...ถ้ำนี้มีผัว [Mpreg]...
แนว: Yaoi / Mpreg / ตลก / สดใส / ยุคหิน / คลอดลูก / สุขนิยม / เรื่องสั้น /กุ๊กกิ๊ก / ตะมุตะมิ / น่ารัก
...ตัวละครหลัก...
'อูฮา' นายเอก หนุ่มร่างบางจากเผ่าชาวป่า ถูกจับมาโดยบังเอิญ แต่ดันกลายเป็น “ภรรยา” ของหัวหน้าเผ่าซะงั้น ขี้แง ขี้บ่น แต่เอาตัวรอดเก่ง
'โกรัน' พระเอก นักรบร่างใหญ่ หัวหน้าเผ่า “เขี้ยวดิน” โผงผางแต่รักจริง ไม่รู้จักการจีบเลย ใช้วิธีตีหัวแล้วลากเข้าถ้ำแทน
'มูแซ' เพื่อนนายเอก สายซัพพอร์ตออกแนวกะเทยนิด ๆ
'บาฮา' พ่อเฒ่าผู้นำทางจิตวิญญาณ เป็นหมอยาพื้นบ้าน ผู้เชื่อในพลังแห่งดวงจันทร์
'ลูน่า' ลิงสัตว์เลี้ยงของอูฮา มีบทบาทตลก ๆ บ่อยครั้ง
'ซารา' ลูกชายคนแรกของอูฮากับโกรันครอบครัวยุคหินในวัยที่โตขึ้นอีกเล็กน้อย
'เซรา' ลูกชายคนที่สองของอูฮากับโกรันในครอบครัวยุคหิน
...“ในยุคหินที่หัวใจไม่เคยหยุดเต้น”...
ในโลกที่ยังไม่มีชื่อ ไม่มีถนน ไม่มีเมืองใหญ่ ไม่มีเสียงเครื่องจักรใด ๆ ไม่มีแม้แต่ภาษาที่เรารู้จัก แต่มีแสงไฟจากก้อนหินเรืองแสง มีลมเย็นที่พัดผ่านถ้ำโบราณ มีเสียงนกร้องและใบไม้พลิ้วไหวและเหนือสิ่งอื่นใด... มีชีวิตที่ยังคงดิ้นรนและสู้ไม่หยุด
ในหุบเขาลึกที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหินหยาบขรุขระและป่าทึบหนาทึบมีถ้ำเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ เป็นที่พักพิงและบ้านของชายหนุ่มสองคน โกรันและอูฮา ชายหนุ่มทั้งสองที่รักกันดุจดั่งสายน้ำและภูเขา
'โกรัน' พ่อบ้านยุคหินผู้ไม่เคยหวั่นเกรงสิ่งใดนอกจากความยุ่งยากของชีวิตประจำวัน และที่สำคัญที่สุดคือ ลูกคนแรกที่ปั้นตุ๊กตาดินหัวกลม ๆ น่ารักจนโกรันใจละลาย
'อูฮา' นักล่าสายบู๊ที่กลับมาไม่บ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่กลับมาก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นและแรงรักที่ไม่เคยลดน้อยลงชีวิตของพวกเขาไม่ได้ง่ายดายเลย
ในยุคที่ไม่มีหมอ ไม่มียารักษาโรค และทุกความเจ็บปวดต้องถูกทนด้วยหัวใจและกำลังของร่างกาย โกรันกับอูฮาจึงต้องเรียนรู้การดูแลกันและกัน ฝ่าฟันความลำบาก ทั้งกลางวันกลางคืน
จากการดูแลลูกคนแรก ไปจนถึงการเตรียมตัวต้อนรับ “แอ๊วคนที่สอง” ที่กำลังจะมาเติมเต็มหัวใจและถ้ำแห่งนี้ให้มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น
แต่ก่อนที่เสียงหัวเราะและน้ำตาจะหลั่งไหลในถ้ำนี้ จะมีบททดสอบครั้งใหญ่ที่ทดสอบความรัก ความอดทน และความเข้มแข็งของพวกเขา บททดสอบที่จะทำให้พวกเขารู้ว่าการเป็น “พ่อ” ไม่ใช่แค่เรื่องการให้กำเนิด แต่คือการเรียนรู้ที่จะรัก ดูแล และเติบโตไปพร้อม ๆ กัน ในโลกที่โหดร้ายและงดงามนี้
นี่คือเรื่องราวของชายหนุ่มยุคหินผู้กล้าหาญ แต่ก็มีหัวใจที่อ่อนโยนเรื่องราวของชีวิต การเกิด การเจ็บปวด และเสียงหัวเราะที่ไม่เคยขาดหาย เรื่องราวของครอบครัวที่สร้างขึ้นด้วยมือและหัวใจเรื่องราวของโกรัน และอูฮาและ… ลูกคนแรกและลูกคนที่สองของพวกเขา
เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางที่เต็มไปด้วยความรัก ความตลก และความอบอุ่น ในโลกที่แทบไม่มีอะไรนอกจากความเชื่อมั่นในกันและกัน
เพราะเมื่อโลกยังไม่เคยมีอะไรสมบูรณ์แต่หัวใจของพวกเขา… จะสมบูรณ์ที่สุดเสมอ ถ้าพร้อมแล้ว… ลองเปิดประตูถ้ำ และก้าวเข้าสู่โลกที่โบราณแต่เปี่ยมไปด้วยชีวิต เรื่องราวของ “พ่อบ้านยุคหินกับครอบครัวที่ไม่ธรรมดา” กำลังจะเริ่มขึ้น
กลางป่าเขียวชอุ่มในเช้าวันหนึ่ง เสียงนกประหลาดร้องก้องในอากาศ ผีเสื้อยุคก่อนประวัติศาสตร์กระพือปีกสีเขียวสะท้อนแดด ขณะที่ชายหนุ่มรูปร่างบอบบางคนหนึ่งกำลังคลานเข่าอยู่บนพื้นอย่างมุ่งมั่น
“เห็ดดินกลิ่นเปรี้ยว... เห็ดแผงปลวก… อ๊ะ เจอแล้ว! เห็ดก้นตุ่ม!”
อูฮา เด็กหนุ่มจากเผ่าหินสีฟ้า ผู้เชี่ยวชาญด้านการหาพืชพรรณพื้นป่า แต่อ่อนเรื่องทิศทางสุด ๆ ตอนนี้กำลังนั่งจ้องเห็ดดอกเล็ก ๆ บนตอไม้ด้วยสายตาเปล่งประกาย
“แม่เฒ่าต้องดีใจแน่เลย ข้าหาเจอ...”
กึก... กึก...
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินมาเบื้องหลัง เขาชะงัก หูตั้ง
“สัตว์ร้าย? เสือดึกดำบรรพ์? หรือยักษ์กินเห็ด?”
ยังไม่ทันหันกลับไปดู สิ่งสุดท้ายที่อูฮาจำได้คือเงาดำทะมึนกับเสียงคำรามเบา ๆ ว่า “...เมีย?”
โครม!
