NovelToon NovelToon

เสียงร่ำไห้หนึ่งพันครั้ง

บทที่ 1 เสียงแพะเขาทอง

ปิดหรือเปิดฉากทัศน์ก็ให้เพียงสีดำไม่มีอะไรเจือปนแถมยังมีไอเยือกเย็นพอกร่างเหมือนนอนใต้เกล็ดน้ำแข็ง

      ทราบมาว่ามนุษย์มีความตายเพียงสองคือขณะนอนหลับและตายจริง ๆ เวลานี้เขากำลังนอนหลับและฝันถึงทัศนียภาพแปลกตา ที่ไม่สามารถบอกได้ว่าที่ไหน

       เขาได้ยินยินเสียงโต๊ะครูไลฟ์สดชีวิตหลังความตาย Ep.15 ผ่านเครือข่าย 5G เริ่มต้นได้ไม่นานนัก ได้เล่าวิญญาณที่ดีถูกดึงเหมือนละอองน้ำที่โปรยปรายเสร็จแล้วทูตสวรรค์พาขึ้นชั้นฟ้า จากนั้นก็พาสู่พื้นดินให้มองเห็นผู้อาบน้ำศพ ก่อนที่ร่างห่อด้วยผ้าขาวนำไปฝังกูโบร์ที่ใกล้ที่สุด

       นับถอยหลังหนึ่งร้อยวันก่อนวิญญาณถูกชักออกจากลูกกระเดือกนั้น ผู้ใกล้ตายจะสั่นสะท้านทั่วสรรพางค์กาย เป็นสัญญาณเทวทูตรับงาน จะเดินไปข้างหน้าหรือถอยหลังก็ไม่สิทธิ์ใดๆอีก

       ครั้นถึงหกสิบวันสุดท้ายบริเวณสะดือจะเต้นระริกบอกสัญญาณจะนับถอยหลังทุกเข็มนาฬิกา กระดิก

       ครั้นเหลืออีกสี่สิบวันก่อนถึงชานชลาสุดท้าย ไม่เลือกยากดีมีจนใบไม้ประจำตัวที่บันทึกชื่อจะร่วงหล่น จิตใจจะเริ่มสั่นไหวไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไม่เคยรู้สึกมาก่อน

       ครั้นถึงช่วงเจ็ดวันสุดท้าย ได้รับแจ้งข่าวอีกขั้นตอนหนึ่งให้รู้สึกหิวกระหายน้ำรุนแรงขนาดทั้งโลกรวมกันก็ไม่เพียงพอ

      ความผิดปกติร่างกายจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันที่ห้าให้ลิ้นชักกระตุกสัญญาณเคาะข่าวจากโลกอีกใบหนึ่ง

      ก่อนอำลาสามวันมีอาการเคลื่อนไหวบริเวณศีรษะ ถึงวันที่สองหน้าผากผู้ใกล้ตายจะชักกระตุกบอกไฟชีวิตใกล้มอดดับเต็มที

      ก่อนวินาทีวิญญาณเคลื่อนผ่านคอหอยนั้นจะรู้สึกเยือกเย็นที่กระหม่อมถึงลูกสะดือและกระดูกซี่โครงแผ่นหลังให้ญาติกล่าวนำ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์

       อดัมมองผู้กดไลก์กดแชร์และซับสไครบ์กระดิ่งเตือนเพิ่มขึ้นทุกวัน เช่นเดียวกับห้องทดลองยังไม่ปิดตาย สิ่งเชื่อถือและศรัทธา ก็ยังลอยเหนือพื้นดิน

       ดินแดนโซเชี่ยลเคลื่อนไหวคึกคักไม่แพ้กัน ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ว้าวุ่นเพียงใดยังสนใจโลกใบอื่นเสมอ

       ฟังเคลิ้มอยากนอนหลับพัก เส้นแสงสีเสียงเอไอพาขึ้นเขาลงห้วยด้วยถ้อยคำสู่วงกลมสีขาว มีสีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด ขาว เฉดสีรุ้งทั้งเจ็ดกระจายอยู่ในนั้น

       ให้เสียงอาซานปลุกตื่นอีกทีตอนบ่ายสามโมงครึ่งดีกว่า ให้ตายสิ ขณะเอื้อมมือหยิบหมอนอยู่นั้นเอง มีมือดำลึกลับยกศีรษะเขาวางแทนที่คนในบทเรียนออนไลน์ทันที

       ได้ยินเสียง ตึ่ก ตึ่ก มีใครยืนจวกคันนาหรือขุดหลุมศพป่านนี้นะ ให้ตายสิ ปัญญาประดิษฐ์มันชาญฉลาดขั้นจมูกได้กลิ่นดินกลบใหม่เชียวหรือ นี่มันเกิดอะไรกับเขานะ

เซิร์ฟเวอร์ศูนย์กลางความทรงจำทั้งมวลเชื่อมกับระบบเอไอให้วัยเยาว์ฟื้นขึ้นด้วยรูปเส้น แสง สีอคริลิกส์อีกครั้ง

       หลังฝนหยุดตก แสงแดดส่องละอองน้ำ รุ้งตัวหนึ่งผุดพรายขึ้นรูปครึ่งวงกลมตรงพิกัดทางเข้าหมู่บ้านสวนวิมาน

       ได้ยินเสียงแพะดังจากที่ไหนสักแห่งหนึ่ง อาจเป็นตัวที่อยู่ในคอกรั้วเพื่อนบ้าน หรือดินแดนไกลระบุทิศทางไม่ได้

       ชั่วอึดใจต่อมาภาพอายุสามขวบเคลื่อนออกจากแท่งแก้วใบหนึ่ง เพ่งมองละเอียดแค่ไหนก็บอกได้ยากว่าเป็นภาพจริงหรือภาพจำลอง ความเชื่อกับวิทยาการถูกกั้นด้วยเชือกไนล่อนเส้นเล็กๆ

       ภาพวันที่ป๊ะกับมะพาพบโต๊ะครูดาลาปรากฏขึ้นช้าๆ ป๊ะเคยเป็นลูกศิษย์ปอเนาะแห่งนั้นเจ็ดปี เต็ม ด้วยความดีใจที่ได้ลูกชายสืบสกุลคนหนึ่งจึงเดินทางข้ามจังหวัด ให้อวยพรลูกชายเติบโตเป็นเด็กดีในวันหน้า

       เมื่อถูกนำวางบนตักชายแปลกหน้าอ้วนท้วน คนนั้น อดัมตื่นเต้นมากถึงกับร้องไห้ฉี่ราด  โต๊ะครูยิ้มอย่างอารมณ์ดี ให้มะนำไปชำระเสร็จก็ให้ขอพรใหม่อีกครั้งหนึ่ง

       ระบบเอไอย้อนให้เห็นภาพโต๊ะครูยื่นธนบัตรหนึ่งร้อยบาทเป็นเงินขวัญถุงก่อนกลับบ้าน ภาพทั้งหมดชัดเจนราวกับเพิ่งได้เกิดขึ้นสอง-สามวันก่อนนี่เอง

       ภาพหลังจากนั้นปรากฏบ้านทรงปั้นหยาผุดขึ้นแทน ใกล้ๆมีเปาะข้าวหนึ่งหลัง ที่สร้างไว้เก็บข้าวเปลือกหลังฤดูเก็บเกี่ยว

       บ้านที่ป๊ะใช้อาศัยกับลูกแปดคน มีลำคลองข้างบ้าน ทางทิศตะวันตกมีภูเขารูปยักษ์พุงโตนอนหงายมองดูท้องฟ้า ฤดูแล้งจัดมีฝูงลิงยกพวกข้ามคลองผ่านต้นเดือยริมตลิ่งรื้อข้าวของให้เสียหาย หน้าบ้านดอกพุดซ้อนสีขาวส่งกลิ่นหอมอบอวล ใกล้ๆมีต้นมะพร้าว มะม่วง ช่วยแผ่กิ่งก้านร่มรื่นทั้งวัน

       อาทิตย์ค่ำลง เสียงหวูดเขาควายดังตู้น ตู้น ตู้น ให้นึกถึงวันเป่าแตรสังข์สิ้นโลก ป๊ะพาหนังสือหุ้มหนังแกะ อดัมเดินตามหลังเลียบคลองไปบาลัยสวนวิมาน  อีกแห่งที่คลองขวาง มีหมาด บูหยงลูกเขยเป็นผู้สอน

       บาลัยเป็นวิทยาคารชุมชน ใครมีลูกหลานก็ฝึกสอนหนังสือได้ ที่ร่วมแรงร่วมใจชาวบ้าน กวนอาซูรอเพื่อระลึกวันน้ำท่วมโลก อ่านกวีฉลองวันเกิดศาสดา หรือทำมอแร กลุ่มจัดเลี้ยงในเดือนถือศีลอด เป็นเสาหลักเมืองของหมู่บ้าน

       ป๊ะนั่งสอนหนังสือให้ลูกศิษย์และชาวบ้าน ท่ามกลางแสงตะเกียงเจ้าพายุส่องแสง เน้นให้รู้จักตูฮันผู้ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน ด้วยคุณลักษณะยี่สิบประการเรียกว่า ซีฟัต ดัวปูโละ

       อดัมยังจำได้ นั่งฟังป๊ะเล่าค่ำคืนมหัศจรรย์ที่ศาสดานั่งบูร้อกกสัตว์ชนิดหนึ่งตัวสีขาว มีลำตัวยาวกว่าลาแต่สั้นกว่าล่อ  นำไปยังฟากฟ้า ซีรอตุล มุนตาฮา เพื่อรับโองการละหมาด ให้ทุกคนกระทำอย่างเคร่งครัด

