ฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง น้ำหยดเล็ก ๆ ตกกระทบใบไม้และพื้นถนนก่อเป็นเสียงซู่ซ่าเบา ๆ กลิ่นชื้นของสายฝนปะปนกับกลิ่นควันไฟจากท่อระบายอากาศในซอยลึกใจกลางเมืองมหานคร ความมืดถูกเจือจางด้วยแสงสีส้มจากไฟถนนและป้ายโฆษณาที่ส่องสะท้อนผ่านละอองน้ำฝน สายลมพัดเย็นจนผิวกายของผู้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มสั่นเทา ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่ กลับมีชายคนหนึ่งยืนหยัดอย่างโดดเดี่ยวอยู่บนดาดฟ้าของตึกสูง
“คีรินทร์ วัฒนโยธา” ผู้ชายที่เมืองนี้ทั้งรักและเกรงกลัว ก้าวขึ้นมาบนขอบระเบียง มือหนาสัมผัสกับเหล็กเย็นเฉียบใต้ฝ่ามือ ใบหน้าคมคายไร้รอยยิ้มแต่แฝงด้วยความเข้มขรึม ดวงตาดำสนิทจ้องมองไปยังแสงไฟระยิบระยับที่ทอดยาวไม่สิ้นสุดเบื้องล่าง เขาเป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจพันล้านที่มีเบื้องหลังเป็นเครือข่ายอาชญากรรมที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง
ลมหายใจของเขาลึกและมั่นคง แต่ภายในนั้น ซ่อนความหวาดระแวงที่ยากจะลบเลือน
“คืนนี้… ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครจะกล้าเข้ามาหาฉันจากเงามืด” เขาคิด พลางหมุนแหวนทองคำที่นิ้วนาง
เสียงกระซิบในวิทยุสื่อสารดังขึ้นเบาๆในหูของอีกฟากหนึ่งของเมือง เสียงเย็นชาของหัวหน้าทีมลอยมากับสายลม “เป้าหมายปรากฏตัว รอคำสั่งถัดไป”
อริสา หญิงสาวผู้ถูกฝึกฝนอย่างเข้มงวดจากองค์กรลับระดับนานาชาติ ก้าวเดินผ่านซอยแคบๆด้วยท่าทางมั่นคงและแฝงไว้ซึ่งความระมัดระวัง เสื้อเชิ้ตขาวเนื้อบางแนบกับรูปร่างสวยสง่า และกางเกงหนังสีดำที่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วเหมาะกับการซ่อนเร้น
ในใจของเธอ มีความรู้สึกปะปนกันไปอย่างซับซ้อนความตื่นเต้น ความกดดัน และความเหงา
“นี่คือภารกิจที่สำคัญที่สุดในชีวิต ถ้าฉันทำสำเร็จ… อาจเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ถ้าล้มเหลว…” เธอไม่อยากคิดต่อ
“คีรินทร์… เขาคือเป้าหมาย แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมากกว่าที่ฉันคิด”
ฝนซัดเข้าที่ใบหน้าเล็กๆของเธอ หยาดน้ำฝนไหลผ่านแก้มเหมือนหยดน้ำตาที่เธอไม่กล้าปล่อยออกมา
เมื่อเธอเดินเข้าสู่ตึกสูงเสียดฟ้า ประตูหรูหราบานใหญ่เปิดออกให้เธอเดินผ่านเข้าไปในโลกของความมั่งคั่งและอำนาจที่เต็มไปด้วยความลับ
ห้องเพนต์เฮาส์ตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม และแสงสลัวจากโคมไฟระย้า ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความลึกลับ
เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขน เผยให้เห็นกล้ามแขนที่แข็งแรง รอยแผลเป็นเล็กๆ บนคิ้วซ้ายที่บ่งบอกถึงอดีตที่ไม่ธรรมดา
ดวงตาคมจ้องมองเธออย่างตั้งใจ พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แตะมุมปาก
“คุณคือใคร? เข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” น้ำเสียงนั้นเข้มแข็งและเย็นชาราวกับสั่งให้เธอเปิดเผยตัว
“ฉันเป็นคนใหม่… พนักงานนวดประจำตัวค่ะ” เธอพูดด้วยเสียงนุ่มนวล แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่ซ่อนอยู่ในความอ่อนหวาน
เขาก้าวเข้าใกล้ ริมฝีปากกระตุกยิ้มอย่างท้าทาย “แค่พนักงานนวด...เหรอ? ฉันชอบผู้หญิงที่กล้าหาญและฉลาดนะ” น้ำเสียงนั้นเจือด้วยความลึกซึ้งที่ยากจะตีความ
ความรู้สึกสั่นไหวแวบหนึ่งผ่านเข้ามาในใจของอริสา ทั้งที่เธอปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้ความรู้สึกรบกวนภารกิจ
แต่ในโลกที่เต็มไปด้วยเงามืดนี้ หัวใจกลับเริ่มเต้นแรงและมีคำถามที่เธอไม่อาจตอบได้
“เขาเป็นเป้าหมาย… แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในกับดักที่ฉันไม่รู้จัก”
เสียงเปียโนเบาๆคลอไปกับเสียงไวน์ไหลลงแก้ว ห้องจัดเลี้ยงของเพนต์เฮาส์บนตึกสูงกลางกรุงเทพฯ สว่างไสวด้วยไฟระย้าที่ถูกปรับแสงให้ไม่จ้าเกินไป สีทองอ่อนที่สะท้อนจากโคมไฟไล้เงาลงบนผนังหินอ่อนจนดูราวกับแสงเทียน
แขกที่มาร่วมงานล้วนแต่งกายหรูหรา น้ำหอมราคาแพงอบอวลในอากาศ ความหรูหราของสถานที่ไม่อาจกลบความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจใครบางคนได้
อริสาเดินผ่านกลุ่มคนอย่างระวัง เธอสวมเดรสยาวผ่าสูงสีดำสนิท ผ้าซาตินแนบกับเรือนร่างอย่างพอเหมาะพอดี ผมยาวถูกรวบครึ่งศีรษะอย่างเป็นระเบียบ ดวงตาคู่งามกวาดมองโดยไม่เปิดเผยอารมณ์ แต่ข้างในกลับสั่นไหว
“บรรยากาศแบบนี้ไม่ควรจะทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในสนามรบ…แต่ทุกการก้าวเดินของฉันคือกับดักที่ฉันปูเอง”
เธอฝืนยิ้มให้แขกคนหนึ่งก่อนจะหยิบแก้วแชมเปญมาถือไว้ มือเรียวชื้นเหงื่อแม้อุณหภูมิในห้องจะเย็นสบาย
เสียงหัวเราะของใครบางคนดึงความสนใจของเธอไปและเขาก็อยู่ตรงนั้น คีรินทร์ เขาสวมสูทสีดำล้วน ไม่มีเครื่องประดับใดนอกจากนาฬิกาหรูที่ข้อมือและแหวนทองเรียบๆที่นิ้วนางซ้าย สายตาคมกริบจ้องไปที่เธอขณะยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบ ริมฝีปากกระตุกยิ้มที่ไม่รู้ว่าหยอกเย้าหรือเย้ยหยัน
เขาทิ้งตัวพิงพนักโซฟา หญิงสาวสองคนรายล้อม แต่สายตากลับมองผ่านพวกหล่อนตรงมาที่เธอเพียงคนเดียว
“หึ... เด็กใหม่ของฉันกล้ามาโผล่ในรังเสือเองเลยเหรอ?”
