ในดินแดนไกลโพ้น..มีอนาจักรที่แสนจะงดงาม อยู่
สองอนาจักรที่มีเขตแดนติดต่อกัน..อนาจักรหนึ่งมีชื่อว่า อนาจักรต้าซง ส่วนอนาจักรหนึ่ง
เป็นดินแดนแห่งหุบเขาสูงเรียกว่า เค่อเหล่อ ทั้งสองอนาจักรมีดินแดนติดต่อกันโดยดินแดนหนึ่งส่วนมากเป็นที่ราบลุ่ม ส่วนอีกดินแดนหนึ่งส่วนมากจะเป็นทิวเขาสูงเสียดฟ้า..มีแหล่งน้ำตกและทิวเขามากมายที่ราบลุ่มมีเป็นจำนวนน้อยส่วนมากจะมีพื้นที่ราบบนภูเขาสูงทั้งสองอนาจักรมีความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอดจนกระทั้งเมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมา..มีชาวต้าซ่งคนหนึ่งได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่อนาจักรเค่อเหล่อแล้วหายตัวไป.
.ที่สำคัญชาวต้าซ่งคนนี้กลับเป็นรัชทายาทคนเดียวของอนาจักรต้าซงที่จะต้องสืบทอดบัลลังค์.กษัตริย์ต้าซ่ง ที่ชื่ออี้หลง จึงได้ยื่นคำขาดให้อนาจักรเค่อเหล่อคืนตัวรัชทายาทกลับคืนมาอนาจักรต้าซ่งโดยเร็วแต่ได้รับการปฎิเสธ
.เพราะว่ากษัตริย์เค่อเหล่อในตอนนั้นมัวเมาในสุรานารีไม่สนใจการบ้านการเมืองปล่อยเรื่องนี้ให่เป็นภาระของขันทีคนสนิท..ขันทีคนนี้ก็วางอำนาจบาตรใหญ่กับผู้คนและไม่สนใจเรื่องราวอันใดเพราะว่าเป็นขันทีมานาน..เรื่องของอนาจักรอื่นใดล้วนไม่สนใจทั้งนั้น..ดังนั้นด้วยเหตุนี้กษัตริย์ต้าซ่งจึงก่อสงครามขึ้นระหว่างสองแคว้น..และรบพุ่งกันมาโดยตลอดและพลัดกันแพ้กันชนะ..และเมื่อมีสงครามผู้คนก็อดยากล้มตายและหนีภัยสงครามกันอยู่ไม่เป็นที่เป็นทางไร้หลักแหล่งแน่นอน.
.จนสุดท้ายต้าซ่งชนะสงครามยึดเอาเมืองเค่อเหล่อได้ฆ่ากษัตริย์เมืองเค่อเหล่อตายและขนเอาทรัพย์สมบัติต่างๆไปจนหมดทั้งข้าทาสบริวารและเจ้าหญิงอันเหล่อผู้งามล่มเมืองไปด้วย
นี่จึงเป็นต้นกำเนิดความรักระหว่างแคว้นหลังสงครามได้สิ้นสุดลง
เมืองเค่อเหล่อเมื่อตกเป็นเมืองขึ้นของอนาจักรต้าซ่ง
กษัตริย์ต้าซ่ง..ก็โปรดแต่งตั้งราชโอรสองค์โตที่เชี่ยวชาญด้านทำศึกและเป็นผู้ที่ตีอนาจักรเค่อเหล่อได้สำเร็จ..เป็นรางวัลและแต่งตั้งให้เป็นอ๋องประจิมปกครองเมืองเค่อเหล่อตั้งแต่นั้นมา..
