NovelToon NovelToon

องค์รัชทายาทได้โปรดปล่อยหม่อมฉันไปเถอะ

ตอนที่ 1: สตรีที่ถูกส่งมาแทนพันธะสัญญา

เสียงกลองศึกแห่งแคว้นเยียนสงบลงเพียงชั่วครู่หนึ่ง แต่สัญญาแห่งสันติภาพกลับถักทอพันธะใหม่—ซึ่งไม่มีผู้ใดยินดี

ริมกำแพงเมืองหลวงของแคว้นเยียน

ขบวนราชเสลี่ยงจากแดนไกลเคลื่อนเข้าสู่เมืองหลวงท่ามกลางสายตาของประชาชนที่จับจ้อง

ม้านำขบวนเหยียบพื้นหินอย่างมั่นคง

ขุนนางแคว้นเยียนยืนเรียงแถวต้อนรับอยู่เต็มลาน

กลางขบวนคือหญิงสาวผู้สูงศักดิ์—

องค์หญิงซูหรูเยว่ แห่งแคว้นซาง

นางนั่งนิ่งในเกี้ยวทองคำ ดวงตาคู่นั้นสงบนิ่ง ดั่งผืนน้ำที่ไม่อาจไหวติงแม้จะมีคลื่นใต้น้ำปั่นป่วน

> "เพื่อสันติภาพแห่งแผ่นดิน…องค์หญิงจากแคว้นซางจึงต้องเสด็จมาเป็น ‘ชายาในนาม’ ขององค์รัชทายาทหลี่เจิ้งเหวิน"

ไม่มีพิธีอภิเษกใหญ่โต

ไม่มีเสียงแตรหรือดอกไม้โปรยปราย

มีเพียงลมเย็นและสายตาหลายคู่ที่มองนางเหมือน "ของแลกเปลี่ยน"

---

ภายในวังเยียนเจา – พระตำหนักหยางอวิ๋น

ซูหรูเยว่เดินตามขันทีไปยังตำหนักที่จัดไว้ให้นางโดยเฉพาะ

ที่นั่น—มิใช่ตำหนักเอกของชายา

แต่วังเล็กเงียบงัน ไร้ผู้คน ไร้ความอบอุ่น

ขณะที่นางกำลังนั่งจิบชาช้า ๆ ภายใต้แสงจันทร์

ประตูไม้ก็เปิดออก

องค์รัชทายาทหลี่เจิ้งเหวิน ก้าวเข้ามาในชุดคลุมยาวสีดำขลับ ใบหน้าเรียบนิ่งดั่งน้ำแข็งที่แช่แข็งหัวใจทั้งแผ่นดิน

> “เจ้าคือสตรีที่แคว้นซางส่งมาสินะ”

> “หม่อมฉัน…ซูหรูเยว่”

เสียงนางมั่นคง มิได้หวั่นเกรง

> “หากเจ้ามาที่นี่เพราะหวังในอำนาจหรือใจของข้า เจ้าจะผิดหวัง”

> “หม่อมฉันมิใช่คนโลภ หรือโง่งมถึงเพียงนั้น”

คำตอบของนาง ทำให้เขาชะงักเล็กน้อย

ดวงตาคมกริบหรี่ลง

> “เช่นนั้น…เจ้าต้องการสิ่งใด?”

นางจ้องตาเขาแน่วแน่

> “อิสรภาพ—ในสิ่งที่ข้ายังพอเลือกได้”

> “แม้ร่างกายจะถูกผูกไว้ด้วยพันธะสัญญา แต่ใจของหม่อมฉัน…ยังคงเป็นของตนเอง”

เขาไม่พูดต่อ เดินจากไปโดยไม่แม้แต่หันมามองนางอีก

แต่หารู้ไม่—คำพูดของนางนั้นกลับฝังอยู่ในใจเขาไปตลอดคืนนั้น

---

คืนวันเดียวกัน – ด้านในพระตำหนักรัชทายาท

องครักษ์ประจำพระองค์เข้ามารายงานข่าว

“องค์หญิงแห่งแคว้นซาง ปฏิเสธการจัดคนรับใช้โดยวังหลวง ขอเพียงคนเดียวเฝ้าตำหนัก และขอปลูกต้นไม้หลังตำหนักเพียงต้นเดียว”

