NovelToon NovelToon

บันทึกยุทธ์เหนือโลก

บทที่1 โชคชะตาที่ต้องเผชิญ

 

โลกใบนี้เคยเป็นของมนุษย์... แต่เมื่อร้อยปีผ่านไป ทุกอย่างกลับพลิกผันจนยากจะเชื่อ

 

สองเผ่าพันธุ์อันโหดร้าย เผ่าปีศาจและเผ่าอสูร   เข้าปกครองแผ่นดินด้วยกำลังอันมหาศาล แม้มนุษย์จะรวมยอดฝีมือจากทุกสารทิศ สู้จนหยดสุดท้ายของเลือดเนื้อ แต่พลังเหนือธรรมชาติของพวกเขายังคงเป็นเพียงฝันลม ๆ แล้ง ๆ ความพ่ายแพ้กลายเป็นตราประทับที่สลักลึกในหัวใจของมนุษย์ อิสรภาพอันรุ่งโรจน์ดับวูบในพริบตา

 

จากวันนั้นเป็นต้นมา มนุษย์ถูกลดฐานะเป็นเพียงเงาแห่งความหวัง ถูกบีบบังคับให้เป็นทาส ไร้สิทธิ์แม้แต่จะฝัน บางคนก้มหัวสยบยอมเพื่อแลกกับชีวิตที่ยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางความมืดมน ขณะที่ส่วนใหญ่เลือกที่จะนิ่งเงียบ กลัวจนไม่กล้าลุกขึ้นต่อต้านสองเผ่าที่ไร้ปรานี

 

เวลาผันผ่านร้อยปี มนุษย์และสองเผ่าเซ็นสัญญาสงบศึก เพื่อให้สามเผ่าอยู่ร่วมกันอย่างเปราะบาง สัญญานั้นเป็นเหมือนเชือกป่านเส้นบาง หากใครล้ำเส้นสงครามจะกลับมาอีกครั้งอย่างรุนแรง

 

 

 

 

ในเมืองอู่เทียน เมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ชาวบ้านใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันในตลาดทุกวัน

 

ท่ามกลางเสียงพูดคุยคึกคักในตลาด...

 

ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิง เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินไปมา

 

“หลิงเทียน!” เสียงเรียกดังขึ้น เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปี ร่างสูงโปร่ง ผมดำสั้นเรียบร้อย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายประกายสดใส หันกลับตามเสียง

 

หลิงเทียน เด็กกำพร้าผู้เคยเร่ร่อนไร้บ้าน ถูกตระกูลหลิงรับเลี้ยง เติบโตขึ้นท่ามกลางความอบอุ่นของครอบครัว แม้หน้าตาจะธรรมดา แต่กลับมีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้ผู้คนต้องเหลียวมอง

 

“นี่! หลิงเทียน! นายหญิงเรียก เจ้ารีบไปเถอะ!” เสียงคนรับใช้เร่งเร้า

 

“รับทราบ! ข้าจะไปทันที!” หลิงเทียนตอบพลางเร่งฝีเท้า

 

เขาก้าวเข้าสู่ลานหน้าตำหนัก ที่ซึ่งนายหญิงหลิงชูหลันและคุณหนูแห่งตระกูลกำลังรออยู่ หัวใจของหลิงเทียนเต้นแรงราวกับถูกใครบางคนกดสวิตช์

 

“นี่! หลิงเทียน ทำไมยังยืนนิ่ง รีบไปกันเถอะ เจ้าก็มาด้วยนะ หลิงจื่อ!” หลิงชูเรียกคนรับใช้ก่อนก้าวออกจากห้องด้วยรอยยิ้มสดใส

 

“เอ่อ! คุณหนู รอข้าด้วย!” หลิงเทียนรีบวิ่งตาม

 

อีกมุมหนึ่งของตำหนัก หญิงสาวผู้เป็นนายหญิงหลิงชูหลันทอดสายตาออกนอกหน้าต่าง ความคิดถึงสามีที่ชายแดนซึ่งปกป้องแดนจากเผ่าปีศาจท่วมท้นใจ

 

“ท่านเป็นอย่างไรบ้างนะ... ลูกสาวของเราตอนนี้โตขึ้นมาก งดงามราวเงาสะท้อนของข้า โชคดีที่นางไม่ต้องเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายเช่นข้า” เธอถอนหายใจอย่างเงียบเชียบ

 

เมื่อเห็นลูกสาวและหลิงเทียนเดินออกไปพร้อมกัน ดวงตาของเธออ่อนโยนลง “ท่านพ่อ... ข้าทำถูกแล้วหรือ ที่หนีออกจากตระกูลหลักมา”

 

“ที่นี่... ยังคงงดงามไม่เปลี่ยนแปลง” เธอพึมพำ ก่อนหญิงรับใช้จะเตือนด้วยน้ำเสียงแสนอ่อนโยน

 

“คุณหนูหลิงชู โปรดสำรวมด้วยเจ้าค่ะ”

 

หลิงชูทำหน้าเหมือนเด็กน้อยที่ถูกห้ามปราม

 

 

 

 

พวกเขาเดินชมเมืองไปทั่ว และบังเอิญพบกับคุณชายอวิ่นหลัน เผ่าอสูร สิงโตตาแดงสามตาผู้แปลงกายเป็นมนุษย์ ชายหนุ่มรูปงาม หน้าคม ผมเงินยาวถึงกลางหลัง สวมชุดดำตัดกับดวงตาแดงอ่อน นิสัยชอบยอกล้อสาวงาม หากอยากได้ก็ต้องได้ หากไม่ยอม ก็ต้องใช้กำลังจากพ่อ

 

เขาพร้อมลูกสมุน 3-4 คน เดินมาพบหลิงเทียนที่กำลังเดินผ่าน

 

