บทนำ
ในอดีตกาลอันไกลโพ้น โลกแห่งอาเทเรียเคยเป็นดินแดนแห่งความสงบสุขที่แสงแห่งเทพเจ้าสาดส่อง แต่แล้วเงามืดก็คืบคลานเข้าปกคลุม เมื่อทัพจอมมารจากมิติอื่นเปิดประตูแห่งหายนะ ส่งเหล่า "7 บาป" อันเป็นร่างจุติแห่งความชั่วร้ายเข้าทำลายล้างอาณาจักรต่างๆ ทั่วแผ่นดิน ความหวังริบหรี่ลงเมื่อเมืองแล้วเมืองเล่าถูกกลืนกินด้วยเปลวเพลิงแห่งความสิ้นหวัง
ทว่า ในยามที่ความมืดมิดเข้าคุกคามถึงขีดสุด แสงแห่งศรัทธาก็ยังคงไม่มอดดับลง เหล่าอาณาจักรที่ยังคงยืนหยัดได้รวมพลังกัน ส่งยอดฝีมือผู้เป็นความหวังสุดท้ายของมวลมนุษย์มารวมตัวกัน บุคคลเหล่านี้คือผู้ที่ได้รับพรจากเทพเจ้าให้เป็นตัวแทนแห่ง "7 คุณธรรม" เพื่อต่อกรกับความชั่วร้ายและนำพาโลกกลับคืนสู่แสงสว่างอีกครั้ง
ตัวละครหลัก:
1. ความกล้าหาญ: ดีเลีย แห่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ - นักรบหญิงผู้ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ
2. ความยุติธรรม: ไอน่า นักบุญแห่งมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ - ผู้ถือครองคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และพลังแห่งการชำระล้าง
3. ความเมตตา: โรมัน แห่งความเมตตา - นักบวชผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยพลังแห่งการเยียวยา
4. ความอดทน: อลิซเซีย แห่งสตรีแกร่ง - นักรบผู้ใช้ดาบใหญ่ผู้ไม่เคยยอมแพ้แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส
5. ความซื่อสัตย์: ดิคาร์ อัศวินแห่งทัพเหนือ - อัศวินผู้ยึดมั่นในเกียรติยศและความภักดีเหนือสิ่งอื่นใด
6. ความเพียร: โซมา จอมเวทย์แห่งหอคอยเวทย์มนต์ - จอมเวทย์ผู้ศึกษาเวทมนตร์มานับสิบปีเพื่อค้นหาหนทางในการเอาชนะจอมมาร
7. ปณิธาน: ไอเดน หมาบ้าแห่งนครศักดิ์สิทธิ์ - ชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยไฟแห่งการแก้แค้นและความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมสั่นคลอน
บทที่ 1: การรวมตัวของแสงและเงา
เสียงกรีดร้องและเปลวเพลิงยังคงโหมกระหน่ำในยามราตรี เมืองหลวงของอาณาจักรเอลโดเรียที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรือง บัดนี้เหลือเพียงซากปรักหักพัง ดิคาร์ อัศวินแห่งทัพเหนือผู้ยืนหยัดอยู่ท่ามกลางกองซากศพของอสูรร้าย ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเลือดและคราบเขม่า แต่ดวงตาของเขายังคงส่องประกายแห่งความมุ่งมั่น กองทัพของเขาถูกบดขยี้อย่างยับเยินด้วยเงื้อมมือของบาปแห่งความโลภ "มามอน" ที่ใช้พลังในการบิดเบือนจิตใจของผู้คนให้ทำลายล้างกันเอง ดิคาร์กัดฟันกรอด เขารู้สึกถึงความคับแค้นที่แล่นพล่านอยู่ในอก "พวกมันจะต้องชดใช้!" เขากระซิบเสียงแหบพร่า
ในเวลาเดียวกัน ที่มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งเอลโดเรีย ไอน่า นักบุญแห่งมหาวิหารกำลังยืนสวดภาวนาเบื้องหน้าแท่นบูชาที่พังทลายลงไปครึ่งหนึ่ง เธอมองดูเหล่าผู้รอดชีวิตที่หลบภัยอยู่ในซากวิหารด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก บาปแห่งความอิจฉา "เลวีอาธาน" ได้แผ่กระจายความริษยาไปทั่วทุกหนแห่ง ทำให้ผู้คนหันมาเข่นฆ่ากันเอง ไอน่ากำคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แน่น เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ลุกโชนขึ้นรอบกายเธอ "เราจะไม่ยอมให้ความมืดมิดครอบงำได้" เสียงของเธอดังกังวาน แม้จะเจือไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
