หมู่บ้านค่อแสงทองในยามรุ่งอรุณช่างสงบงาม แสงแรกของตะวันทอดผ่านทุ่งข้าวสีเขียวสด สายลมเย็นพัดเอื่อยพาเสียงระฆังเก่าที่แขวนอยู่บนวิหารไม้ดังกังวานไปทั่วทั้งหุบเขา
กลางลานพิธี พ่อครูภูริณนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นหินเก่า เขาสวมผ้าคลุมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาคมดุจเหยี่ยวมองออกไปไกล ริมฝีปากเรียบเฉยไม่เคยเผยยิ้ม แต่กลับมีบารมีจนผู้คนรอบข้างต้องก้มศีรษะด้วยความเคารพ
“พ่อครูเจ้าขา… คืนนี้ท่านจะทำพิธีจริงหรือ?”
หญิงชราผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านถามด้วยเสียงสั่น
ภูริณพยักหน้าเบาๆ “ใช่ คืนนี้จันทราจะเต็มดวง หากไม่ทำพิธี วิญญาณที่ถูกผูกไว้จะตื่นขึ้นมา”
ทุกคนพากันหวาดกลัว ต่างรู้ดีว่าคำว่า “วิญญาณ” ที่พ่อครูเอ่ย หมายถึงสิ่งที่ไม่ควรมีใครได้พบเจอ
ด้านล่างแท่นพิธี เด็กหนุ่มรูปร่างเล็ก นัยน์ตาใสแจ๋วชื่อ เก้ ศิษย์เอกของพ่อครู นั่งพับเพียบพลางหาวหวอด ราวกับไม่ได้หลับมาทั้งคืน
“โอย…ง่วงจังเลยคร้าบพ่อครู”
เก้าบ่นเสียงยานคาง
“เจ้าจะง่วงไม่ได้” ภูริณหันมามอง ดวงตาคมกริบฉายแววตำหนิ “คืนนี้เจ้าต้องช่วยข้า หากเจ้าพลาด แม้แต่วินาทีเดียว หมู่บ้านนี้จะไม่เหลือใคร”
เก้าสะดุ้งเฮือก รีบยกมือไหว้ “รับทราบครับพ่อครู! จะไม่พลาดแน่นอน!”
แต่ในใจกลับแอบคิดว่า ถ้าไม่เผลอหลับอีกก็ดีสิ…
เสียงหัวเราะคิกคักดังจากศิษย์คนอื่นๆ ที่นั่งรายรอบ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดคลายลงเล็กน้อย แม้พ่อครูภรัณจะทำหน้านิ่ง แต่หัวใจลึกๆ ของเขากลับอบอุ่นทุกครั้งที่เห็นศิษย์เอกซื่อบื้อของตน
ตกค่ำ แสงจันทร์เต็มดวงสาดลงมายังลานพิธี ควันธูปลอยขึ้นเป็นเกลียว ลมหนาวพัดวูบ เหมือนพาเงาดำบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่รอบหมู่บ้าน
หญิงสาวคนหนึ่งก้าวเข้ามาช้าๆ — อัยย์ นักศึกษาสาวคณะโยธาที่หนีชะตากรรมจากเมืองใหญ่ เธออุ้มลูกสาววัยน้อยไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าซีดขาว แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“พ่อครู… ได้โปรด ช่วยข้าด้วย ข้า…ถูกสาป”
เสียงเธอสั่นเครือ
เมื่อภูริณเหลือบตามอง เขาก็เห็นบางสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น — เงามืดเกาะพราวรอบกายหญิงสาว และเส้นคำสาปที่ผูกแน่นราวกับโซ่ตรวน
เขานิ่งไปครู่ ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ
“เจ้าถูกสาปให้หยุดอายุ…ไม่เกินสิบแปด”
อัยย์น้ำตาไหลพราก เธอก้มหน้าร้องไห้ “ใช่แล้วพ่อครู ข้าเจ็บปวดทุกคืนราวกับร่างกายจะฉีกออก… และลูกสาวข้าก็กำลังจะติดคำสาปตามมา”
เสียงฮือฮาดังกระซิบทั่วลานพิธี เก้าหันไปมองด้วยความตกใจ แต่ก็รีบยกมือปิดปากไม่ให้เผลอร้องเสียงดัง
ภูริณหลับตา ดวงจิตดำดิ่งลงไปสู่ห้วงเวทมนตร์โบราณ และสิ่งที่เขาเห็น ทำให้หัวใจหนักอึ้ง — เพราะคำสาปที่อัยย์แบกรับนั้น มาจากศัตรูเก่าที่เขาเคยเผชิญเมื่อสิบปีก่อน… ศัตรูที่เขาเชื่อว่าตายไปแล้ว
คืนนั้นเอง ลมแรงโหมกระหน่ำ ดวงจันทร์ถูกเมฆดำบดบัง เงามืดตวัดพุ่งเข้าหาหมู่บ้าน
เก้าคว้าแขนพ่อครูด้วยความตื่นตระหนก
“พ่อครู! นั่นมันอะไร!?”