       ป๊ะไม่มีรายได้อื่นเลย อาศัยเงินบริจาคในขันเล็กๆน้อยๆ มะปลูกผักกาด ผักบุ้งขายที่ตลาดนัดสวนวิมานช่วยกันเลี้ยงลูกๆ

       อดัมยังจำสมัยเรียนชั้นประถมศึกษานั้น ใส่เสื้อสีขาวหม่นกางเกงปะก้นชุดเดียว พอกลับถึงบ้านมะจะรีบซักตากลมให้ทันใส่วันรุ่งขึ้น

       มะได้แต่ปลอบใจ วันไหนมีเงินมากพอจะซื้อชุดใหม่ให้ทันที อุตส่าห์นอนฟังนับเหรียญ สิบสอง,สิบสาม แต่ละคืนได้เพียงเล็กน้อย ค่ากับข้าวก็ยังไม่พอ ถึงวันเรียนจบก็ยังไม่ได้ใส่สักที

ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่10 ชื่อโต๊ะฮารีเมาอายุห้าสิบแปดปี รูปร่างกลมเตี้ยเป็นมะขามข้อเดียว มีเชื้อสายโต๊ะบอมอ ฮารีเมา จากเมืองเนอฆรี ซัมบีลัน ก่อนตั้งรกรากนับร้อยปีก่อน

       ทั้งๆที่อื่นมีไฟฟ้าใช้แล้ว โต๊ะฮารีเมามัวแต่วุ่นกับขยายอำนาจเข้มแข็ง ชุมชนอ่อนแอยังไงไม่สน

     รุ่นป๊ะของแกรับรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆให้ชาวบ้านด้วยวิชาครูหมอเสือ ว่ากันว่าตอนรักษาคนไข้จะอยู่ในมุ้งจะมีเสือลายพาดกลอนจริงๆร่วมอยู่ในมุ้งพิธีด้วย

       โต๊ะฮารีเมาให้ครูหมอเสือช่วยดูแลทรัพย์สิน เรือกสวน ไร่นา เล่ากันต่อมาว่ามีขโมยคนหนึ่งถูกเสือไล่กัดในสวนเงาะมาแล้ว

       แกมีคู่หูชื่อบาว ยีวา บ้านอยู่คลองขวางใกล้ๆกับสวนวิมาน ที่ร่ำลือมีวิชาล่องหนหายตัวได้ อ้างเรียนรู้ได้ง่ายๆด้วยตูฮันให้รับพรสวรรค์คืน ไลลาตุลก้อด ไม่เรียนรู้ก็เห็นแจ้งได้ทุกเรื่อง

       ทั้งสองคิดงานใหญ่ให้ลูกแต่งงานกัน จากนั้นคิดแยกคลองขวางเป็นหมู่11ให้ลูกชายตัวร้ายยาเสพติดเป็นแท่นผู้นำ

       ป๊ะนั้นหวังชุมชนความรู้ส่องสว่าง ชวนผู้คนคืนสู่ธรรมสอนใจใช้บาลัยเป็นศูนย์กลาง อีกคนมีลูกหลานเกินครึ่งหมู่บ้าน ใช้เวทมนต์ครูหมอเสือเป่าหัวควบคุมฝูงชน

       “พวกเราอย่าเรียนกะครูบ้านั่นนะเว้ย”โต๊ะฮารีเมาขู่ไม่ให้คบค้าสนับสนุนป๊ะ

       “ไม่รู้เกลียดอะไรกันนัก”พี่สาวอมมีเอ่ยขึ้นให้น้องๆฟังอย่างเบื่อหน่ายพฤติกรรมพิเรนท์เต็มทน สมยอมให้อิบลิสอุ้มสมยอมแลกการลงโทษอย่างเจ็บปวดได้ยังไงกันนะ

       “ป๊ะไม่เคยยุ่งกับแกเลย” สโนว์ไวท์อมมีพูด

       “ถ้าอิบสิสเข้าสิงทำได้ทั้งนั้น” มูฮิบบะพูดถึงมารร้าย ผู้ได้รับสิทธิ์หลอกใครก็ได้

       มีนิสัยขี้อิจฉา อวดเก่ง ใส่ร้าย นินทา  ขี้สงสัย ยุยงให้คนอื่นเกลียดกัน โกหก ชวนทะเลาะเบาแว้ง  วิวาท  ประจาน อยากเอาชนะคนอื่น

       โต๊ะฮารีเมาเป็นอิบลิสตัวกร่าง กลืนนิสัยมาร้ายลงท้องทำให้ครูหมอเสือจึงดูน่ากลัว ไม่มีใครกล้าตอแยด้วย

       สมมติครูเป็นดวงดาวส่องฟ้ายามค่ำคืน คอยช่วยไม่ให้เดินหลงทาง ทั้งสองคือแม่ทัพใหญ่ฝึกฝนพลธนูยิงดวงดาว ให้หมู่บ้านอยู่ในห้วงรัตติกาลก็ไม่ผิดนัก

เคลิ้มๆนั้นได้ยินพี่สาวเล่าวันทำบุญโกนหัวให้ฟังวันที่หมอตำแยโกนหัวล้าน วาดคิ้วเสียใหม่มองคล้ายตุ๊กตายางนอนนิ่งบนเบาะลายดอกไม้ มะยิ้มไม่หุบ ที่มีเพื่อนบ้านแสดงความดีใจ หยอกเล่นกับกุมารน้อยน่ารักน่าชัง

       “มะได้บนบานเอาไว้ ได้ผู้ชายจะเลี้ยงอาหารด้วยแพะเขาทอง” พี่สาวเล่าให้ฟัง

       “ยืมทองใส่คอแพะ”พี่สาวเฉลยให้ฟัง

       ทุกคนหัวเราะ น้องชายกำเนิดขึ้นพร้อมเรื่องสัตว์วิเศษ ฟังแล้วดูชีวิตนี้เขาคือตัวละครที่หลุดจากเทพนิยายสักเล่มหนึ่ง

       สโนว์ไวท์อมมี เล่าน้องๆนบีไอยุบทำตัวอย่างเอาไว้ตอนที่เบื่อระอาเมียเต็มทน หายป่วยแล้วจะตีนางร้อยครั้ง ครั้นถึงเวลาที่หายป่วยร่างกายแข็งแรงเหมือนเดิม ได้เอาหญ้าแห้งแตะตัวเบาๆแก้บนเท่านั้น

       นอกจากตูฮันสัตว์ไม่มีสิทธิ์บันดาลอะไรให้ใครๆได้  บนบานแล้วไม่ทำเป็นบาปติดตัวอย่างหนึ่งต้องระวัง

      “มีญาติบางคนไม่ชอบรู้มั้ย”อมมีเอ่ยขึ้น

      “อ้าว ทำไมยั่งงั้นล่ะ”ยามีละถาม พี่คนโตเล่าให้ฟังสาเหตุ

       ถ้าป๊ะไม่มีลูกชาย พวกเขาจะมีสิทธิ์พื้นที่เจ็ดไร่ตามหลักแบ่งมรดกทันที สมมติสมบัติทั้งหมดสี่ส่วน ลูกชายได้สาม ส่วนผู้หญิงทั้งเจ็ดได้เพียงหนึ่งส่วนแบ่งเท่ากันคือนาคนละบิ้ง ป๊ะแบ่งให้ถูกต้องชอบธรรมแล้ว

       ทำไมชีวิตป๊ะจึงแร้นแค้นทุกเรื่อง เปิดบาลัยที่ป๊ะฝันสักวันจะเป็นปอเนาะก็ถูกเพื่อนบ้านรุมต่อต้านไม่อยากให้ผุดให้เกิด

       ป๊ะมีพี่สาวสติไม่ดีชื่อโต๊ะดาลีมะพาไปรักษาก็ไม่หาย โดนยาสั่งบ้าตลอดชีวิต บางคืนส่งเสียงรบกวนอ่านคาถา ร้องไห้ กระทืบพื้น สมาชิกในบ้านแทบไม่ได้หลับได้นอน

เซิฟร๋เวอร์ได้ย้อนสมัยชั้นประถมโรงเรียนที่บ้านเกิดอีกครั้งหนึ่ง

       อดัมติดนิสัยเข้าห้องสมุดประจำ ขนาดวันเรียนจบถูกเพื่อนเรียกหน้าห้องสมุดให้ถ่ายรูปเป็นคนสุดท้าย

       เบื้องหลังนั้นเขาเก็บอาการหอบไว้ในรูปปิดใบสุทธิอย่างมิดชิด อดัมไม่มีวันลืมวันที่วิ่งให้คนถ่ายซ่อนใบหน้าในผ้าคลุมแบบอีมูลชั่นเพลต

       น้อยคนที่รู้อดัมเป็นผีห้องสมุด เขาทำเป็นไม่ได้ยินเสียงระฆัง ไม่อยากเรียนวิชาเลขที่ครูหุนสอน แอบอ่านนิทานหงส์หินเพลินอยู่คนเดียวในห้องสมุด

       ห้องสมุดได้ห้อยโหนเถาวัลย์กับทาร์ซานเจ้าป่าผจญภัยในป่าลึก ได้คุยกับเมาคลีลูกหมาป่าเด็กชายผู้เติบโตกลางเหล่าสัตว์ป่านานาพันธุ์