ทุกอย่างดับวูบ
⋯⋯⋯⋯⋯
“อื้อ…”
เมื่ออูฮาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้นถ้ำ กลิ่นหินชื้น ๆ กับขนสัตว์คลุ้งในจมูก มีคบไฟปักไว้ที่ผนังถ้ำ บรรยากาศสลัว ๆ และร่างสูงใหญ่ของชายคนหนึ่งกำลังนั่งแกะเนื้อสัตว์อยู่ใกล้ ๆ
ชายผู้นั้น… ตัวโตอย่างกับเสาไม้บ้าน ผิวเข้มแดดเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นตามร่าง หน้าตาหล่อแบบดิบเถื่อน ดวงตาเหมือนสัตว์ป่า
“เจ้า… ฟื้นแล้ว เมียของข้า”
อูฮานิ่งไป 3 วินาที ก่อนจะกรี๊ดจนถ้ำสะเทือน
“มะ เมียอะไรของเจ้า! ข้าไม่ใช่เมียใครทั้งนั้น!”
โกรันขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นของข้า ข้าเลือกเจ้า ข้าลากเจ้ามาแล้ว เจ้าเลยเป็นเมียของข้า”
อูฮาอ้าปากจะเถียง แต่ชะงักไปนิดเมื่อเห็นหัวกระโหลกสัตว์ที่เรียงอยู่ด้านหลังถ้ำอย่างมีระเบียบ เหมือนถ้วยรางวัล
“ข้าแค่มาหาเห็ด! ไม่ได้มาแต่งงานกับใครนะ!”
“เห็ด?” โกรันเอียงคอ “เจ้าพูดเหมือนสิ่งนั้นสำคัญกว่าได้อยู่ในถ้ำกับข้าซะอีก”
อูฮาลุกพรวดแต่เซไปนิด ยังมึนหัวไม่หาย “เจ้าตีหัวข้าใช่ไหม?! เจ้าใช้ไม้ฟาดข้าหรือเปล่า?!”
“ก็… ข้ากลัวเจ้าจะหนี”
“…จะไม่หนีได้ยังไงวะ!”
โกรันยักไหล่แบบไม่รู้สึกผิดแม้แต่นิด เขาหยิบเนื้อปิ้งส่งให้อูฮา “กินสิ เมียต้องกินเยอะๆ ให้ร่างกายแข็งแรง”
“เจ้าหยุดเรียกข้าว่าเมียสักที!!” อูฮาร้องเสียงสูง แต่ท้องดันร้องจ๊อกออกมาอย่างหักหลัง
โครกกก
เขาหยิบเนื้อมากินด้วยท่าทีขัดใจแต่ไม่มีทางเลือกเพราะหิวจัด ขณะเดียวกันก็คอยหาทางหนีอยู่ในหัว
⋯⋯⋯⋯⋯
เวลาผ่านไปครึ่งวัน โกรันยังคงดูแลอูฮาอย่างเต็มที่ ป้อนน้ำ เอาผ้าหนังสัตว์มาห่ม แถมยัง “ตกแต่ง” มุมในถ้ำให้ดูดีเพื่อที่จะทำให้ “เมียสามารถอยู่ได้”
“นี่เจ้าปูหนังสัตว์เพิ่มเพราะข้าจริง ๆ เหรอ?”
“ใช่ ข้าเห็นเจ้าหนาว เจ้าตัวบาง เดี๋ยวก็ป่วย”
อูฮามองอีกฝ่ายอย่างงง ๆ ปนซึ้งปนโมโห
“เจ้าไม่เข้าใจเลย ข้าไม่ได้อยากอยู่ในถ้ำ! ข้าแค่เดินหลงทาง! ข้าต้องกลับไปเผ่าของข้า!”
โกรันดูเหมือนจะนิ่งไปนิด ก่อนตอบเสียงเบา ๆ
“แต่ข้าจะเหงานะถ้าเจ้าไป...”
“...หา?”
“ข้าอยู่คนเดียวมานาน เพิ่งได้เจอเจ้าที่หัวใจข้ารู้สึกแปลก เจ้าเดินมาจากแดนฟ้า ข้าก็คิดเลย...ท่านเทพจะต้องส่งเจ้าให้ข้าแน่ ๆ”
อูฮาหลุบตา เขาเริ่มสับสนแล้วว่าโกรันนี่มันคนป่าโง่ ๆ หรือจริงใจเกินไปกันแน่
“ก็แล้ว... เผ่าเจ้าล่ะ? พวกเขาจะคิดยังไงถ้าอยู่ ๆ ข้าก็โผล่มาในถ้ำนี้?”
โกรันทำหน้านึกอยู่พักหนึ่ง
“อาจคิดว่าเจ้าท้องแล้วก็ได้”
“เจ้าบ้าเหรอ! แค่ตีหัวมา ข้าจะท้องได้ยังไง!”
“ก็... หากเทพส่งมา บางทีเจ้าอาจมีลูกข้าแล้ว”
อูฮาเอามือกุมหัว… เริ่มจะบ้าไปกับตรรกะของเจ้าบ้านี่แล้วจริง ๆ
⋯⋯⋯⋯⋯
ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าและเสียงโวยวายดังเข้ามาใกล้ปากถ้ำ
“เฮ้! โกรัน! ข้าได้กลิ่นคนแปลกหน้าในถ้ำเจ้า! อย่าบอกนะว่าตีหัวใครมาแล้ว?!”
เสียงชาวเผ่าระคนหลายคนเริ่มดังขึ้น โกรันเดินไปยืนบังอูฮาอย่างเงียบ ๆ พร้อมประกาศเสียงดังฟังชัด
“เขาเป็นเมียข้า ห้ามใครแตะต้อง”
เสียงแตกตื่นดังขึ้นรอบถ้ำทันที
“อะไรนะ! เมียโกรัน!?”
“เทพมันเถอะ!เขาไปลากเด็กหนุ่มจากเผ่าไหนมาอีกแล้ว?!”
“แต่ตัวขาวผ่องขนาดนี้ ท่าทางจะเลี้ยงง่าย…”
อูฮารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นจุดศูนย์กลางของลานประลอง คนทั้งเผ่ามุงดูเขาเหมือนเป็นหินล้ำค่าที่เพิ่งเจอใต้แอ่งน้ำ
“…ข้าจะร้องไห้จริง ๆ แล้วนะ…”
โกรันหันมากอดเขาแน่นกว่าเดิม พูดเสียงจริงจัง
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง…เมียของข้า”
อูฮานั่งหน้าบูดอยู่ตรงก้อนหินในถ้ำ พลางจ้องพวงผลไม้ดึกดำบรรพ์ที่โกรันเอามาให้แง่ง ๆ มันมีสีม่วงสดใสแต่กลิ่นคล้ายถุงเท้าที่ถูกลืมตากในลมชื้นสองเดือน
“นี่มันกินได้แน่เหรอ?” อูฮาทำหน้าปลง
โกรันพยักหน้าหนักแน่น “กินแล้วอึสามวัน ขับพิษดีนัก ข้าให้เจ้าเพราะข้ารักเจ้า”
“เอ่อ… ขอบคุณนะ แต่ถ้ารักข้า อย่าให้ข้าอึจนพรุนจะได้ไหม?”