“นี่พวกเจ้า! ข้าเจอของดีแล้ว! ฮึๆ” อวิ่นหลันทำสีหน้าหื่นกระหาย จ้องมองหลิงชู ก่อนเดินตรงไปหา

 

“ฮ่า! แม่นางคนสวย ไม่รู้ชื่อเจ้าหรือ? ข้าเพิ่งเห็นครั้งแรก!” สายตาเขาจับจ้องไม่ละแม้จะมีรับใช้พาหลิงชูเดินออกมา

 

“พวกเจ้าเป็นใคร?” หลิงชูทำหน้าจริงจังทันที เพราะเกลียดพวกประเภทนี้โดยธรรมชาติ

 

“ฮ่า... ไม่ต้องกังวล ข้าแค่ทักทายเล่น ๆ ฮ่า...” เขาหัวเราะเจ้าเล่ห์

 

“คุณหนูหลิงชู ไปกันเถอะเจ้าค่ะ!” รับใช้เรียกนางออกไป

 

อวิ่นหลันแสยะยิ้มอย่างพอใจ หลิงเทียนที่เดินตามมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ จ้องเขาอย่างทันที

 

“งั้น ข้าขอตัวก่อน” เสียงฝีเท้าลอยห่างออกไป

 

“ฮึ! หลิงชูงั้นหรือ!” สีหน้าแสยะยิ้มของอวิ่นหลัน ทำให้หลิงเทียนลุกขึ้นโมโหทันที

 

หลิงเทียนส่งเสียง “ฮึ!” แล้วเดินตามไป

 

 

 

 

“หือ! เจ้านั่นใคร ถึงกล้ามาทำหน้าแบบนี้กับข้า!” อวิ่นหลันสงสัย เพราะสัมผัสครื่นพลังในตัวหลิงเทียนไม่ได้

 

“แปลกใจที่ข้าไม่รู้สึกครื่นพลังในตัวเจ้านั่น! ฮึ! แต่ก็ไม่เป็นไร ข้าจะใช้กำลังบังคับมาเอง! สิ้นเรื่อง! พวกเจ้าทั้งสี่ไปเตียวค่ายกลราชัน!” อวิ่นหลันสั่งลูกสมุนอย่างเจ้าเล่ห์

 

หลิงชูถามหลิงจื่อ “นี่หลิงจื่อ ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร มาจากไหน?”

 

หลิงจื่อตอบ “เขาคืออวิ่นหลัน เจ้าค่ะ! ลูกชายตระกูลสิงโตตาแดงสามตา! นิสัยชอบมาตอแยสาวงามที่ต้องการ จับได้แล้วก็ยกให้ลูกสมุน!” นางตกใจ

 

“อะไรกัน! เรื่องแบบนั้นจริงหรือ? ที่เขาทักข้าตอนกลางวันก็...!” ทันใดนั้น อวิ่นหลันก็ปรากฏตัวตรงหน้า

 

“นี่แม่นางหลิงชู ข้าบอกแล้วว่าอยากรู้จักเจ้าให้มากขึ้น...” สีหน้าของเขาชัดเจน

 

“เจ้าจะตามพวกข้ามาอีกหรือ?” หลิงชูโกรธและตกใจ

 

หลิงชูเตรียมโจมตีทันที “ข้าไม่รู้เจ้าเก่งแค่ไหน แต่เจ้าคิดผิดแล้ว! วิชากระบี่เงากระบี่แยกร่าง!” กระบี่แยกออกเป็น 4 ร่างโจมตีทันที

 

อวิ่นหลันแสยะยิ้มเล็กน้อยและโต้ตอบการโจมตี

 

แคร้ง! เสียงกระบี่ชนกับกรงเล็บอวิ่นหลัน

 

 

 

 

"ฮ่า...ดูเหมือนเจ้าคงจะมีดีแค่ปากสินะ! งั้นข้าขอโจมตีบ้างล่ะ!" เขายั่วโมโหก่อนพุ่งเข้าโจมตี

 

"กรงเล็บสีกกะชาก!" ครื่นกรงเล็บสิงโตขนาดใหญ่พุ่งมา

 

หลิงชูไม่รอช้า ป้องกันด้วยวิชาของนาง "ฮึ! วิชากระบี่อัคคี เพลิงโลกันพิทักษ์" กระบี่เพลิงลุกโชนโอบล้อมนางเป็นกรงขังเปลวไฟ

 

 

 

 

แฮ่ก! หลิงชูกระอักเลือดเล็กน้อยจากริมฝีปาก

 

เสียงหลิงเทียนตะโกนขึ้น "คุณหนูหลิงชู!"

 

นางยกมือขึ้นเพื่อให้เขาตั้งสติ พร้อมเตือนเขาให้ระวังสมุนของอวิ่นหลัน

 

"ตั้งสติก่อนหลิงเทียน! ข้าไม่เป็นไรมากหรอก" นางทำสีหน้าเสยเมย เหมือนเตรียมพร้อมสู้เต็มที่

 

เสียงอวิ่นหลันดังขึ้น "ดูเหมือนเจ้าจะอยู่ในระดับปราณยุทธ์เหมือนกับข้า แต่เจ้าก็แค่ปราณยุทธ์ขั้นต้น ส่วนข้าคือขั้นปลาย ความต่างนี้ เจ้าคงไม่มีทางชนะข้าได้หรอก"

 

หลิงเทียนกับหลิงจื่อตอนนี้กำลังถูกสมุนอวิ่นล้อมไว้

 

“นี่! หลิงจื่อ เราต้องรีบจัดการแล้วไปช่วยคุณหนู!” หลิงชูอธิบายสถานการณ์

 

“ถึงจะพูดอย่างนั้น ข้าน่ะไม่มีปัญหา แต่เจ้าเป็นคนธรรมดาจะสู้กับพวกนั้นยังไง?” หลิงจื่อสงสัย

 

หลิงเทียนขมวดคิ้ว “ฮึ! แค่พวกนี้ ข้าซึ่งเป็นคนธรรมดาก็สู้ได้!” เขาตอบเสียงแข็ง พร้อมเหลือบมองหลิงจื่อ

 

หลิงจื่อตกใจในคำพูดนั้น “อะไรกัน! เจ้าเด็กนี่ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้าอาจผ่านพวกมันไปได้?”