       เสียงระฆังพักเที่ยง อดัมเดินตัวปลิวชวนตัวคนแคระนิทานสโนว์ไวท์คุยใต้โคนต้นจามจุรี ชวนคุยสนุกสนานข้ามมิติกับตัวละครร่างเตี้ย ตัวเล็กๆทนงานในเหมืองร้อนได้ยังไงกันนะ

       ยังจดจำไม่เลื่อมคลาย วัยเด็กที่ชวนเพื่อนๆดูโทรทัศน์บ้านเฒ่าแก่โรงอิฐ เดินไกลฝ่าบิ้งนาดูหนังโทรทัศน์เรื่อง ไอ้มดแดงอาละวาด

       ฮอนโก ทาเคชิ นักแข่งรถได้ถูกองค์กร ช็อกเกอร์ จับตัวมาดัดแปลงร่างกายให้เป็น คาเมนไรเดอร์ ก็เกิดอุบัติเหตุไฟฟ้าลัดวงจรขึ้น ทำให้เขาใช้พลังที่ได้หนีออกมาจากองค์กรนรกได้

       ทาเคชิใช้พลังนี้เพื่อสู้องค์กรช็อกเกอร์ เพื่อความสงบสุขชาวโลกเขามีเข็มขัดแปลงร่างพร้อมกับมอเตอร์ไซค์คู่ชีพไว้ต่อสู้กับเหล่าร้าย

       เด็กๆไปเฝ้าบ้านเฒ่าแก่ ตั้งแต่หนังยังไม่เริ่ม ต้น พากันจับจองนั่งหน้าสลอนเต็มห้องรับแขก วันไหนไปช้าต้องยืนดูทางหน้าต่าง ปวดฉี่แค่ไหนก็ต้องทน ไม่งั้นเพื่อนเข้าเสียบแทนที่ทันที

       ตอนเดินกลับบ้าน ยังชวนเพื่อนแบ่งฝ่ายต่อสู้กันแบบในหนัง ปีศาจโผลขึ้นจากลอมฟาง ประกาศศักดาให้ผู้ผดุงธรรมดึงเข็มขัด ขับรถมอเตอร์ไซค์ พุ่งเข้าหาศัตรูอย่างไม่หวั่นเกรง

       "ฮอนโก ทาเคชิ "อดัมตะโกนลั่นบิ้งนา

       “ข้าคือช็อกเกอร์” เพื่อนรักตอบดังๆกลับมาเช่นกัน ก่อนที่สองฝ่ายตะลุมบอน ลอมฟางกองโตล้มกระจาย ทั้งหมดเป็นภาพวันเยาว์ นึกถึงคราวใดยังประทับใจไม่รู้ลืม

เหนือโค้งรุ้งเจ็ดสีภาพสมัยเรียนมัธยมต่างจังหวัดปอเนาะพิกัดหลังหอพักเป็นชัยภูมิที่ดีครูเรียกทางเสือผ่าน บรรดาหัวโจกคอยหนีเรียน แอบดูสาวที่สระน้ำมหาวิทยาลัย

       ตอนเรียนปีแรกรุ่นพี่ชวนเที่ยวสระ อดัมตามหนหนึ่ง สั่งให้พาหนังสือติดตัว นั่งอ่านหนังสือแต่ตาดูผู้หญิงว่ายน้ำ อดัมไม่นึกสนุกด้วยเลยสักนิด  สู้นอนอ่านหนังสือจริงๆดีกว่า

       อดัมยังจำวันที่ปั่นจักรยานไม่มีเบรกไปห้องสมุดได้ดี ตั้งใจไปยืมหนังสืออ่านเกือบถูกรถชนตายเป็นผีเฝ้าถนน

       ขณะเสยหัวขึ้นถนนใหญ่ได้ยินเสียงแตรดังสนั่น

       ทั้งรถทั้งคนเสียหลักเจ็บแปลบข้อเท้าริ้วตอนถูกลากติดล้อพร้อมรองเท้าฟองน้ำคู่เก่า ยังแข็งใจเดินทางต่อกลางแสงแดดบ่ายร้อนแรง

       นึกสาวใหญ่หน้าตาดีก็อยากให้ถึงห้องสมุดเร็วๆ อดัมปาดเหงื่อยเริ่มไหล เมื่อวันก่อนได้แต่ยิ้มทักทายกัน เธอเป็นผู้หญิงที่ดูเงียบๆ แต่จะใช้ชวนคุยด้วยสายตามีเลสนัยตลอดเวลา

       “สวัสดีค่ะ”เสียงทักดังขึ้น

       อดัมยิ้มตอบแห้งแล้ง เมื่อไปยืนอยู่ใกล้ๆบรรณารักษ์สาวใหญ่ เธอมองด้วยสายตาแปลกใจ อะไรทำให้หนุ่มน้อยมีใบหน้าหวาดกล้วเช่นนั้น

       “หน้าซีดจัง” เธอเดินอ้อมโต๊ะถามเบาๆ

       “เกือบถูกรถชนตาย”เสียงอดัมสั่น

       สิ้นคำนั้นเธอดึงตัวกอดเรียกขวัญให้กลับคืนมา อดัมได้ไออุ่นไม่ใช่ที่ไอรับจากมะ หัวใจเต้นแรงเมื่อศีรษะแนบเนินอกใหญ่แทบเป็นไข้กระทันหัน

       นานที่ได้สูดดมกลิ่นหอมกำจายในรูจมูกและขนทุกเส้น อดัมกอดรัดแน่น จนอีกฝ่ายผละออกทิ้งรอยยิ้มจางๆเอาไว้ที่ดวงตาดำขลับ

       “ขอทำบัตรด้วยนะครับ”อดัมพูดแก้เขิน

       “ได้สิ ชอบแนวไหนล่ะ”เธอพูดขึ้น

       เด็กอายุเท่านี้มาห้องสมุดเห็นไม่บ่อย อดัมปาดเหงื่อที่ไหลย้อย กลิ่นหอมกรุ่นติดจมูกไม่หาย

       “สโนว์ไวท์ครับ”

       “ทำไมชอบเรื่องผู้หญิงล่ะ” เธอยกแก้วน้ำยื่นให้ตรงหน้าพลางรอคำตอบ

       “ผมมีพี่สาวเจ็ดคน”

       “ฟังแล้วดูอบอุ่นจังเลยนะ”ดรุณีพูดขึ้น

       “รู้มั้ยเธอมีตัวตนจริงๆ”

       เด็กชายขมวดคิ้ว ได้ยินเบื้องหลังก็อดรู้สึกแปลกไจไม่ได้

       “ชื่อมากาเร็ตมีชีวิต ค.ศ.1533 นักประพันธ์เขียนให้อ่านยังไงล่ะ”

       “แปลกจังเลยนะครับ”อดัมพูดตื่นเต้น

       นึกภาพพี่ใจดีนั่งห้อมล้อม หยอกล้อน้องชายตัวเล็กยั่งกับคนแคระในเทพนิยายสโนว์ไวท์ทั้งเจ็ด ตอบกลับงั้นพี่สาวคือสโนว์ไวท์คนที่ถูกวางยาพิษในลูกแอปเปิลคนนั้น

       เขาจำได้ดี ทุกวันนางถามกระจกบอกสิ ใครงามเลิศในปฐพี  วันหนึ่งกระจกบอกสโนว์ไวท์สวยที่สุดราชินีจอมโหดโกรธแค้นที่ถูกแย่งตำแหน่งจึงวางแผนสั่งนายพรานควักหัวใจใส่กล่อง นายพรานบอกเธอหนีไปเมืองอื่น เอาหัวใจหมูไปให้ราชินีดูเป็นหลักฐานแทน

       อดัมนึกสนุกตั้งชื่อให้พี่สาวทั้ง 7 สโนว์ไวท์ฮาซานะ,อมมี,มูฮิบบะ,ยามีละ,สุอาดะ,ซอลีฮะ,คอดียะ ตามลำดับ.

บทที่ 2                คนแคระกับสโนว์ไวท์ทั้ง 7

ปล่องสัญญาณแสงสีเสียงเกิดขึ้นต่อเนื่องหลังจากเสียงไลฟ์สด Ep14 ชีวิตหลังความตายจบไม่นานนัก

       วิญญาณที่ดีนั้นถูกดึงออกเหมือนละอองน้ำที่โปรยปราย ทูตสวรรค์นำขึ้นบนชั้นฟ้า แล้วพาสู่ภาคพื้นดินให้เห็นคนอาบน้ำศพก่อนที่จะห่อด้วยผ้าขาวนำไปฝัง

       เมื่อฝีเท้าผู้ร่วมส่งศพคนสุดท้ายเดินจากรั้วกูโบร์ โลกบัรซัคที่กั้นโลกนี้กับโลกหน้าก็เกิดขึ้นทันที จะส่วนหนึ่งสวรรค์หรือนรกขึ้นอยู่กับสิ่งใดที่ได้ขวนขวายไว้ครั้งยังมีชีวิต

       ย้อนวันที่มีคนส่งเรียนปอเนาะยี่สิบคน ส่วนใหญ่เป็นพี่สาวและญาติใกล้เคียง เดินทางด้วยรถสองแถว เดินทางข้ามจังหวัดครั้งแรกในชีวิต