พ่อครูลุกขึ้นยืน ดวงตาวาววับ เสียงเข้มก้องกังวาน
“เป็นเพราะคำสาป… มันตื่นแล้ว”
✨ โปรดติดตามตอนต่อไป…
ค่ำคืนหมู่บ้านค่อแสงทองเต็มไปด้วยความเงียบอันน่าขนลุก ลมหนาวพัดผ่านโคนไม้ สร้างเสียงหอนคล้ายวิญญาณกำลังคร่ำครวญ เสียงธูปไหม้พรึบพรับและแสงจันทร์สะท้อนบนแท่นหิน สร้างเงายาวเหยียดราวกับสิ่งมีชีวิตกำลังย่องเข้ามา
พ่อครูภูริณยืนบนแท่นหิน ดวงตาคมจ้องมองเงามืดที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วรอบลานพิธี เส้นคำสาปเรืองแสงจาง ๆ คล้ายงูดำพาดพันอากาศ
> “เก้ จงระวัง อย่าปล่อยให้มันเข้ามาใกล้เธอหรือใครก็ตาม!”
เสียงภูริณเข้มขรึม ดวงตาวาววับราวกับสามารถฉายทะลุเงามืด
เก้กลั้นใจ หายใจแรง มือสั่นไปพร้อมกับไม้คฑาที่พ่อครูมอบให้
> “ครับพ่อครู! ข้าจะไม่พลาดแน่นอน!”
แสงจากคฑาเรืองสลัว แต่กลับสามารถผลักดันเงาให้ถอยหลังได้บ้าง เงามืดพุ่งเข้ามาอีกครั้ง แต่พ่อครูภูริณยกมือขึ้น ท่าทางสงบแต่เต็มไปด้วยพลัง
> “เจ้าคือใคร… ทำไมจึงกลับมาหาฉันอีก?”
เสียงเขาต่ำและหนักแน่น ราวกับสะกดคำสาปให้หยุดนิ่ง
เงามืดหยุดชะงักชั่วครู่ ก่อนจะปรากฏร่างคล้ายชายสูงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเก่า รอยยิ้มเย็นชาทำให้ลมหนาวพัดแรงขึ้นรอบลาน
เก้กลืนน้ำลาย เงยหน้ามองพ่อครู
> “พ่อครู… มัน…มันเป็นศัตรูเก่าของท่านจริง ๆ ใช่ไหมครับ?”
ภูริณพยักหน้าเบา ๆ ดวงตาเศร้าลึก
> “ใช่… และครั้งนี้มันกลับมาพร้อมคำสาปที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม”
เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกดังขึ้นอีกครั้ง เงามืดเคลื่อนเข้าหาอัยย์และลูกสาวทันที พ่อครูภูริณกระชับคฑา
> “อย่าแม้แต่คิดแตะต้องพวกเขา… หรือเจ้าจะต้องพบกับผลลัพธ์ที่ไม่มีวันให้อภัย!”
เงามืดหยุดชะงัก แต่เพียงชั่ววินาที ก่อนจะพุ่งเข้ามาอีกครั้ง เสียงลมพัดแรงจนธูปลอยว่อน
เก้พยายามเรียกสติ
> “ข้าจะช่วย! ข้าจะช่วยพ่อครู!”