อ๋องประจิมผู้เก่งกาจและห้าวหาญมีสหายคู่พระทัยที่ชื่อว่าเสิ่นจูหลิน..เป็นผู้ที่ฉลาดปราช์เปรื่องเชี่ยวชาญการกลศึกประดุจมือขวาของอ๋องประจิมและอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่อ๋องประจิมมาทุกครั้ง..เมื่ออ๋องประจิมได้รับราชโองการให้มาปกครองเมืองเค่อเหล่อ..เสิ่นจูหลิน ก็ได้ติดสอยห้อยตามมาอยู่ที่เมืองเค่อเหล่อด้วยเช่นกัน
ตำหนักอ๋อง..ที่อ๋องประจิมได้ทำการก่อสร้างที่เมืองเค่อเหล่อนั้นโอ่อ่ากว้างใหญ่ดุจราชวังน้อยๆภายในตำหนักเต็มไปด้วยสระบัวน้อยใหญ่เรียงรายลดหลั่นอย่างสวยงามมีแมกไม้พุ่มไม้ประดับตกแต่งอย่างสวยงามและมีความน่าเกรงขามแสดงถึงความชมชอบของเจ้าของตำหนักได้ว่านิยมชมชอบดอกบัวและพุ่มไม้ตกแต่งเป็นรูปลักษณ์แปลกตาแซมด้วยดอกไม้หอมที่อยู่รอบๆสระบัวงามเด่นทุกย่างก้าวล้วนงดงามและหอมจรุงใจด้วยกลิ่นดอกไม้หอมประดับประดางดงามทั้งสีสันและกลิ่นหอมตลบอบอวลของดอกไม้ในตำหนักแห่งนี้
กลางสระบัวมีเก๋งน้อยๆตั้งอยู่กลางบึงบัวที่เป็นที่พักผ่อนประจำของท่านอ๋องไว้จิบน้ำชาชมธรรมชาติในยามเย็นจากพระตำหนักมีเรือน้อยสำหรับพายออกไปยังเก๋งกลางน้ำ..
ท่านอ๋องทรงตั้งชื่อเก๋งน้อยนี้ว่าเก๋งถงจื้อเพื่อระลึกถึงเสด็จแม่ของพระองค์ที่เสด็จสวรรคตไปนานมากแล้วนั่นเอง
ในเวลาต่อมาไม่ถึงสองเดือนดีอ๋องประจิมก็ได้จัดการปกครองในเมืองเค่อเหล่อใหม่จนทุกอย่างเรียบร้อยและมั่นคงแล้ว..ท่านอ๋องประจิมก็ได้รายงานความคืบหน้าต่างๆในเมืองเค่อเหล่อไปยังราชสำนัก.
.กษัตริย์แห่งต้าซ่งพระราชบิดาก็ได้พระราชทานเจ้าหญิงอันเหล่อมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องในเวลาต่อมา
ขบวนเจ้าสาวที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดแห่งเมืองหลวงแคว้นต้าซงคือขบวนแห่เจ้าสาวของอ๋องประจิมนั่นเอง..ขบวนเริ่มเดินทางจากเมืองฉางอันเมืองหลวงแห่งแคว้นมุ่งไปยังเมืองเค่อเหล่อใช้เวลาถึง10กว่าวันกว่าจะถึงชายแดนรอยต่อระหว่างเมืองทั้งสอง..ท่านอ๋องประจิมเสด็จมารับเจ้าสาวถึงชายแดนด้วยตัวเอง
บุคลิกท่าทางองอาจสมชายใบหน้าคมคายหล่อเหลาปานหยกชั้นดีที่ไร้คนเสมอเหมือนดูเย็นชา..เมื่อเผชิญหน้าเจ้าสาวแสนสวยบนเกี้ยวเจ้าสาว