       มะกลัวเด็กปอเนาะคนใหม่ เข้าครัวไม่เป็น จึงได้แนะนำหุงข้าวครั้งแรก หลังจากตักข้าวสารใส่หม้อให้ใส่น้ำ วัดระดับน้ำสักสามข้อนิ้ว เมล็ดข้าวจะไม่กรอบหรือแฉะเกินไป

       หากเป็นไข้ไม่สบายให้หยุดอาบน้ำสามวัน ซื้อยาทานนอนหลับให้เพียงพอ มะห่วงใยถึงนาทีสุดท้าย

       เอโยน เลเล่  จับปลาเด่ กลางนา

       เข่ ควาย เข้าคอก  ข้าวเม่า เต็มจอก

       ดอกทอง เต็มกำ  ข้าวเม่า  ลาวัณย์

       เอ โยน เล เล่

       อดัมได้ยินเสียงไกวเปล ดังไล่รถสองแถววิ่งฝ่าฝุ่นหายไกลลับสายตา เขายืนอยู่ที่เดิมนานจนกระทั่งได้ยินเสียงต้นมะพร้าวคุยกันด้านหน้าห้องพัก

       “ลูกผู้ชายต้องเอาตัวให้รอด” น้ำเสียงของป๊ะดังไล่ตามเสียงไกวเปล น้ำตาอดัมไหลอาบแก้มไม่รู้ตัว

       เด็กหอพักประจำเคยชินภาพนั่งเรียนกีตาบ เล่นกีฬา อ่านหนังสือ ซ้ำๆตลอดสัปดาห์ ครั้นถึงบ่ายวันศุกร์เด็กท้องที่จะกลับบ้าน กลับเข้ามาอีกครั้งในเช้าวันอาทิตย์

       วันเสาร์จึงเป็นวันหยุดสุดกระหายที่อยากให้มาถึงเร็วๆ จะได้ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ที่ไม่ไกลจากปอเนาะเท่าใดนัก นอกจากมีหนังสือให้เลือกอ่านอย่างจุใจแล้ว ที่นั่นยังมีผู้หญิงใจดีอยู่อีกคนหนึ่ง

       นึกถึงภาพถูกกอดทีไรสั่นสะท้าน ดรุณีช่างมีเสน่ห์สุดหักห้ามเหลือเกิน สวยทั้งรูปร่าง ทั้งกิริยา  ได้อยู่ใกล้ๆอดใจไม่ได้เลยสักครั้ง

       วันนั้นคงจะตรงกับวันอายุสิบห้าปี วันแรกที่ถูกบันทึกชีวิตที่เลาฮุล มะฟูซ ตูฮันบันทึกทุกสรรพสิ่งเอาไว้ ก่อนจะสร้างเจ็ดชั้นฟ้าเจ็ดชั้นดินถึงห้าหมื่นปี

       วันนั้นถูกรถสิบล้อบรรทุกปลาป่นชนตายก็ดี จะได้ไม่ต้องได้ยินคำยุยงอิบลิสมารร้าย นับจากนี้มีแต่นรกกับสวรรค์ให้เลือกเดิน

ภาพหลังหอพักฤดูฝนน้ำเจิ่งนองไม่เห็นคันนา เด็กปอเนาะชวนไปดักกัดหลังหอพักกลางสายฝนโปรยปราย

       อดัมช่วยใส่ถุง เนื้อตัวเปียกปอนเดินรั้งท้ายกลับที่พักตามลำพัง หันหลังมองบิ้งนาก่อนทรุดนั่งใต้ต้นหว้าใหญ่เห็นสายรุ้งจับตัวที่ขอบฟ้าช่างสวยงามอะไรเช่นนั้น

       คนแก่ไม่ให้ชี้จะทำให้นิ้วงอ ลองยกมือดีดนิ้วชี้สายรุ้งท้าทายความเชื่อ นิ้วไม่ได้งอสักหน่อย เขาโดนหลอกตั้งหลายปีเชียวหรือ

       วันที่นำวิญญาณท้องฟ้ามีสิทธิ์อยู่เหนือรุ้งกินน้ำสิ มองลงจะได้เห็นด้านบน แล้วกลับมายังโลกอีกก่อนร่างทอดสงบอยู่ใต้ผืนดินเย็นเยือกในหลุมฝัง

       นาทีก่อนหน้านี้เก็บปลาสนุก วินาทีต่อมารู้สึกเศร้าใจ ไม่นานปลาที่จะได้ไปอยู่ในกระทะร้อนๆ มันดิ้นขลุกขลักในถุง ตัดสินใจเทลงสู่น้ำสีโคลน ก่อนจะเดินกลับด้วยเนื้อตัวเปียกปอน

       สมัยนั้นจดหมายคือสิ่งที่เฝ้ารอคอย เวลาบุรุษไปรษณ๊ย์ขับรถเข้ามาก็หวังสักฉบับหนึ่ง คนได้รับดีใจรีบแกะซอง ที่ไม่มีก็ตื่นเต้นกับเพื่อนๆราวกับเป็นของเอง

      นั่งฟังข่าวเพื่อน แม่หายป่วย น้องสุดท้องได้เลื่อนชั้น ไม่ผิดกับเรื่องตัวเองเพียงแต่ฟังในมุมคนอื่น สัมพันธ์วงศ์ญาติทุกสายใยอบอุ่นเสมอ

      จดหมายล่าสุดรับเมื่ออาทิตย์ก่อน พี่สาวออกเรือนอีกคน ป๊ะจัดงานเลี้ยงเชิญแขกเล็กๆ เจ้าสาวโชคดีแต่งเจ้าบ่าวบ้านใกล้ลี อาสันเจ้าของที่นานับร้อยบิ้ง สวนยางสิบไร่ ขยันดำนานั้นเหมาะสมแล้ว

      พี่คนนี้ชอบฟังละครวิทยุ มีงานยุ่งขนาดไหนต้องไม่พลาด ไม่สนมะห้ามปราม คณะที่ชอบฟังมีเกศทิพย์กับนิลิกานนท์ มูฮิบบะฉวยวิทยุหยิบไปฟังในครัวยามีละก็วิ่งตามเวลาได้ยินโฆษณาดังขึ้น

       สมัยนั้นถ่านไฟฉายตราห้าแพะ ตรากบ เป็นที่นิยมอย่างสูง ได้ยินเสียงโฆษณายี่ห้อตรากบดังขึ้น

       ต้นตระกูลผมแต่ปางบรรพ์ หลังย่ำสายัณห์ดวงตะวันเลี่ยงหลบ  จะเดินทางเยื้องย่างไปไหน จำเป็นต้องใช้จุดไต้จุดคบ ปัจจุบันเห็นจะไม่ดี ขืนจุดไต้ซีไม่มีใครคบ อาจจะอายขายหน้าอักโข เขาต้องฮาต้องโห่ว่าผมโง่บัดซบ ยุคมันต้องทันสมัย เพื่อนผมทั่วไปใช้ถ่านไฟตรากบ ทั้งวิทยุและกระบอกไฟฉายคุณภาพมากมายสะดวกสบายแทนครบ ถ่านก็มีหลายอย่างวางกอง เขากลับรับรองว่าต้องแพ้ตรากบ เหตุและผลเขาน่าฟังครับ ขอให้ลองสดับนะท่านที่เคารพ

       คือเขาบอกว่า ถ่านไฟฉายตรากบไม่ใช่ของนอกส่งมาขยอกเงินไทย และไม่ใช่ของทำภายในที่โกยกำไรส่งออกนอกถ่านไฟฉายตรากบทำในเมืองไทยโดยให้เงินกำไรหมุนเวียนอยู่ในเมืองไทย ทำให้ดุลการค้าของไทยดีขึ้น

       ฉะนั้น นอกจากจะเคยชอบกินกบ ชอบเพลงพม่าแทงกบ และชอบเล่นไพ่กบแล้ว เดี๋ยวนี้ผมยังชอบใช้ถ่านไฟตรากบอีกด้วย  อ๊บ อ๊บ

       สิ่งเดียวที่ช่วยป๊ะผ่อนคลายคือฟังนาชีดปลุกใจ มีความสุขกับเสียงกลอง ที่ดังมาจากสถานีวิทยุคลื่นสั้นจากมาเลเซีย

       วันหนึ่งถ่านไฟฉายกระแสใกล้หมด มูฮิบบะนำไปตากแดดใส่แทน วิทยุดังชัดยั่งกะได้ถ่านใหม่ทั้งสองหัวเราะลั่นบ้าน

      “ได้ผลว่ะ”มูฮิบบะพูดอย่างดีใจสุดขีด

       สองพี่น้องนั่งเท้าคางฟังอย่างตั้งใจ เสียงพระเอก นางเอกคณะสุดโปรดฟังเรื่องราวแต่ละตอนอย่างออกรส

       ในจดหมายแต่ละฉบับมีเรื่องใหม่ๆทางบ้านให้รับรู้เสมอ ล่าสุดถูกหยิบอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีเบื่อ เล่าการสอนหนังสือที่บาลัยของป๊ะอย่างขยันขันแข็ง เดินฝ่าอากาศหนาวเย็น ทั้งๆที่เป็นโรคเหน็บชาก็ไม่เคยบ่น นั่นคือป๊ะของลูกๆ อดทน อดกลั้น สอนให้เห็นด้วยการกระทำ ไม่ต้องการคำพูดใดๆ

       ทำไมคนเสียสละส่วนรวม ทำทุกอย่างให้ชุมชนดีขึ้น ตูฮันกลับตอบแทนด้วยความเจ็บปวดเช่นนี้ มีปัญหาสุขภาพแล้วยังจะมีปัญหาอื่นอีกสารพัด