 

หลิงเทียนก้าวออกนำหน้า เริ่มโจมตี

 

“งั้นก็เริ่มกันเถอะ!” เขาทำหน้าจริงจัง ดึงมีดบินเล็กๆ 5-6 อันออกมาโจมตีอย่างรวดเร็ว

 

ฟุบ! ฝีเท้าของเขาพลิ้วไหว ปีนขึ้นกำแพงอย่างเชี่ยวชาญ พร้อมขว้างมีดบินใส่พวกอวิ่นหลัน

 

วูบ! ชู่ว! มีดบินลอยไปเป้าหมาย

 

หลิงจื่อใช้ทักษะโจมตีทันที "วิชาแซ่อัคคีฟาดฟัน" เปลวเพลิงลุกโชติช่วงจากห้าเส้นดาบพุ่งใส่สมุนของอวิ่นหลัน

 

พวกสมุนรีบรวมตัวใช้ทักษะ "โล่ราชสีห์สีเงิน" ป้องกันการโจมตี

 

“ฮ่า! เอาล่ะ พวกเราสี่ ผู้พิทักษ์ของคุณชายอวิ่นหลัน! อวิ่นชาง, อวิ่นม่า, อวิ่นหลง, อวิ่นจี่! ใช้ท่านั้นเลย!” สีหน้าจริงจัง พลังครื่นเงินรูปราชสีห์ล้อมรอบพวกเขา

 

แคร้ง! ตุม! เสียงปะทะดังก้อง

 

 

 

 

หลิงเทียนหอบเล็กน้อย "แฮ่ก...แฮ่ก..." เขาก้าวไปข้างหน้าที่มีควันหนาทึบ

 

“ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..” เสียงหัวเราะดังออกมาจากควัน

 

หลิงเทียนทำหน้านิ่ง มองอย่างระมัดระวัง รอจังหวะโจมตีต่อไป

 

หลิงจื่อพูด “ดูเหมือนพวกนั้นจะอยู่ในระดับจิตยุทธ์เหมือนข้า” เธอขมวดคิ้ว

 

“หลิงเทียนจะเอาอย่างไร?” เธอถามเสียงเบา

 

“เราต้องจัดการพวกนี้และไปช่วยคุณหนูให้ได้!” หลิงเทียนตอบมั่นใจ

 

ตูม! ปังง! ชู่ว! เสียงการต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด

 

 

 

 

"ดูเหมือนเจ้าก็มีคนแข็งแกร่งอยู่สินะ!" เสียงเยือกเย็นพูดขึ้น

 

"ฮึ! เจ้าเองก็เช่นกัน ทำไมยังทำหน้าสบายใจ? เตรียมตัวให้ดี! ต่อจากนี้คือของจริง!" หลิงชูกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง

 

“ท่านอาจารย์...ดูเหมือนข้าต้องใช้ท่านั้นแล้ว ถึงท่านจะห้ามใช้มั่วซั่ว แต่ข้าจำเป็น!” หลิงชูหลับตา กระตุ้นปราณรวมเข้ากับกระบี่

 

“ชู่ว! วิชากระบี่อีกคีผลาณฟ้า ปลดปล่อย!” เสียงปราณบริสุทธิ์แผ่ออกมา พื้นที่สั่นสะเทือน ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม

 

อวิ่นหลันตะลึง ไม่คิดว่านางจะเพิ่มพลังอย่างรวดเร็วขนาดนี้

 

“นี่! เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพลังของนางเพิ่มขึ้นรวดเร็วขนาดนี้? ตอนนี้นางอยู่ในระดับปราณยุทธ์ขั้นปลายสูงสุด!” เขาตกใจ แต่ก็ใช้ทักษะพิเศษเช่นกัน

 

“ฮึ! ดูเหมือนข้าต้องใช้ท่านั้นแล้วเช่นกัน!” รอยยิ้มเจ้าเล่แผ่กิ่นอายลึกลับ

 

“วิชาราชสีห์สถิตร่าง!” เขาเพิ่มพลังทุกด้าน ร่างกายกลายเป็นสัตว์ป่าราวมนุษย์

 

“ฮ่า...” เขาหัวเราะน่ากลัว

 

หลิงชูตกใจในรูปลักษณ์ของอวิ่นหลัน

 

“ดูเหมือนเจ้าจริงจังแล้วสินะ!” ทั้งสองเตรียมตัวสู้กันอย่างดุเดือด

 

เสียงปะทะดังก้องไกล พื้นที่รอบข้างแตกกระจาย

 

“ฮ่า! ดูเหมือนข้าจะได้เปรียบกว่าเจ้า...” อวิ่นหลันเยาะเย้ย

 

หลิงชูไม่สนใจคำยั่วยุ จดจ่อกับการต่อสู้

 

“เจ้าพูดมากจริง ๆ น่ารำคาญ!” นางตอบโต้ พร้อมหาช่องว่างโจมตี

 

เวลาสำหรับวิชานี้มีแค่หนึ่งชั่วยาม

 

“ข้าต้องหาช่องว่างโจมตีเจ้าให้ได้ภายในดาบเดียว!” การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด

 

หลิงเทียนเริ่มโจมตีอีกครั้ง " นี่หลิงจื่อ! ข้าจะดึงความสนใจเจ้าพวกนั้นให้ จากนั้นเจ้าก็จัดเลย" นางแปลกใจเล็กน้อยในตัวของหลิงเทียน