จากอีกฟากหนึ่งของทวีป โรมันแห่งความเมตตากำลังใช้พลังแห่งการเยียวยาของเขาช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บล้มตายจากภัยพิบัติที่บาปแห่งความตะกละ "เบลเซบับ" ก่อขึ้น มันได้แพร่กระจายโรคระบาดและความอดอยากไปทั่วทุกหนแห่ง โรมันมองดูใบหน้าอันอิดโรยของผู้คนที่เขาช่วยชีวิตด้วยความเจ็บปวดในอก เขารู้ดีว่าพลังของเขาเพียงคนเดียวไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งหายนะนี้ได้ เขาต้องหาทางรวมพลังกับผู้อื่น เขาเชื่อมั่นว่ายังมีผู้คนอีกมากที่ยังคงยึดมั่นในคุณธรรม
ในขณะที่โลกกำลังถูกคุกคาม องค์กรลับแห่ง "ปฐมพยาบาล" ได้ส่งสาสน์ไปถึงเหล่าผู้กล้าแห่งคุณธรรมทั้งเจ็ด เพื่อให้มารวมตัวกันที่หอคอยจอมเวทย์ "แอสตรัม" ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่สถานที่ที่ยังไม่ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงด้วยพลังของเหล่าบาป ณ ที่นั่น ดีเลีย สตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้มาพร้อมกับโล่และดาบแห่งแสง อลิซเซีย สตรีแกร่งผู้ถือดาบใหญ่ที่เปื้อนเลือดอสูร โซมา จอมเวทย์แห่งหอคอยผู้กำลังนั่งขบคิดตำราเวทมนตร์โบราณ และไอเดน หมาบ้าแห่งนครศักดิ์สิทธิ์ผู้มาพร้อมกับกลิ่นอายแห่งการเข่นฆ่า กำลังรอคอยการมาถึงของเพื่อนร่วมอุดมการณ์
ไอเดนยืนอยู่ท่ามกลางกองศพอสูร ใบหน้าของเขาเปื้อนเลือดแห้งกรัง ดวงตาของเขาสะท้อนภาพของความเคียดแค้น นครศักดิ์สิทธิ์ที่เขาเคยปกป้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของบาปแห่งความโกรธ "ซาตาน" และครอบครัวของเขาก็ต้องจบชีวิตลงต่อหน้าต่อตา เขาคือผู้ที่สาบานว่าจะไม่หยุดยั้งจนกว่าจะแก้แค้นให้แก่ทุกคนที่ต้องสังเวยชีวิตไป “ไม่ว่ามันจะต้องแลกมาด้วยอะไร ข้าจะไม่ยอมถอย” เขาพูดกับตัวเอง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดและความมุ่งมั่น
การรวมตัวของพวกเขาเป็นไปอย่างเงียบงัน แต่พลังงานที่แผ่ออกมาจากแต่ละคนนั้นรุนแรงจนสัมผัสได้ ดีเลียผู้เป็นตัวแทนแห่งความกล้าหาญก้าวออกมาข้างหน้า "พวกเรามารวมตัวกันที่นี่ในฐานะความหวังสุดท้ายของโลกใบนี้" เสียงของเธอกังวานไปทั่วห้องโถง "เหล่าบาปกำลังทำลายทุกสิ่งที่เราเคยรู้จัก เราต้องหยุดพวกมันให้ได้" เธอเอ่ยขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ไอน่า โรมัน อลิซเซีย ดิคาร์ และโซมาพยักหน้าพร้อมกัน ไอเดนยืนมองพวกเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเช่นกัน แต่แฝงไว้ด้วยความดำมืดบางอย่าง การเดินทางของ 7 คุณธรรมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
การรวมตัวของเหล่าผู้กล้าทั้งเจ็ดไม่ได้นำมาซึ่งความราบรื่นเสมอไป แม้ทุกคนจะมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับจอมมาร แต่ความแตกต่างในบุคลิกและแนวทางการต่อสู้ก็ก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นเล็กน้อย ไอเดน "หมาบ้าแห่งนครศักดิ์สิทธิ์" ผู้ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยความแค้นและมักจะลงมือด้วยความรุนแรงและไม่ยั้งคิด มักจะปะทะคารมกับไอน่า "นักบุญแห่งมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์" ผู้ที่เชื่อในความยุติธรรมและวิธีการที่สงบกว่า
"เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ไอเดน? การโจมตีแบบไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนั้นไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย!" ไอน่าตะโกนใส่ไอเดนหลังจากที่เขาพุ่งเข้าไปโจมตีเหล่าอสูรอย่างบ้าระห่ำเพียงลำพังในการต่อสู้ครั้งล่าสุด ซึ่งเกือบจะทำให้เขาและคนอื่นๆ ต้องตกอยู่ในอันตราย ไอเดนหันมามองไอน่าด้วยสายตาเย็นชา "แล้วจะให้ข้ารอให้พวกมันมาฆ่าเราอย่างนั้นรึ? ถ้าไม่รุนแรง พวกมันก็ไม่รู้จักจำ!"