ทั้งคู่พร้อมใจ รวมพลังเวทมนตร์ พลังเวทจากไม้คฑาของเก้าพร้อมพลังแสงจากร่างของภูริณผลักเงามืดออกไปชั่วขณะ
เงามืดร้องคำราม เสียงเหมือนลมพายุปั่นป่วนรอบลาน พลังอาคมของภูริณระเบิดออกเป็นวงแหวนแสงสีทองล้อมรอบอัยย์และลูกสาว
> “อย่ากลัว… ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
ภูริณเอ่ยเสียงต่ำ ดวงตายังคงจ้องตรงไปยังร่างเงามืด
ทันใดนั้น เส้นคำสาปที่คล้องตัวอัยย์เริ่มขยับ ปรากฏเป็นร่างผู้หญิงบางเบา ภายใต้เงามืด เธอเหมือนกำลังทวีพลังทุกวินาที
> “นี่… เป็นฝีมือของคำสาปโบราณ… มันไม่ได้ต้องการแค่เจ้า แต่หมายถึงลูกสาวเจ้าด้วย”
ภูริณพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เก้ยืนแข็ง รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล
> “ลูกสาวของอัยย์… ถ้าคำสาปจับตัวเธอ พวกเราจะ…”
คำพูดเก้าขาดหาย เสียงหัวใจเต้นแรง
ภูริณก้าวเข้ามาใกล้ เงามืดเหมือนรับรู้ถึงการคุกคามของเขา พุ่งเข้าโจมตี แต่ภูริณหมุนตัวพร้อมไม้คฑา แสงสีทองกระแทกเข้าตรงกลางร่างเงา เสียงกึกก้องราวกับภูเขาแตก
เก้ใช้โอกาส เพิ่มพลังเวทของตนเองจนเกิดเกราะป้องกันรอบอัยย์และลูกสาว
> “เร็ว! จงใช้พลังที่เรียนมา!” ภูริณตะโกน
เก้รวมพลังเต็มที่ ปล่อยแสงสีขาวเจิดจ้าออกจากไม้คฑา เงามืดถอยร่นไปชั่วขณะ แต่กลับฟื้นตัวรวดเร็วเหมือนมีชีวิต
ภูริณหายใจช้า ๆ แต่มั่นคง
> “เจ้าคือใคร… ที่มีพลังทำลายล้างคำสาปได้ถึงขนาดนี้?”
เขาถาม พร้อมใช้มือวาดสัญลักษณ์โบราณในอากาศ เส้นเวทพุ่งเข้าหาเงามืด
เงามืดสะท้าน แสงสลัวกระจายรอบตัว มันส่งเสียงหัวเราะราวกับล้อเลียน
> “ครั้งก่อนเจ้าทำให้ข้าพ่าย… คราวนี้ข้าจะไม่พลาด… และเจ้าจะเจ็บปวดมากกว่าที่ข้าเคยเจ็บ!”
ภูริณหยุดชั่วขณะ ดวงตาเศร้าลึก ก่อนหมุนตัวไปมองอัยย์และลูกสาว
> “เจ้าต้องเข้มแข็ง… ลูกของเจ้าเป็นความหวังสุดท้าย เราจะไม่ปล่อยให้คำสาปนั้นจับตัวเธอ”
ทั้งลานพิธีเต็มไปด้วยพลัง ปฏิบัติการปกป้องเริ่มขึ้นเต็มรูปแบบ ระหว่างพ่อครูภูริณ เก้า และเงามืดที่ตื่นขึ้นมา
เสียงกรีดร้อง แสงวูบวาบ และความลึกลับของคำสาปโบราณคลุ้งไปทั่ว…
---
✨ โปรดติดตามตอนต่อไป
ค่ำคืนนั้น ลมหนาวพัดแรงขึ้น เสียงกรีดร้องเบา ๆ ของเงามืดกระจายไปทั่วลานพิธี แสงจันทร์ลอดเมฆดำ ส่องลงบนแท่นหินทำให้เงาทุกอย่างดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
พ่อครูภูริณยืนมั่น ดวงตาคมจ้องร่างเงามืดตรงหน้า
> “เจ้าเคยทำร้ายใครไว้นัก… คราวนี้เจ้าจะไม่ได้ผลอีก”
เขาพูดเสียงเข้ม ขณะมือวาดสัญลักษณ์โบราณในอากาศ เส้นเวทสีทองส่องแสงเจิดจ้า
เก้ยืนเคียงข้าง มือสั่นแต่ตั้งใจ
> “ข้าพร้อมแล้วพ่อครู… ข้าจะไม่ยอมให้มันแตะต้องอัยย์และลูกของเธอ!”
ทันใดนั้น เงามืดส่งเสียงหัวเราะเย็นยะเยือก คล้ายเสียงลมพายุผสมกับเสียงคนร้องไห้
> “ภูริณ… เจ้าไม่เคยเรียนรู้จากครั้งก่อน… คราวนี้ข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานยิ่งกว่าเดิม”
ภูริณขมวดคิ้ว ดวงตาเปล่งประกายพลัง
> “ข้าไม่กลัวเจ้าอีกแล้ว… และจะปกป้องพวกเขาให้ได้!”