       ฝันสร้างปอเนาะ เริ่มต้นที่บาลัยเล็กๆ กลับมีกลุ่มที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น พอใจที่จะให้เป็นสวนวิมาน ที่งดงามเพียงแต่ชื่อหมู่บ้านเท่านั้น

ครั้นปลายฤดูฝนใกล้อำลาผ่านสู่ฤดูร้อน นอกหน้าต่างห้องพัก หลังคาสังกะสีเคาะทำนองเพลงเศร้าในม่านสีขาวอีกครั้งหนึ่ง

       ในห้องอากาศเย็น  อดัมหยิบผ้าห่มคลุมโผล่แค่ใบหน้ามองม่านฝนคิดล่องลอยสารพัดในม่านสีขาว

       พี่สาวแต่ละคน สโนว์ไวท์ฮาซานะ พี่ใหญ่ร่างเล็ก ใจเย็น พูดจาดี ทำไมถูกนินทาปากหวานก้นเปรี้ยวกันนะ

       คนที่สองชื่ออมมี ร่างสูงโปร่ง เสียงดีขับขานนาเชดสะกดคนดั่งต้องมนต์ พี่คนนี้อุ้มอดัมมากที่สุด ชอบจาโผงผาง ไม่อ้อมค้อมถนอมน้ำใจใคร ให้น้องๆเสียใจบ่อยครั้ง

       สโนว์ไวท์มูฮิบบะเจ้าของผิวสีดำ ร่างเตี้ย ผิวดำเมี่ยม ฝีมือทำกับข้าวอร่อย แกงส้มเป็นที่รู้กันดี แต่อ่านคัมภีร์อัล-กุรอ่านไม่คล่อง มีน้ำอดน้ำทนเป็นที่หนึ่ง

        พี่สาวคนนี้ถูกคอกับคนที่สี่ชื่อซอลีฮะ เพราะชอบฟังละครวิทยุเหมือนๆกัน ชอบไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ

       “น้องต้องเรียนที่ให้จบ นำความสำเร็จกลับบ้านนะ”พี่สาวยามีละให้กำลัง

       จดหมายจากพี่สาวที่ชื่อซอลีฮะ พี่ขยันเขียนมาบอกเล่าเรื่องทางบ้าน ฉบับล่าสุดบอกว่ามีคนขอพี่สาวสุอาดะไปเลี้ยง โชคดีได้อาศัยชายคาคนพอมีอันจะกิน แต่โชคร้ายนั่งกินข้าวสำรับเดียวกับโต๊ะ ยีวา หนุ่มชอบนินทาคนนั้น

        ในข้อความยังเล่าโต๊ะฮารีเมากำจัดป๊ะหวังให้คู่ขาขึ้นเป็นผู้นำแทนโต๊ะวารี อ่านแล้วให้น้ำตาซึมชะตากรรมป๊ะไม่รู้ตัว

       เซิร์ฟเวอร์ทรงจำให้ฟังเส้นทางฝันของป๊ะ ผู้ก่อตั้งบาลัยหวังชาวบ้านสนับสนุน จะเปิดเป็นปอเนาะสักวันหนึ่ง

       “ใครดื้อบอกกู” เสียงขมขู่ไม่หยุดหย่อน ดังมาจากมนุษย์อิบลิสมารร้ายเกาะต้นคอคนนั้น

       โต๊ะฮารีเมาต่อว่าป๊ะเป็นตระกูลคนบ้า ดื้อรั้นไม่ฟังเสียงใคร ช่วยกันบอกต่ออย่าไปเรียนที่บาลัยแห่งนั้น

       “ครอบครัวเราเหมือนอยู่กลางดงงูเลยนะ” แว่วเสียงสโนไวท์คอดียะพี่สาวคนที่ดังจากบ้านริมคลอง

       “ใช่ๆ อิบลิสเป็นงูได้” พี่สาวพูดยืนยัน

       พี่คงเปรียบเกิดมาทั้งที มีทั้งคนรักคนชัง ในหมู่บ้านมีคนไม่พอใจ ไม่อยากให้ใครมารับช่วงเป็นครู แกก็ได้นิสัยจากป๊ะผู้ล่วงลับ มีนิสัยโอ้อวดเพราะมีสมบัติและลูกหลานมาก ป๊ะมีความรู้แต่ไร้เงินทองหมดทางสู้อยู่แล้ว

      “อดัมเกิดวันศุกร์ปีงูนาคราช คงสู้กันสั้งตั้งนะ” ยามีละพูดขึ้น

       พี่สาวคนนี้หน้าตาดี นิสัยขี้อิจฉา ไม่อยากให้ใครได้ดี ทำไมน้องชายได้ที่ดินเจ็ดไร่ ขณะที่ตัวเองได้นาเพียงบิ้งเดียวอย่างฝังใจ

      “จำได้ๆ โต๊ะดาลีมะทายได้ลูกชาย” คอดียะเอ่ยขึ้นบ้าง

       คนนี้ฉลาดเหลี่ยม ครั้งหนึ่งป๊ะตีด้วยไม้หวายร้องลั่นบ้าน ร้องไห้น้ำตาแตก สัญญาไม่พูดโกหกอีกแล้ว

       ลูกๆทุกคนไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง ป๊ะสอนลูกไม่ใช่แค่ลมปาก แต่มีไม้หวายพร้อมลงโทษเด็กเกเรเสมอ

เซิร์ฟเวอร์ย้อนแสงเงาอีกครั้งเอไอเจาะข้อมูลอีกด้านเชื่อมฉากชีวิตย้อนกลับยังวัยมัธยมศึกษาตอนต้นแย้งจิตใต้สำนึก

       ระบบอันชาญฉลาดปรับสู่โหมดย้อนคืนช่วงชิงฝ่ากำแพงไฟร์วอลล์ที่เหนือชั้นให้เขาดำดิ่งกับภาพสีเดาซ่อนอยู่ในเปลือกไม้สีดำ

       วันสอบชั้นมัธยมเป็นม้าอารีให้เพื่อนลอกข้อสอบ คุณครูจับคาหนังคาเขา โดนตัดคะแนนออกหนึ่งร้อยวิชาภาษาไทย จากลำดับที่หนึ่งของห้องร่วงถึงลำดับสิบ

       มันไม่ใช่คะแนนหายเฉยๆ แต่เจ็บปวดตอนครูไล่ออกห้องสอบเหมือนผู้ร้าย ป๊ะถามเรื่องผลการเรียนก็บ่ายเบี่ยงเก็บเป็นความลับนานปีแต่เอไอก็กระชากจนได้

       ถัดจากภาพห้องเรียนชั้นมัธยมที่ทิ้งไว้แผลใจที่เจ็บปวด เซิร์ฟเวอร์ถ่ายทอดเสียงโต๊ะครู Ep.14 ชีวิตหลังความตายอีกครั้ง

       สัญญาณบ่งชี้การตายที่ดีมีดังต่อไปนี้ ผู้ตายได้กล่าวไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์,ตายขณะประกอบคุณงามความดี, ตายขณะที่ยกนิ้วชี้ขึ้น, ตายด้วยใบหน้ามีรอยยิ้มสดใส ไม่หมองคล้ำ, ตายแบบมีเหงื่อซึมออกจากหน้าผาก และการตายวันศุกร์หรือคืนวันศุกร์จะได้รับสิทธิพิเศษ ไม่ถูกสอบสวนในกูโบร์

       ภาพฉายย้อนต่อเนื่องที่บ้านริมคลอง สลับจังหวะเวลาเคลื่อนต่อไปอย่างไม่สะดุด

       บ้านริมคลองโต๊ะครูผู้มีลูกสาวเจ็ดคนต้องกินต้องเรียนอาศัยเงินตอบแทนน้อยนิดคืนละไม่กี่บาท ยังต้องรับภาระคนบ้าส่งเสียงรบกวนทั้งคืนแทบไม่ได้หลับนอน คืนวันผ่านด้วยยากลำบากแต่ก็ไม่เคยปริปากบ่นแต่อย่างใด

       ”บ้านคนจน” สโนว์ไวท์มูฮิบบะพูดขึ้น

       “ให้นาคนละบิ้ง” ยามีละตอบเห็นด้วย

       พี่สาวคนนี้ร่างเตี้ย ผิวสีดำเวลาพูดติดอ่าง คล้ายแมวแยกเขี้ยว

       “พวกเราไม่มีเสื้อสวยไให้ใส่” สุอาดะตัดพ้อ

        คนนี้นิสัยไม่ค่อยพูด ตรงกันข้ามสโนว์ไวท์ซอลีฮะขยันพูด ชอบแต่งตัวทั้งๆที่หน้าตาขี้เหร่สุดในบรรดาลูกๆทั้งหมด

โต๊ะครูกาเส็มกับอีหม่ามวารีเป็นเพื่อนที่แตกต่าง คนหนึ่งลูกเยอะ อีกคนไม่มีลูกจึงขอไปเลี้ยง ได้ลูกชายชื่อโต๊ะ ยีวาแล้วอยากได้ลูกสาวอีกสักคนหนึ่งให้ครบสมบูรณ์

       เรื่องยกลูกสาวให้เพื่อน ทำให้สมาชิกบ้านริมคลองโศกเศร้าหลายวัน มะกินไม่ได้นอนไม่หลับ อยากอยู่กันพร้อมหน้าประสาพ่อแม่ลูก รับทำใจไม่ได้เวลาลูกสาวร้องไห้มีคนอื่นปลอบ

