NovelToon NovelToon

สุดที่รักของแสนซน

เช้าอันไม่ธรรมดา

เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้งติดกันตามจังหวะที่แสนซนคุ้นเคย

“คุณหนูขา ตื่นได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะไปเรียนสายนะคะ!”

เสียงแม่บ้านดังลอดประตูเข้ามา พร้อมเสียงฝนที่ตกปรอย ๆ เบา ๆ ด้านนอกหน้าต่าง

แสนซนที่นอนกอดตุ๊กตาแน่นเหมือนเด็กไม่ยอมโตพลิกตัวครางในลำคอ

หมอนนุ่มเกินไป อากาศในห้องเย็นเกินไป และใจของเธอก็ยังติดอยู่กับความฝันเมื่อคืน

แต่แล้วเสียงแม่บ้านก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้มีเสียงฝีเท้าหนักขึ้นนิดหน่อยเหมือนกำลังจะเปิดประตูเข้ามาจริง ๆ

“คุณผู้หญิงเรียกให้ลงไปกินข้าวด้วยกันค่ะ!”

“…โอเคค่ะ ตื่นแล้วก็ได้…” แสนซนบ่นพึมพำก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง

เมื่อเธอลงมาถึงชั้นล่างของบ้านหลังใหญ่ กลิ่นข้าวต้มหมูหอมกรุ่นลอยมาแตะจมูก

โต๊ะอาหารยาวตรงกลางมีคนในครอบครัวนั่งกันพร้อมหน้า คุณแม่ที่นั่งเรียบร้อยอยู่ฝั่งหัวโต๊ะ พี่ชายคนโตที่กำลังคนกาแฟ และคุณพ่อที่กำลังอ่านข่าวจากแท็บเล็ต

“ตื่นสายอีกแล้วนะเรา” คุณแม่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงความเข้มงวด

“ขอโทษค่ะแม่...เมื่อคืนหนูอ่านหนังสือดึกไปหน่อย” แสนซนแถไปพลางทรุดตัวลงนั่ง

พี่โซ่มองมาด้วยแววตาเอ็นดูปนล้อเลียน “อ่านหนังสือหรือแชทกับเพื่อน?”

“พี่โซ่อ่ะ...” แสนซนย่นจมูกใส่

โต๊ะอาหารเงียบลงนิดหน่อย

พี่โซ่ยกยิ้มเล็ก ๆ วางแก้วกาแฟลงแล้วพูดเหมือนโยนระเบิดเล็ก ๆ กลางโต๊ะ

"ไอ้รักจะกลับมาจากปารีสวันนี้นะครับ ”

มือที่กำลังตักข้าวต้มชะงักค้าง แสนซนเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตากระพริบถี่เล็กน้อย

“ห้ะ? จะกลับมาแล้วหรอคะ?”

“อืม เราคงยังไม่รู้สินะ” พี่โซ่ยักไหล่ “ตอนอยู่ปารีสก็ติดต่อกับพี่กับพวกไอ้สกายบ้าง เห็นว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่สักพัก”

“หนูไม่อยู่กินข้าวแล้วค่ะ เดี๋ยวจะไปมหา’ ลัยก่อน เดี๋ยวไม่ทันโปรเจกต์ที่อาจารย์นัด”

“ลูกยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ” คุณแม่ขมวดคิ้ว

“หนูซื้อขนมปังระหว่างทางได้ค่ะ” แสนซนคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องโดยไม่รอคำอนุญาต

พี่โซ่มองตามยิ้มบาง ๆ แล้วพึมพำ “ท่าทางจะไม่ดีใจที่ได้เจอไอ้รักเลยแฮะ”

ในคลาสเรียนเต็มไปด้วยเสียงคุยจอแจ

แสนซนนั่งลงพร้อมโน้ตบุ๊ก เธอยังรู้สึกหงุดหงิดในใจแบบไม่มีเหตุผล

ยูอิ เพื่อนสาวสายหวาน และสตาร์ เพื่อนซี้จอมวางแผน เดินมาทิ้งตัวนั่งข้าง ๆ

“แสนซน! ทำไมวันนี้ทำหน้าบูดขนาดนั้นล่ะเกิดไรขึ้น?”

“อย่าบอกนะว่า... ยังโกรธที่เค้กโดนแย่งเมื่อวันก่อน?”

