NovelToon NovelToon

Just Love ขอแค่รักสักครั้ง

บทนำ

'ทำไมมันถึงไม่มีใครมองเราบ้างนะ...'

เสียงคิดในใจดังแผ่ว เหมือนเสียงลมหายใจที่กำลังถูกกลืนหายไปกับแสงไฟนีออนยามค่ำคืน

ร่างของเขาเดินเหม่อลอยออกจากประตูมหาวิทยาลัย ศิลปกรรมศาสตร์ที่เขาเรียนอยู่เงียบสงัดในช่วงเย็นแบบนี้ แต่ถนนฝั่งตรงข้ามกลับคึกคักไปด้วยชีวิตคู่...

คู่รักที่เดินจับมือกันบ้าง

คู่รักที่โอบเอวกันหัวเราะเสียงใสบ้าง

บางคู่ยืนพิงเสาไฟแล้วกอดกันเหมือนลืมโลกไปทั้งใบ

เขาหยุดยืนเพียงลำพังริมฟุตบาท

ในเงาสะท้อนของกระจกตู้โทรศัพท์เก่า... ใบหน้าของเขาเผยให้เห็น “ครึ่งหนึ่ง” ที่มีรอยแผลยาวลากผ่านจากหน้าผากลงมาถึงแก้มมันคือร่องรอยที่ทำให้เขาไม่เหมือนใคร และไม่เคย ได้เป็นของใคร

แสงไฟสลัวๆ ทำให้แผลนั้นดูชัดเจนยิ่งกว่าเดิม

ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่า “ความปกติ” มันไม่เคยมีอยู่ในชีวิตเขาเลย

เขาเดินต่อไปอย่างเชื่องช้า

ไม่มีเสียงฝีเท้าอีกคู่ที่เดินเคียงข้าง

ไม่มีคำว่า ไปกินข้าวกันไหม หรือ ระวังรถนะ

มีเพียงแค่ลมเย็นๆ ที่ปัดผ่าน

เหมือนโลกทั้งใบกำลังบอกว่า...

'นายไม่ใช่คนสำคัญอะไรเลย'

...—...

ห้องพักของเขาอยู่ชั้นสามของตึกเก่า ห้องเล็กๆ ที่ผนังบางจนได้ยินเสียงโทรทัศน์จากห้องข้างๆ

เตียงเล็กๆ ที่พอจะวางตัวได้คนเดียว

และผนังข้างเตียงที่ถูกแต้มด้วยสีน้ำจากปลายพู่กันของเขาเอง

เพราะบางที เขาก็อยากให้ผนังเงียบๆ นี่ เข้าใจสิ่งที่เขารู้สึก

เขาถอดเสื้อคลุมออก แขวนไว้กับตะปูสนิมๆ แล้วนั่งลงกับพื้น

สายตาเหม่อมองพู่กันที่วางนิ่งข้างถาดสี

เขาเรียนทัศนศิลป์ ปีหนึ่ง—มีความฝันว่าอยากวาดภาพที่ทำให้คนรู้สึก เข้าใจ ไม่ใช่แค่ มองผ่าน

แต่มันยากเหลือเกิน

เมื่อแม้แต่ตัวเขาเอง ยังไม่มีใครอยาก “มอง”

...—...

ตอนเด็ก เขาเคยถามแม่ว่า

"ทำไมคนอื่นถึงไม่เล่นกับเรา"

แม่เพียงลูบหัวเขา แล้วตอบว่า

“ก็เพราะลูกพิเศษไงจ๊ะ”

...คำว่า “พิเศษ” นั้น

เขารู้ในเวลาต่อมาว่า มันคือคำปลอบที่แปลว่า

“ลูกแตกต่าง”

...—...

และตอนนี้

แม้โตพอจะใช้ชีวิตคนเดียว

แต่หัวใจเขาก็ยังไม่อาจชินกับความว่างเปล่านี้เลย

คืนนี้...