ก่อนที่อูฮาจะสาดอารมณ์ประชดแรงไปกว่านี้ เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังเข้ามาจากทางเข้าถ้ำพร้อมเสียงร้อง “ไอ่โกรัน!! เจ้าไปลากเมียใครมาวะ!?”
“ไม่ใช่เมียใคร! เมียข้า!!” โกรันตะโกนตอบอย่างภูมิใจ
กลุ่มชายฉกรรจ์รูปร่างบึกบึน ผิวหยาบจนเหมือนหินพังมาเยี่ยมเยียนกันถึงถ้ำ มาคู่กับผู้หญิงตัวเล็กแต่เสียงดังราวกับภูเขาถล่ม
หญิงคนหนึ่งจ้องหน้าอูฮา ก่อนพูดเสียงอ้อแอ้เหมือนพูดกับลูกนกพร้อมยื่นมือเข้าไปใกล้คนตรงหน้าที่อยู่ใกล้กับร่างสูงบึกบึนข้างๆ
“โอ๊ย ตาคนนี้ขาวจั๊วะ ข้าเห็นแล้วอยากบีบแก้มของเขา!”
“อย่ามาแตะนะ ข้าไม่ใช่ลูกเจ้านะยัยป้า!” อูฮาดิ้นหลบมือรู้สึกแปลกเกินไปที่จะให้ใครมาสัมผัสตัวเอง “ข้าเป็นมนุษย์วัยทำงาน... เอ่อ วัยหาหญ้าต้มกิน!”
“เจ้าพูดตลกจังเลย ฮิๆๆ” อีกคนหัวเราะ เสียงเหมือนจระเข้หาว
โกรันยืนกอดอกมองอยู่ด้านหลัง ราวกับภูเขาหวงของ มีคนเอื้อมมาจะแตะอูฮาทีไร เขาก็กระแอมเสียงดัง ๆ จนคนทั้งเผ่าเงียบ
“เจ้าแตะเมียข้า ข้าจะหักหอกเจ้า”
“โอ๊ย ข้าแค่หยอกๆ อย่าเอาหอกมาขู่ข้านะโกรัน!”
“ก็หอกเจ้าอยู่ใกล้ข้าเกินไป!”
อูฮามองไปมา งงกับบทสนทนาเสียดแทงใจนี้เหลือเกิน
⋯⋯⋯⋯⋯
เวลาผ่านไป อูฮาถูกจับแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหนังสัตว์จากฝีมือหญิงชราประจำเผ่า ที่ตัดเย็บแบบไม่มีเย็บ
“ข้า... ไม่มีเข็มเย็บ ข้าเลยใช้ฟันกัดรูแล้วร้อยเชือก” หญิงชราพูดพลางโชว์เสื้อคลุมที่ดูเหมือนห่อมันฝรั่ง
“ดูเหมือนกระสอบ…” อูฮาพึมพำ
“หือ?”
“เปล่า! ข้าชอบมาก! หอมกลิ่นควายป่าดี!”
และเมื่อคิดว่าวันนี้คงไม่จะแย่ไปกว่านี้ได้อีกแล้ว จู่ ๆ ก็มีเสียงตีกลองดังขึ้น
ตึง! ตึง! ตึง!
“เมียใหม่โกรัน จงออกมาเต้นแสดงความสามารถ!”
“หา! ข้าไม่ใช่นักแสดงนะ!”
“ไม่เต้น เทพจะไม่อวยพรให้มีลูกแฝด!” ชาวเผ่าคนนึงตะโกนจากหอคอยไม้ไผ่
“เจ้าไม่มีทางเลือกนะ” โกรันกระซิบข้างหู เขายื่นไม้ตีกลองมาให้อย่างจริงจัง
อูฮากัดฟันแน่น มองไม้ตีกลองแล้วถอนหายใจ
“ได้… ถ้าจะหนีไม่ได้ ข้าจะเต้นให้สุดชีวิต!”
⋯⋯⋯⋯⋯
สองชั่วโมงต่อมา อูฮาหมดแรงนอนหอบอยู่ข้างกองไฟ ส่วนชาวเผ่าก็เต้นวนรอบตัวเขาไปมา บางคนยื่นกระดูกไก่ให้เป็นของขวัญ
“เจ้าเต้นเก่งมาก! ข้าไม่รู้ว่านั่นคือศิลปะหรือการชัก!” หญิงแก่ตะโกนชมเสียงสดใส
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…”
โกรันนั่งอยู่ข้าง ๆ ป้อนน้ำมะตูมยุคหินให้ดื่มจากเปลือกหอยใหญ่
“เจ้าเก่งมากเมียของข้า ข้าภูมิใจ”
“หยุดเรียกเมียข้าได้ไหม… ข้ายังไม่ได้ผูกอะไรเลยนะ!”
“ผูกคืออะไร?”
“เอ่อ… คือพิธีผูกข้อเท้า…”
“โอ๊ะ! เดี๋ยวข้าเอาเถาวัลย์มามัดข้อเท้าเจ้าไว้เลย!”
“ไม่! ข้าหมายถึง… ไม่ใช่แบบนั้นนน!”
⋯⋯⋯⋯⋯
คืนนั้น อูฮาเขียนแผนหนีบนพื้นทรายด้วยกระดูกไก่…
รอจังหวะโกรันหลับ
วิ่งไปทางซ้ายของถ้ำ
ปีนหน้าผา
หาทางกลับเผ่าตัวเอง
อย่าลืมเห็ด!
แต่แล้วโกรันก็เดินมานั่งข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ พร้อมพูดว่า
“ข้าเตรียมขนสัตว์ให้เจ้าปูทางหนีแล้วนะ หากเจ้าคิดจะหนีจริง ๆ อย่างน้อยจะได้ไม่หนาวเท้า…”
อูฮาเงียบไป
“เจ้า…รู้?”
โกรันพยักหน้าเบา ๆ “แต่ข้าไม่ห้ามหรอก หากเจ้าไม่อยากอยู่กับข้า...”
อูฮามองหน้าเขาแล้วถอนหายใจเฮือก
“…ข้ายังไม่ตัดสินใจ แต่เอาเถอะ คืนนี้ขอข้าหนุนแขนเจ้าก่อนแล้วกัน แขนนุ่มดี…”
“นุ่ม?” โกรันขมวดคิ้ว “เจ้าเรียกแขนนักรบว่านุ่ม?”
“นุ่มเหมือนหินที่โดนน้ำฝนหลายปีแล้ว…”
“โอ๊ะ! ข้าชอบคำเปรียบเทียบของเจ้า!”