..ท่านอ๋องขับเคลื่อนม้านำหน้าขบวนเจ้าสาวไปท่ามกลางเสียงปี่เสียงกลองขับกล่อมขบวนเจ้าสาวตามประเพณีนิยมมีแม่สื่อแต่งหน้าตาสีสันฉูดฉาดนั่งร่วมขบวนเกี้ยวเจ้าสาวพร้อมขบวนขันหมากและสินเดิมเจ้าสาวบนรถม้าร่วมขบวนติดตามยาวเหยียด..มากมายหลายสิบคันแสดงถึงฐานะอันสูงศักด์ของเจ้าสาวและผู้ติดตามจำนวน12คนล้วนสวมใส่อาภรณ์สีแดงสดใสกลมกลืนกับชุดสีแดงปักลายหงษ์บนม่านเมฆขององค์หญิงอันเหล่อผู้งามสง่า
เมื่อขบวนเจ้าสาวมาถึงประตูเมืองเค่อเหล่อ..ชาวเมืองล้วนมาออกันเต็มสองฝากฝั่งเพื่อรอยลโฉมเจ้าหญิงอันเหล่อของพวกเขาและแซ่ซ้องยินดีต้อนรับการกลับมาขององค์หญิงอันเหล่อผู้เลอโฉมและทำความเคารพต่ออ๋องประจิมผู้งามสง่าผู้ปกครองนครคนใหม่ที่ห้าวหาญและเก่งกาจและเกรงกลัวเทียบกันแล้วกับกษัตริย์ผู้ครองนครคนเดิมที่เหลวไหลเขานิยมยินดีกับอ๋องประจิมคนนี้มากกว่าถึงจะเป็นศัตรูผู้ชนะศึก..แต่อ๋องประจิมผู้นี้กลับไม่เข่นฆ่าชาวเมืองโดยไร้เหตุผล..ในทางกลับกันตลอดสองเดือนที่ผ่านมาอ๋องประจิมผู้นี้ได้ทำนุบำรุงผู้คนเยียวยาภัยสงครามที่ทำให้บ้านเมืองแตกระส่ำระสายกลับมาอยู่ในสภาพดีขึ้นกว่าแต่ก่อนผู้คนไพร่ฟ้าหน้าใส..เมื่อท่านอ๋องได้รับพระราชทานสมรสกับองค์หญิงอันเหล่อผู้เป็นพระธิดาของกษัตริย์องค์ก่อนของพวกเขาย่อมยินดีและสรรเสริญท่านอ๋องประจิมยิ่งกว่าเดิม..
ตั้งแต่ผ่านประตูเมืองเข้ามาก็จะได้ยินเสียงชาวเมืองกล่าว
"ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน..".มาตลอดสองข้างทางที่ขบวนเจ้าสาวผ่านไปถึง
ผ่านไปไม่กี่เค่อขบวนเจ้าสาวก็เดินทางมาก็ถึงตำหนักอ๋องประจิมอันสง่างาม..ป้ายสีทองเหลืองอร่ามอักษรตวัดมีพลังลวดลายบรรจงแสดงถึงความยิ่งใหญ่แห่งตำหนักอ๋อง
"วางเกี้ยวเจ้าสาว"
เสียงแม่สื่อดังกังวาล "เจ้าบ่าวเต้ะเกี้ยว"..ท่านอ๋องทรงเต๊ะเกี้ยวแล้วยื่นมือมารับเจ้าสาวออกจากเกี้ยวแล้วอุ้มพาเข้าพระตำหนักในทันที..
แม่สื่อและขบวนรถเจ้าสาวด้านหลังพากันหยุดขบวนและลงจากรถเพื่อขนของสินเดิมและของพระราชทานทั้งหมดเข้าไปเก็บใว้ในตำหนักอย่างเร่งรีบ
ท่านอ๋องผ่านธรณีประตูตำหนักแล้วรีบวางเจ้าสาวลงเพื่อเริ่มพิธี.
เสียงแม่สือบอกบทดังกังวาล
"เจ้าบ่าวเจ้าสาวเคารพซึ่งกันและกัน"
"เจ้าบ่าวเจ้าสาวเคารพพ่อแม่."
ท่านอ๋องและองค์หญิงประสานมือไปยังพระรูปฮ่องเต้และฮองเอา
เป็นอันเสร็จพิธี
"ส่งตัวเข้าหอ"
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!