       “ดีใจมั้ย” สโนว์ไวท์อมมีพูด

       เธอได้ยินเสียงนินทาไม่รักลูกดังเข้าหู เกิดลูกมากเลี้ยงไม่ไหว ป๊ะพูดคำไหนคำนั้น ตัดสินใจแล้วไม่มีทางเปลี่ยนได้อีก

     ลึกๆสุอาดะก็อยากไปเหมือนกัน หวังพี่น้องได้พึ่งพลอยวันข้างหน้า เสียงเชียร์พอโตขึ้นได้สมบัติ ทั้งนาและสวนยางพารา ไม่ต้องจมปลักยากไร้บ้านริมคลองอีก

       “ไม่อยากอยู่กะเขาเลย”สโนว์ไวท์สุอาดะพูด

       โต๊ะ ยีวาหัวสะพานกิติศัพท์ชอบนินทาใส่ร้ายเพื่อนบ้าน วันๆไม่ต้องทำงานก็อยู่สบาย มีนิสัยหยิ่งยโส นินทาปรักใส่ร้ายลักษณะอิบลิสมารร้าย เข้าสู่เม็ดเลือดยากที่จะถอนตัว

       “โตขึ้นน้องจะสบายรู้มั้ย”

       “ไม่ชอบคนปากเสีย”สุอาดะพูดเสียงเศร้า ในวันเตรียมตัวเดินทางไปบ้านหลังใหม่  น้องสาวจะทำใจได้หรือเปล่า รู้กันทั้งแกเป็นพี่ชายคนสนิทโต๊ะบอมอฮารีเมา

      “ไม่ไหวจริงก็บอกได้นี่นา”

      “ฉันนอนไม่หลับแน่ๆ” สุอาดะพูดขึ้น

       ยิ้มเศร้าให้กับพี่สาวในวันอำลา

      “ขอให้โชคดีนะจ้ะ”คอดียะสวมกอดน้องสาวด้วยความอาลัยอาวรณ์

       แล้วก็ถึงวันพี่น้องต้องอำลาจากกัน พี่สาวทุกคนรู้สึกสงสารจับใจ

      “กลัวอยู่ไม่ได้”มะเอ่ยขึ้น

       มะยังหวังสามีเปลี่ยนใจล้มเลิกนาทีสุดท้าย ลึกๆแล้วไม่อยากให้ลูกสาว ต้องนอนร้องไห้ที่บ้านคนอื่น ยิ่งเป็นบ้านของคนที่เกลียดป๊ะเข้าไส้

      “ไม่ไหวก็กลับมานะลูกน่ะ ”ป๊ะบอกให้ลูกสาวไม่ต้องกังวล มองลึกดวงตาใสลูกสาวก็อดใจหายไม่ได้

       สโนว์ไวท์สุอาดะยิ้มแห้งแล้งผุดที่ริมฝีปากกับสมาชิกบ้านริมคลอง โบกมือน้อยๆ ก่อนที่จะ ก้มหยิบกระสอบปุ๋ยเสื้อผ้า เดินตามหลังพ่อบุญธรรมตามถนนริมคลอง. .

บทที่ 3 ความรักในห้องสมุด

เสียงโต๊ะครูไลฟ์สด Ep.13 เซิร์ฟเวอร์เชื่อมระบบเอไอโอนถ่ายข้อมูลสม่ำเสมอ

       โต๊ะครูให้นึกวันอำลาถูกนำส่งแดนแห่งตัวหนอน บ้านแห่งสัตว์ร้ายและงูพิษ ใช้ชีวิตใต้ผืนดินอยู่เพียงลำพัง

       โลกใหม่เริ่มต้นใต้ผืนดินค่ำคืนแรกจะได้พบสิ่งที่น่ากลัว อย่าเป็นคนผลัดวันประกันพรุ่ง คนในหลุมฝังขอกลับโลกมนุษย์แก้ตัวใหม่ แต่ก็ไม่มีใครสักคนทำได้

เส้นคลื่นทรงจำหลั่งไหลจากเซิฟเวอร์ต่อเนื่อง ทุกบทตอนในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นในห้องที่มีกลิ่นหอมโชยตลอดเวลา

       อดัมฝันกอดร่างเย้ายวนสวยงามดั่งนางฟ้าคนนั้น เธอสนองตอบแรงเบียดเสียด ให้ห้องสมุดเป็นเตียงสวรรค์ หนังสือเป็นสักขีพยานรักหญิงชายต่างวัยคู่หนึ่ง

       ครั้นตื่นเช้า ลมเช้าอ้อยอิ่งใบไม้ ไม่อยากอำลาไปไหน ทุกตอนจิตใจหวั่นไหว ไม่เว้นขณะหยิบเศษยางก่อไฟหุงข้าว ร่างเปลือยเปล่าโผล่ขึ้นกลางเกลียวควันสีขาว ทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มเชิญชวน รีบหยิบผ้าหุ่มคลุมโปง พบกับเธอรออยู่ในโลกใต้เปลือกตา

       ดรุณีโผเข้าหาร่างของเขากอดรัดฟัดเหวี่ยง อดัมนึกถึงหอยกาบได้กลิ่นโคลน ช่วงที่ไปช่วยเก็บปลาดักกัดเจอหอยกาบตัวใหญ่ เขาสัมผัสถึงรอบขอบคมบาดมือ เพียงลูบเบาๆมันจะอ้าออกตามธรรมชาติ

       ได้ยินเสียงกระซิบที่ชวนเคลิบเคลิ้มอยากทำจิตใจฝ่ายต่ำดังปรารถนา ทุกครั้งที่ขับไล่ไสส่ง มันก็ยุยงอีกต้องการชนะให้ได้ พลังมันแข็งแรง ไม่มีอาวุธใดทำลายได้เลย นอกจากหัวใจอันเข้มแข็งเท่านั้น

       อดัมชอบมองตอนที่ดรุณีใส่มินิสเกิร์ตนั่งไขว่ห้างอวดน่องกลมกลึงแทบไม่กะพริบ เห็นลูกไม้ซับในเหมือนไฟได้กลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิง

       ภาพที่เคลื่อนจากเซิร์ฟเวอร์เผยด้านมืดด้านสว่างราวทำนบแตก นับจากวันกอดรัดเต็มวงแขนวันนั้น ไม่มีสักวันเดียวที่จะลืมเลือน

       อดัมไม่เคยเล่าให้ใครฟังสัมพันธ์ผู้หญิงต่างวัยทรงเสน่ห์ นับวันยากจะหาทางขึ้นหลุมพิสวาสนั้น

       วันหนึ่ง อาจารย์วิชาภาษาไทยให้นักเรียนเลือกอ่านหนังสือนอกเวลา ให้ย่อเรื่องที่ได้อ่านว่าได้รับประโยชน์สอนใจเช่นใด ให้เวลาทั้งเทอมเป็นการเก็บคะแนนสอบปลายภาค

       เพื่อนๆต่างเข้าห้องสมุดโรงเรียน อดัมรู้ว่ามีหนังสืออ่านไม่มากนัก เขารอถึงวันเสาร์ไปหาหนังสือที่ห้องสมุดประชาชนประจำจังหวัด

       “แนะนำอ่านเล่มนี้”

       “นวนิยายข้างหลังภาพ เรื่องประเภทไหนครับ”อดัมพูดขึ้น ขณะหยิบหนังสือพลิกไปมา

       “อ่านเองสิ ไม่บอก เดี๋ยวไม่สนุก”

       วันนั้นเลือกหนังสืออ่านสี่เล่ม ข้างหลังภาพ ของศรีบูรพา, กุหลาบเมาะลำเลิง หลวงวิจิตรวาทการ รวมเรื่องสั้นของโอ เฮนรี่ และเออเนสต์ เฮมมิงเวย์

       ครั้นกลับถึงปอเนาะอ่านเล่มที่บรรณารักษ์แนะนำเป็นเล่มแรก เรื่องข้างหลังภาพ แต่งโดยศรีบูรพา นักเขียนผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง

       นพพรอายุ 22 ปีนักศึกษามหาวิทยาลัยริคเคียวประเทศญี่ปุ่น ได้พบหม่อมราชวงศ์กีรติหญิงวัย 35 ปีที่สถานีรถไฟโตเกียว เดินทางดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีที่อายุมากกว่า ซึ่งขอช่วยให้นพพรมาภรรยาไปเที่ยวพักผ่อน จากที่ได้ใกล้ชิดกันนพพรหลงรักหม่อมราชวงศ์กีรติ ทั้งๆที่รู้ดีว่าเธอมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่เรื่องหัวใจนั้นหักห้ามได้ยาก ทุกครั้งที่นพพร ถามว่าหม่อมราชวงศ์กีรติรักเขาไหม เธอไม่เคยตอบตรงคำถาม นพพรยืนยัน “ผมจะรักคุณหญิง ตราบชั่วฟ้าดินสลาย” ด้วยคำนั้นอย่างมั่นคง ต่อมานพพรก็แต่งงานกับคู่หมั้น ทราบว่าหม่อมราชวงศ์กีรติได้เจ็บหนักด้วยวัณโรคและอยากพบเขามาก ชายหนุ่มไปเยี่ยมและเธอได้มอบให้ภาพเขียนโดยฝีมือของเธอเอง อีกเจ็ดวันต่อมาเธอก็ถึงแก่กรรม ยังจำเนื้อหาในหนังสือเล่มนั้นได้ดี นิทานสโนว์ไวท์ หนังสือ ชวนให้อ่านตามวัยที่เติบโตขึ้น ข้างหลังภาพ เป็นนวนิยายรักต่างวัย อ่านจบเขารู้สึกอยากจะเป็น ชายหนุ่มที่ไปเรียนประเทศญี่ปุ่นคนนั้น

