"พรึ่บ!"
เสียงดังสนั่นพร้อมกับแรงกระแทกมหาศาลทำให้ "ธีภพ" หรือที่เพื่อนๆ เรียกติดปากว่า "เจ้าชายแห่งวงการวิศวะ" ถึงกับกระเด็นไปชนกำแพงห้องแล็บเก่าๆ ของมหาวิทยาลัย แรงสะท้อนทำให้แว่นตาหนาเตอะหลุดจากใบหน้า ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของเขาจะร่วงลงไปกองกับพื้น พลางขยี้ตาที่ยังคงมึนงง พยายามปรับโฟกัส ภาพตรงหน้าเบลอไปหมดราวกับจอโทรทัศน์ที่สัญญาณรบกวน
"อะไรกันเนี่ย?" ธีภพพึมพำ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง พลางหยิบแว่นที่ตกอยู่ข้างตัวมาสวม ภาพที่คมชัดขึ้นไม่ได้ช่วยให้ความสับสนลดลงเลยแม้แต่น้อย
ห้องแล็บที่คุ้นเคยหายไปไหน? แทนที่ด้วยทิวทัศน์แปลกตาเบื้องหน้า มีต้นไม้สูงใหญ่เสียดฟ้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ผืนหญ้าสีเขียวสดที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา และอากาศที่บริสุทธิ์จนน่าตกใจ ความเงียบสงัดเข้าแทนที่เสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงพัดลมของคอมพิวเตอร์ที่เขาคุ้นชิน
"นี่มัน...ป่าเหรอ?" ธีภพกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างไม่เชื่อสายตา มือเรียวหยิบสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของเขาขึ้นมาเปิดดู แต่หน้าจอไร้สัญญาณบ่งบอกถึงการเชื่อมต่อใดๆ ราวกับเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยที่สุดในโลกกลายเป็นเพียงแท่งเหล็กไร้ประโยชน์
"บ้าไปแล้ว! นี่ฉันหลุดมาอยู่ในเกมหรือไงวะ?"
ขณะที่ธีภพกำลังยืนงงกับสถานการณ์ที่เหนือความคาดหมายอยู่นั้น เสียงฝีเท้ากระทบใบไม้แห้งก็ดังมาจากทางด้านหลัง เขาหันขวับไปมองอย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นระรัวด้วยความประหม่า ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้วิศวกรหนุ่มตาค้าง
หญิงสาวนางหนึ่งในชุดผ้าไหมสีฟ้าอ่อนงดงาม ผมยาวสลวยถูกถักเป็นเปียประดับด้วยดอกไม้ป่า ดวงตาเรียวรีคมกริบแต่แฝงแววหงุดหงิดเล็กน้อย ใบหน้าเรียวรูปไข่งดงามราวภาพวาด เธอยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะกวาดมองมาที่เขาด้วยแววตาประเมินปนดูถูกเหยียดหยาม
"เจ้าเป็นใคร? บังอาจนักที่บุกรุกเขตหวงห้ามของข้า!" เสียงหวานใสแต่แฝงความเย็นชาดังขึ้น ทำให้ธีภพสะดุ้งเล็กน้อย
"เขตหวงห้าม? คุณเป็นใครเนี่ย?" ธีภพตอบกลับอย่างงุนงง พลางก้มมองสำรวจตัวเองในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาดๆ กับรองเท้าผ้าใบเก่าๆ ที่ดูจะขัดกับความหรูหราของอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง
หญิงสาวขมวดคิ้วแน่น ใบหน้างดงามบัดนี้เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
"เจ้าบังอาจถามว่าข้าเป็นใคร? นี่เจ้าไม่รู้จักองค์หญิง 'อวิ๋นซี' เชียวหรือ! เจ้าบ้า! หรือเจ้ามาจากเผ่าอนารยะที่ไร้อารยธรรมกันแน่!"