เมื่อเธอเดินเข้าไปหา เสียงฝีเท้ากระทบพื้นหินขัดดังก้องอยู่ในหัวใจของเธอมากกว่าในหู
คีรินทร์เอียงศีรษะน้อยๆราวกับพิจารณาเหยื่อ
“มาได้ไงในงานนี้ คนสวย?” เสียงของเขาทุ้มลึกแต่ไม่รีบร้อนทุกคำพูดเหมือนวัดปฏิกิริยาของเธอ
อริสายิ้มเรียบ ริมฝีปากแดงเคลื่อนไหวอย่างสงบ “ฉัน... ได้รับเชิญค่ะ”
“หรือส่งตัวเองมา?” คิ้วเขายกขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงฟังเหมือนล้อเลียนแต่ดวงตานั้นจับจ้องเธออย่างไม่วางตา
“เธอรู้ไหมว่าฉันไม่ใช่คนที่ใครจะเข้าหาได้ง่ายๆ... ยิ่งคนที่สวยแบบเธอ”
หัวใจอริสาเต้นแรงแต่เธอพยายามไม่ให้มือที่ถือแก้วสั่น “เขากำลังทดสอบฉัน…ฉันต้องนิ่งกว่านี้ ถ้าหลุดแม้แต่นิดเดียว…เขาจะจับได้!!”
“บางทีฉันอาจแค่อยากรู้จักคุณให้มากขึ้นก็ได้ค่ะ” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วหวานพอๆกับดวงตาที่จ้องกลับอย่างตรงไปตรงมา
เขาเงียบไปชั่วครู่…ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆแล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ
“คำตอบของเธอทำให้ฉันอยากรู้จักเธอเหมือนกัน"
เขายกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบ ดวงตาไม่ละไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว “และมันก็ทำให้เขาอยากรู้ว่า... เธอซ่อนอะไรไว้ในใจ”
อริสาเผลอกลืนน้ำลาย เธอเริ่มหายใจติดขัดอย่างไม่รู้ตัว “เขารู้... หรือแค่สงสัยกันแน่? เขาเล่นเกมเก่งมาก... แต่ฉันจะไม่แพ้”
“ถ้าคุณอยากรู้...” เธอยิ้มบางแล้วเอนตัวเล็กน้อยเข้าไปใกล้เขา เสียงกระซิบแผ่วเบาจนแทบจับไม่ได้
“คุณต้องเข้ามาให้ลึกกว่านี้สิคะ... คีรินทร์”
เขานิ่งไปชั่วอึดใจหนึ่ง แล้วหัวเราะแผ่วในลำคอ เสียงนั้นต่ำและลึกล้ำ
“ได้สิ... แต่ระวังตัวไว้นะอริสา เพราะเกมของฉัน... ไม่มีคนเล่นแล้วรอดทุกคน”
แสงจากโคมไฟระย้ากลางห้องหรูส่องสะท้อนลงบนผิวแก้วคริสตัลที่อริสาถืออยู่ เธอค่อยๆยกมันขึ้นจิบ แชมเปญเย็นเฉียบเคลือบปลายริมฝีปากสีแดงจัด หยาดละอองน้ำเกาะอยู่บนแก้วราวกับหยาดเหงื่อบนแผ่นหลังยามอารมณ์ระอุ
เสียงเพลงแจ๊สช้าๆ คลออยู่ในพื้นหลัง ทุ้มต่ำ ลึกล้ำ ราวกับชวนให้หลงทางในความลุ่มหลงที่ไม่มีจุดหมาย
เธอกับเขานั่งเคียงกันบนโซฟา หนังแท้สีดำด้านที่เย็นเยียบใต้ผิวหลังเปียกชื้นน้อยๆ จากละอองฝนที่ยังติดอยู่กับชุดเธอ
คีรินทร์เอนตัวพิงพนัก มือข้างหนึ่งถือแก้ววิสกี้ อีกข้างวางพาดพนักโซฟาอย่างสบายๆ... แต่ถ้าดูให้ดี นิ้วของเขาขยับเล็กน้อยเป็นจังหวะ นั่นคือสัญญาณของเขาเมื่อกำลัง “จับตาเหยื่อ”
“เธอนี่มันร้ายชัดเจน...”
