NovelToon NovelToon

The World's Last Breath

The World's Last Breath

-ชีวิตมีค่าแค่ไหน

—โลกนี้โหดร้ายแค่ไหน

—ทำยังไงดี...

ท่านพ่อ...ท่านแม่คะ....หนูจะมีชีวิตอยู่ได้นานไหมคะ..

...----------------...

"ท่านแม่~!ดูนี้สิคะท่านพ่อส่งของขวัญมาให้พวกเราด้วยแหละค่ะ!"

เสียงเด็กสาวตัวน้อย อายุราวๆ11ปี ได้ดังมาจากบ้านไม้กลางป่า บรรยากาศอบอุ่น

ภายในบ้าน

เด็กหญิงที่มีผมขาวราวหิมะ ดวงตาขาวฉายแววใสซื่อบริสุทธิ์พร้อมรอยยิ้มแบบเด็กๆที่ดีใจเหมือนได้ของเล่นในมือถือกล่องของขวัญขนาดกลางพร้อมโชว์กล่องของขวัญนั้นให้หญิงสาววัยกลางคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า

หิมะตกริมๆข้างนอกบ้าน และภายในบ้านก็จุกเตาผิงเพื่อเพิ่มความอบอุ่นจากหิมะข้างนอก

"ท่านแม่คะๆ~ หนูแกะของขวัญเลยได้มั้ยคะ!"

หญิงสาววัยกลางคนยิ้มอ่อนๆก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวของเด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าแต่ก่อนที่เธอจะได้พูอะไร...—

พรึ่บ!! ตู้ม!!!!

บ้านไม้หลังเล็กถูกระเบิดออก เศษไม้ ฝุ่น ดิน แตกกระจาย ไม่เหลือชิ้นดี ทั้งสองคนแม่ลูกถูกซากบ้านทับ มีเพียงเสียงหัวใจที่และเสียงหายใจที่โรยริน กลิ่นคาวเลือด และความเจ็บปวด

และทันใดนั้นก็มีเสียงเท้าของร่างชายเดินมาใกล้ๆเศษบ้าน

เสียงฝีเท้ามีกันอยู่3คน

"ฮ่าๆๆ!!! แม่งสนุกชิบหายเลยว่ะ ไม่ได้ระบายแบบนี้นานแล้วโว้ย!!"

เสียงชายหนุ่มคนที่หนึ่งมีรูปร่างไม่เหมือนคนปกติ เหมือนจะเป็นพวกอสูร

ดังขึ้นเสียงของเขามีความสนุก เฮฮา

ไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย

"อ่าวเห้ยๆมีสองแม่ลูกอยู่ด้วยนี่หว่า ฮ่าๆ!! ช่างมันเถอะชีวิตของพวกเจ้าไม่เกี่ยวกับชีวิตของข้าละนะ ฮ่าๆๆ!!'

พูดจบชายหนุ่มทั้งสามก็เดินออกไปอย่าเลือดเย็น

โดยไม่สนใจร่างของสองแม่ลูกที่ถูกทับด้วยเศษซากของบ้าน

..

ความเงียบปกคลุม ก่อนที่มือเล็กๆของเด็กสาวจะกระตุกเล็กน้อย และพึมพำอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงแหบพร่า

"ท่าน...แม่...คะ...."

เด็กสาวค่อยๆลืมตาขึ้น ภาพพร่ามัว เห็นเศษซากบ้าน เลือด และ..

ร่างหญิงสาววัยกลางคนที่ห่างออกไปไม่ไกลถูกเศษไม้ทับและแทงทะลุลำตัว

เด็กสาวพยายามหรี่ตามองให้ชัดแต่ดวงตาข้างหนึ่งมีแต่เลือดบังและความเจ็บปวดตามร่างกาย เด็กสาวพยายามคุมสติและขยับตัวแต่..

พรึ่บ..

ภาพตรงหน้าได้ดับลง...มีเพียงความเงียบ..ความมืด..และกลิ่นเลือดเท่านั่น...

...----------------...

