แต่ขอให้คุณจำไว้แบบนี้นะคะ
แทนที่จะกลัวว่าเขาจะหายไป จงเลือกที่จะชื่นชมในทุกช่วงเวลาที่คุณมีร่วมกันในวันนี้. ความสัมพันธ์ที่สวยงามไม่ได้วัดที่ความยาวนาน แต่อยู่ที่ความลึกซึ้งของความรู้สึกที่คุณมอบให้และได้รับ. การได้รู้จักเขาคือของขวัญที่ล้ำค่า จงใช้ความกลัวเป็นแรงผลักดันให้คุณทำทุกวันกับเขาให้ดีที่สุด แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณก็จะมี
"ความทรงจำที่สมบูรณ์แบบ" ที่ไม่มีใครพรากไปได้😊
___
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!