เขาเรียกพลังเวทเก่าที่เคยสู้กับศัตรูเก่าก่อนสิบปีกลับมา พลังนี้สว่างจ้า สร้างวงแหวนป้องกันรอบอัยย์และลูกสาว
เก้ใช้ไม้คฑาส่งพลังเสริม เส้นเวทสีขาวพันรอบร่างของอัยย์ ลูกสาวของเธอคลายความหวาดกลัวลงเล็กน้อย
> “แม่… เจ้า… จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
ลูกสาวถามเสียงสั่น
อัยย์พยักหน้า น้ำตายังไหล
> “แม่เชื่อพ่อครูภูริณ… เราต้องรอด”
ทันใดนั้น เงามืดโจมตีร่างภูริณด้วยพลังดำมืด พุ่งเข้ามาเหมือนพายุ ภูริณหมุนตัว ใช้ไม้คฑาสกัด เงามืดชนเข้ากับวงแหวนเวท เสียงดังสนั่นลาน
> “เก้! เพิ่มพลังเต็มที่!”
ภูริณตะโกน
เก้กลั้นใจ ปล่อยพลังทั้งหมดผ่านไม้คฑา เส้นแสงขาวสว่างจ้าเหมือนดวงดาวนับพัน เส้นคำสาปรอบตัวอัยย์เริ่มแตกสลาย แต่ยังไม่หมด
> “คำสาปนี้… มันแข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้”
ภูริณพูดเบา ๆ แต่เสียงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
แล้วจู่ ๆ เงามืดก็เปลี่ยนร่างเป็นหญิงสาวใบหน้าเย็นชาคล้ายอัยย์ แต่ดำสนิท
> “เจ้าคือความทรงจำเก่าของข้า… เจ้าทำลายข้าครั้งก่อน คราวนี้ข้าจะเอาคืนทั้งชีวิตและวิญญาณของเจ้า!”
ภูริณนิ่งไปครู่ ก่อนพ่นคำเวทโบราณออกมา เส้นแสงสีทองพันรอบร่างหญิงเงา พร้อมกับเสียงพลังกระแทกดังสนั่น
> “ทุกสิ่งที่ข้าทำ… เพื่อปกป้องพวกเธอ… คราวนี้เจ้าจะไม่ได้แตะต้องอีก!”
เงามืดพยายามหนี แต่ภูริณรวมพลังเก้าปล่อยแสงสว่างจ้าล้อมรอบ ลมหวนพัดแรงจนเงามืดถูกผลักไปไกล
อัยย์และลูกสาวล้มลง แต่ยังปลอดภัย พ่อครูภูริณหายใจหนัก ดวงตาเต็มไปด้วยความเหนื่อย แต่ยังมุ่งมั่น
> “เก้… เราต้องทำให้มันสลายไปจากโลกนี้… คราวนี้ไม่มีทางรอด”
เก้พยักหน้า มือยังจับไม้คฑาแน่น เส้นแสงสีขาวรวมกับเส้นเวทสีทองรอบตัวภูริณเกิดเป็นวงแหวนแสงขนาดใหญ่
ร่างเงามืดค่อย ๆ ร้าวราน เสียงกรีดร้องของมันดังลั่นราวกับถูกดึงเข้าสู่ห้วงมิติอื่น
> “ไม่… ข้า…ยังไม่…จบ…!”
เงามืดร้อง ก่อนจะหายวับไปในอากาศ
ภูริณค่อย ๆ คลายพลัง แสงสีทองจางลง ลมสงบลง เสียงธูปไหม้พรึบพรับ เหลือเพียงความเงียบ
อัยย์ก้มลงขอบคุณ
> “พ่อครู… ขอบคุณ… ข้ากับลูกปลอดภัยแล้วจริง ๆ”
ภูริณพยักหน้าเบา ๆ
> “ครั้งนี้ปลอดภัย… แต่คำสาปนี้ยังไม่หมด พวกเราต้องหาวิธีทำลายมันจากต้นกำเนิด”
เก้ถอนหายใจหนัก แต่ดวงตาเปล่งประกาย
> “ข้าจะอยู่เคียงข้างพ่อครู… ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
หมู่บ้านค่อแสงทองกลับคืนสู่ความสงบ แต่ลึกในเงามืด ยังมีเสียงหัวเราะแผ่วเบา รอวันที่จะกลับมาอีกครั้ง…
---
✨ โปรดติดตามตอนต่อไป
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!