"ฮ่าฮ่าฮ่า"
ทั้งสองนอนขำกลิ้งในถ้ำ ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องเบา ๆ และแสงคบไฟนิ่งสงบ
คืนนี้ ยังไม่ต้องหนี อูฮาคิดในใจ
แต่พรุ่งนี้... ก็อีกเรื่องหนึ่ง
รุ่งเช้าในถ้ำหินที่กลิ่นเนื้อย่างยังไม่จาง โกรันลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เพื่อย่างหมูป่าให้ “เมีย” ของตน อูฮาลืมตาขึ้นมาเห็นเงาหลังอันใหญ่โตของโกรันกำลังพัดควันด้วยใบปาล์มอย่างตั้งใจ คิ้วขมวดเป็นปม แต่ปากยิ้มโดยไม่รู้ตัว
“นี่ข้าสูดดมกลิ่นควันจนสมองเบลอ หรือไงเนี่ย…?” อูฮาพึมพำกับตัวเอง
โกรันหันกลับมาพร้อมเนื้อไม้เสียบยาวเกือบเมตร “ข้าหมักด้วยน้ำผลไม้หวาน ๆ ที่ทารกยังชอบกิน ข้าให้เจ้าอันใหญ่สุด เพราะเจ้าหอมที่สุด”
“ข้าไม่ใช่หมา!!” อูฮาร้องลั่น แต่ก็รับเนื้อมาด้วยมือสองข้างอย่างไม่อิดออด
พอกัดเข้าไปคำแรก ดวงตาก็เบิกโพลง
“อร่อย… นี่เจ้าใส่อะไรลงไป?”
“ข้าแค่ล้างมือก่อนหมัก”
อูฮากรอกตาขึ้นข้างบนยังเบื่อหน่าย “…ข้าไม่ควรถามเลยใช่มั้ย?”
ระหว่างที่อูฮากำลังจะฟาดเนื้ออีกคำ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากหน้าถ้ำ
“เมียโกรัน! วันนี้เจ้าต้องเข้าร่วมพิธี ‘บูชาไข่กลิ้ง’ เพื่อเสริมพลังการตั้งครรภ์!”
“บูชาอะไรนะ!?” อูฮาทำหน้าสยอง
โกรันยิ้มภูมิใจ “เป็นประเพณีประจำฤดู! ข้าก็เคยทำ! ข้าเคยกลิ้งไข่นกกระจอกเทศจนขาหลุด!”
“โกรัน… นั่นคือเหตุผลที่เจ้าขาเป๋เหรอ?”
“ใช่! เจ็บเพื่อเผ่า เจ็บเพื่ออนาคตของลูก!”
อูฮากัดเนื้อย่างต่อไปเงียบ ๆ ในใจรู้สึกว่า อนาคตของเขาอาจไม่ใช่แค่การหนีอีกต่อไป แต่เป็นการ ‘อยู่รอด’ แบบเอาชีวิตรอดไปวัน ๆ
⋯⋯⋯⋯⋯
ในพิธี ‘บูชาไข่กลิ้ง’ ชาวเผ่ารวมตัวกันบนลานหินขรุขระกลางหุบเขา มีไข่ขนาดเท่าลูกฟักทองวางเรียงรายบนผืนใบตองใหญ่ กลุ่มพ่อเฒ่าแม่เฒ่าเป่าแตรหอยจนเสียงดังปลุกนกทั้งป่า
“ข้าไม่กลิ้งนะ ข้าจะเดินผ่านเบา ๆ ก็พอมั้ย?” อูฮาถามด้วยเสียงสั่น
“ไม่ได้! ต้องกลิ้งแบบใช้สะโพก ถ้าไม่สะโพก ลูกจะไม่สมบูรณ์!” แม่เฒ่าตอบด้วยสีหน้าเข้มงวด
อูฮามองโกรันที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ
“ถ้าเจ้าไม่อยากทำ ข้าจะกลิ้งแทน!”
“ไม่ต้อง! เดี๋ยวเจ้าขาหลุดอีก!”
และแล้ว พิธีบูชาไข่กลิ้งก็เริ่มขึ้น พร้อมเสียงร้องเชียร์จากชาวเผ่า อูฮากลิ้งตัวไปมาจนเหมือนหนอนกำลังงงกับทิศทาง เสียงหัวเราะดังลั่นทั่วหุบเขา
“อ๊า! เปลือกไข่เข้าก้นข้าาาา!”
“สุดยอด! ลูกเจ้าจะได้เกิดมาทนทาน!!”
⋯⋯⋯⋯⋯
คืนนั้น หลังจบพิธี อูฮากลับมาถ้ำด้วยก้นที่เป็นรอยปื้นม่วง ๆ โกรันเอายาหมักใบไม้มาแต้มให้ พูดเสียงเบาเหมือนกล่อมลูกหมู
“เจ็บไหมเมียของข้า…”
“หยุดเรียกแบบนั้นเถอะ ข้าอายชาวถ้ำข้าง ๆ”
“ชาวถ้ำข้าง ๆ หูหนวก!”
“แล้วเจ้าตะโกนทำไมเล่าาาา!!”
โกรันหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็เงียบลงแล้วพูดเบา ๆ
“แต่ข้าดีใจที่เจ้าร่วมพิธี… แม้เจ้าจะกลิ้งเหมือนหินกลมที่มีขาก็เถอะ”
อูฮามองหน้าเขา ยิ้มมุมปาก “ข้าจะถือว่านั่นเป็นคำชม…”
และในค่ำคืนนั้น ภายใต้ผ้าคลุมหนังสัตว์กลิ่นแดด อูฮาไม่ได้คิดเรื่องหนีเลยแม้แต่นิดเดียว...
แต่พรุ่งนี้... เขาจะคิดใหม่ก็ได้
รุ่งเช้าวันต่อมา อูฮาตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนทับแขนโกรันอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าแขนของโกรันใหญ่พอจะเป็นแพไม้ไผ่พาอูฮาข้ามแม่น้ำได้
“เจ้าขยับได้แล้ว แขนข้าชาเหมือนหินที่แช่น้ำ” โกรันพูดเสียงทุ้มพลางกลอกตา
“งั้นปลุกข้าสิ ไม่ใช่ให้นอนทับแบบนั้น!”
“ข้ากลัวเจ้าตื่นมางอแง…”
“แล้วตอนนี้ข้างอแงไหม?”
“งอแงมาก”
อูฮาทำหน้าบูด แต่ก็ยอมขยับตัวแล้วลุกไปนั่งข้าง ๆ กองไฟเช้า มือเท้าคางอย่างหมดหวังพูดพึมพำ
“ข้าต้องหาทางหนีก่อนที่เจ้านี่จะเอาข้าไปจดทะเบียนกับหัวหน้าเผ่า…”
โกรันที่ได้ยินเดินมาแล้วนั่งลงข้าง ๆ ยื่นห่อใบไม้ที่มีเนื้อย่างอยู่ข้างในส่งให้
“กินเสียก่อน เจ้าไม่มีแรงหนีหรอกหากท้องว่าง”
“เจ้านี่! พูดออกมาแบบนั้นไม่คิดจะขวางเลยรึไง!”
“ก็ข้าแค่… อยากให้เจ้ารู้สึกว่าอย่างน้อย มีคนในเผ่านี้ที่อยากดูแลเจ้า”
อูฮาเงียบไปเล็กน้อย แต่ยังไม่ตอบรับใด ๆ เขาก้มลงกัดเนื้อย่างคำหนึ่งแล้วต้องเบิกตาโต
“อร่อยมาก!! ทำไมเจ้าไม่บอกว่าเจ้าทำอาหารได้!”