(⚠️นิยายเรื่องนี้ มีเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรง ถ้าไม่ถูกใจใครก็ต้องขออภัยค่ะ⚠️)

The World's Last Breath

—ถ้ารอดแล้วจะทำอะไรต่อ..

—มีเป้าหมายอะไร....

—ยังอยากมีชีวิตอยู่รึป่าว..

...----------------...

...

เสียงลมหนาวพัดผ่านเหนือซากไม้พังพินาศ หิมะขาวที่กำลังร่วงหล่นถูกย้อมเป็นสีแดงเข้ม ราวกับแม้แต่ฤดูหนาวก็ต้องร้องไห้ให้กับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น

"—พบแล้ว! ที่นี่!"

เสียงทุ้มเข้มแหวกผ่านความเงียบงัน

ไม่นาน ร่างสูงในชุดเกราะสีเงินขลิบดำหลายสิบนายก็ปรากฏตัวขึ้นจากเงามืดป่า ธงสัญลักษณ์ของอาณาจักรสะบัดไหวในลมหนาว ฝีเท้าหนักของพวกเขากระทบหิมะอย่างเป็นจังหวะ ก่อนจะหยุดลงเมื่อเห็นซากบ้านที่แหลกเหลว

อัศวินคนหนึ่งรีบพุ่งเข้าไปตรงกองเศษไม้ เขาก้มลง ใช้มือเปื้อนเลือดค่อย ๆ ขยับแผ่นไม้ขนาดใหญ่ที่ทับร่างเล็ก ๆ อยู่

ดวงตาที่เคยขาวบริสุทธิ์ของเด็กสาวเปิดขึ้นช้า ๆ—พร่าเลือน ดวงตาข้างซ้ายที่มีเลือดไหลซึมเผยให้เห็นบาดแผลขีดลึกยาวลงมาที่ใต้ตา ข้างขวามีรอยข่วนของเศษไม้ขนาดใหญ่ฝังลึกจนเห็นเนื้อด้านใน

"เด็กคนนี้... ยังหายใจอยู่!" อัศวินผมดำตะโกนเรียกเพื่อนร่วมกองด้วยน้ำเสียงรีบเร่ง

อีกคนรีบเข้ามาช่วยประคองร่างเซรีส(เด็กสาว)ออกมาอย่างระมัดระวัง เลือดที่ยังไม่แห้งจากบางส่วนตามบาดแผลไหลอาบมือเกราะของเขา

"ท่านแม่..." เสียงแหบพร่าเล็กแผ่วราวกับจะหายไปกับลม ทำให้อัศวินชะงัก เขาเหลือบไปมองร่างไร้วิญญาณของหญิงวัยกลางคนที่ถูกทับอยู่ไม่ไกล—เย็นชืดและไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีก

"ขอโทษนะ เด็กน้อย..." อัศวินเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะอุ้มเซรีสขึ้นแนบอก เสียงเกราะกระทบกันเบา ๆ

"รีบพาเธอกลับค่าย! ถ้าช้าไปกว่านี้ เธอจะไม่รอด ดูเหมือนว่าเธอจะกระดูกหักหลายจุด เเละเสียเลือดไปเยอะมาก" หัวหน้ากองสั่งเสียงเข้ม แต่ดวงตาสะท้อนแววหนักใจ เหมือนลางสังหรณ์ว่าชีวิตของเด็กคนนี้ จะไม่ธรรมดาอีกต่อไป

ท่ามกลางหิมะที่โปรยลงมา อัศวินหลายสิบคนเคลื่อนขบวนออกจากซากบ้าน ทิ้งไว้เพียงร่องรอยเลือดและกลิ่นคาวที่จางหายไปกับลมหนาว...

เด็กสาวเพียงแค่เหลือบตาไปมองร่างของผู้เป็นแม่ที่ไร้วิญญาณที่อยู่ห่างออกไปเรื่อยๆ...

...----------------...

The World's Last Breath

...----------------...