เขาหยิบพู่กันขึ้นมาอีกครั้ง วาดภาพผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางคนรักมากมาย

แต่เขากลับไม่มีใครยืนเคียงข้างเลยสักคน

...ผู้ชายคนนั้นในภาพนั่นแหละ

คือเขาเอง

...---...

ถ้าภาพนี้มีชื่อ…

เขาคงตั้งว่า

คนที่ไม่มี

หวัดดีค้าบบ ไงบ้างสนุกมั้ย? ถ้าสนุกก็คอมเม้นบอกกันได้นะถ้าเรื่องนี้รุ่งจะแต่งต่อเรื่อยๆเลยยย

ขอบคุณครับ

บทที่ 1

แสงแดดอ่อนของยามเช้าสะท้อนผ่านกระจกบานใหญ่เข้ามาในห้องนอนเรียบง่ายบนชั้นสามสิบของคอนโดหรูใจกลางเมือง

ห้องที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวและเทา ถูกแต่งแต้มด้วยงานศิลปะนามธรรมที่แขวนเรียงอย่างมีจังหวะบนผนัง

ทุกอย่างในห้องเป็นระเบียบ... จนเงียบ

ชายหนุ่มร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำสีเทาอ่อน ยืนอยู่หน้ากระจกบานยาว

มือข้างหนึ่งถือหวีไม้ อีกข้างประคองเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เตรียมไว้

ใบหน้าคมคายมีหนวดเคราเกลี้ยงเกลา คิ้วเข้มดูจริงจังในทุกจังหวะสายตา

ธีธัช อาจารย์ประจำวิชาทัศนศิลป์

วัยสามสิบต้นๆ แต่บุคลิกนิ่งสุขุมทำให้ดูเหมือนแก่กว่าวัยเล็กน้อย

แต่ใช่... ไม่ใช่ความเหนื่อยล้าทางร่างกายหรอก

แต่เป็น “อะไรบางอย่าง” ในดวงตาคู่นั้น ที่ดูเหมือนแบกอดีตไว้เงียบๆ

เขาแต่งตัวเรียบร้อยในเวลาไม่ถึงสิบนาที

เสื้อเชิ้ตเรียบกับกางเกงสแล็คเข้ารูปถูกจับเข้าคู่กับนาฬิกาข้อมือหนังสีน้ำตาล

ต่างจากศิลปินทั่วไปที่มักลุคเซอร์–

ธีธัชมีความเนี๊ยบ และคลุมโทน... ไม่เพียงแค่การแต่งกาย

แต่รวมถึง ชีวิตทั้งชีวิตของเขา

เสียงเดือดปุดๆ จากเครื่องชงกาแฟดังขึ้น เขาหยิบแก้วเซรามิกใบโปรดขึ้นมา

กลิ่นกาแฟลอยคลุ้งไปทั่วห้อง… แต่มันไม่ได้กลบกลิ่นเหงาที่บางเบาในเช้านี้ได้เลย

“วันนี้สอนปีหนึ่ง...” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ

ก่อนจะหยิบสมุดจดเล็กๆ จากโต๊ะข้างโซฟา เปิดเช็กแผนการสอนอีกครั้งด้วยความเคยชิน

“เริ่มบทพื้นฐานเรื่องแสงและเงา”

เขาจดหัวข้อไว้แบบนั้น

ความว่างเปล่าที่ลึกลงทุกวัน

เหมือนมีอะไรบางอย่าง ขาดหาย ไปจากชีวิตเขา… มานานแล้วแต่เขาก็ยังมีความสุขกับชีวิตของเขาแบบนี้

......................

ธีธัชขับรถออกจากคอนโดในเวลาเจ็ดโมงตรง

แสงแดดกระทบหน้าต่างรถ

เขาเหลือบมองใบหน้าตัวเองผ่านกระจกมองหลัง

แล้วเอ่ยเสียงเบา…

“หวังว่านักศึกษารุ่นนี้...จะไม่วุ่นวายนักนะ”

...****************...