“ข้าบอกว่าเป็นนักล่าที่ดีที่สุด เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เนื้อเสียเปล่ารึไง” โกรันยิ้มมุมปาก
อูฮาหยิบเนื้อย่างชิ้นที่สองทันที ไม่ลืมจ้องหน้าโกรันด้วยสายตากึ่งระแวงกึ่งประทับใจ
⋯⋯⋯⋯⋯
พิธีกรรมง้อเมียที่เกือบล่ม
ตอนสาย ชายชราประจำเผ่าเดินถือกระบุงไข่กระจอกเทศมาเต็มมือ พร้อมตะโกนว่า
“ถึงเวลาพิธี 'ไข่กลิ้งคืนใจ' แล้ว!”
“หา?” อูฮาหันขวับ “ฟังดูเหมือนอะไรที่เปื้อน ๆ!”
“นี่เป็นพิธีง้อคู่หมาย ผู้ชายต้องกลิ้งไข่ไปหาผู้หญิง ถ้าไข่แตกก่อนถึงตัว แปลว่าใจเจ้าไม่มั่น!”
โกรันมองไข่ลูกยักษ์แล้วก้มดูมือตัวเอง “ข้าจะต้องกลิ้งมันจริง ๆ รึ?”
“อย่าคิดโยนล่ะเจ้าโกรัน! ครั้งที่แล้วเจ้าโยนไข่ใส่หัวคนจนเขาจำความไม่ได้ถึงทุกวันนี้” หญิงแก่ขู่
อูฮาพ่นลมหายใจ “เอาเถอะ ข้าดูแล้วกันว่าหัวใจเจ้าหนักแน่นแค่ไหน”
โกรันคุกเข่าลงอย่างนักรบผู้จริงจัง วางไข่ลูกใหญ่ลงกับพื้นอย่างทะนุถนอมแล้วเริ่ม… กลิ้งมันด้วยหน้าผาก
“เจ้าทำอะไร!?” อูฮาแทบจะสำลักน้ำ
“ข้าอยากให้เจ้ารู้ ว่าข้าจะถ่อมตัวแม้แต่หน้าผากก็ไม่หวง!”
ไข่ลูกนั้นกลิ้งอย่างช้า ๆ ไปทางอูฮา ระหว่างทางมีทั้งเด็กน้อยวิ่งตัดหน้า มีไก่วิ่งไล่ไข่ และมีชายแก่ที่สะดุดไข่จนล้มกลิ้งเองไปก่อน
แต่สุดท้าย โกรันก็กลิ้งไข่มาถึงปลายเท้าอูฮาได้โดยไม่แตก
“เจ้ายอมรับข้าหรือยัง?” โกรันถามพร้อมรอยยิ้มเปื้อนโคลน
อูฮามองไข่… แล้วมองหน้าคนที่เต็มไปด้วยโคลน… แล้วมองไข่อีกครั้ง
“ถ้าข้าปฏิเสธ ข้าจะโดนบังคับกินไข่นี่ไหม?”
“เปล่า ข้าจะกินมันเอง เพราะมันมีความหมายระหว่างเรา”
“…เอาเถอะ ข้าแค่จะอยู่ต่อ เพราะไข่นี่เหนื่อยจะกลิ้งกลับแล้ว”
ทั้งเผ่าส่งเสียงโห่ร้องยินดี โกรันยืนขึ้นทั้งที่โคลนเต็มตัว ยื่นมือให้เขา
“คืนนี้ข้าจะจัดพิธีต้อนรับเจ้าสู่อ้อมอกของเผ่า”
“หมายถึง…?”
“งานเลี้ยงขาไก่ย่าง กับการเต้นรำรอบกองไฟ 8 ชั่วโมง”
“…ข้ากลับไปกลิ้งไข่แทนได้ไหม?”
⋯⋯⋯⋯⋯
อูฮานั่งถอนหายใจอยู่ริมถ้ำ ข้างตัวมีโกรันที่กำลังนั่งเย็บเสื้อผ้าให้เขาด้วยหนามเม่น
อูฮามองภาพนั้นแล้วยิ้มบาง ๆ อย่างไม่รู้ตัว
“เจ้าก็ไม่ได้แย่นัก… ถ้าไม่นับว่าตัวใหญ่จนแย่งแสงแดดไปหมด”
“ข้าจะตัวเล็กลงให้ก็ได้ ถ้าเจ้าต้องการ”
“ไม่ต้องหดตัว ข้าแค่ล้อเล่น…”
คืนนี้ยังคงไม่ใช่วันที่อูฮาจะหนี เพราะเขาเริ่มรู้สึกว่าอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้เลวร้าย
โปรดติดตามตอนต่อไป
เชิงอรรถ
^เป็นคำอุทานดัดแปลงจากคำว่า 'โอ้พระเจ้า'
รุ่งเช้าแสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านช่องถ้ำเข้ามากระทบใบหน้าอูฮา เขาลืมตาขึ้นแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะเสียงกรนเบา ๆ ข้าง ๆ ยังอยู่
“ยังไม่ตื่นอีกเหรอ... หัวหน้าเผ่าเขี้ยวดินของข้า…”
โกรันนอนตะแคงหันหน้ามาทางเขา มือใหญ่ ๆ พาดข้ามหน้าท้องเขาอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับว่านี่คือการนอนประจำวัน
“นี่ข้าไม่ได้เป็นหมอนข้างนะ” อูฮาพึมพำ ก่อนจะค่อย ๆ ดันแขนใหญ่นั่นออก แต่ยังไม่ทันดันแรง มือใหญ่ก็กระตุกกลับมาอีกครั้ง ราวกับสัญชาตญาณนักรบที่ไม่ปล่อยเป้าหมายหลุดมือ
“ข้าฝันว่าเจ้าจะหนี…” โกรันพึมพำทั้งที่ยังหลับตา
อูฮาสะดุ้งนิด ๆ “…ฝันแม่นจริงวุ้ย”
เขาค่อย ๆ คลานออกจากถ้ำแบบไม่ให้ปลุกสัตว์ป่า หรือผัวเผลอ ก่อนจะไปล้างหน้าล้างตาที่ลำธารใกล้ ๆ
ระหว่างทาง ก็เจอกลุ่มหญิงเผ่ากำลังถักเชือกกับปูหอยกันอยู่ บางคนหันมาทักเขา
“อรุณสวัสดิ์เมียหัวหน้า!”
“ข้าไม่ใช่เมีย!!”
“ยังไม่ใช่! แต่เร็ว ๆ นี้ใช่แน่นอน ฮิ ๆ ๆ” พวกนางหัวเราะร่วนกันเป็นระลอกคลื่น
อูฮาปั้นหน้าปกติแล้วเดินต่อไปอย่างเร็ว “ข้าเป็นแค่คนหลงป่า! ยังไม่อยากหลงรักใคร!”
พอถึงลำธาร เขาก็รีบก้มหน้าล้างตัวแรง ๆ เหมือนจะลบความรู้สึกบางอย่างที่แปลกไปในใจ
‘โกรันไม่ได้ทำอะไรไม่ดี…เขาแค่…เอาใจแบบป่าเถื่อน’
พอคิดถึงตอนที่โกรันย่างเนื้อให้อย่างตั้งใจ ปูผ้าขนสัตว์หนา ๆ ให้เขานอน แล้วยังช่วยไล่แมลงด้วยมือเปล่าเมื่อคืน...
“…แล้วทำไมข้าต้องรู้สึกเขินกับคนที่เคยเอาไม้ฟาดหัวข้าด้วยล่ะวะ!?”