“ไม่ใช่!” แสนซนตัดบทก่อนจะถอนหายใจ

“คือพี่รัก... กลับมาแล้วน่ะ”

ทั้งยูอิและสตาร์ชะงักไปเล็กน้อย

"พี่รัก? คนที่พูดข้ากับเอ็งอ่ะนะ?” ยูอิเลิกคิ้วสูง

“โอ้โห นึกว่าจะอยู่ปารีสจนเรียนจบไปเลย”

“แล้วตอนนี้อยู่ที่บ้านเธอหรอ?” สตาร์ถาม

แสนซนส่ายเบา ๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนี “ยังไม่รู้เหมือนกัน…แต่ก็คงไม่กลับไปนอนที่บ้านหรอก เพราะคนที่บ้านนั้นนิสัยไม่ดีจะตาย”

ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงอาจารย์หน้าห้องก็ดังขึ้นเรียกความสนใจ

“วันนี้เราจะเริ่มต้นโปรเจกต์กลุ่มนะครับ เป็นงานโฆษณาสินค้า โดยนักศึกษาต้องรับผิดชอบตั้งแต่ครีเอทีฟไปจนถึงโปรดักชัน ถ่ายภาพ ส่งงานจริงทั้งหมดภายใน1สัปดาห์”

ทั้งห้องเริ่มเสียงดังขึ้นเล็กน้อย บางคนเริ่มคิดคอนเซ็ปต์ทันที แต่แสนซนกลับหันไปบ่นกับเพื่อนเบา ๆ

“เราจะหาช่างภาพจากไหนกันล่ะ?”

ยูอิถอนหายใจ “ถ่ายเองไม่รอดแน่ รูปจะเบี้ยวหมด”

สตาร์ทำท่าครุ่นคิดแล้วดีดนิ้ว

“เดี๋ยวเราลองไปถามพี่สกายดูดีกว่า พี่เขาเป็นเพื่อนกับพี่รักนี่นาอาจจะพอมีสตูดิโอให้เรายืมก็ได้!”

แสนซนเบิกตากว้าง “ห้ะ! จะไปขอพี่รักช่วยเนี่ยนะ?”

“พี่เขาก็ถ่ายรูปเก่งนี่นาแถมยังเป็นเพื่อนกับพี่สกาย พี่ชายเราอีก...ลองดูไหม?”

สตาร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ “หรือแสนซนกลัวพี่เขา?”

“ไม่ใช่สักหน่อย!” แสนซนหน้าแดงแล้วเบือนหน้าหนี

ยูอิกับสตาร์หัวเราะพร้อมกัน โดยไม่ลืมแลกสายตาอย่างรู้ทันว่า

"ดูท่าทางจะมีดราม่าน่ารัก ๆ อีกแน่นอน..."

ประตูบานไม้สีเข้มของคอนโดถูกผลักออกด้วยแรงที่ไม่ได้หนักหนา แต่ก็ไม่ได้เบานัก

แสนซนเดินเข้ามาในห้องภายในคอนโดอย่างอ่อนแรง วันนี้ทั้งเรียน ทั้งคิดงาน ทั้งรับมือกับเรื่อง “คนที่ไม่อยากเจอ” ยังดีที่คืนนี้จะได้อยู่คนเดียว เธอคิดแบบนั้น…

แต่ทว่า…

“โอ้โห... ไม่คิดว่าจะกลับมาดึกขนาดนี้ ข้าเกือบจะหลับไปแล้วนะ”

เสียงนั้น... เสียงที่ชัดเจนและคุ้นเคยจนขนลุกวาบ

ดวงตากลมโตของแสนซนเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา เธอเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังนั่งสบาย ๆ อยู่บนโซฟากลางห้อง รับลมแอร์และถือแก้วน้ำเย็นในมือ

สุดที่รัก...

“พี่...พี่รัก??” เสียงของแสนซนสูงขึ้นในทันที “พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?”

ที่รักเงยหน้าขึ้นมองแสนซนพร้อมยักคิ้วให้ “ไอ้โซ่ไง พี่ชายของเอ็ง...บอกว่าคอนโดมีห้องว่าง มันก็เลยชวนข้ามาอยู่ด้วย”

“ห้ะ?! แล้วทำไมพี่โซ่ไม่บอกหนูก่อนล่ะ!” แสนซนพูดเสียงดัง ใบหน้าเริ่มแดงด้วยความโกรธ

“นี่มันห้องของหนูนะ!”

“ก็ใช่” ที่รักยังคงมีสีหน้าสบาย ๆ ไม่สะทกสะท้าน

“แต่ห้องนี้เอ็งก็ไม่ค่อยได้อยู่ ไอ้โซ่บอกว่าเอ็งชอบอยู่บ้านซะมากกว่า”

“นั่นมันก็เรื่องของหนูนี่คะ!” แสนซนวางกระเป๋าเสียงดัง หงุดหงิดชัดเจน

ที่รักไม่พูดอะไรต่อ เธอเพียงยกแก้วน้ำขึ้นจิบ ดวงตาคมมองแสนซนอย่างไม่หลบสายตา รอยยิ้มขี้เล่นแตะมุมปากเล็กน้อย เหมือนจงใจยั่วโมโห

“เอ็งไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอก ข้าก็ไม่ได้อยากกลับไปอยู่บ้านเหมือนกัน เข้าใจกันหน่อยดิ”

แสนซนถอนหายใจอย่างแรง พูดพึมพำกับตัวเอง

“บ้าชะมัด พี่โซ่นะพี่โซ่...เรื่องแค่นี้ไม่คิดจะถามกันก่อนบ้างเลย”

เธอเดินเข้าไปยังห้องนอนของตัวเองก่อนจะหยุดแล้วหันกลับมา

“พี่จะอยู่ก็ตามใจ แต่ห้ามวุ่นวายกับของของหนูเด็ดขาด ห้ามยุ่งกับขนมในตู้เย็น ห้ามใช้ห้องน้ำหนู ห้าม—”

“จะห้ามอะไรนักหนาเนี่ยยัยคุณหนู” ที่รักพูดขัดขึ้นมา ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ

“พี่...!”