“อาจารย์ธีธัช…หล่อขนาดนี้จะไม่มีแฟนได้ไงอะ?”

เสียงประโยคแผ่วเบาดังลอดออกมาจากกลุ่มนักศึกษาหญิงสองคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้ทางเดิน

เมื่อชายหนุ่มในชุดเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็คสีเทาเข้ม พร้อมรองเท้าหนังขัดมัน เดินผ่านพวกเธอไปอย่างสงบนิ่ง

ธีธัชหิ้วกระเป๋าหนังสีน้ำตาลเข้มบนไหล่ข้างหนึ่ง มืออีกข้างถือสมุดจดและปากกาหัวแปรงสำหรับสเก็ตช์ภาพ

เขาไม่ได้หันไปมองหรือแสดงสีหน้าใดๆ แม้จะได้ยินคำพูดทั้งหมดชัดเจน

“อุ้ย อาจารย์ธีธัชน่ะ สเปกสุดๆ เลยเนอะ...”

“ใช่ แถมใจดีด้วยอะ แบบนี้ต้องมีแฟนแล้วแน่ๆ อะ”

“หรือถ้ายังไม่มี แกช่วยฉันสมัครเป็นแฟนให้หน่อยได้มั้ย…”

เสียงหัวเราะคิกคักไล่หลังมาเบาๆ

แต่ธีธัชกลับยังคงเดินไปอย่างเงียบขรึม ราวกับเสียงเหล่านั้นเป็นแค่ลมผ่านหู

เขาชินแล้ว

คำชื่นชม คำล้อเลียน คำเดาว่าเขามีแฟนหรือไม่มี—มันเป็นเรื่องธรรมดา

แต่สิ่งที่ไม่มีใครรู้ก็คือ…

หัวใจของธีธัช ว่างเปล่ามานานแล้ว

...—...

ตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์เงียบสงบในช่วงเช้า

แสงแดดกระทบกระเบื้องลายหินอ่อนบนพื้นโถงอย่างสวยงาม

ธีธัชผลักประตูเข้าไปในออฟฟิศอาจารย์

บรรยากาศภายในห้องกลิ่นกาแฟโชยมาจากมุมพักผ่อนเล็กๆ

เสียงกระดิ่งเหนือประตูดัง “กรุ๊งกริ๊ง” พอให้คนข้างในรู้ว่ามีคนมา

“อ้าว ธีธัช มาเช้าจังเลยวันนี้”

เสียงของอาจารย์รุ่นพี่คนหนึ่งดังขึ้น เขากำลังนั่งจิบกาแฟพร้อมอ่านแฟ้มงานตรงโต๊ะมุมห้อง

“อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์เอก” ธีธัชพยักหน้าให้เล็กน้อยตามมารยาท

ก่อนจะเดินไปวางกระเป๋าบนโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างเงียบๆ

อีกคนหนึ่งในห้อง อาจารย์หญิงผมสั้นใส่แว่นที่ชื่อ พี่พลอย ก็ยกมือโบกให้นิดๆ

“เมื่อวานนักศึกษาฝึกงานชมใหญ่นะ ว่าอาจารย์ธีธัชสอนเข้าใจมาก”

“ขอบคุณครับ” เขาตอบเพียงสั้นๆ พร้อมรอยยิ้มจางๆ

ก่อนจะนั่งลง เปิดโน้ตบุ๊ก และหยิบปากกาขึ้นมาเรียบเรียงแผนการสอนสำหรับวันนี้ต่อ

ในขณะที่ภายนอกอาจดูสุขุม สุภาพ เนี้ยบ

ไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องลึกของผู้ชายคนนี้…

อาจจะกำลังรอ ใครบางคน ที่จะทำให้ความเงียบในใจของเขาสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง

บทที่ 2

เสียงนาฬิกาแขวนผนังในออฟฟิศเดินไปถึงเลขแปดครึ่งพอดี

ธีธัชลุกขึ้นจากโต๊ะ หยิบโน้ตบุ๊กและปากกาขนนกที่เขาใช้เป็น pointer ออกมาพร้อมแฟ้มเอกสารบางๆ

ก้าวเดินของเขานิ่งสงบและมั่นคง

เหมือนทุกก้าวถูกวางเอาไว้อย่างเป็นจังหวะ…

ไม่มีรีบร้อน ไม่มีลังเล

...—...