 

" ทำไมเจ้า!ถึงสงบอยู่ได้ในสถานการณ์เช่นนี้อยู่อีก!" เขาไม่พูดอะไร จากนั้นเขาก็จับเศษดินที่กระจายอยู่ทั่วพื้นโดยรอบ

 

" งั้นเริ่มกันเถอะ! " เขาขว้างก้อนดินออกไปอย่างเนื่องจนเกิดควันครุ้งเต็มจนทำให้พวก4พี่น้องอวิ่นมองไม่เห็น

 

ได้เลย! นี่คือ เวอร์ชันเข้มข้น ดราม่าเต็มพิกัดของฉากต่อสู้

 

 

4 พี่น้องอวิ่นถูกควันล้อมรอบ มองแทบไม่เห็นอะไรเลย

"อะไรกัน! มองไม่เห็นอะไรเลย!"

ฮึ่ก! พวกเขาสำลักควัน ทำให้ไอในปอดร้อนผ่าว

หลิงจื่อก้าวออกจากเงามืด ชูมือขึ้น "วิชาแช่อัคคีผลาญฟ้า!" เส้นแช่อัคคีทั้ง 5 พุ่งทะลุออกไปเหมือนหอกเพลิงตรงหน้า 4 พี่น้องอวิ่น

ตูม! ปัง! เสียงระเบิดดังก้องสะเทือนพื้น

"อ๊าก!" เสียงร้องของ 4 พี่น้องอวิ่นดังทะลุความมืด ด้วยความเจ็บปวด

หลิงจื่อยิ้มมุมปาก “อะไรกัน เจ็บแค่นี้เองงั้นเหรอ? แล้วทีพวกเจ้าทำกับคนอื่นล่ะ! ไปตายซะ!”

นางพร้อมจะโจมตีอีกครั้ง แต่ทันใดนั้น คลื่นกรงเล็บสิงโตขนาดมหึติเพิ่งทะลุออกมาจากควัน พุ่งตรงมาที่นาง

ชู่ว! ฟุ่บ! วูบ! กรงเล็บขนาดมหึติกวาดไปตรงหลิงจื่อ

"หลิงจื่อ ระวัง!" หลิงเทียนตะโกน และพุ่งเข้ามาคว้าตัวนางได้ทัน

ตูม! เสียงกระแทกดังก้องผนังแตกละเอียด

หลิงจื่อสะดุ้ง ร่างนางไม่ได้หลบทัน แต่หลิงเทียนคว้าตัวนางไว้ได้

ฟุ่บ! แต่ตัวเขาเองก็ถูกกรงเล็บเฉียดกลางหลังเล็กน้อย

กรอด! เจ็บจนแทบทรุด แต่เขาเก็บซ่อนความเจ็บไว้ ไม่ให้หลิงจื่อเห็น

"อะ! หลิงเทียน เจ้าบาดเจ็บงั้นหรือ! เป็นเพราะข้าทำให้เจ้าต้องเจ็บ!" นางเศร้าจนแทบขาดสติ

แต่หลิงเทียนยิ้มบางๆ ให้ นัยตาเต็มไปด้วยความกล้า "ไม่เป็นไร ของแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เราต้องจัดการพวกมัน เพื่อช่วยคุณหนูให้ได้!"

ทันใดนั้น เงาของสัตว์อสูรครึ่งคนครึ่งสัตว์ป่าโผล่ออกมาจากควัน

"ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ได้เวลาพวกข้าเอาคืนแล้ว!" ใบหน้ายิ้มเย็นเยียบ

หลิงเทียนตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นการเปลี่ยนร่างของเผ่าอสูร

อวิ่นชางพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว โจมตีหลิงเทียนอย่างจัง เขาแทบไม่มีเวลาตั้งตัว

ฟุ่บ! ร่างของหลิงเทียนลอยไปตามแรงกระแทก

"อะ! หลิงจื่อ หลบไป!" เขาผลักนางออกทันเวลา

ปัง! หมัดยักษ์กระแทกพื้นจนฝุ่นฟุ้ง

"อึก..! นี่มันอะไรกัน ร่างของข้ากำลังจะตายงั้นหรือ..." เขาพูดด้วยความเหนื่อยล้า ใกล้หมดสติ

หลิงจื่อตะโกนสุดเสียง เพื่อเรียกหลิงชูให้ช่วย

อวิ่นหลันฉวยจังหวะทำให้หลิงชูเสียสมาธิ "ฮ่า... ดูเหมือนรับใช้ของเจ้าจะไม่รอดสินะ!"

หลิงชูเริ่มเสียสมาธิ "เจ้า! ข้าต้องรีบจัดการเจ้า และไปช่วยพวกเขา!" นางพุ่งเข้าปะทะทันที

อวิ่นหลันไม่รอช้า ใช้กรงเล็บฟาดปะทะกับกระบี่ของหลิงชู

แคร้ง! เสียงปะทะสะเทือนใจ

"ฮ่า... ต้องอย่างนี้สิ ถึงจะสนุก!" เขายิ้มและปล่อยการโจมตีต่อเนื่อง

"เจ้ามันปีศาจ! ข้าจะจัดการเจ้าเดี๋ยวนี้! วิชาตราประทับอัคคี!" นางตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว

ม่านเพลิงขนาดใหญ่ปรากฏ ล้อมพวกเขาเอาไว้

"อะ!" อวิ่นหลันตกใจ

"นี่มันอะไรกัน! เจ้าจะฆ่าตัวตายไปพร้อมกับข้ารึไง!" เขาเสียงกร้าว

"ฮ่า... เจ้าโง่! ข้าจะบ้าทำแบบนั้นทำไม ข้ากักเจ้าไว้เฉยๆ แค่นั้น ในตอนที่ข้าจะสังหารเจ้า!" สิ้นเสียงนาง กระบี่ในมือแผ่ปราณยุทธ์อันเข้มข้น

 

อวิ่นหลันเริ่มตระหนก ปราณยุทธ์นี้สามารถฆ่าเขาได้ "อะ..! เข้มข้นเกินไป! คงอยู่ในระดับดารายุทธ์ขั้นกลาง!"