ก่อนที่บทสนทนาจะยืดยาวกว่านี้ เสียงโทรศัพท์ของแสนซนก็ดังขึ้น

เธอก้มลงดูเป็นข้อความจากยูอิ

“โปรเจกต์ถ่ายแบบ อาจารย์ต้องการให้ส่งคอนเซ็ปต์พรุ่งนี้และต้องส่งงานภายในอาทิตย์นี้นะ แสนซนต้องรีบตัดสินใจแล้วนะ”

แสนซนกัดริมฝีปากตัวเองเล็กน้อย... แล้วเงยหน้าขึ้นมองที่รักที่ยังนั่งเฉยอยู่บนโซฟาเหมือนเป็นเจ้าของห้องเสียเอง

“พี่รักคะ...” เธอเอ่ยเสียงเบากว่าปกติ "หนูมีเรื่องจะขอ”

ที่รักเลิกคิ้ว มองด้วยแววตาสงสัยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

“พอดีมหาวิทยาลัยมีโปรเจกต์ถ่ายแบบโฆษณาสินค้า แล้วหนู...ต้องหาช่างภาพให้ทันภายในอาทิตย์นี้”

“อ๋อ” ที่รักพยักหน้า ช้า ๆ เหมือนคนที่รู้อยู่แล้วว่าเธอจะพูดอะไรต่อ

“แล้วเอ็งจะให้ข้าช่วย?”

“ใช่ค่ะ...” แสนซนเบือนหน้าหลบสายตานั้นเล็กน้อย

“หนูอยากให้พี่เป็นคนถ่ายให้”

เงียบ...

เงียบแบบที่ทำให้แสนซนเริ่มไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือไม่

แต่แล้วเสียงต่ำทุ้มก็ตอบกลับมาเรียบ ๆ

“ได้สิ”

“จริงหรอคะ?”

“อืม...แต่ข้าจะไม่ทำให้ฟรี ๆ หรอกนะ”

ที่รักเอนหลังพิงพนักโซฟา ดวงตาคมกริบมองตรงมาที่เธอ

“แลกกับการให้ข้าอยู่ที่นี่”

“…ตกลงค่ะ” แสนซนตอบสั้น ๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป

เสียงปิดประตูดัง “ปัง” อย่างแรง พร้อมกับเสียงหัวเราะเบา ๆ จากโซฟา

ที่รักเอนหัวพิงพนัก มองประตูห้องแสนซนอย่างพอใจ

“แบบนี้สิ ถึงจะสนุกหน่อย"

มือหนึ่งเรื่องกล้องกับมือใหม่เรื่องหัวใจ

เช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านผ้าม่านลงมาสะท้อนบนพื้นไม้ของคอนโด

เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเบา ๆ ในห้องนอนของแสนซน เธอเอื้อมมือไปกดปิดอย่างเชื่องช้า

ในหัวมีแต่ภาพความวุ่นวายเมื่อวานที่เพิ่งเกิดขึ้น

การที่ “ที่รัก” มาอยู่ที่คอนโดเดียวกันโดยไม่บอกกล่าวมันทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

แสนซนถอนหายใจยาว เธอลุกจากเตียงไปล้างหน้า ก่อนจะยืนอยู่หน้ากระจก บอกตัวเองเบา ๆ

“วันนี้ต้องคุยเรื่องงานให้รู้เรื่อง”

เธอแต่งตัวสบาย ๆ ด้วยเสื้อยืดสีครีมตัวโคร่งกับกางเกงผ้าขายาว ก่อนจะรวบผมขึ้นลวก ๆ แล้วเดินออกจากห้อง

เดินตรงไปยังประตูอีกบานที่อยู่ถัดออกไปไม่กี่ก้าว…ประตูห้องของ “ที่รัก”

แสนซนยืนสูดลมหายใจหนึ่งครั้ง

กำมือแน่น แล้วเคาะประตูเบา ๆ สามครั้ง

ก็อก ก็อก ก็อก

เสียงฝีเท้าขยับเบา ๆ จากในห้อง เสียงคล้ายคนเดินลากรองเท้าแตะบนพื้นไม้

ประตูค่อย ๆ เปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าของเจ้าของห้อง ที่ตอนนี้ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เสื้อยืดยับยู่ยี่ และดวงตาปรือเล็กน้อยเหมือนคนเพิ่งตื่น

“อือ...เช้าไปหรือเปล่า ข้ายังไม่ทันได้ล้างหน้าเลย...” เสียงของที่รักแหบเล็กน้อยแต่ก็ไม่ลืมยิ้มล้อ

“ใครใช้ให้พี่นอนดึกล่ะ” แสนซนตอบทันควัน พยายามไม่สบตากับคนที่อยู่ในชุดนอนแบบนั้น

“มีอะไรล่ะ หรือจะมาเปลี่ยนใจไม่ให้ข้าถ่ายงานให้แล้ว?”