ทันใดนั้น เสียงน้ำกระเพื่อมข้าง ๆ ก็ดังขึ้น
“อรุณสวัสดิ์ เมียของข้า”
อูฮาหันขวับ โกรันยืนอยู่ในน้ำครึ่งตัว เปลือยท่อนบนเต็ม ๆ พร้อมหยดน้ำที่เกาะอยู่ตามกล้ามเนื้อแน่นราวกับปั้นจากหิน
“เจ้า!! มะ-มาเงียบอะไรขนาดนั้น!?”
“ข้าฝึกเดินล่ากวางแบบไม่ให้เหยื่อรู้ตัว… แต่เห็นเจ้าหน้าแดงกว่าเหยื่อเสียอีก”
“บะ…บ้า! ข้าหน้าแดงเพราะล้างหน้าด้วยน้ำเย็น!”
โกรันหัวเราะในลำคอ เดินเข้ามาใกล้ แล้วหยิบปลาที่เพิ่งจับได้มาจ่อหน้าเขา
“เจ้าหิวไหม ข้าจับปลามาให้”
อูฮามองปลากระดิก ๆ แล้วถอนหายใจ “เจ้าจับปลาทุกเช้ารึไง?”
“ไม่เคยเลย… จนเจอเจ้า”
“อึก…”
ไม่รู้ทำไมอยู่ดี ๆ ลมหายใจก็ติดขัด อูฮารีบรับปลาแล้วหันหลังหนีทันที
“ข้าจะเอาไปปิ้ง!” เขาวิ่งกลับถ้ำโดยไม่รอคำตอบ ใบหูแดงแจ๋
ที่หน้าไฟกลางเผ่า
อูฮากำลังย่างปลาอยู่เงียบ ๆ พลางพยายามไม่มองโกรันที่นั่งขัดหินข้าง ๆ แบบจริงจัง… และไม่มีเสื้อ
‘นี่มันทรมานแบบไหนวะเนี่ย’
ขณะนั้นเอง มูแซเดินมาจากมุมหนึ่ง ใส่เสื้อคลุมหนังสัตว์ฟูฟ่องสีรุ้งที่เหมือนขโมยมาจากละครโรงเล็ก
“เหวอ~ นี่มันเช้าแล้วเหรอ ข้าแสบตาเหลือเกินไม่ใช่ว่าเจ้านั้นกำลังมาเดินแบบเหรอ?”อูฮาพูดเบาๆ ในลำคอ
“เจ้าพูดว่าอะไรยะ?”มูแซจีบปากจีบคอพูด
“เจ้าอย่าใส่ใจเลย…”เหลือบมองโกรันที่ยังคงตั้งใจขัดหินกับมูแซผู้สวยเริ่ดที่สุดในปฐพีแล้วอูฮาก็ถอนหายใจ
มูแซทิ้งตัวลงข้างอูฮาแล้วกระซิบกระซาบ “เจ้าดูหน้าร้อนนะยะ หรือโดนคนป่าหล่อเล่นกล้ามใส่แต่เช้า?”
“ข้าไม่ได้ร้อน! แค่…ไฟมันแรง!!” อูฮาปฏิเสธเสียงแข็งทำท่านำปลาร้อน ๆ ใส่ใบไม้แก้เขิน
มูแซหัวเราะคิก “ถ้าไม่ชอบเขา เจ้าไม่หน้าแดงทุกครั้งที่เขายิ้มให้หรอกนะ”
“ข้าไม่ได้ชอบ…”
แต่เสียงเบากว่าตอนที่เขาเคยตะโกนว่า 'ข้าไม่ใช่เมีย!' มากนัก
โกรันเดินเข้ามา วางหินขัดใหม่ไว้ข้างเขา
“ข้าขัดหินให้เจ้าทำกระจก”
“เอ่อ…ขอบใจนะ?”
“ข้าอยากให้เจ้าเห็นว่าเจ้า…น่ามองแค่ไหน เวลายิ้ม”
อูฮาที่โดนดาเมจนิ่งไป ใบหน้าของเขาแดงเหมือนแอปเปิ้ลเลย
มูแซเงียบไป
ชาวเผ่าหยุดเคี้ยวหอยชั่วขณะ
อูฮากลั้นใจแล้วหันไปพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า
“...นี่ข้ากำลังพ่ายแพ้คนป่าหล่ออย่างงั้นเรอะ?”
โกรันเลิกคิ้ว “เจ้าเรียกข้าว่าหล่อเหรอ?”
“ไม่! ข้าหมายถึง…แพ้…ปลา!! เจ้าอย่าเข้าใจผิดล่ะ! ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้ารอแต่อย่างใด”
มูแซล้มลงกับพื้นหัวเราะลั่นกับคนปากแข็งข้างเขาที่ยิ่งพูดยิ่งเผยไต๋ออกมา
อูฮารู้เลยว่าเช้านี้จะถูกล้อไปอีกสามวันแน่นอน…
บ่ายแก่ ๆ แสงแดดผ่านช่องถ้ำมากระทบลำตัวของอูฮาที่นั่งซ่อมเครื่องมือหินอยู่ข้างกองไฟ ไอร้อนจากเปลวไฟผสมกลิ่นไม้แห้งชวนให้อบอุ่นแต่ยังคงรู้สึกสดชื่นในอากาศช่วงเย็น
โกรันยังนั่งอยู่ไม่ไกล มือใหญ่หยิบกิ่งไม้แห้งขึ้นมา ก่อนจะเริ่มถูหินสองก้อนจนมีประกายไฟลุกโชนขึ้นมาเป็นจุดเล็ก ๆ
“เจ้าเห็นไหม ข้าใช้เวลาเกือบครึ่งวันกว่าจะได้ไฟกองนี้” โกรันพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
อูฮายิ้มแหย ๆ พร้อมถอนหายใจเบา ๆ “นี่นายโกรัน... ข้ารู้ว่าเจ้าทำดีที่สุด แต่มันเหมือนตอนที่ข้าพยายามวิ่งแล้วล้มทุกครั้งไงไม่รู้”
โกรันขมวดคิ้ว “เจ้าจะบอกข้าว่าข้าไม่เก่ง?”
“เปล่า ข้าแค่บอกว่า... ข้าแพ้ในหลาย ๆ เรื่อง แต่ถ้าคิดจะล้ม... ล้มให้สวย ๆ ก็พอ”
โกรันยิ้มอย่างอบอุ่น มือหยาบกร้านของเขาลูบผ่านไหล่อูฮาอย่างทะนุถนอม
“ข้าจะไม่ยอมแพ้กับเจ้าเด็ดขาด” เขาพูดเสียงต่ำแต่หนักแน่น
อูฮารู้สึกแก้มร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าบาง ๆ เผลอสบตากับโกรัน รู้สึกเหมือนลมหายใจร้อน ๆ จากปากหนาของเขาเป่ารดอยู่ที่แก้ม
“โกรัน... ข้ารู้สึก...แปลก ๆ”
“แปลกยังไง?”