เสียงของเขาแผ่วต่ำ จงใจให้ชิดหูของอริสา จนลมหายใจอุ่นๆ ของเขากระทบต้นคอเธอ
“ฉันเหรอ?” อริสาเอียงหน้ากลับ ดวงตาคมจ้องลึกอย่างไม่ถอย “ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าฉัน...จะทำอะไรคุณได้?”
ริมฝีปากของเธออยู่ห่างจากเขาแค่ลมหายใจเดียว
แววตาของเธอไม่ไหวหวั่น ไม่มีแม้รอยสะทกสะท้าน มั่นใจเกินหญิงสาวธรรมดาใดที่เขาเคยรู้จัก
หัวใจของคีรินทร์เต้นช้าลง... แต่หนักขึ้น
“เธอเล่นเกมกับฉันอย่างรู้ตัว... ไม่กลัวเลยงั้นเหรอ? หรือเธอกำลังพยายามยั่วให้ฉันเปิดไพ่ก่อน?”
เขาอยากจะยิ้มเยาะ แต่น่าแปลก... กลับมีบางอย่างในแววตาของเธอที่ทำให้เขารู้สึก เหมือนถูกอ่านออก
อริสายกมือแตะปกเสื้อเขาอย่างแผ่วเบา “คุณกลัวฉันเหรอคะ?”
“หึ...” เขาหัวเราะในลำคอ “ฉันไม่เคยกลัวใคร โดยเฉพาะผู้หญิง... ที่จูบยังไม่เป็น”
เธอหัวเราะเบา ๆ “งั้นคุณจะลองไหมล่ะ?”
เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แฝงด้วยความท้าทาย
ก่อนที่เขาจะตอบอะไร…เธอเป็นฝ่ายโน้มตัวเข้าไปก่อน ริมฝีปากของเธอแตะเข้ากับเขาอย่างไม่รีรอ ไม่ใช่จูบอ่อนหวานแบบหญิงสาวเรียบร้อยแต่มันคือจูบของ “นักล่า” ที่ประกาศศักดิ์ดาในสงครามล่าอำนาจ
คีรินทร์ไม่ได้ถอย... กลับกันเขาขยุ้มเอวเธอไว้แน่น ริมฝีปากตอบกลับอย่างร้อนแรง เสียงหายใจของทั้งสองเริ่มถี่กระชั้นขึ้นในความเงียบ
แผ่นหลังของเธอแนบชิดกับอกของเขา กลิ่นตัวอ่อนๆของผู้ชายผสมกับกลิ่นเหล้าหรูและกลิ่นฝนที่ยังไม่แห้งทำให้หัวใจของเธอสั่นระรัว
“นี่ไม่ใช่แค่แผน มันคือสัมผัสจริงๆที่ฉันรู้สึก... และไม่ควรรู้สึก…”
เขาหยุดจูบแล้วมองตาเธอใกล้ๆ ดวงตาคมของเขาจ้องเหมือนจะขุดให้ถึงหัวใจ
“นี่เธอกำลังใช้จูบล่อให้ฉันไว้ใจ... หรือว่าเธอเริ่มติดใจฉันขึ้นมาจริงๆ กันแน่?”
อริสายิ้มริมฝีปากที่แดงจัดยิ่งแดงกว่าเดิมหลังผ่านจูบแรก
เธอกระซิบชิดริมฝีปากเขา “บางที... อาจทั้งสองอย่าง”
คีรินทร์หัวเราะนิดๆแต่ไม่มีความขบขันในแววตาอีกต่อไป “เธออันตรายกว่าที่ฉันคิด”
อริสากระซิบกลับ “แล้วคุณพร้อมจะโดนฉันจัดการรึยังล่ะ... คีรินทร์?”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!