“เปล่า” เธอพูดอย่างเด็ดขาด “หนูมาคุยเรื่องงาน โปรเจกต์ถ่ายแบบของหนูต้องส่งคอนเซ็ปต์ให้อาจารย์ภายในวันนี้...”

ที่รักพยักหน้าเบา ๆ ยังพิงขอบประตูอยู่เหมือนยังไม่ตื่นเต็มที่

สายตาไล่มองแสนซนจากบนลงล่างอย่างไม่ปิดบังนัก

“ถ้างั้นรอแป๊บ เดี๋ยวข้าล้างหน้าแล้วออกไปกินข้าวด้วยกัน คุยงานตอนนั้นก็ได้”

แสนซนเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไมต้องกินข้าวด้วยกันล่ะ?”

“ก็ในเมื่อเราต้องทำงานร่วมกัน ต้องมีพลังงานตอนคุยงานไง” ที่รักยิ้มเจ้าเล่ห์ “หรือเอ็งจะให้ข้าคุยด้วยอารมณ์โมโหหิว?”

“ก็ได้...” แสนซนถอนหายใจ “แต่ถ้าพี่ทำให้โปรเจกต์หนูล่ม หนูจะ—”

“ข้าไม่ทำให้ล่มหรอกน่า” ที่รักพูดแทรกทันที

“รอสิบห้านาทีก็พอ เดี๋ยวข้าจะหล่อและพร้อมคุยงาน”

ประตูปิดลงเบา ๆ ทิ้งให้แสนซนยืนอยู่หน้าห้องด้วยหัวใจที่เต้นแรงอย่างไม่เข้าใจ

กลิ่นหอมของข้าวต้มหมูร้อน ๆ ลอยคลุ้งอยู่ทั่วห้องอาหารเล็ก ๆ ของคอนโด ที่โต๊ะไม้กลางห้อง แสนซนกำลังนั่งตรงข้ามกับที่รักอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก มือหนึ่งถือช้อน อีกมือหนึ่งวางไอแพดที่เปิด brief งานจากมหาวิทยาลัยไว้ตรงหน้า

ที่รักยังคงลวกปาท่องโก๋ลงในข้าวต้มอย่างใจเย็น ขณะที่สายตาก็มองหน้าจอในมือของแสนซนไปด้วย

“งานนี้อาจารย์ให้โจทย์ว่าเป็น โฆษณาสินค้าไลฟ์สไตล์ ต้องเลือกสินค้ามาสักหนึ่งชนิด แล้วจัดฉาก ถ่ายภาพ พร้อมสื่อสารอารมณ์กับกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน”

แสนซนพูดขณะเลื่อนภาพ mood board ที่เธอรวบรวมมาให้ดู

ที่รักพยักหน้า “สินค้าอะไร?”

“เซรั่มบำรุงผิวหน้า... ของแบรนด์ local ที่เพื่อนของยูอิเป็นตัวแทนจำหน่ายค่ะ”

“โอเค” ที่รักละมือจากช้อน หยิบกระดาษโน้ตในกระเป๋ามาจดทันที พร้อมเสียงพูดที่กลับมาเป็นโทนจริงจังขึ้น

“ถ้าเป็นเซรั่ม กลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้หญิงวัย 18-30 ปี ต้องการภาพที่ให้ความรู้สึก clean, fresh, natural หรือไม่ก็ soft luxury แบบที่เห็นในแคมเปญพวก Glossier หรือ La Mer เวอร์ชันมินิมอล”

“หนูอยากได้แนวใส ๆ แบบดูเข้าถึงง่าย ไม่หรูเกินไป แต่ก็ไม่ดูเหมือนถ่ายเล่นที่บ้านน่ะค่ะ” แสนซนเสริม

ที่รักยิ้มมุมปากนิด ๆ ก่อนจะเขียนโน้ตต่อ

“แนวคิดหลัก: Pure but confident beauty

Mood & Tone: แสงธรรมชาติ โทนอุ่น-ขาว สะอาด ใช้ prop น้อย

Location: สตูดิโอฉากสีครีมหรือห้องแสงธรรมชาติ

องค์ประกอบ: close-up shot กับ mid-shot, ใช้ DOF ตื้นเพื่อเน้น texture ผิว

เทคนิคแสง: ใช้ softbox หรือ light diffuser จำลองแสงหน้าต่าง

กล้องที่ใช้: Sony A7R IV + เลนส์ 85mm f/1.4 สำหรับพอร์เทรต

ฟิลลิ่ง: ผู้หญิงดูมั่นใจ แต่ยังมีความอ่อนโยนในแววตา”