ดีเลีย "แห่งสตรีศักดิ์สิทธิ์" พยายามเข้ามาห้ามปราม "ใจเย็นๆ ก่อนทั้งสองคน พวกเรามาที่นี่เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน อย่าให้ความขัดแย้งมาบั่นทอนกำลังของพวกเราเลย" เธอพยายามที่จะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างความขัดแย้ง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้สองขั้วที่แตกต่างกันเข้าใจกัน
ในระหว่างที่พวกเขาพยายามที่จะปรับจูนเข้าหากัน ข่าวร้ายก็มาถึง บาปแห่งความเกียจคร้าน "เบลเฟกอร์" ได้ปรากฏตัวขึ้นที่อาณาจักรเอลวิน บาปตนนี้ไม่ได้โจมตีด้วยกำลัง แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและสิ้นหวัง จนไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ อาณาจักรเอลวินกำลังจะล่มสลายลงด้วยความเฉื่อยชา เหล่า 7 คุณธรรมจึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังเอลวินทันที
เมื่อมาถึงเอลวิน พวกเขาพบว่าเมืองทั้งเมืองตกอยู่ในความเงียบงัน ผู้คนนอนซมอยู่ตามท้องถนน ไม่มีใครมีแม้แต่แรงจะลุกขึ้นยืน ไอเดนรู้สึกโกรธแค้นยิ่งนัก เขาคว้าดาบขึ้นมาและเตรียมที่จะพุ่งเข้าไปหาเบลเฟกอร์ทันที แต่โซมา "จอมเวทย์แห่งหอคอยเวทย์มนต์" ได้เข้ามาขวางไว้ "ใจเย็นก่อนไอเดน! บาปตนนี้ต่างจากบาปตนอื่นๆ การใช้กำลังเพียงอย่างเดียวไม่ได้ผล เราต้องใช้ปัญญา"
โซมาอธิบายว่าพลังของเบลเฟกอร์คือการดูดกลืนเจตจำนงของผู้คน ทำให้พวกเขาสิ้นหวังและไม่มีแรงที่จะทำอะไร การโจมตีโดยตรงอาจจะไม่สามารถทำอะไรมันได้ แต่จะยิ่งทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นด้วยพลังแห่งความสิ้นหวังของผู้ที่โจมตี ดิคาร์ "อัศวินแห่งทัพเหนือ" เสริมขึ้นว่า "เราต้องหาทางปลุกจิตวิญญาณของชาวเมืองให้กลับมา พวกเขาต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง"
ไอน่าเสนอแผนการ เธอจะใช้พลังแห่งการเยียวยาของเธอร่วมกับพลังแห่งความเมตตาของโรมัน "แห่งความเมตตา" เพื่อส่งกระแสแห่งความหวังเข้าไปในจิตใจของผู้คน เพื่อให้พวกเขามีแรงลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ในขณะที่อลิซเซีย "แห่งสตรีแกร่ง" และดีเลียจะคุ้มกันพวกเขาจากเงาอสูรที่เบลเฟกอร์สร้างขึ้น ส่วนไอเดนและดิคาร์จะคอยสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเบลเฟกอร์
แผนการดำเนินไปอย่างยากลำบาก เบลเฟกอร์พยายามที่จะยั่วยุจิตใจของทุกคนให้สิ้นหวัง โดยส่งภาพหลอนของความพ่ายแพ้และความตายเข้ามาในหัวของพวกเขา ไอเดนเองก็รู้สึกได้ถึงความสิ้นหวังที่เริ่มกัดกินจิตใจ แต่เขาก็นึกถึงภาพของครอบครัวที่จากไป และคำสาบานที่เขาให้ไว้ ความโกรธแค้นและปณิธานอันแรงกล้าทำให้เขาไม่ยอมแพ้ เขาตะโกนก้อง "พวกเราจะไม่มีวันยอมแพ้!" เสียงของเขาดังก้องไปทั่วเมือง ปลุกเร้าจิตใจของชาวเมืองที่กำลังจะดับลง