หลี่เจิ้งเหวินพยักหน้า

> “ปล่อยให้ทำตามใจ...อย่าก้าวก่าย”

> “พะยะค่ะ…”

เมื่อองครักษ์ออกไป รัชทายาทผู้เย็นชาจึงพึมพำเบา ๆ

> “เจ้าช่างแตกต่างจากหญิงอื่น…ซูหรูเยว่”

---

ณ ค่ำคืนแรกร่วมวังขององค์หญิง

ไม่มีความรัก

ไม่มีสัมผัส

มีเพียงความเงียบงันระหว่างบุรุษและสตรีสองผู้ ซึ่งต่างเย็นชา แต่มีรอยแผลในใจไม่ต่างกัน

แต่ในความเงียบสงบนั้น…

บางสิ่งกำลังเริ่มต้นอย่างช้า ๆ

เหมือนน้ำแข็งที่เริ่มละลายโดยไร้เสียง

---

ตอนที่ 2: ใต้ร่มไม้หลิว...หัวใจที่ไม่ยอมรับ

ฝนตกในเดือนที่สามของฤดูใบไม้ผลิ

หยาดน้ำหล่นกระทบพื้นหินในลานด้านหลังพระตำหนักอวิ๋นเหออย่างแผ่วเบา

เสียงสายฝนคล้ายบทเพลงจากสรวงสวรรค์ ทว่าหญิงสาวในชุดคลุมบางกลับมิได้หลบซ่อน

ซูหรูเยว่

นางนั่งอยู่ใต้ต้นหลิวเล็ก ๆ ที่เพิ่งปลูกใหม่เมื่อไม่นาน ร่มกระดาษสีอ่อนบังใบหน้าเรียบเฉย

ที่ปลายสายตาของนาง

คือม่านฝนสีเทาที่ขอบฟ้า และความคิดบางอย่างที่นางพยายามกลบฝัง

---

> “ฝนแบบนี้ ทำให้ข้ารู้สึก...ไม่ต้องฝืนเงียบอีกต่อไป”

นางพึมพำกับตัวเอง ขณะปล่อยให้ความเปียกชื้นแทรกซึมผ่านแขนเสื้อ

เมื่อตอนยังเยาว์ ทุกครั้งที่แคว้นซางเกิดเหตุวุ่นวาย

นางจะหลบไปยังศาลาเล็กหลังวังและนั่งฟังเสียงฝน

เพราะฝน...กลบเสียงทะเลาะ เสียงร้อง เสียงด่าว่า—ได้หมด

เหมือนตอนนี้...

---

> “องค์หญิง” เสียงหนึ่งดังจากด้านหลัง

นางหันกลับช้า ๆ

พบขันทีน้อยยืนตัวสั่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตก

> “องค์รัชทายาทเสด็จมายังตำหนัก...ขอรับ!”

นางชะงัก ปลายนิ้วกำด้ามร่มแน่น

มิใช่เพราะความกลัว

แต่เพราะนางไม่คาดคิดว่าเขาจะมา...ในเวลาแบบนี้

---

⛩ ภายในตำหนักอวิ๋นเหอ – เวลาเดียวกัน

เสียงประตูเปิดออกพร้อมร่างสูงของบุรุษในชุดคลุมดำ

องค์รัชทายาท หลี่เจิ้งเหวิน

บุรุษผู้ไม่เคยเข้าเยี่ยมหญิงใดในวังเว้นแต่ราชการ

กลับย่างก้าวเข้าตำหนักของสตรีผู้เป็นเพียง “ชายาในนาม”

> “องค์หญิงซู อยู่ที่ใด?” เขาเอ่ยเสียงเรียบ แต่เย็นเยียบ

ขันทีรีบคุกเข่า

> “ฝ่าบาท...พระชายาเสด็จไปที่ลานหลังตำหนัก ตั้งแต่ฝนเริ่มตก...ยังไม่เสด็จกลับเลยพะยะค่ะ”

หลี่เจิ้งเหวินหรี่ตาลงเล็กน้อย

ริมฝีปากเม้มแน่น

> “หญิงผู้นี้ คิดว่าตนแกร่งนักหรืออย่างไร”