แสนซนนั่งฟังอย่างอึ้งปนประทับใจ ไม่คิดว่าคนอย่างที่รักจะวางแผนได้ละเอียดขนาดนี้

“นี่...พี่เคยทำงานสายนี้มาก่อนหรอคะ?” เธออดถามไม่ได้

ที่รักเงยหน้าขึ้นจากโน้ต มองเธอพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ ที่ดูจริงใจกว่าทุกทีที่ผ่านมา

“ก็พอมีบ้าง ตอนอยู่ปารีส ข้าเคยฝึกงานกับ creative agency ที่ทำแคมเปญให้แบรนด์สกินแคร์... ถ่ายคนมันไม่เหมือนถ่ายวิวหรืองานอีเวนต์ มันต้องจับอารมณ์เฉพาะจุดให้ได้”

“...เกินคาดแฮะ” แสนซนพึมพำ

“อะไรนะ?”

“เปล่าค่ะ” เธอรีบปฏิเสธ พร้อมเบนสายตาไปที่จานข้าวต้ม “แล้วเราจะเริ่มถ่ายเมื่อไหร่คะ?”

“อีกสามวัน... ข้าจะเช็กสตูดิโอก่อนว่าว่างไหม” ที่รักก้มลงจดวันนัดหมาย

“อื้อ...ได้ค่ะ” แสนซนพยักหน้าเบา ๆ

---

ภายในสตูดิโอกลางเมือง เพดานสูงโปร่ง ผนังสีขาวสะอาด เครื่องไฟฟ้า กล้อง ขาตั้ง และพร็อพถูกจัดเรียงเรียบร้อย

แสงแดดยามสายลอดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่เข้ามาเติมความอบอุ่นให้กับพื้นที่โล่งที่เต็มไปด้วยความเงียบ...ก่อนงานเริ่ม

“เอ็งพร้อมหรือยัง?”

เสียงของที่รักถามขึ้นขณะเดินถือ clipboard เข้ามาในบริเวณเซ็ตถ่าย

แสนซนพยักหน้า แม้จะรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าอย่างปฏิเสธไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาอยู่หน้ากล้องในสตูดิโอจริง ๆ

ไม่ใช่แค่ถ่ายงานมหาลัยทั่วไป แต่เป็นระดับที่มีทีมงาน มีเซ็ต มีอุปกรณ์ครบเหมือนมืออาชีพ

ที่รัก หยุดอยู่หน้าทีมงานประมาณ 3-4 คน ซึ่งกำลังเตรียมไฟและพร็อพ รวมถึงมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้เขากว่าคนอื่น

หญิงสาวผมยาวสีแดงรวบสูง ใส่เสื้อแจ็คเก็ตหนังเล็ก ๆ กับบูทสูง ดูมั่นใจและเท่

เธอเหลือบตามองแสนซนแวบหนึ่ง ก่อนเบือนหน้าไปอย่างไม่แสดงความรู้สึก

“ขอบคุณทุกคนที่มากันวันนี้นะ”

ที่รักพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่เปี่ยมพลัง

แววตาเปลี่ยนจากล้อเล่นเป็นมืออาชีพทันทีที่เริ่มงาน

“งานวันนี้เป็น commercial shoot สำหรับสินค้าสกินแคร์ เซรั่มบำรุงผิว

Mood ที่เราจะใช้คือ: clean, minimal, soft luxury

จุดขายของงานนี้คือ ‘ผิว’ ดังนั้นทุกอย่างต้องซัพพอร์ตความเนียน สว่าง และความรู้สึกสงบ

เราจะถ่ายทั้งหมด 3 คอมโพส

Close-up shot ที่จับ texture ผิวและสินค้า

Mid-shot lifestyle เพื่อสื่อ mood ของแบรนด์

Interaction shot — มือกับผิวหน้า เน้น soft focus และ composition balance”

ทีมงานพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“แสงวันนี้ใช้ทั้ง natural light + softbox เสริม มุมหลักเราคือจากขวาและหลังเพื่อสร้าง rim light เบา ๆ รอบเส้นผม

เขาหันกลับไปมองแสนซน

“เอ็งคือ key visual ของงานนี้นะแสนซน อย่ากังวลอะไรเกินไป คิดแค่ว่าเรากำลัง ‘เล่าเรื่องของความสวยแบบไม่พยายาม’ ผ่านภาพอย่าฝืนโพส ข้าจะคอยไกด์ให้ตลอด แต่ขอให้เอ็งรู้ว่า...ข้าจะจับทุกแววตา ทุกการกระพริบที่เป็นธรรมชาติที่สุดของเอ็ง”

แสนซนเผลอสะดุ้งนิด ๆ กับคำพูดสุดท้าย

แววตาที่รักเวลาทำงานมันต่างจากตอนปกติมากจนทำให้เธอรู้สึกใจเต้นเบา ๆ

แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมา

“แล้วหนูต้องทำอะไรบ้างคะพี่ที่รัก?”