ทางเดินยาวในคณะศิลปกรรมศาสตร์เงียบสงบ

แต่ในบางมุมก็มีเสียงหัวเราะของนักศึกษาเล็ดลอดออกมาบ้างจากห้องเรียนอื่น

ธีธัชเดินผ่านไปโดยไม่หันมอง

สายตาจับอยู่ที่ปลายทาง…ห้องเรียนหมายเลข 306

เมื่อผลักประตูห้องเข้าไป

บรรยากาศภายในค่อนข้างเงียบ

นักศึกษาบางส่วนมาถึงก่อนแล้ว และบางส่วนก็กำลังหยิบอุปกรณ์ศิลปะขึ้นมาวางบนโต๊ะ

มีนักศึกษาเพียงสิบกว่าคนในคลาส

ไม่เยอะ แต่ก็ไม่ถึงกับน้อย

เหมาะกับการเรียนวิชาทัศนศิลป์แบบลงมือทำที่ต้องใช้พื้นที่และสมาธิ

ธีธัชเดินตรงไปยังโต๊ะอาจารย์

วางโน้ตบุ๊กลงเบาๆ ตามด้วยแฟ้ม และปากกาขนนกสีดำ

มือเรียวของเขาจัดวางทุกอย่างอย่างเป็นระเบียบ…

เหมือนกับนิสัยเจ้าตัวที่ไม่ชอบความวุ่นวายเลยสักนิด

“อรุณสวัสดิ์ครับนักศึกษาทุกคน”

เสียงของเขานุ่มแต่ชัดเจนนักศึกษาหยุดคุยกันแล้วหันมาสนใจ

“วันนี้เราจะเรียนเรื่องการใช้แสงและเงาในภาพวาด โดยเฉพาะการกำหนดทิศทางของแสงให้สัมพันธ์กับวัตถุ…”

เขาเริ่มสอนด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ฟังง่ายมือข้างหนึ่งลาก pointer ไปบนสไลด์

ห้องเรียนทั้งห้องนิ่งสนิท มีเพียงเสียงของธีธัชที่ไหลผ่านหูของนักศึกษาทุกคน

...—...

เวลาเลยไปกว่าครึ่งคาบประตูห้องเรียนถูกเปิดออกช้าๆ

เสียงบานพับแผ่วเบา

ทุกคนหันไปตามเสียงนั้นรวมถึงธีธัช

ร่างของนักศึกษาชายร่างสูงโปร่งก้าวเข้ามาช้าๆ

แม้เขาจะสวมแมสก์ไว้ แต่ผิวครึ่งหนึ่งของใบหน้าก็ยังเผยให้เห็นรอยปานคล้ายแผลที่ลากยาวตั้งแต่โหนกแก้มจรดข้างคิ้ว

ดวงตาของเขาดูนิ่งไม่หลบหลีก…แต่ก็ไม่กล้าเผชิญตรงๆ

เด็กคนนั้นชื่อ รัญ

ธีธัชมองเพียงแวบเดียว

ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปยังหน้าจอโดยไม่เอ่ยตำหนิใดๆ

เขาเพียงพูดด้วยน้ำเสียงปกติ

“หาที่นั่งได้เลยครับ"

รัญพยักหน้าเบาๆ และเดินไปยังที่นั่งด้านหลังสุด

นั่งลงเงียบๆ ก่อนจะหยิบสมุดกับดินสอขึ้นมาอย่างเงอะงะ

ไม่มีใครหัวเราะ ไม่มีใครซุบซิบเพราะธีธัชไม่ใช่อาจารย์ที่ปล่อยให้บรรยากาศคลาสวุ่นวาย

และเพราะแววตาที่เขาใช้มองรัญมันไม่มีคำว่า ตัดสิน อยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

...—...