เสียงคลื่นลมหนาวกระทบผ้าใบเต็นท์ดังสลับกับเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากที่เดินไปมาอย่างรีบร้อน บางคนคุยกันด้วยเสียงต่ำราวกลัวจะปลุกใครบางคนให้ตื่นขึ้นมา บางครั้งก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกันแผ่ว ๆ คงมาจากอาวุธและชุดเกราะของเหล่าอัศวิน

ภายในเต็นท์ผ้าสีเข้มกลางค่ายทหาร อากาศด้านในอุ่นกว่าด้านนอกเพราะมีเตาผิงเล็ก ๆ จุดอยู่กลางเต็นท์ กลิ่นสมุนไพรกับควันไฟคลุ้งอยู่ในบรรยากาศ เตียงไม้เรียบง่ายถูกปูด้วยผ้าห่มสีขาวสะอาด มีร่างเล็กของเด็กสาวนอนอยู่ใต้ผ้านั้น

เซรีส ไวท์แบน ค่อย ๆ ขยับนิ้วมือครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น เสียงหายใจแผ่วและสม่ำเสมอเริ่มเปลี่ยนไป เธอครางเบา ๆ ราวกับจะขัดขืนฝันร้ายที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว

แสงไฟสลัวลอดผ่านผืนผ้าใบด้านบนลงมากระทบผมสีขาวยาวที่กระจายรอบหมอน ราวหิมะที่ยังไม่ถูกแตะต้อง ดวงตาซ้ายค่อย ๆ เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า เห็นเพดานเต็นท์สั่นไหวเบา ๆ ตามแรงลมจากภายนอก ส่วนดวงตาขวายังถูกผ้าพันแผลสีขาวพันปิดไว้แน่น บริเวณแก้มและหน้าผากมีรอยซับเลือดที่เพิ่งเริ่มจางลง

เธอรู้สึกได้ถึงความอุ่นของผ้าห่ม แต่ในใจกลับเย็นเยียบเหมือนถูกจับขังในถ้ำกลางพายุหิมะ ความทรงจำเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนแล่นกลับมาอย่างรวดเร็ว—กล่องของขวัญ เสียงหัวเราะของตนเอง เสียงท่านแม่ที่กำลังจะพูดบางอย่าง แต่ถูกตัดขาดด้วยเสียงระเบิด เสียงหัวเราะโหดร้ายของพวกมัน และ…

ร่างไร้วิญญาณของท่านแม่

ทันใดนั้น ลมหายใจของเธอถี่ขึ้น มือเล็กกำผ้าห่มแน่นจนข้อนิ้วซีด ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ แม้ความร้อนจากเตาผิงจะโอบล้อมอยู่ก็ตาม

"เธอตื่นแล้ว"

เสียงทุ้ม หนักแน่นดังขึ้นจากมุมเต็นท์

เซรีสสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาซ้ายหันไปยังต้นเสียง เห็นร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะบางส่วนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ เขามีผมสีน้ำตาลเข้มแซมขาวเล็กน้อย ดวงตาคมกริบเป็นสีเทาเยือกเย็น แต่ไม่ได้มีแววคุกคาม—กลับเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและจับจ้องเหมือนกำลังประเมินสถานการณ์

"เจ็บมากไหม" เขาถามอีกครั้ง น้ำเสียงเรียบ แต่ฟังออกว่ามีความห่วงใยซ่อนอยู่

เซรีสเม้มปากแน่น ไม่ตอบ เธอยังคงมองชายตรงหน้าอย่างระแวดระวัง

ชายผู้นั้นถอนหายใจแผ่ว ๆ ก่อนลุกขึ้น ก้าวมานั่งข้างเตียง เขาวางหมวกเกราะลงข้างตัว และก้มตัวเล็กน้อยเพื่อให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับเธอ

"ข้าคือ คาเลน ดราเวน หัวหน้าหน่วยอัศวินดำแห่งอาณาจักรเอสเทียร์ เราพบเธออยู่ในซากบ้านเมื่อวาน"