เซน่าหญิงสาวที่ยืนข้างเขาเอ่ยขึ้น น้ำเสียงดูเป็นทางการแต่แฝงแววติดหวงนิด ๆ

“ช่วยดูเรื่องเช็กแสงกับผิวขาวบนภาพให้ด้วยนะ และช่วย stand by สำหรับ reflector เผื่อข้าขอ”

ที่รักพูดโดยไม่หันมองเธอมากนัก

“ค่ะ” เซน่าตอบรับเสียงเรียบ แต่สายตาเธอกลับเหลือบมามองแสนซนอย่างไม่เป็นมิตร

แสนซนสัมผัสได้ทันที อะไรบางอย่างในแววตาคู่นั้นไม่ใช่เรื่องการทำงาน

มันมีคำถามแฝงอยู่

"เธอเป็นใคร?"

"เธอสนิทกับพี่เขาขนาดไหน?"

"เธอมีสิทธิ์อะไรอยู่ตรงนี้?"

แต่แสนซนเลือกจะไม่สนใจ

เธอก้าวเข้าไปนั่งยังโซฟาหน้าเซ็ต หยิบเซรั่มขึ้นมาถือไว้อย่างที่ซ้อมมา

แล้วหันไปสบตาที่รักที่อยู่หลังกล้อง

เขายิ้มบาง ๆ พร้อมยกกล้องขึ้นประจำที่

“พร้อมนะ เอ็งจะสวยในแบบที่เอ็งเป็นนั่นแหละ”

แสงแฟลชแรกปรากฏขึ้น…

เสียงชัตเตอร์แรกดัง

และเกมของสายตา ระหว่าง “มืออาชีพ” และ “ความรู้สึกส่วนตัว” ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ความรู้สึกที่พูดไม่ออกในห้องน้ำเงียบๆ

หลังจากการถ่ายงานผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทีมงานทุกคนต่างรู้สึกโล่งใจและมีความสุขกับผลลัพธ์ที่ได้

รูป preview ที่โชว์ผ่านหน้าจอทำให้แสนซนถึงกับตะลึงในฝีมือของที่รัก

เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะดูสวยแบบนั้น

ธรรมชาติ...จริงใจ...แต่ก็น่ามองอย่างประหลาด

เย็นวันนั้น ทั้งทีมจึงตกลงจะไปเลี้ยงฉลองกันที่ บาร์เล็ก ๆ ย่านใจกลางเมือง ที่เซน่าเป็นคนแนะนำ

ภายในร้านตกแต่งด้วยแสงไฟสีส้มอุ่น มีเสียงเพลงยุค 2000s เปิดคลอเบา ๆ กลิ่นเบียร์สดกับกลิ่นไม้เก่าชวนให้ผ่อนคลาย

ที่รักนั่งหัวโต๊ะ

ถัดมาเป็นเซน่า

อีกฝั่งเป็นแสนซน สตาร์ และยูอิ

โต๊ะเต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่ม

หลังจากกินดื่มกันไปพอประมาณ อารมณ์ก็เริ่มครื้นเครง

ยูอิเลยเสนอเกมเพื่อให้บรรยากาศสนุกยิ่งขึ้น

เกม "จริงหรือท้า" (Truth or Dare)

“เอาล่ะ! ใครหมุนขวดก่อนดีคะ?” ยูอิถามพร้อมยิ้มร้าย

สตาร์หมุนขวดก่อน

ปลายขวดหยุดที่... แสนซน

ยูอิรีบยื่นคำถาม “จริงหรือท้า?”

แสนซนเม้มปากนิดหนึ่งก่อนตอบเสียงเบา “...จริง”

“โอเค งั้นตอบมาว่า คนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้...มีใครทำให้ใจเต้นบ้างไหม?”

เสียงยูอิเต็มไปด้วยแววหยอก

แสนซนหน้าแดงเล็กน้อย สายตาเธอเหลือบไปทางที่รักเพียงเสี้ยววินาทีก่อนเบือนกลับ

“…ไม่รู้สิ”

ทุกคนหัวเราะ

ที่รักเองก็เลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่ได้พูดอะไร

รอบต่อไปขวดหยุดที่ ที่รัก

“ท้า!” ที่รักตอบทันทีโดยไม่ลังเล

ยูอิและสตาร์หันไปซุบซิบกันแล้วหัวเราะคิก

“งั้นหนูขอให้...พี่รัก ลุกไปกระซิบที่ข้างหูของใครก็ได้ในโต๊ะ แล้วพูดคำว่า ‘ข้าชอบเอ็ง’ ”

ยูอิพูดออกมาพร้อมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ เสียงโห่ร้องจากโต๊ะดังขึ้น ทุกคนลุ้นว่าเขาจะเลือกใครที่รักลุกขึ้น เดินไปช้า ๆ แล้ว...หยุดอยู่ด้านหลังแสนซน ก้มลงมากระซิบข้างหูเธออย่างช้า ๆ