แม้กล่าวเช่นนั้น...แต่ก้าวเท้าของเขากลับเร่งขึ้น

---

🌧 ลานหลังตำหนัก – ใต้ต้นหลิว

เสียงฝีเท้ากระทบน้ำแฉะๆ ดังใกล้เข้ามา

หรูเยว่เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ร่มของนางเอียงเล็กน้อย เผยให้เห็นดวงตาสีดำลึกที่ไม่อาจอ่านใจได้

องค์รัชทายาทยืนอยู่ตรงหน้า

แม้สายฝนจะโปรยปรายลงบนไหล่เขา แต่เขากลับไม่สนใจ

> “เจ้าชอบฝน...ถึงกับนั่งกลางสายฝนเช่นนี้หรือ”

> “ฝนมิได้ทำร้ายใครเพคะ”

> “แต่มันทำให้เจ้าป่วยได้”

นางนิ่งไปเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงเบา

> “หากหม่อมฉันล้มป่วย...จะมีผู้ใดใส่ใจหรือเพคะ”

เขาชะงัก ดวงตาคมกริบมองตรงไปยังใบหน้านิ่งสงบของนาง

เงียบไปเนิ่นนานก่อนเขาจะถอดเสื้อคลุมของตนออก

แล้ววางลงบนบ่าของนางอย่างแผ่วเบา

> “ข้าไม่ชอบฝน…แต่มิได้หมายความว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าทนอยู่ใต้มันตามลำพัง”

---

วินาทีนั้น หัวใจของนางไหวสั่น

ไม่ใช่เพราะความหนาวของฝน

แต่เพราะความอบอุ่น...ที่หลุดรอดออกมาจากเบื้องหลังความเย็นชาของเขา

> “ท่านไม่ต้องทำเช่นนี้เพื่อหม่อมฉันหรอกเพคะ”

> “ข้าไม่เคยทำสิ่งใดโดยไร้เหตุผล”

หลี่เจิ้งเหวินกล่าว พลางเอื้อมมือดึงร่มของนางขึ้น

แล้วเดินนำอย่างนิ่งขรึม

เสียงฝนยังคงตก แต่ความเงียบระหว่างพวกเขาเปลี่ยนไป

จากเคยหนักอึ้ง...กลายเป็นความสงบที่พอจะพิงใจได้

---

คืนนั้น

ภายในตำหนักเงียบงัน

แต่องค์หญิงแห่งแคว้นซาง และองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเยียน

ต่างคนต่างเริ่มเฝ้ามอง “กันและกัน”

โดยไม่รู้ตัว...

---

ตอนที่ 3: เงาในวันเก่า กับคำถามที่ไม่กล้าถาม

"ใต้เปลวเทียนลางเลือน ผู้ใดกันแน่…ที่หวั่นไหวก่อน?"

คืนที่ฝนตกผ่านไปแล้ว

แต่บางสิ่งกลับตกค้างในใจมากกว่าหยาดน้ำใด ๆ

ในห้องนอนเงียบสงบของตำหนักอวิ๋นเหอ—องค์หญิงซูหรูเยว่นั่งอยู่เบื้องหน้ากระจกสำริด

แสงตะเกียงส่องต้องดวงหน้างดงามที่ดูเงียบสงบ ทว่าในดวงตาแฝงคลื่นน้ำที่ยากจะควบคุม

นางลูบบ่าเบา ๆ ตรงจุดที่เสื้อคลุมขององค์รัชทายาทเคยสัมผัส

มันอบอุ่น…จนยังไม่ลืมเลือน

> "เหตุใดจึงต้องดีต่อข้า?"

"เราก็แค่คนแปลกหน้าที่ถูกพันธะสัญญาผูกไว้…มิใช่หรือ?"

---

⛩ ฝั่งองค์รัชทายาท – พระตำหนักฉางหยาง

หลี่เจิ้งเหวินยืนอยู่หน้ากล่องไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ใต้โต๊ะทรงจีน

ในนั้นมีเพียงพัดเก่าใบหนึ่ง กับแผ่นผ้าผืนจิ๋วปักชื่อ...

> “หรูเยว่”

เขามองมันเนิ่นนาน

ก่อนจะวางพัดลงช้า ๆ และเดินไปยืนที่หน้าต่าง มองไปยังตำหนักอวิ๋นเหอที่อยู่ไกลลิบ

> "เจ้าจำข้าไม่ได้…แต่นั่นไม่เป็นไร"

"เพราะข้าไม่ลืมเจ้าเลย…แม้แต่วันเดียว"

ใช่แล้ว...