การสอนดำเนินไปจนกระทั่งเสียงนาฬิกาเตือนหมดคาบดังขึ้นก่อนจะพูดกับทุกคนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“คาบหน้าลองฝึกวาดจากแสงธรรมชาติในสถานที่จริงนะครับ อย่าลืมเตรียมบล็อกภาพกับดินสอมาด้วย”

จากนั้น เขาก็ปิดโน้ตบุ๊กอย่างเงียบๆพร้อมกับเก็บอุปกรณ์การสอนให้เรียบร้อย

เสียงประตูปิดเบาๆ ดังขึ้น

ตามด้วยเสียงเก้าอี้เลื่อนลากบนพื้นขัดเงา เมื่อนักศึกษาทยอยกันออกจากห้องเรียนอย่างเป็นระเบียบหลังหมดคาบ

ธีธัชยังคงนั่งอยู่หน้าชั้นเรียน

มือเรียวกำลังปิดโน้ตบุ๊ก แล้วหยิบแฟ้มเอกสารมาจัดเข้าที่อย่างมีแบบแผน

เสียงฝีเท้าเบาๆ เดินเข้ามาใกล้

เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเห็นนักศึกษาร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษาถูกระเบียบ ยืนเงอะงะอยู่ตรงหน้า

คนที่มาสายเมื่อตอนกลางคาบ

เด็กคนนั้น…รัญ

“เอิ่ม… ขอโทษนะครับอาจารย์”

“พอดีผมมาสาย... อาจารย์พอจะสรุปให้ผมได้ไหมครับ?”

น้ำเสียงของรัญไม่ดังนัก แต่ก็ไม่เบาจนฟังไม่ได้ยินเป็นน้ำเสียงที่แฝงความเกรงใจและกังวล

ธีธัชเงยหน้ามองนิ่งๆ

ไม่ดุ ไม่ตำหนิ ไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาชัดเจน

เพียงแค่…มอง

สายตานิ่งๆ นั้นทำให้รัญต้องหลบตาเล็กน้อย

มือที่ถือสมุดกับดินสอไว้เริ่มสั่นนิดๆ ด้วยความประหม่า

ธีธัชละสายตาไปมองนาฬิกาข้อมือเขามีประชุมในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

“เอามือถือของนายมานี่”

เสียงนั้นเรียบ…แต่ชัดเจน

รัญตกใจเล็กน้อย แต่ก็รีบยื่นมือถือให้แบบงงๆ

ธีธัชรับมือถือไป

กดอะไรบางอย่างลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงครึ่งนาที

จากนั้นก็ยื่นมันคืนกลับให้

“อาจารย์ให้ไลน์ไป”

“เดี๋ยวจะส่งสไลด์ให้ เอาไปอ่านเองนะ อาจารย์มีประชุม”

น้ำเสียงยังคงนิ่ง ไม่อ่อนโยนแต่ก็ไม่เย็นชา

ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีแววตาเอ็นดู

มีแค่...ความเรียบง่ายที่ทำให้รัญรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ

“ครับ… ขอบคุณครับอาจารย์”

รัญรับมือถือกลับมาแล้วก้มศีรษะเล็กน้อย

ธีธัชไม่ตอบอะไร เขาเพียงเก็บของต่อ และเดินออกจากห้องไปในไม่กี่วินาทีต่อมา

ปล่อยให้รัญยืนอยู่กลางห้องเงียบๆ

เขามองหน้าจอมือถือ

รายชื่อไลน์ใหม่ที่ขึ้นมา

อ.ธีธัช

และนั่น…

คือการเริ่มต้นบทสนทนาระหว่างสองคนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!