“…ข้าชอบเอ็ง”

เสียงกระซิบต่ำ ๆ ทำให้ขนอ่อนของแสนซนลุกวาบ เสียงรอบโต๊ะพลันเงียบลงเหมือนทุกอย่างหยุดไปแค่เสี้ยววินาที แสนซนไม่กล้าหันไปมอง หัวใจเธอเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ เธอกำลังรู้สึกอะไรบางอย่าง...ที่ไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไปแล้วและมันไม่ใช่แค่เกม

หลังจากที่รักกระซิบจบ เธอกลับมานั่งที่เดิมอย่างสบาย ๆขณะที่แสนซนหน้าแดงจัด และพยายามไม่สบตากับใคร เสียงหัวเราะครื้นเครงค่อย ๆ กลับมาเหมือนเดิม ยกเว้นเพียงคนเดียว...

เซน่า

หญิงสาวผมยาวสีแดง ทาปากแดงจัดที่นั่งข้าง ๆ ที่รัก ตอนนี้ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเงียบ…แต่แววตากลับฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจน

เซน่าหยิบแก้วค็อกเทลขึ้นดื่มรวดเดียวหมด แล้ววางกระแทกเบา ๆ บนโต๊ะ จากนั้นเธอก็ยิ้มบาง ๆ ก่อนพูดขึ้นด้วยเสียงใส แต่ยังดูแข็งชัดเจน

“แหม...พี่ที่รักเล่นใหญ่จังเลยนะคะ แค่เกมสนุก ๆ เองไม่ใช่หรอคะ?”

โต๊ะทั้งโต๊ะเงียบไปอีกครั้ง ที่รักหันไปมองเซน่าเล็กน้อย ก่อนจะพูดนิ่ง ๆ

“ก็แค่เล่นตามเกม ไม่ได้ตั้งใจอะไรหรอก”

คำตอบนั้น…ฟังดูชัดเจน แต่เหมือนจงใจหยอดอะไรบางอย่างในน้ำเสียง

แสนซนยังไม่กล้าพูดอะไร เธอแค่ยกน้ำดื่มหลบสายตาทุกคน

เซน่าหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยื่นมือไปแตะแขนที่รักแบบประชิด แล้วพูดขึ้นเสียงเบา

“หนูว่า พี่น่าจะเลือกคนอื่นก็ได้นะคะ เดี๋ยวน้องเขาก็คิดว่าพี่ชอบหรอก ทั้งๆที่เป็นแค่เกม”

คำพูดนั้นแทงเข้าเป้า ทั้งโต๊ะนิ่งเงียบ ยูอิกับสตาร์รีบชวนเปลี่ยนเกม บรรยากาศกลับมาคลายเครียดบ้าง แต่ไฟในแววตาของเซน่า ไม่ได้ดับลงเลย เธอนั่งใกล้ที่รักตลอดทั้งคืน เทคแคร์อย่างออกนอกหน้า

เสียงหัวเราะในวงสนทนายังคงดำเนินต่อไป เซน่าก็ยังคงเกาะที่รักไม่ปล่อย พูดโน่นพูดนี่ พยายามเอาใจ ยื่นแก้วให้ เติมขนมให้ และที่สำคัญ... กันไม่ให้ที่รักหันไปสนใจแสนซนเลย

แสนซนนั่งอยู่ข้างที่รัก เธอไม่ได้พูดอะไรอีกเลยในช่วงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา แม้ยูอิจะหันมาชวนคุยบ้าง แต่เธอก็เพียงแค่พยักหน้า ไม่ได้ตอบอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

หัวใจมันรู้สึกแน่น ๆ เหมือนอะไรบางอย่างบีบไว้ ไม่ใช่ความอิจฉา...มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยรู้จัก แต่กำลังค่อย ๆ กัดกินความรู้สึกเงียบ ๆ ข้างใน และแล้วเธอก็วางแก้วลง และลุกขึ้นจากโต๊ะโดยไม่พูดอะไร

“แสนซน ไปไหนอะ?” ยูอิถามเบา ๆ

“เข้าห้องน้ำ” เธอตอบรวบรัด พร้อมเดินเลี่ยงออกมาอย่างรวดเร็ว

เสียงดนตรีเบาลง เหลือเพียงเสียงก๊อกน้ำ และแสงไฟส้มอ่อนจากหลอดไฟ แสนซนยืนพิงอ่างล้างหน้า เงยมองตัวเองในกระจก

หน้าเธอแดงอย่างหงุดหงิด ปนสับสน ทั้งคำกระซิบ ทั้งการกระทำของเซน่า ทั้งความเงียบของที่รัก

"ทำไมต้องสนใจด้วย...ก็แค่คนที่อยู่ด้วยกัน ไม่ได้พิเศษอะไรเลยนี่นา..."