ด้วยความร่วมมือของทุกคน แผนการก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ไอน่าและโรมันส่งพลังแห่งความหวังเข้าไปในจิตใจของผู้คน อลิซเซียและดีเลียต่อสู้กับเหล่าอสูรอย่างไม่ย่อท้อ ดิคาร์ใช้ความซื่อสัตย์ของเขาในการปกป้องไอน่าและโรมันอย่างสุดชีวิต และไอเดนใช้ปณิธานอันแรงกล้าของเขาในการสกัดกั้นเบลเฟกอร์ การต่อสู้อันดุเดือดดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งชาวเมืองเริ่มที่จะลุกขึ้นยืนช้าๆ ด้วยแรงกายที่อ่อนล้า แต่ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวังที่กลับมาอีกครั้ง
เบลเฟกอร์เมื่อเห็นว่าพลังของมันไม่สามารถเอาชนะจิตใจของผู้คนได้ ก็เริ่มที่จะอ่อนแรงลง โซมาไม่รอช้า ใช้เวทมนตร์โบราณที่เขาได้เรียนรู้มาโจมตีจุดอ่อนของเบลเฟกอร์อย่างแม่นยำ ในที่สุด บาปแห่งความเกียจคร้านก็สลายไป เหลือเพียงเถ้าถ่าน ชาวเมืองเอลวินรอดพ้นจากหายนะมาได้ด้วยความร่วมมือของ 7 คุณธรรม การต่อสู้ครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับพวกเขา มันแสดงให้เห็นว่าแม้จะมีความแตกต่าง แต่การทำงานร่วมกันด้วยคุณธรรมที่ยึดมั่น จะนำพาพวกเขาไปสู่ชัยชนะได้
ชัยชนะเหนือเบลเฟกอร์ที่อาณาจักรเอลวินเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางอันยาวนานและเจ็บปวดสำหรับเหล่า 7 คุณธรรม พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับบาปที่เหลืออีกห้าตน แต่ละตนมีความสามารถและกลยุทธ์ที่แตกต่างกันไป การต่อสู้ดำเนินไปอย่างไม่หยุดหย่อน พลังของบาปแห่งความราคะ "แอสโมดิวส์" ที่บิดเบือนความรักให้กลายเป็นความใคร่และนำพาผู้คนไปสู่ความเสื่อมทราม การหลอกลวงของบาปแห่งความริษยา "เลวีอาธาน" ที่ปลุกปั่นความขัดแย้งในใจของผู้คน และความบ้าคลั่งของบาปแห่งความโกรธ "ซาตาน" ที่ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความเกลียดชัง
ในแต่ละการต่อสู้ พวกเขาต้องสูญเสียไปบ้าง ดีเลียแห่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นตัวแทนแห่งความกล้าหาญได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปกป้องชาวเมืองจากแอสโมดิวส์ ร่างกายของเธออ่อนล้า แต่จิตวิญญาณของเธอยังคงเข้มแข็ง ไอน่านักบุญแห่งมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ต้องใช้พลังทั้งหมดของเธอในการชำระล้างความชั่วร้ายของเลวีอาธาน จนเธอต้องทรุดลงด้วยความอ่อนเพลีย โรมันแห่งความเมตตายังคงใช้พลังการเยียวยาของเขาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อรักษาบาดแผลทั้งทางกายและทางใจของผู้คน แต่เขาก็ต้องแบกรับความเจ็บปวดจากการเห็นผู้คนต้องตายไปต่อหน้าต่อตา อลิซเซียแห่งสตรีแกร่งยังคงยืนหยัดด้วยดาบใหญ่ของเธอ ต่อสู้กับเหล่าอสูรอย่างไม่ย่อท้อ แม้ร่างกายของเธอจะเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ดิคาร์อัศวินแห่งทัพเหนือยังคงยึดมั่นในความซื่อสัตย์ของเขา และปกป้องทุกคนอย่างสุดชีวิต โซมาจอมเวทย์แห่งหอคอยเวทย์มนต์ยังคงค้นคว้าเวทมนตร์ใหม่ๆ และหาวิธีที่จะเอาชนะเหล่าบาปอย่างไม่หยุดหย่อน เขานอนน้อยลงและใช้เวลาส่วนใหญ่กับการศึกษาตำราโบราณ