คำว่า ซากบ้าน ทำให้หัวใจของเซรีสเหมือนถูกกระชาก เธอเบือนหน้าเลี่ยง สายตาเหม่อลอยไปยังผ้าห่ม ราวกับถ้าไม่พูดถึง มันก็จะไม่ใช่ความจริง

"ขอโทษที่เราไปถึงช้าเกินไป…" คาเลนเอ่ยต่อ น้ำเสียงต่ำลง เขาไม่ได้ยื่นมือมาแตะตัวเธอ แต่แววตานั้นเหมือนต้องการบอกว่าเขาเข้าใจความเจ็บปวดนี้

มีเพียงเสียงไม้ในเตาผิงแตกดัง "เป๊าะ" ที่แทรกในความเงียบ

ไม่นาน คาเลนก็หันไปทางปากเต็นท์ ก่อนเอ่ยเสียงดังพอประมาณ "เข้ามา"

ผืนผ้าใบถูกเลิกออก ร่างของเด็กชายวัยราว 11-12 ปี ก้าวเข้ามาในเต็นท์ เขามีผมสีน้ำตาลอ่อนยาวระต้นคอ ดวงตาสีทองอำพันเป็นประกายสดใสแม้ในบรรยากาศหม่นหมองนั้น ใบหน้าของเขายังมีความเด็ก แต่แฝงความมั่นใจที่ชัดเจน

เขามองเซรีสแล้วเผยรอยยิ้มบาง ๆ ที่ไม่ได้ฝืนเกินไป "สวัสดี เราชื่อ ไลแอท" เขาเว้นเล็กน้อย ก่อนหันไปสบตากับคาเลน "เป็นลูกชายของท่านหัวหน้าอัศวินนี่แหละ"

คาเลนพยักหน้าเล็กน้อย "ข้าอยากให้เธอรู้จักเขา เธอทั้งสองอายุใกล้กัน ไลแอทจะช่วยดูแลเธอในค่ายนี้"

เซรีสยังคงเงียบ มองเขาด้วยสายตาที่อ่านยาก เธอไม่รู้จักคนเหล่านี้ ไม่รู้ว่าควรเชื่อใจหรือไม่ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองเหลือเหตุผลอะไรให้มีชีวิตอยู่ต่อ

ไลแอทไม่ดูหวั่นไหวกับความเงียบนั้น เขาก้าวเข้าไปใกล้เตียง แต่หยุดในระยะที่ไม่รุกล้ำเกินไป "ข้ารู้…มันคงยากที่จะพูดอะไรตอนนี้" เสียงของเขาไม่ได้เศร้าสร้อย แต่จริงใจพอที่จะทำให้คำพูดไม่ดูว่างเปล่า "แต่…ในค่ายนี้ ปลอดภัยนะ"

คำว่า ปลอดภัย สำหรับเซรีสในตอนนี้ฟังดูเหมือนเรื่องเล่าที่ไม่มีอยู่จริง แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธตรง ๆ

คาเลนลุกขึ้นเต็มความสูงอีกครั้ง "พักผ่อนให้เต็มที่ เดี๋ยวเราจะคุยกันอีกทีเมื่อเธอมีกำลังมากพอ" เขาพูดจบก็เดินออกจากเต็นท์ ทิ้งให้ภายในเหลือเพียงเสียงหายใจของเด็กสองคน

ไลแอทหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ที่คาเลนเคยนั่ง ดวงตาทองจับจ้องไปที่เธอ แต่คราวนี้มีรอยยิ้มอ่อน ๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง "ข้าไม่รู้ว่าควรพูดอะไรให้เธอสบายใจ… แต่ถ้าอยากกินขนม ข้าพอจะหามาให้ได้นะ"

เซรีสหันมามองเล็กน้อย แววตาไม่ได้บ่งบอกถึงความเชื่อใจ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน

และนี่… คือจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของบางสิ่ง ที่ต่อมาจะเปลี่ยนชะตากรรมของทั้งคู่ และของโลกนี้ตลอดไป

...----------------...

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!