ครั้งหนึ่งในอดีต

เมื่อครั้งเจิ้งเหวินยังมิได้เป็นองค์รัชทายาท

เขาเคยเสด็จไปยังแคว้นซางเพื่อศึกษาและฝึกงานราชการ

และเคยบังเอิญช่วย "เด็กหญิงคนหนึ่ง" ที่กำลังร้องไห้อย่างเงียบ ๆ ใต้ต้นหลิวในวังหลัง

เขาไม่เคยลืม

แต่นาง—กลับไม่เคยรู้ว่า “เขา” คือ “ชายคนนั้น”

---

🌸 วันรุ่งขึ้น – พระลานหลวง

การประชุมขุนนางมีประเด็นร้อนแรง

ขุนนางกลุ่มหนึ่งเสนอให้มี “การแต่งตั้งชายาเอก” อย่างเป็นทางการ เพื่อเสริมอำนาจวังหน้า

เสียงหนึ่งดังขึ้นจากเสนาบดีฝ่ายซ้าย

> “ฝ่าบาท แม้องค์หญิงซูจะได้รับพระราชทานตำหนัก แต่ยังมิได้ประกอบพิธีแต่งอย่างสมบูรณ์ หากปล่อยไว้เกรงว่าจะเกิดความเสื่อมเสียแก่ราชสำนัก”

เสียงอีกฝ่ายค้านทันที

> “แต่พระชายานางนั้น...มาจากแคว้นซางซึ่งเคยศึกกับเรา จะไว้วางพระทัยได้อย่างไร!”

บรรยากาศเริ่มตึงเครียด

ขณะที่องค์รัชทายาทหลี่เจิ้งเหวินนั่งนิ่ง พลางใช้พัดไม้เคาะโต๊ะเบา ๆ

ดวงตาคมหรี่ลง

> “ข้ายังมิได้ตัดสินใจ...แต่หากผู้ใดกล้าล้ำเส้นกับคนของข้าอีก ข้าจะถือว่าผู้นั้นล่วงเกินราชฐาน”

คำพูดนี้ทำให้ทั้งท้องพระโรงเงียบงันในทันที

---

💮 ตำหนักอวิ๋นเหอ – เย็นวันเดียวกัน

ซูหรูเยว่ได้รับข่าวจากขันทีน้อยว่าวันนี้พระองค์มีพระดำรัสปกป้องนางในที่ประชุมขุนนาง

นางนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง…หัวใจเต้นแผ่วแต่สม่ำเสมอ

> “องค์รัชทายาทผู้อ่อนโยนแบบนั้น…มีอยู่จริงหรือ?”

นางเดินออกมายังลานหลังตำหนักอีกครั้ง

ใต้ต้นหลิวต้นเดิมที่ฝนตกวันก่อน

มีกล่องผ้าเล็ก ๆ วางไว้พร้อมแผ่นกระดาษ…

> “เจ้าชอบฝน แต่ข้าเกลียดมัน...

แต่หากฝนพาเจ้ามาอยู่ตรงนี้ ข้าก็ยอมยืนใต้ฝน…ไปพร้อมกัน”

ไม่มีชื่อ ไม่มีลายเซ็น

แต่เธอรู้ดีว่าเป็นของใคร

ริมฝีปากบางของซูหรูเยว่คลี่ออกอย่างแผ่วเบาเป็นครั้งแรก

...เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เสแสร้งหรือฝืนใจ

...แต่เป็นรอยยิ้มของคนที่เริ่มไม่สามารถ "เกลียด" บุรุษผู้หนึ่งได้อีกต่อไป

---

ในหัวใจขององค์หญิง

คำพูดที่อยากจะเอ่ยมากที่สุด แต่ยังไม่กล้าพูดก็คือ...

> “ท่านจะปล่อยข้าไป…หรือจะยื้อข้าไว้กันแน่ องค์รัชทายาท...”

แต่ในใจของเขา

คำตอบนั้น…แน่นิ่งชัดเจนมานานแล้ว

> “หากข้าจะยื้ออะไรไว้ในชีวิตนี้ได้...ข้าก็อยากให้เป็นเจ้า”

---

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!