สองสัปดาห์ต่อมาเธอไว้ใจให้ทำหน้าที่ รับคืนหนังสือแทน ส่วนเธอออกทำธุระข้างนอก ไม่กล้าถามทำอะไรที่ไหน หลังจากคบกันสองปีเต็มก็ชวนเที่ยวบ้านครั้งแรก ดรุณีเดินนำหน้าขึ้นบันไดก่อน มองเห็นท่อนขาขาวผ่อง กลิ่นหอมยวนใจลอยอบอวล ใจเต้นครึกโครมไม่เป็นจังหวะ

      ในห้องนอน อดัมมองรูปเด็กผู้ชายคนหนึ่งวางบนโต๊ะเครื่องแป้ง หน้าละม้ายอดัมเหมือนฝาแฝดอีก เขายืนดูภาพนั้นนิ่งนานเหมือนโดนต้องมนต์ขลัง ดรุณีเล่าเกิดอุบัติเหตุสามีเสียชีวิตลูกเป็นเจ้าชายนิทราเพิ่งเสียชีวิตไม่นานนักอะไรหนอที่ทำให้ต้องเจอกับความสูญเสียสิ่งที่รักในคราวเดียวกันอย่างเจ็บปวดเช่นนั้น

       “คิดถึงลูกมาก” น้ำเสียงแผ่วเบา

       อดัมถูกดึงเข้าเป็นส่วนหนึ่งในนิยายชีวิตเธอทันทีที่ได้ยินเสียงร้องไห้อยู่ในประโยคเหล่านั้น

      “เจ้าชายนอนในห้องนี้” น้ำพูดเสียงสั่นเครือ อดัมรู้สึกถูกลากลงสู่บึงน้ำตาที่ไม่เคยแห้งขอดแห่งหนึ่ง เธอผลักเบาๆให้นอนลงบนเตียงนุ่มหนา บรรจงกอดเด็กชายหอมแก้มซ้ายขวา ดั่งเจ้าชายสัญจรจุมภิตตสโนว์ไวท์ ภาพเคลื่อนไหวที่รุกเร้าในฝันก่อตัวให้เป็นจริง เธอเอี้ยวตัวหลบเอามือแตะฝีปากเด็กหนุ่มเบาๆ

      “พี่ลืมเขาไม่ได้รู้ไหม”กระซิบเสียงสั่นเครือดวงตามีน้ำใสเอ่อล้น

       หนุ่มน้อยตัวสั่นเทิ้ม ดรุณีหน้าอกใหญ่น่าจับต้องลูบคลำได้ทั้งวันลุกขึ้นนั่งรีบปัดผมยุ่งเหยิงให้เข้ารูปทรง ไม่อยากถลำลึกมากกว่านั้น

       ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ สามีเสียชีวิตลูกชายเป็นเจ้าชายนิทรา เธอกับลูกรอสามีกลับบ้านด้วยการนอนเล่นบนเตียงแบบนี้

       “พี่คิดถึงลูก” เสียงเบาหวิว ภาพเศร้าทิ้งทับบนพื้นผิวกระจกใส

       ดรุณีจำลองฉากผ่านชีวิตของเธอ ให้เกิดขึ้นในลำธารสายใหม่ หนุ่มน้อยชื่นชมสายน้ำทิพย์นั้นด้วยเผลอใจ เขารู้ดีว่ามันเกิดแรงหนุนจากอิบลิสแปลงร่างลงท้อง เขาทั้งสองช่วยกันขับไล่ให้ออกไปอย่างสุดฤทธิ์ เป็นครั้งแรกที่อดัมได้ยินคำเตือนชายและหญิงห้ามอยู่สองต่อสอง จะมีมารร้ายเป็นบุคคลที่สามรวมอยู่ด้วย

       “ผมเสียใจด้วยนะครับ”

       “ขอบใจจ้ะ” ดรุณีเอ่ยขึ้น ดวงตาดำขลับมีน้ำใสเอ่อล้น

       ให้ตายสิ สิ่งที่เกิดขึ้นเขาเองที่เข้าใจผิด ทุกครั้งมีกรอบกั้นมิให้ถลำลึก ช่วยกันหาทางออกเต็มกำลัง ทุกครั้งรสสัมผัสทั้งหมดยากที่จะลืมเลือน ได้เลย

       อดัมบอกตนเองอีกไม่นานเรียนจบแล้ว รักมากแต่ไหนก็ตัดใจก่อนเดินทางกลับบ้านลืมวันเก่าๆให้จงได้

       คิดๆแล้วบ่ายนั้นรถชนตายก็ดีหรอก สมุดบัญชียังไม่ถูกจดบันทึก สมุดจดชีวิตจะได้สะอาดดั่งผ้าสีขาว

วันเวลาล่วงถึงสอบปลายภาค ไม่กี่วันก็ต้องอำลาเพื่อนปอเนาะ และโรงเรียนประจำจังหวัดก็อดใจหายไม่ได้

       อดัมนั่งทำข้อสอบใจเต้น หน้ากระดาษเต็มไปด้วยภาพหญิงในฝัน ด้วยวันนี้ตั้งใจพบเพื่ออำลา วันนี้เพื่อนชวนกินเลี้ยงที่ร้านเจ้าประจำเขาจะทำยังไงดีนะ

       “อดัมทิ้งเพื่อนว่ะ”ทัศนีย์แซว อดัมยิ้มอายๆ

       “วันสำคัญนะโว้ย”นรินทร์ย้ำ

       “มีธุระ”อดัมบอก

       นรินทร์จับมือขอร้อง วันสุดท้ายสมควรอำลาเพื่อนร่วมหัองห้าปีเต็มๆ เพื่อนคนนี้เป็นนักมวย เคยนำเงินช่วยค่าเทอมให้ ขนาดนั้นก็ยับยั้งหัวใจส่วนลึกไม่ได้เลย

       อดัมรีบวิ่งหารถปั่นไปห้องสมุดอยู่กันคนละฟากถนน เพื่อนมองไล่หลัง คงคิดว่าเสียสติแล้วแน่ๆ

       หายใจลึกดึงชายเสื้อออกนอกกางเกง อดัมนั่งใต้โคนไม้หน้าห้องสมุดพักหนึ่งให้หายเหนื่อยหอบ

       บ่ายวันนั้นห้องสมุดว่างเปล่า เงียบสงัด ไม่มีสมาชิกส่งหนังสือหรือทำธุระ เป็นฤกษ์งามยามอำลาที่หาได้ไม่ง่ายนัก

       ดรุณีใส่กระโปรงเห็นหัวเข่าขาวนวล นั่งเขียนหนังสืออยู่ที่โต๊ะ เมื่อเห็นเขายืนอยู่หน้าห้องก็กวักมือให้เข้ามาข้างใน ดวงตาที่จ้องเขานั้น ยากที่จะเข้าใจได้เลย

       วันนี้เธอใส่เสื้อผ้าบางเห็นจนยกทรงข้างในชวนวาบหวิว ยกสองมือโอบด้านหลัง เธออาจนึกลูกชายที่ตายมาหอมแก้มอยู่กระมังถึงไม่หลีกหลบแต่อย่างใด

      “ชื่นใจจัง” ประโยคใช้ได้ทั้งลูกและชู้รัก กลิ่นหอมเข้าจมูกลืมเพื่อนที่กำลังเลี้ยงฉลองสนิท

      “สอบเสร็จรีบมาครับ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำหอมส่งกลิ่นไม่ผิดกับได้นอนเล่นในสวนดอกไม้นานาพันธุ์

       “จะไม่ได้เจอกันอีกใช่มั้ยครับ”

       “พี่จะรอเธอในความฝัน” ดรุณีตอบอดัม

       “อยากพบแบบนี้ครับ”

       “พบเพื่อร่ำลาจำได้มั้ยจ้ะ” น้ำเสียงเบาหวิว

       “ถึงเวลาก็ใจหายครับ” อดัมกระซิบตอบ

       อดัมจ้องแววตาดำขลับ ยิ้มบางริมฝีปากแดงด้วยลิปสติกนั้น

       อดัมยังจำวันที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงที่บ้านพักได้ดี เขาจูบฝีปากนิ่มนวล คล้ายเจ้าชายจุมภิตสโนว์ไวท์แสนสวย

       “พี่ขอสักอย่างได้มั้ย” เสียงนั้นสั่นส่วนอดัมแทบสำลักลมหายใจ ต่อไปคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว

       “อดัมอย่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนะ”ดรุณีพูด

       “ทำไมครับ”

       “เด็กโง่” น้ำเสียงเบา ตาดำขลับมองชายรุ่นลูก เขาช่างอ่อนโลกเสียเหลือเกิน

       “แต่งกันไม่ได้” ดรุณีพูดขึ้น ดวงตามองหนุ่ม สาวใหญ่อารมณ์เปลี่ยวเผลอใจให้หนุ่มน้อยคราวลูกน่าละอายเหลือเกิน

        อดัมโอบกอดเธอแน่นสองมือซุกซนลูบไล้ตามเนินอกเหมือนส้มโอขนาดเหมาะมือ ลูบคลำเบากลัวหลุดจากกิ่ง

       “ทำไมล่ะ”

       “พี่มีลูกไม่ได้ นะสิ” ดรุณีอธิบายวัยที่ร่วงโรย เข้าสู่วัยทองหมดสิทธิ์ตั้งท้องได้อีก

       “ผมไม่รู้ แต่...”