“ก็... ข้าคิดถึงเจ้าทุกวัน อยากให้เจ้าอยู่ใกล้ ๆ แต่ข้าก็ยังกลัวไม่ยอมรับว่ารู้สึกยังไง”
โกรันไม่พูดอะไร แต่ขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้น มือหยาบกร้านจับมืออูฮาอย่างแน่น
“ถ้าเจ้ากลัว ข้าจะเป็นที่พักให้” โกรันว่า แล้วเอื้อมมือลูบไล้ปลายนิ้วอูฮาอย่างแผ่วเบา
อูฮาหายใจติดขัด รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นจนแทบทะลุอก
“ข้า... ข้าไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน ไม่รู้ว่าข้าจะเชื่อความรู้สึกนี้ได้หรือไม่”
“ข้าเชื่อเจ้า”
เสียงโกรันกระซิบเหมือนเวทมนตร์ที่ทำให้อูฮาผ่อนคลายลง เขาค่อย ๆ ปล่อยมือให้โกรันจับได้เต็ม ๆ อย่างไม่ขัดขืน
โกรันเลื่อนมือไปจับแผ่นหลังบาง ๆ ของอูฮา ค่อย ๆ กดลงอย่างนุ่มนวล และเริ่มสัมผัสถึงเส้นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงแต่อ่อนโยนภายใต้ผิวหนังเรียบเนียน
“เจ้าผอมแต่ก็แข็งแรงมากนะ ข้าชอบเวลาที่เจ้าขัดเครื่องมือหินแบบนี้ ดูตั้งใจจนข้ารู้สึกว่าเจ้าทุ่มเททุกอย่าง”
“อย่ามาชมข้าแบบนั้นสิ ข้าจะเขินจนทำเครื่องมือแตกซะเปล่า ๆ”
โกรันหัวเราะเสียงทุ้ม ก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบที่ขมับอย่างเบามือ
“ข้าจะไม่ทำให้เจ้าพัง แต่จะคอยปกป้องทุกอย่างที่เป็นเจ้า”
อูฮายิ้มออกมา รู้สึกหัวใจฟูขึ้นเป็นลูกโป่งที่พองใหญ่เต็มอก
แต่ก็ยังมีความกลัวเล็ก ๆ ที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นใจ
“นายโกรัน... ข้า... กลัวนะ กลัวจะเสียใจ กลัวจะเจ็บ”
“ข้าจะอยู่กับเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
โกรันพูดด้วยเสียงหนักแน่น จนอูฮารู้สึกได้ถึงความจริงใจที่มาจากใจลึก ๆ
ในขณะที่สองคนใกล้ชิดกันมากขึ้น โกรันจึงหยิบกิ่งไม้ที่เปล่งประกายไฟขึ้นมาอีกครั้ง แล้วลูบไล้มือของอูฮาอย่างนุ่มนวล
“วันนี้ข้าจะสอนเจ้าอีกอย่างนะ”
“อะไร?”
“การสัมผัสด้วยใจ ไม่ใช่แค่มือ” โกรันกระซิบพร้อมส่งสายตาอบอุ่น
อูฮาหัวเราะเบา ๆ “ข้าไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่ก็พร้อมจะเรียนรู้”
แล้วสองคนก็เริ่มเล่นเกมจับมือกัน ลูบไล้สัมผัสไปตามนิ้วมือและหลังมือของอีกฝ่าย จนหัวใจของอูฮากระตุกตลอดเวลา
ในใจเขารู้ดีว่า นี่ไม่ใช่แค่เกม...
แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความรักแบบคนป่าที่นุ่มละมุนและจริงใจ
แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าสาดเข้ามาในถ้ำเบา ๆ ทำให้ใบหน้าขาวของอูฮาที่นอนห่มหนังสัตว์อยู่ดูนวลเนียนและน่ามองยิ่งขึ้น แม้เขาจะยังหลับตาอยู่ แต่คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังฝันประหลาด
“อือ... อย่าเอาไม้ตีหัวข้านะ...” เขาพึมพำในฝัน ก่อนจะสะดุ้งลุกขึ้นมาแล้วหันซ้ายขวาอย่างงง ๆ
โกรันนั่งอยู่ตรงประตูถ้ำ หันหน้ามาทางอูฮา ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าฝันว่าเจ้าพูดถึงข้า”
“เจ้าแอบฟังข้าพูดละเมอเหรอ!” อูฮาหน้าแดงทันที รีบคว้าหนังสัตว์คลุมหน้าตัวเอง
“เปล่าเลย ข้าไม่ได้แอบฟัง ข้าแค่บังเอิญได้ยิน” โกรันยักคิ้ว ทำทีเป็นไม่รู้ไม่ชี้
วันนั้นตรงกับวันพิธีประจำปีของเผ่าเขี้ยวดิน พิธีที่จัดขึ้นเพื่อบูชาดวงจันทร์และเสริมดวงผัวเมียให้ครองรักกันยืนยาว ใคร ๆ ก็ต้องเข้าร่วม แม้แต่ “เมียจากท่านเทพ” ส่งมาอย่างอูฮา
อูฮาถูกจับแต่งตัวด้วยชุดประจำเผ่า ใบหน้าถูกทาสีด้วยดินขาวและถ่านดำ ลิงลูน่ายืนมองเขาแล้วก็แค่นเสียงคล้ายจะบอกว่า “อย่าเขินไปหน่อยเลย”
“ข้าไม่อยากไปเลย จะให้ข้าร่วมพิธีกับคนที่ลากข้าเข้าถ้ำเนี่ยนะ!”
มูแซเดินเข้ามาในฉาก ชุดเต็มยศพร้อมขนนกประดับ “เลิกบ่นแล้วออกไปสวยด้วยกันเร็ว เจ้าโดนเลือกเป็น ‘คนรับหอม’ ด้วยนะ!”
“หอมอะไร!?”
“ก็ในพิธีวันนี้ มีธรรมเนียมว่า หัวหน้าเผ่าจะหอมแก้มคู่ของตนเพื่อประกาศต่อดวงจันทร์ว่า ‘นี่คือเมียข้า’”
อูฮาช็อก เหงื่อแตกพลั่ก
“ไม่นะ! ไม่! ข้าไม่อยากให้คนทั้งเผ่ารู้ว่าข้าเป็น... เป็นอะไรแบบนั้นน่ะ!”
“เอ้า ก็เป็นเจ้าเมียเขาไปแล้วไม่ใช่เรอะ?” มูแซแซวพลางขำ อย่างไม่สนใจประมาณว่าอูฮาพูดอะไรไร้สาระ
ตัดฉากมาที่พิธีโกรันยืนอยู่ท่ามกลางวงเต้นไฟ กล้ามเนื้อสะท้อนแสงเพลิงอย่างอลังการ ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา และที่อูฮาที่เดินเขิน ๆ ตามมาทีหลัง
โกรันส่งยิ้มมาให้ แล้วจับแขนอูฮาเบา ๆ “เจ้าพร้อมหรือยัง?”
“ไม่... ไม่พร้อมเลยซักนิด!”
“ดี ข้าก็ไม่รอแล้ว”
พูดจบ โกรันก็ก้มลงหอมแก้มอูฮาเต็ม ๆ เสียงดังฟอด! คนทั้งเผ่าร้องเฮกันสนั่น ลิงลูน่าปรบมือด้วยสองเท้าอย่างตื่นเต้น
อูฮายืนตัวแข็งเป็นหิน แก้มแดงลามไปถึงหู
“เจ้า... เจ้าทำบ้าอะไร!”