เขาหยิบอาวุธที่ได้รับจากบิดา — "ดาบต้านฟ้า" ดาบใหญ่ลวดลายราชสีห์ยาว หัวสิงโตตรงกลางสันดาบ เขายกมันเหนือศีรษะ ปล่อยปราณยุทธ์ผสานกับดาบ และโจมตีไปข้างหน้า

ไฟและพลังวิญญาณพุ่งปะทะ ลมระเบิด ฟ้าร้องสะท้านพื้น โลกทั้งใบเหมือนถูกเขย่า

 

 

 

"แฮ่ก ๆ! การโจมตีเมื่อกี้ของเจ้าอันตรายมาก! ถ้าข้าไม่ได้อาวุธที่ท่านพ่อให้ไว้ ข้าคงถูกเผาไปแล้ว!" อวิ่นหลันพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ร่างของเขาถูกเปลวเพลิงจากกระบี่แชกชึมเข้าสู่ร่างกาย แต่เขายังไม่รู้สึกตัว เพราะการโจมตีของหลิงชูเป็นการผสานปราณยุทธ์เข้มข้นกับเพลิงศีชาต แชกชึม ทำลายปราณยุทธ์จากภายใน

"อ็ะ! ร่างกายของข้าร้อนเหมือนจะระเบิด!" เขาร้องด้วยความเจ็บปวด เพลิงแผดเผาปราณยุทธ์ของเขาจนแทบหมด และหากไม่รีบรักษา เขาอาจตายได้ทันที

"ในที่สุด…ก็จบ!" หลิงชูเหนื่อยล้าจนเกือบหมดสติ แต่เธอเห็นหลิงเทียนกำลังต่อสู้ จึงพยายามลุกแต่ขยับไม่ไหว ก่อนที่จะสลบไป

ทางด้านหลิงเทียน แม้จะอ่อนแรงจนเกือบหมดสติ แต่เขาคิดได้ทันทีว่า ถ้าเขาจะตาย ก็ต้องช่วยใครสักคนให้รอด เขาลุกขึ้นและจับก้อนดินอัดเข้าหน้าอวิ่นชางอย่างจัง

"นี่ข้ากำลังตาย! ไม่! ถ้าจะตายก็ต้องช่วยหลิงจื่อก่อน! พวกเจ้าจะจัดการเอง!"

ปังง! ก้อนดินพุ่งเข้าหน้าอวิ่นชาง

"โอ้ย! ตาข้า! ไอ้เจ้านี่ตายชะ! ข้าจะสีกเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ!" เขาโกรธจัด

หลิงเทียนกลับท้าทายโดยไม่หวั่น: "ฮ่า! เจ้าไม่มีความสามารถมากพอ!" อวิ่นชางโกรธเต็มที่ ตะโกนให้พวกพี่น้องเข้ามาบุกพร้อมกัน

"นี่ท่านพี่! จัดการมันเลย!"

"เอาล่ะน้องข้าจัดการเอง!"

ทั้งสี่พี่น้องพุ่งเข้าจับตัวหลิงเทียน แต่เขาไวและเชี่ยวชาญในการหลบหลีก ทำให้พวกนั้นจับไม่ได้

"ฮึ! ช้าเป็นบ้า! ได้แค่นี้เองหรอ! จับข้าไม่ได้หรอก!" เขาเย้ย พร้อมส่งสัญญาณให้หลิงจื่อไปช่วยคุณหนู

หลิงจื่อมองหลิงเทียน สังเกตใบหน้าเขา "หลิงเทียน เจ้าโดนขนาดนั้นยังขยับได้อีก! อ็ะ! เขากำลังทำอะไร… คุณหนู! งั้นฝากเจ้าไว้จัดการด้วยล่ะ!" เธอรีบวิ่งไปหาหลิงชูทันที

"หลิงจื่อไปแล้ว! ข้าต้องถ่วงเวลาและล่อพวกมันไกลที่สุด!" หลิงเทียนคิด ก่อนรีบหนี

พี่น้องอวิ่นสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงหนีมาทางนี้ จึงรีบไปช่วยอวิ่นหลันที่สลบอยู่

"คุณชายอวิ่นหลัน! รีบพาเขากลับคฤหาสน์!" พวกเขารีบพากันไป

หลิงเทียนโล่งใจที่พวกนั้นไม่ตามมา แต่เขายังคงสงสัยว่าตัวเองสามารถวิ่งต่อได้ทั้งที่ถูกโจมตีหนักขนาดนั้น

"เจ้าพวกนั้นไม่ตามแล้ว ข้าควรรีบพาคุณหนูไปคฤหาสน์!"

 

 

ณ คฤหาสน์ตระกูลหลิง

หลิงชูหลันกำลังนั่งทักผ้า จู่ ๆ มีเสียงเรียกข้างนอก

"ท่าน! หญิงชูหลัน! คุณหนู…!"

"เกิดอะไรขึ้น! พูดมา!" นางถามตรงไปตรงมา

ผู้มาแจ้งตั้งสติได้ "คุณหนูถูกโจมตีขอรัญ!"