องค์หญิงอวิ๋นซี! คำนั้นทำให้ธีภพถึงกับอ้าปากค้าง สมองของเขากำลังประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยทำมา... ไม่จริงน่า! นี่เขาไม่ได้แค่หลุดมาในป่า แต่หลุดมาในโลกยุคโบราณงั้นเหรอ? และที่สำคัญกว่านั้น เขาเพิ่งจะไปต่อปากต่อคำกับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์เข้าให้แล้ว!
"เจ้าบ้า! หรือเจ้ามาจากเผ่าอนารยะที่ไร้อารยธรรมกันแน่!"
คำพูดขององค์หญิงอวิ๋นซีดังก้องในโสตประสาทของธีภพ เขามองหญิงสาวตรงหน้าตาไม่กะพริบ ใบหน้างามเชิดรั้น ดวงตาคมกริบจ้องมองมาอย่างไม่ปิดบังความรังเกียจ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่งุนงงสับสน แต่สัญชาตญาณของการเอาตัวรอดก็เริ่มทำงาน
"เอ่อ... คือว่า... ผมไม่ได้ตั้งใจจะบุกรุกนะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนเหมือนกัน" ธีภพพยายามอธิบายอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์กับรองเท้าผ้าใบเก่าๆ ดูจะแปลกแยกจากองค์หญิงในชุดผ้าไหมงดงามราวฟ้ากับเหว ไม่แปลกที่เธอจะมองเขาเป็นพวกอนารยะ
องค์หญิงอวิ๋นซีหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน "ไม่รู้ที่ไหนรึ? เจ้าเป็นคนแรกที่กล้าพูดเช่นนี้ในเขตป่ามังกรดำ! หรือว่าเจ้าจะแกล้งโง่เพื่อซ่อนเร้นฐานะบางอย่าง!"
"ป่ามังกรดำ?" ธีภพทวนคำพลางกวาดสายตาไปรอบๆ ป่าทึบเบื้องหลังหญิงสาวต้นไม้สูงใหญ่เสียดฟ้าที่มองไม่เห็นยอด เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องระงม บรรยากาศดูแปลกพิสดารและอันตรายไปพร้อมๆ กัน "ผมชื่อธีภพ เป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ ไม่ใช่พวกสอดแนมอะไรทั้งนั้น ผมแค่... เผลอหลุดมาที่นี่ครับ"
"วิศวกรซอฟต์แวร์? นั่นมันอะไรกัน? เจ้ากำลังกล่าววาจาเหลวไหลอันใด!" องค์หญิงอวิ๋นซีขมวดคิ้วแน่น ความหงุดหงิดเพิ่มขึ้นอีกระดับ "นี่เจ้าจะมาหลอกลวงข้าด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้รึ! พวกเจ้าองครักษ์! จับตัวมันไปสอบสวน!"
ทันใดนั้นเอง ชายชุดดำหลายนายก็ปรากฏตัวขึ้นจากพุ่มไม้รอบด้าน พวกเขาสวมชุดคลุมสีเข้ม ปิดบังใบหน้าเกือบหมดจด เว้นเพียงดวงตาที่คมกริบและแฝงแววเย็นชา ทุกคนถือดาบยาวในมือ เตรียมพร้อมจะเข้ามาจับกุมธีภพ
ธีภพถอยหลังไปสองก้าว "เดี๋ยวก่อนครับ! นี่มันเข้าใจผิดกันใหญ่แล้ว! ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลยจริงๆ!"
"เจ้าพูดมากไปแล้ว!" องค์หญิงอวิ๋นซีสั่งเสียงเฉียบขาด "นำตัวมันไป!"