“ธรรมเนียม ข้าก็แค่ประกาศว่าเจ้าคือของข้าแล้ว”
“บ้าที่สุด!”
แต่ในใจอูฮากลับเต้นระรัวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน... เขาไม่รู้เลยว่า การหอมแก้มแค่ครั้งเดียว จะทำให้รู้สึกเหมือนแต่งงานแล้วจริง ๆ...
และนั่นแหละ... คือจุดเริ่มต้นของความรู้สึกใหม่ที่กำลังค่อย ๆ งอกงามในใจเขา
ในยามเช้าที่พระอาทิตย์แง้มปากฮื่มเบา ๆ เหนือขอบเขา แสงแดดอุ่น ๆ เลียปลายหญ้าเหมือนลิ้นของกวางจิ๋ว อูฮาก็ยังนอนตะแคงอยู่ในผ้าหนังสัตว์ ซุกหัวกับท่อนแขนของโกรันอย่างหมดสภาพ
เหตุการณ์เมื่อคืนยังสะท้อนอยู่ในหัวเหมือนเสียงกลองของชาวเผ่า...
‘หอมแก้ม’
‘หอม’
‘แก้ม!’
“บ้าเอ๊ย...” อูฮาเอามือปิดหน้าตัวเอง พลิกตัวออกจากแขนโกรันเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ย่องไปนั่งกอดเข่าอยู่ริมถ้ำ
“หอมแก้ม... แปลว่าแต่งงานเหรอ? แล้วข้าก็... คือว่าข้า...”
เขานั่งเขินอยู่กับหินอย่างนั้นอยู่เกือบสิบนาที ก่อนที่เสียงฝีเท้าตุ๊บตั๊บของมูแซจะวิ่งกระแทกถ้ำเข้ามาอย่างไม่มีมารยาท
“โอ๊ย! หน้าข้าเปรี้ยวขึ้นมาเลย ข้าบอกแล้วว่าเผ่านี้มันรุนแรง! แต่โรแมนติกนะยะ!” มูแซพรางพูดอะไรที่ไม่ค่อยรู้เรื่องวิ่งมานั่งข้างอูฮาอย่างตื่นเต้น พร้อมส่งผลไม้กลม ๆ สีแดงให้ “กินนี่ คลายความเขิน”
อูฮาเหล่มองไปทีก่อนถาม“ผลไม้อะไรนี่?”
“ลูกบ๊วยยุคหิน! เปรี้ยวจนใจสั่น” มูแซหัวเราะร่วน “แล้วตกลงว่าไง เจ้าแต่งแล้วเหรอ?”
“ข้ายังไม่ได้ผูกอะไรเลย!”
“นี่มันไม่มีพิธีผูกเพื่อสมรสหรอก! มีแต่หอมแล้วปักหอก!”
“เอ่อ... ปักหอก?”
“หมายถึงปักหอกหน้าถ้ำ เป็นสัญลักษณ์ว่าคู่นี้ ‘จองแล้ว’ ใครเข้าไปแทรกก็จะโดนหักหอก”
“...พวกเจ้าชอบเล่นคำกับหอกมากไปไหม?”
ขณะที่สองคนกำลังเถียงกันสนุกสนาน โกรันก็ตื่นขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ เดินมาหลังอูฮาแบบเงียบกว่ากิ้งก่าไต่ไม้ แล้ววางมือปุ ๆ บนหัวเขา
“อรุณสวัสดิ์ เมียของข้า”
อูฮาสะดุ้งสุดตัว “ข้าไม่ใช่เมียเจ้า!”
“เจ้าหอมแล้ว”
“ข้าถูกเจ้าหอมนะ!!”
“ไม่ต่างกัน ข้ารับผิดชอบ” โกรันพูดหน้าตายแล้วเอาหอก (ของจริง) ไปปักหน้าถ้ำอย่างภูมิใจ
อูฮาเบิกตาโพลง “นี่เจ้าทำอะไร!?”
“ปักหอก ป้องกันคนมาแย่งเมียข้า”
“ข้าไม่ใช่เมียเจ้า!!”
มูแซปรบมือกรุ๊บ “ยินดีด้วยจ้า! คืนนี้เตรียมเข้าเรือนหอ!”
“ถ้ำ!! ไม่ใช่เรือนหอ!!”
ไม่ว่าจะพูดยังไง โกรันก็ดูจะไม่เข้าใจเรื่อง ‘พื้นที่ส่วนตัว’ หรือ ‘การตกลงร่วมกัน’ เลยแม้แต่น้อย เขาคิดแค่เพียงว่า ‘รัก \= ปักหอก’ เท่านั้น
อูฮาได้แต่นั่งหมดอาลัย ปากพึมพำเบา ๆ ว่า “สงสัยข้าต้องหนีอีกรอบ...”
แต่แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมองหอกที่ปักหน้าถ้ำ มันมีขนนกสีขาวผูกอยู่กับปลาย เป็นสัญลักษณ์ที่ดูเหมือนจะมีความหมายพิเศษอะไรบางอย่าง...
“...แล้วเจ้าผูกขนนี่มาทำไม?”
“ขนของนกที่ข้าล่าได้ครั้งแรก เป็นของสำคัญ ข้าผูกให้เจ้า เพราะข้ารักเจ้า” โกรันตอบง่าย ๆ เหมือนบอกว่า ‘ฟืนวันนี้เยอะดี’
อูฮากัดปากแน่น เขาไม่รู้จะโต้กลับอย่างไรดี กับผู้ชายที่ซื่อกว่าหมูป่า แต่กลับทำให้หัวใจตัวเองเต้นไม่เป็นจังหวะ
“...ข้าจะไม่ยิ้ม ข้าจะไม่ใจอ่อน... ข้าจะ... ฮึก...”
“เจ้าร้องไห้?” โกรันรีบเข้ามานั่งข้าง ๆ ใช้นิ้วปาดน้ำตาอย่างเบามือแบบที่ไม่เข้ากับภาพลักษณ์เลยสักนิด
“เปล่า ฝุ่นเข้าตา!”
“เจ้าร้องไห้แล้วดูน่ารัก”
“โอ๊ย! พอเลยยย!!” อูฮาทุบพื้นถ้ำ แล้วล้มตัวลงนอนกลิ้งหนีเหมือนลิงป่วนเมือง
โกรันหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “คืนนี้ ข้าจะกอดเจ้าแน่น ๆ นะ”
“ไม่ต้องมาแตะเลย!!”
“กอดผ่านผ้าหนังสัตว์”
“นั่นก็ไม่ช่วยอะไรเลย!!”
เสียงหัวเราะก้องอยู่ในถ้ำอีกครั้ง ก่อนพระอาทิตย์จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมเสียงตีกลองประกาศข่าวใหม่...
ตึง! ตึง! ตึง!
“เผ่าหมีกำลังจะเดินทางมาเยี่ยม!”
...และแล้วเรื่องราววุ่นวายในวันนี้ก็ได้จบลงไปอีกวัน
โปรดติดตามตอนต่อไป
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!