หลิงชูหลันรีบไปทันทีและสั่งให้ตามหมอรักษามาด่วน

ไม่กี่ชั่วยามต่อมา หมอมาถึง ตรวจชีพจรหลิงชูและหลิงจื่อ

"อาการฝืนใช้ปราณยุทธ์มากเกินไป พักสักหน่อยก็กลับมาแข็งแรง ส่วนอีกคนก็แค่เหนื่อย พักสักหน่อยก็กลับเป็นปกติ"

หลิงชูหลันโล่งใจ

หลิงเทียนกลับมาถึงคฤหาสน์และสลบไปทันทีจากความเหนื่อยล้า

ทันทีที่หลิงวิ่งเข้ามากอดเขาด้วยความเป็นห่วง "ขอเข้าไปนะ!"

หลิงเทียนตอบรับ พอเห็นเขานั่งบนเตียงในสภาพยับเยิน นางรีบเข้ากอดแน่น น้ำตาคลอเบ้า "ฮือ…ข้าขอโทษ…ที่ทำให้เจ้าเป็นแบบนี้"

หลิงชูเอ๋อมองอยู่ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

"ทำไมข้าถึงเจ็บใจเช่นนี้!" นางถาม

"หลิงเทียน อาการบาดเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง!" นางถามน้ำเสียงอ่อนโยน

หลิงเทียนตอบ "หลังได้รับยาหลัก ร่างกายข้าดีขึ้นมาก ขอบคุณที่ห่วงข้า…"

หลิงชูหลันหน้าแดงเล็กน้อย และพวกนางก็ออกไป

หลิงเทียนถอนหายใจโล่งอก

"ข้าควรทำเช่นไรต่อไปดีนะ… รู้สึกว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเร็ว ๆ นี้…"

 

เขาหลับไปอีกครั้ง...

 

 

ณ คฤหาสน์ตระกูลอวิ่น...

 

เสียงจอแจของคนในตระกูลดังไปทั่วบริเวณ พวกเขาต่างตื่นตระหนกและสงสัยกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น

 

สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ร่างของชายวัยกลางคนคนที่ปรากฏขึ้นตรงกลางลานคฤหาสน์ เขายืนตัวตรง แม้ร่างกายจะมีร่องรอยบาดเจ็บ แต่แววตากลับแข็งก้าว

 

 

ร่างสูงใหญ่ดุจภูผาที่หยัดยืนท้าทายพายุหิมะ ไหล่กว้างและกล้ามเนื้อแน่นราวสิงโตภูผาที่พร้อมกระโจน ดวงหน้าเคร่งขรึมมีสันกรามคมชัด ผิวเข้มอมทองดุจถูกหล่อจากแสงอาทิตย์ยามรุ่งสาง

แต่สิ่งที่ผู้คนไม่อาจละสายตาได้ คือดวงตาสีแดงฉานราวโลหิตต้องเพลิง ยามเพ่งมองคล้ายเปลวเพลิงลุกวาบในส่วนลึก แฝงด้วยพลังดิบและความดุร้ายที่พร้อมฉีกกระชากศัตรูเป็นชิ้น

เส้นผมสีดำยาวถึงกลางแผ่นหลัง มีกลิ่นอายของเผ่าอสูรสิงโตซ่อนอยู่ในท่วงท่าการเคลื่อนไหวมั่นคง หนักแน่น และเต็มไปด้วยแรงกดดันจนแม้แต่นักยุทธ์ผู้ช่ำชองยังเผลอก้าวถอย

เมื่อเขาเดินผ่าน สายลมคล้ายแบกกลิ่นดินและเลือดจากสนามรบติดตามมาด้วย ราวกับทุกย่างก้าวคือร่องรอยของราชาแห่งพงไพรที่ไม่อาจมีผู้ใดเทียบเคียง

 

จากนั้นเสียงหนึ่งลอยเข้ามา  " ท่าน...!เจ้าตระกูลโปรดช่วยคุณชายอวิ่นหลันด้วยขอรับ!" เขารีบมาทันที

 

" ลูก...!ข้า!ใคร...มันเป็นคนทำเช่นนี้กับเจ้า!" สีหน้าของดูสิ่นหวังมากที่เห็นลูกของเขาในสภาพนี้

 

เขากวาดตามองคนทั้งสี่—อวิ่นชาง, อวิ่นหลง, อวิ่นม่า และอวิ่นจี่—เสียงคำถามทุ้มต่ำดังราวฟ้าคำรามก้องในหูของทุกคน

“ใคร… ทำให้ลูกข้ากลายเป็นเช่นนี้”

คำตอบที่ได้รับเป็นเพียงความเงียบ… จนกระทั่งความจริงอันโหดร้ายถูกเอ่ยออก—ผู้ที่ลงมือคือคนจากตระกูลหลิง

เพียงชั่วลมหายใจ เส้นเลือดบนขมับของเขาปูดนูน ดวงตาสีแดงฉานเหมือนเพลิงนรกสาดส่อง ฮึ่มมม… เสียงคำรามต่ำหลุดจากลำคอ ฝ่ามือที่กำแน่นจนเล็บจิกลงไปในเนื้อส่งความเจ็บแสบขึ้นมา แต่ไม่อาจดับความเดือดดาลได้

ความโกรธพุ่งสูงราวพายุบ้าคลั่งจนโถงใหญ่ทั้งหลังสั่นสะเทือน เสาไม้หนาส่งเสียง แอ๊ดดด… ราวจะหักครืนในทันที

ภาพอดีตพุ่งกลับมาราวฝันร้าย—วันที่สามีของหลิงชูหลันฟาดอาวุธใส่ใบหน้าเขา จนโลกด้านหนึ่งดับวูบไปตลอดกาล—ตาซ้ายที่มืดมิดคือตราประทับแห่งความแค้นที่ไม่มีวันลบเลือน

 

ริมฝีปากของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ใช่รอยยิ้ม—เป็นเพียงเสี้ยวของความโกรธเกรี้ยวที่บิดเบี้ยวจนคนมองขนลุก ดวงตาข้างที่เหลือจ้องเขม็งราวคมดาบจะเฉือนศีรษะของผู้ใดก็ตามที่เกี่ยวข้อง