       “รับปากพี่สิ”

       “ไม่ต้องมีลูกก็ได้นี่ครับ”

       “ไม่เสียดายที่ดินให้ญาติฝ่ายพ่อเหรอ”

       “ผมยอม” ดรุณียิ้ม เขาอยู่ในวัยอรุณ ไม่รู้จักแสงอาทิตย์ร้อนแรงเพียงใด  ไม่น่าให้เรื่องบานปลายเช่นนี้เลย

       “งั้นไม่ต้องเจออีก”ดรุณีใช้มาตรการเด็ดขาด

       “ผมสัญญาไม่เล่าให้ใครฟัง แต่.”อดัมค้างคำ

       “ความลับไม่มีในโลกนะครับ”

       “ถ้าเธอไม่เล่าใช่ไหมล่ะ”

       อดัมหน้าบึ้ง ผู้ใดกุมความลับพระเจ้าจะช่วยกุมความลับน่าอายไม่ให้แพร่งพรายเช่นเดียวกัน

       “งั้นผมจะเก็บรักษาเท่าชีวิตครับ” น้ำเสียงจริงจัง

       ดรุณีมองอดัมแล้วทั้งสองกอดรัดอีกครั้ง กระแทกชั้นวางหนังสือ บางเล่มหล่นโครมมากองกับพื้นข้างล่าง

       “เธอรักพี่มั้ย” ครุณีมองหน้าถามขึ้น

       อดัมยิ้มตอบนิ่งนาน ก่อนเอ่ยประโยคนพพรตอบหม่อมราชวงศ์กีรติในนวนิยาย ข้างหลังภาพ ที่เธอแนะนำให้อ่านวันนั้น

       “ผมจะรักคุณหญิง ตราบชั่วฟ้าดินสลาย”

ฝังตัวในอยู่ห้องพักสังกะสีห้าปี อดัมก็กลับบ้านเกิดอายุยี่สิบปี ขายจักรยานไม่มีเบรกให้เพื่อนในราคาสามร้อยบาทไว้เป็นค่าโดยสาร

       นึกย้อนวันได้รับจักรยานคันนั้น ป๊ะจูงรถเข้าโรงเรียน นักเรียนกำลังเข้าแถวห้องเรียน มองเห็นป๊ะใส่เสื้อซ่อมซ่อ เพื่อนๆหัวเราะเข้าใจเป็นคนบ้าพลัดหลงเข้าโรงเรียน

       “เฮัย ดูไอ้แก่คนนั้นสิ” มาลิกเพื่อนผู้มีชื่อแปลว่าผู้รักษานรก ชี้ลงไปข้างล่าง

       “ไหนๆ” มาโนช มองตามนิ้วชี้เพื่อนร่วมห้อง

       “คนบ้าหรือเปล่าว่ะ” มาลิกพูดขึ้น

       ป๊ะรูปร่างผ่ายผอมใส่เสื้อเชิร์ตเก่าๆ กางเกงสีฟ้าหม่น สวมรองเท้าแตก อุตส่าห์พารถจักรยานมาจากต่างจังหวัด ยามวิ่งตามหลังป๊ะ เพราะเข้ามาโดยไม่บอกกล่าว เพื่อนๆ ทั้งห้องแตกแถวหน้าห้องไปดูกันคนบ้าหน้าสลอน

       “ป๊ะกู” อดัมพูดดังๆ

       เขารีบวิ่งลงจากตึกชั้นสามน้ำตาคลอเบ้า เขียนจดหมายบอกอยากได้จักรยานได้สักคัน ไม่นึกป๊ะจะหาให้รวดเร็ว รถใช้งานได้ดี ไม่มีเบรกก็ใช้รองเท้าฟองน้ำแทน

       ทางเข้าหมู่บ้านยังเป็นลูกรัง  มีเสาไฟฟ้าจากถนนใหญ่เชื่อมผ่านเข้าหมู่บ้าน ในรอบห้าปีผ่านมีบ้านเพิ่งสร้างใหม่เกิดขึ้นหลายหลัง ไม่รู้ว่าเป็นของเพื่อนบ้านคนไหนบ้าง

       อดัมเดินฝ่าแสงแดดบ่าย ที่ยังให้ความร้อนกระจายลงสม่ำเสมอ แบกลังตำรา เรื่องสั้น นิยาย บทกวี เดินถึงบ้านก็เหงื่อโทรมกาย

       อดัมนั่งข้างๆป๊ะสนทนาด้วยสายตา ฝีปากขยับสื่อสารกัน มีถ้อยคำยินดีในสำหรับวันกลับบ้านลูกชาย

       ตั้งแต่ป๊ะล้มป่วยพี่สาวเด็กสิบสองคนก็กลับบ้าน หอพักทิ้งร้าง อาคารถูกรื้อขายไม้ราคาถูกๆนำเงินมารักษาตัว ส่วนใบอนุญาตปอเนาะป๊ะมอบให้เพื่อนคนหนึ่ง ทั้งๆที่ไม่มีเงินสำรองรักษาตัว ป๊ะก็ให้เปล่าด้วยบริสุทธิ์ใจ

       “ศาสนาอย่าซื้อขายกัน” พี่สาวบอกอดัม

       ตั้งแต่ประมุขล้มป่วย บ้านริมคลองมีกลิ่นโศกแศร้าแทรกทุกอณูพื้นที่เจ็ดไร่ มองเห็นซากปรักความฝันป๊ะที่ตกทิ้งเรี่ยราดก็ใจหายไม่ได้เลย นี่คือป๊ะของพวกเราสมาชิกแห่งบ้านริมคลอง ผู้เกิดมาเพื่อเป็นดวงดาวเหนือฟากฟ้า อาสาให้แสงสว่างแก่ให้นักเดินทาง

       มะบอกพี่สาวออกเรือนหมดแล้ว นานๆมีนอนค้างบ้าง มะเดินซื้อผักชาวบ้านไปขายที่ตลาดนัดเสริมรายได้พอจะช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว

       “พี่สาวแต่งแล้วก็ไม่ค่อยมีเวลา แต่ละคนลูกดก ต่อไปหลานเป็นร้อยแน่ๆ” มะพูดติดตลก

       ใช่แล้ว มีหลานๆ ให้หลุดพ้นคำว่าหัวเดียวกระเทียมลีบ ป๊ะกำชับวาเรสผู้สืบสันดานต้องดูแลพี่สาวและหลานๆทุกคนเต็มกำลังสามารถ

       “ต่อไปผมจะดูแลมะเองครับ” อดัมพูดขึ้น

       นึกถึงวันที่บอกให้หุงข้าววัดสามข้อนิ้วผ่านพ้นไม่นาน อยากบอกเขาหุงข้าวแฉะใส่น้ำเกินเพียงครั้งเดียว ไข้หวัดไม่สบายนอนซมในห้องสี่-ห้าครั้ง ไม่เคยลืม ห้าปีผ่านนานเท่ากระพริบตา เดียว

       ได้ยินข่าวน้องชายกลับบ้าน พี่ๆดีใจที่มีคนดูแลป๊ะมะ อดัมออกหางานทำช่วยเหลือครอบครัว มะทำงานหนักตลอดและยังต้องแลคนป่วยสมควรปลดระวางได้แล้ว

       สองอาทิตย์ต่อมาอดัมตัดสินใจไปสมัครเป็นลูกจ้างร้านซ่อมสำราญวิทยุ-โทรทัศน์ ที่ตลาดสวนวิมาน

       แกเป็นชาวไทยพุทธลูกจ้างร้านซ่อมนาฬิกา ที่ตลาดเก่า ในวันที่ป๊ะพานาฬิกาไปซ่อม พูดกันถูกคอกับป๊ะจึงชวนเปิดร้าน แรกในตำบลกิจการดีวันดีคืน

       สองปีให้หลังมีสาวมุสลิมคนหนึ่งชอบพอ สำราญขอช่วยให้ป๊ะพาไปสู่ขอทำพิธีแต่งงาน ได้สองผัวเมียอยู่กันราบรื่น มีลูกหญิงหนึ่งชายหนึ่ง เป็นครอบครัวนายช่างที่อบอุ่น ใครๆก็ชมสองผัวเมียคู่นี้เสมอ

       ช่างสำราญสอนวิชาให้ ย่างไม่ปิดบัง ชมอดัมหัวดีสอนรับรู้เร็ว จับหัวแร้งบัดโกบได้คล่องแคล่วว่องไว เขาฝันว่า ใช้เวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์สักพักหนึ่ง อยากมีร้านเป็นตนเองสักวันหนึ่ง

       มีหลานๆหลายคนที่อยากให้ร่วมงาน หน่วยก้านหมาด ท่าส้มลูกชายสโนว์ไวท์สุอาดะก็เข้าท่า หัดเป็นช่างดีกว่าหมกมุ่นน้องเมีย พลาดท่าเสียทีถูกอิบลิสยุยอน ให้ชวนน้องเมียวิวาห์เหาะเสียคนง่ายๆ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!