แต่คนที่ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือไอเดน "หมาบ้าแห่งนครศักดิ์สิทธิ์" การเผชิญหน้ากับซาตาน บาปแห่งความโกรธ ผู้ซึ่งทำลายล้างนครศักดิ์สิทธิ์ของเขา ทำให้ความแค้นของเขาปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เขาต่อสู้ด้วยความบ้าคลั่งไม่สนใจสิ่งใด เขาไม่สนแม้กระทั่งการบาดเจ็บของตัวเอง เขาสาบานว่าจะสังหารซาตานให้ได้ด้วยมือของเขาเอง
ในการต่อสู้กับซาตาน ที่หุบเขาแห่งเงา ไอเดนพุ่งเข้าไปโจมตีอย่างไม่คิดชีวิต ซาตานหัวเราะเยาะ "เจ้ามันก็แค่ไอ้หมาบ้าที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้" มันพูดยั่วยุ ไอเดนยิ่งโกรธแค้น เขาปล่อยพลังทั้งหมดออกมา แต่ซาตานกลับแกร่งเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้เพียงลำพัง ซาตานใช้พลังแห่งความโกรธของมันโจมตีใส่ไอเดนอย่างไม่ยั้ง จนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ล้มลงจมกองเลือด
ดีเลียและดิคาร์พุ่งเข้ามารับการโจมตีจากซาตานเพื่อปกป้องไอเดน ไอน่าพยายามที่จะเยียวยาเขา แต่พลังของซาตานนั้นรุนแรงเกินไป ไอเดนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เลือดไหลอาบไปทั่วร่าง ภาพของครอบครัวที่ถูกสังหารปรากฏขึ้นในความคิดของเขา ความแค้นที่เคยเป็นพลังขับเคลื่อนของเขา บัดนี้กลับกลายเป็นความสิ้นหวัง เขาเกือบจะยอมแพ้ แต่แล้ว เขาก็นึกถึงเพื่อนร่วมทีมที่กำลังต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อเพื่อปกป้องเขา นึกถึงคำพูดของดีเลียที่ว่า "เราคือความหวัง"
ปณิธานที่อยู่ในตัวของไอเดนไม่ยอมสั่นคลอนง่ายๆ เขากัดฟันกรอด ค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นมา เลือดหยดจากแผลบนใบหน้าของเขา เขามองไปยังซาตานด้วยดวงตาที่ลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความมุ่งมั่น "แกไม่มีวันทำลายพวกเราได้" เขาพูดเสียงแหบพร่า พลังบางอย่างเริ่มแผ่ออกมาจากตัวเขา พลังแห่งปณิธานที่เข้มแข็งกว่าความแค้นและความโกรธ ซาตานเริ่มที่จะรู้สึกถึงอันตรายที่มองไม่เห็น มันพยายามที่จะโจมตีไอเดนอีกครั้ง แต่คราวนี้ ไอเดนกลับสามารถหลบหลีกและตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว
โซมาใช้เวทมนตร์โจมตีซาตานจากระยะไกลเพื่อถ่วงเวลา ในขณะที่ไอน่าและโรมันเร่งเยียวยาไอเดน ดีเลีย อลิซเซีย และดิคาร์ร่วมกันโจมตีซาตานอย่างต่อเนื่อง การต่อสู้ดำเนินไปอย่างยาวนาน และเมื่อไอเดนกลับมาพร้อมกับพลังแห่งปณิธานที่บริสุทธิ์ เขาก็ได้เรียนรู้ที่จะควบคุมมัน ไม่ใช่ด้วยความโกรธแค้น แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้อง เขากับเพื่อนๆ ร่วมกันโจมตีซาตานจนในที่สุด บาปแห่งความโกรธก็พ่ายแพ้ไปอีกตนหนึ่ง แม้ชัยชนะจะแลกมาด้วยความเจ็บปวดและความสูญเสีย แต่เหล่า 7 คุณธรรมก็ยังคงยืนหยัด มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะปวดร้าวเพียงใดก็ตาม
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!