“ตระกูลหลิง…” เสียงที่เปล่งออกมาแผ่วทุ้ม แต่แรงกดดันที่ตามมาราวภูเขาหนักพันชั่งกดทับให้ทุกคนในโถงต้องก้มหน้าหลบสายตา ไม่มีใครกล้าสบตาเขาแม้เพียงชั่วกระพริบ

 

ดวงตาของอวิานหลงเทียนแฝงไปด้วยความแค้น ได้ออกคำสั่งให้เริ่มบุกโจมตีตระกูลหลิงภายในคืนนี้

 

อวิ่นหลงเทียนก้าวออกจากร่างลูกชายของเขา ดวงตาแดงฉานราวเพลิงนรกมองไปยังโถงใหญ่ ฝ่ามือกำแน่นจนเล็บจิกเนื้อจนเป็นรอย กรอดดด… เสียงฟันขบและลมหายใจแผ่วทุ้มของเขาแผ่แรงกดดันไปทั่วทุกมุมห้อง

ตึง…ตึง… ฝีเท้าของเขากระแทกพื้นทุกก้าวเหมือนพายุพัดผ่าน เสียงสะท้อนในโถงไม้ทำให้ทุกคนก้มหน้าหลบสายตา

“เจ้ากล้าทำลูกข้าถึงเพียงนี้… ตระกูลหลิง!” น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่แผ่รัศมีราวลมพายุ ทำให้คนที่อยู่ใกล้สั่นสะท้าน

ฝ่ามือเขาสะบัดราวพายุกระแทกโต๊ะไม้ ปัง! เศษไม้แตกกระจาย เสียงสะเทือนดังไปทั้งห้อง ทุกคนในโถงก้มหน้าหลบสายตา

อดีตที่แสนเจ็บปวดผุดขึ้น—วันที่ตาของเขาถูกทำให้บอดข้างหนึ่ง รอยแค้นฝังลึกจนทุกหยดเลือดเดือดพล่าน ยิ่งเห็นลูกชายถูกทำร้าย ยิ่งทำให้โทสะลุกโชนขึ้นจนเหมือนจะกลืนกินทุกสิ่ง

เขาหยุดชั่วครู่ มือยกขึ้น แผ่ลมปราณออกมา เสียง ฮึ่มมม… คำรามต่ำลึกจนแม้แต่ผนังและเพดานก็สั่นสะเทือน

 

“ผู้ใดแตะต้องลูกข้า… ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”

ลมปราณสีแดงคล้ายเพลิงนรกพุ่งออกจากร่าง กัดกร่อนอากาศจนทุกคนถอยห่าง ใบหน้าของเขาแสดงทั้งความโกรธเกรี้ยว ความเจ็บปวด และความแค้นที่ผสมกันจนไร้คำบรรยาย

ทุกสายตาที่สบตาเขาได้รู้สึกถึงความตายที่ซ่อนอยู่ในเปลวเพลิงนั้น และไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของอวิ่นหลงเทียน แม้แต่ผู้เฒ่าที่เคยยืนหยัดก็ต้องถอยหลัง

เขาเดินไปยังกลางโถง ฝีเท้าทุกก้าวหนักแน่นราวพายุปะทะภูเขา แววตาไม่ละจากประตูที่รู้ว่าผู้กระทำอยู่ตรงไหน ความโกรธของเขาแผ่ซ่านจนทั้งอากาศเหมือนร้อนแรงเป็นไฟ

เสียงคำรามและลมหายใจผสมกันเป็นท่วงทำนองแห่งการเอาคืน... ไม่มีใครรอดพ้นพลังโทสะของเขาไปได้

 

 

ตกดึก… ความเงียบสงบของตระกูลหลิงถูกทำลายด้วยเสียงระเบิดจากภายนอกดังสนั่นเข้ามาถึงภายใน โถงใหญ่สะเทือนจนทุกคนต้องรีบออกมาดู หลิงชูหลันก้าวออกมาคนแรก ตามด้วยหลิงชูเอ๋อและหลิงจื่อ แต่หลิงเทียนยังคงนอนหลับในห้อง ไม่รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หลิงชูหลันก้าวออกมาด้วยความสงสัย กวาดตามองผู้บุกรุกแล้วถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แต่แฝงความคาดเดา “พวกเจ้า… ทำไมจึงมายังที่นี่?”

ทันใดนั้น ร่างสูงใหญ่ของอวิ่นหลงเทียนก้าวออกมา ใบหน้าแดงฉานด้วยความโกรธเกรี้ยว ดวงตาเต็มไปด้วยแค้นสะสมยาวนานหลายปี เขาทักทายหลิงชูหลันด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่แผ่แรงกดดันจนทำให้นางสะดุ้งเล็กน้อย

“เหตุการณ์นี้… ใครทำให้ลูกของข้าพิการ เส้นชีพจรถูกตัดจนไม่อาจฝึกยุทธ์ได้อีก?” เขาถามเสียงสั่น กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดนูน

หลิงชูหลันเถียงกลับอย่างร้อนใจ “ที่นี่ไม่มีใครทำเช่นนั้น! เจ้าตามหาผิดแล้ว!”

อวิ่นหลงเทียนหัวเราะลั่น น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่แผ่แรงกดดันราวพายุกลางฤดูหนาว “ฮ่า… เจ้าไม่รู้หรือ? วันนี้ข้าจะทำให้ตระกูลหลิงหายไปจากเมืองนี้!”