ก่อนที่องครักษ์จะเข้าประชิดตัว ธีภพก็ตัดสินใจวิ่งหนี เขารู้สึกว่าถ้าถูกจับไป คงต้องเจอเรื่องยุ่งยากแน่ๆ ด้วยทักษะการวิ่งที่เคยใช้หนีอาจารย์ตอนเรียนวิศวะ ทำให้เขาพอมีแรงฮึด เขาวิ่งสุดฝีเท้า พุ่งทะยานเข้าไปในป่าทึบโดยไม่คิดชีวิต
"เร็วเข้า! อย่าให้มันหนีไปได้!" เสียงขององค์หญิงอวิ๋นซีดังไล่หลังมาติดๆ
ธีภพวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ใบหน้าหล่อเหลาที่มักจะถูกบดบังด้วยแว่นตาบัดนี้เต็มไปด้วยเหงื่อ แว่นตาที่เพิ่งสวมก็ถูกถอดออกแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อไปแล้ว การวิ่งในป่าที่ไม่คุ้นเคยเป็นเรื่องยากลำบาก กิ่งไม้เกี่ยวเสื้อผ้าจนขาด รอยขีดข่วนปรากฏขึ้นตามแขนขา แต่เขาก็ไม่หยุด วิ่งต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...
"แอ๊ก!"
เท้าของเขาไปสะดุดเข้ากับรากไม้ขนาดใหญ่ ร่างกายของธีภพเสียหลัก ล้มคว่ำไม่เป็นท่า ศีรษะกระแทกกับพื้นดินอย่างจัง ภาพตรงหน้าหมุนคว้างไปหมด ก่อนที่โลกทั้งใบจะมืดดับลง
องค์หญิงอวิ๋นซีและองครักษ์ตามมาถึงในไม่ช้า เมื่อเห็นธีภพนอนแน่นิ่งไปแล้ว องค์หญิงก็ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
"ไอ้คนบ้า! แค่วิ่งแค่นี้ก็สลบแล้วรึ?" เธอพึมพำ ก่อนจะสั่งองครักษ์ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย "นำตัวมันไปที่ตำหนักหลวง คุมขังไว้ในคุกใต้ดิน ให้คนหมอหลวงตรวจดูอาการ อย่าให้มันตายเสียก่อน ข้ายังต้องสอบสวนมันอีกมาก!"
องครักษ์รับคำสั่ง ก่อนจะช่วยกันยกตัวธีภพขึ้น พลางลากเขาไปตามเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่ใจกลางป่ามังกรดำ ลึกเข้าไปในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย ธีภพยังคงสลบไสล ไม่รู้เลยว่าชีวิตของเขาเพิ่งจะเริ่มต้นเข้าสู่บทใหม่ที่วุ่นวาย ซับซ้อน และเต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นในโลกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
แสงสว่างจ้าบาดตาทำให้ธีภพรู้สึกตัว เขาพยายามลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพแรกที่เห็นคือเพดานหินสกัดหยาบๆ มีหยดน้ำเกาะพราว ก่อนจะหยดลงมาเป็นจังหวะ "ติ๋ง... ติ๋ง..."
กลิ่นอับชื้นและกลิ่นดินโคลนคละคลุ้ง เขารู้สึกปวดหัวตุบๆ ราวกับมีใครเอาค้อนมาทุบซ้ำๆ ธีภพพยายามขยับตัว แต่ก็พบว่าข้อมือและข้อเท้าถูกล่ามด้วยโซ่เหล็กเส้นใหญ่ที่ยึดติดกับผนังหินอย่างแน่นหนา
"โอ๊ย..." เขาครางออกมาเบาๆ
"ตื่นแล้วรึเจ้าคนแปลกหน้า!" เสียงห้าวๆ ดังขึ้นจากมุมมืดของห้องขัง ธีภพหันไปมอง เห็นชายร่างใหญ่ในชุดองครักษ์กำลังนั่งกอดอกจ้องมองมาด้วยแววตาไม่เป็นมิตร
"ที่นี่ที่ไหนครับ? แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" ธีภพถามเสียงแหบพร่า พยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้... ป่า... องค์หญิงอวิ๋นซี... วิ่งหนี... สะดุดล้ม...
"เจ้าลืมไปแล้วรึว่าบังอาจบุกรุกเขตป่ามังกรดำ และยังหนีการจับกุมขององค์หญิงอีก!" องครักษ์ตอบเสียงเข้ม "ที่นี่คือคุกใต้ดินของตำหนักหลวง!"
"ตำหนักหลวง? คุกใต้ดิน?" ธีภพขมวดคิ้วแน่น เขาลองหลับตาแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง หวังว่าทั้งหมดจะเป็นเพียงความฝันร้าย แต่ภาพเดิมๆ ก็ยังคงปรากฏอยู่ตรงหน้า "ไม่จริงน่า! นี่มันไม่ใช่ความฝันจริงๆ เหรอเนี่ย?"
เขานึกถึงห้องแล็บที่กำลังพัฒนาระบบ AI ขั้นสูง นึกถึงบรรยากาศในมหาวิทยาลัย เพื่อนร่วมงาน เสียงเครื่องจักร แสงไฟนีออน... ทุกอย่างล้วนเป็นความจริงที่เขาคุ้นเคยมาตลอดสามสิบปี
"ตลกสิ้นดี! คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ อย่างนั้นรึ!" องครักษ์เย้ยหยัน
"คุณเชื่อผมนะ ผมมาจากอีกโลกหนึ่งจริงๆ!" ธีภพพยายามอธิบาย "ผมเป็นวิศวกร... ระบบAI... อินเทอร์เน็ต..."
องครักษ์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาที่เคยแข็งกร้าวฉายแววพิศวงวูบหนึ่ง "ไร้สาระ! เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไร! AI? อินเทอร์เน็ต? พูดจาเพ้อเจ้อ!"
"คุณฟังผมนะ มันไม่เพ้อเจ้อเลยจริงๆ!" ธีภพพยายามจะทำให้ชายตรงหน้าเข้าใจ เขาแหงนหน้ามองเพดานหิน มองดูหยดน้ำที่ไหลลงมา เหมือนจะปลอบใจตัวเองว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็นความจริงที่โหดร้าย "ผมแค่กำลังทำงานวิจัยอยู่ดีๆ ก็มีแสงประหลาดปรากฏขึ้น แล้วผมก็มาโผล่ที่นี่ทันที!"
"แสงประหลาด? ฮึ่ม!" องครักษ์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้กรงขัง "รู้หรือไม่ว่ามีคนเคยพยายามแสร้งบ้าเพื่อหนีการลงโทษ แต่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ!"
ธีภพถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดูเหมือนจะไม่มีใครเชื่อเขาเลยสักคน เขามองไปรอบๆ กรงขังที่ทำจากเหล็กหนาแน่น ภายในคุกมืดมิด มีเพียงแสงสลัวๆ จากคบเพลิงที่แขวนอยู่ไกลออกไป อากาศหนาวเย็นยะเยือกจนขนลุกไปทั้งตัว
"แล้ว... องค์หญิงอวิ๋นซีอยู่ที่ไหนครับ?" ธีภพถามเสียงอ่อน เขาจำได้ว่าเธอเป็นคนสั่งจับเขา
"เจ้ากล้าเรียกพระนามองค์หญิงตรงๆ รึ! บังอาจนัก!" องครักษ์ตวาดเสียงดัง "องค์หญิงกำลังพักผ่อนอยู่ และเจ้าจะถูกสอบสวนโดยท่านราชครูในเช้าวันพรุ่งนี้! จงเตรียมตัวรับโทษทัณฑ์ได้เลย!"
คำว่า 'โทษทัณฑ์' ทำให้ธีภพใจแป้ว เขาไม่รู้เลยว่าโทษทัณฑ์ในโลกนี้มันร้ายแรงแค่ไหน จะโดนตัดหัว หรือโดนประหารชีวิตเลยรึเปล่า? เขาที่ปกติใช้ชีวิตอยู่แต่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่เคยเจอสถานการณ์เฉียดตายแบบนี้มาก่อน
ความวิตกกังวลถาโถมเข้ามาในใจ เขามองไปที่ข้อมือที่มีโซ่ล่ามอยู่ โซ่เหล็กที่เย็นเฉียบและหนักอึ้งช่างแตกต่างจากเมาส์และคีย์บอร์ดที่เขาเคยใช้ ชีวิตของธีภพพลิกผันจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี มาเป็นนักโทษในคุกใต้ดินของโลกที่เขาไม่รู้จักเพียงชั่วข้ามคืน... และเขาก็ไม่รู้เลยว่าอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!