 

หลิงชูเอ๋อพยายามขัดขวาง ยกมือชี้หน้าอวิ่นหลงเทียน แต่เขายังคงยืนมั่น ไม่สะทกสะท้าน

ไม่ช้า… อวิ่นหลงเทียนเรียกผู้ร่วมมือ—คนของตระกูลอวิ่นจำนวนมาก พร้อมนักยุทธ์ระดับ วิณญาณยุทธ์ขั้นกลาง 5 คน ตนเองอยู่ในระดับ ราชันยุทธ์ขั้นกลาง

ทันทีที่ทุกคนเข้าที่ อวิ่นหลงเทียนพุ่งตัวออกโจมตี

เสียงลมปราณ ฟึ่บ… ฟึ่บ… สาดกระจาย ฝีเท้าและหมัดโจมตีทุกคนที่ขวางหน้าอย่างรุนแรง

ตระกูลหลิงไม่สามารถต้านทานได้ เพราะมีนักยุทธ์ระดับวิณญาณยุทธ์เพียง 3 คน และหลิงชูหลันเพียงระดับวิณญาณยุทธ์ขั้นกลาง

หลิงชูเองระดับปราณยุทธ์ขั้นกลาง

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด พลังลมปราณปะทะกันจนผนังไม้สะเทือน ฝุ่นและประกายพลังกระจายเต็มอากาศ

ผู้คนของตระกูลหลิงถูกทำลายต่อหน้าต่อตา

อวิ่นหลงเทียนเล็งไปยังหลิงชูเอ๋อ หลิงชูหลันกระโจนมารับการโจมตีแทนจนกระแทกพื้นและกระอักเลือด อวิ่นหลงเทียนหัวเราะลั่นราวกับสนุกสนานกับเปลวเพลิงที่ล้อมรอบตระกูลหลิง

 

ในขณะนั้น หลิงเทียนตื่นขึ้น เขาพบภาพผู้คนในตระกูลถูกสังหารหมด หัวใจเต้นแรง แต่ยังตั้งสติและวิ่งไปหาหลิงชูเอ๋อ

หลิงชูเอ๋อตะโกนบอกให้เขาหนี แต่ทันใดนั้น คลื่นพลังมหาศาลพุ่งเข้าหาหลิงเทียน ทำให้เขากระเด็นออกไปสามเมตร

แม้บาดแผลเก่าจะเปิดออกอีกครั้ง และร่างเต็มไปด้วยรอยช้ำ แต่เขาลุกขึ้นมา หอบหายใจ สายตาจ้องไปยังหลิงชูเอ๋อเต็มไปด้วยความกังวลและความกล้าหาญ

ทันใดนั้น หลิงชูหลันตกลงมาจากฟ้าใกล้หลิงชูเอ๋อ

อวิ่นหลงเทียนใช้พลัง วิชาสีกนภา ปล่อยออกมา ทำให้เกิดรอยกรงเล็บราชสีห์แดงฉานกว้างห้าเมตร แผ่แรงกดดันลงมาที่พวกเขา

หลิงเทียนตะโกนออกไปทันที

หลิงชูหลันไม่มีทางเลือก ใช้ จี้หยกของตระกูลหลัก บีบจนแตก เรียกผู้อาวุโสของตระกูลหลิงออกมาช่วย

ทันทีที่จี้หยกแตก ร่างชายวัยกลางคนสองคนสวมชุดขาวลอยทองปรากฏออกจากมิติใกล้ ๆ

ทั้งสองคือ ผู้อาวุโสระดับจ้าวแห่งยุทธ์ขั้นต้น แค่แรงกดดันก็ทำให้พวกอวิ่นหลงเทียนถอยหลัง

พวกเขาสังหารผู้ร่วมมือของอวิ่นหลงเทียนอย่างง่ายดาย เพียงไม่กี่ท่า

 

อวิ่นหลงเทียนต้องร้องขอชีวิต

 

 

ผู้อาวุโสประกาศชัดเจน “ผู้ใดคิดทำร้ายคุณหนูหลิงชูหลัน ผู้นั้นต้องตาย!”

ทุกคนต่างตกใจ รวมถึงหลิงชูเอ๋อและหลิงเทียนที่ยืนอยู่ตรงนั้น

หลิงชูเอ๋อถามด้วยความสงสัย “ท่านแม่ ทำไมข้าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน?”

หลิงชูหลันตอบอย่างเศร้าเล็กน้อย “ไว้ไปถึงตระกูลหลัก แม่จะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ลูกฟังเอง”

จากนั้น หลิงชูหลันสั่งให้สังหารอวิ่นหลงเทียนทันที

แม้อวิ่นหลงเทียนพยายามใช้กลอุบายหลบหนี แต่ไร้ผล

เขามองเห็นหลิงเทียน และโจมตีไปที่เขาอย่างแรง จนหลิงเทียนกระเด็นไปไกลยี่สิบเมตรถึงป่าอสูร

หลิงชูเอ๋อตกใจร้องเรียกให้ผู้อาวุโสช่วยหลิงเทียน แต่พวกเขาไม่สนใจ

เพียงใช้ปราณยุทธ์สร้าง ฝ่ามือขนาดยักษ์ บีบอวิ่นหลงเทียนจนร่างแหลกสลาย

หลังจากนั้น ผู้อาวุโสพาหลิงชูหลันกลับสู่ตระกูลหลัก ผ่านรอยแยกมิติ

 

 

หลิงชูเอ๋อเสียใจที่ไม่สามารถช่วยหลิงเทียนได้ หลิงจื่อคอยปลอบใจ

หลิงเทียนตกลงมาที่ถ้ำแห่งหนึ่ง เขามองรอบตัวอย่างเลือนลาง ได้ยินเสียงชายวัยกลางคนเรียกเขา

“เด็กน้อย… เจ้าสนใจเป็นศิษย์ข้าไหม?”

หลิงเทียนตอบทันทีโดยไม่ลังเล

 

“ข้าจะเป็น… โปรดรับข้าไว้ด้วยเถิดท่านอาจารย์”

 

จากนั้นเขาก็สลบไป...

 

 

 

 

 

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!