เธอบ่นกับตัวเองเบา ๆ แต่กลับรู้สึกแน่นในอกมากกว่าเดิมและก่อนที่เธอจะสงบอารมณ์ได้ประตูห้องน้ำก็ถูกผลักเข้ามาเบา ๆ

เสียงรองเท้าบูทเดินเข้ามาทีละก้าว ก่อนจะหยุดอยู่ข้างหลังเธอ เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้น

“เอ็งเป็นอะไรหรือเปล่า”

แสนซนเบิกตากว้างในกระจก หันไปสบตาคนที่อยู่ด้านหลัง

เป็น...ที่รัก

“เอ็งหายไปเงียบ ๆ ข้าก็เลย...เป็นห่วง”

แสนซนหลบตา “เป็นห่วงทำไมคะ…”

“ก็เอ็งทำหน้าจะร้องไห้ทั้งคืน”

“เปล่าสักหน่อย” เธอรีบปฏิเสธ แต่น้ำเสียงสั่นนิด ๆ

ที่รักมองเธอเงียบ ๆ ก่อนพูดต่อ

“ถ้าเอ็งจะโกรธเรื่องเซน่า...ข้าขอโทษ”

แสนซนกัดริมฝีปากแน่น ความรู้สึกในใจมันแทบจะระเบิด แต่ก็พูดออกมาเพียงเบา ๆ

“ก็แค่...หงุดหงิด”

“หงุดหงิดที่มีคนเกาะข้าหรือหงุดหงิดที่ข้าไม่สนใจเอ็ง?” ที่รักถามตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม

คำถามนั้นทำให้แสนซนนิ่ง เธอไม่ตอบ แต่หันหน้าไปอีกทาง ที่รักก้าวเข้าไปใกล้แล้วกระซิบเบา ๆ ข้างหู

“ข้าสนใจเอ็ง...แสนซน”

เธอหันขวับกลับมา “พูดอะไรของ..”

ก่อนจะพูดจบ ที่รักก็ยกมือแตะเบา ๆ ที่แก้มเธอ มืออุ่น ๆ กับสายตาจริงจังคู่นั้น ทำเอาเธอพูดไม่ออก

“ต่อให้เซน่าอยู่ตรงหน้าข้า...ข้าก็ยังมองแต่เอ็งอยู่ดี”

เงียบ...

ในห้องน้ำไม่มีเสียงอะไรนอกจากเสียงหัวใจสองคนที่เต้นแรง

แสนซนกะพริบตาถี่ ๆ ไม่รู้จะทำอะไรแต่ในที่สุด เธอก็เอ่ยเสียงเบา เหมือนยอมแพ้กับความรู้สึกในอก

“…ถ้าพูดแล้วก็อย่าทำให้รู้สึกว่าสำคัญอยู่ฝ่ายเดียวสิคะ เข้าใจไหม?”

ที่รักยิ้มบาง

“เข้าใจแล้ว”

ที่รักยังยืนอยู่ตรงหน้าแสนซน ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่นิ้ว ลมหายใจของทั้งสองคนปะทะกันเบา ๆ ในอากาศเงียบสนิทของห้องน้ำ

แสงไฟสีส้มอ่อน ๆ จากหลอดไฟสะท้อนแววตาของเธอ ที่เต็มไปด้วยความสับสน ที่รักมองหน้าแสนซนเงียบ ๆ แล้วพูดขึ้นเบา ๆน้ำเสียงช้าชัด แต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน

“แสนซน…”

เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา แววตาคู่นั้นวูบไหวเล็กน้อย ที่รักสูดลมหายใจ รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของเขา ก่อนจะพูดต่ออย่างช้า ๆ

“ขอจูบได้ไหม?”

คำถามนั้นไม่ดังมาก แต่ชัดเจนพอจะทำให้ใจแสนซนเต้นแรงจนเธอได้ยินมันเอง เธอไม่ได้ตอบทันที

เพียงแต่สายตาค่อย ๆ หลุบลงต่ำ แล้วกลับขึ้นมาสบตาเขาอีกครั้ง ริมฝีปากเล็ก ๆ ขยับเบาเกินกว่าจะเป็นเสียง แต่ชัดเจนพอให้ที่รักมองออกจากสายตาเธอว่า...

"อื้อ"

ที่รักโน้มตัวเข้าไปใกล้ แสนซนไม่ได้ถอย ไม่ได้หลบและในวินาทีนั้น ริมฝีปากของทั้งสองก็สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา...จูบของเขาไม่ได้เร่าร้อน มันอ่อนโยนเหมือนการขออนุญาต

เหมือนต้องการยืนยันว่า "ฉันอยู่ตรงนี้นะ และฉันรู้สึกจริง"

มือของแสนซนค่อย ๆ ยกขึ้นแตะแผ่นอกของที่รักเบา ๆ ไม่ใช่เพื่อผลักออก แต่เหมือนจะบอกว่า… หัวใจเธอกำลังเต้นแรงอยู่ตรงนี้ เมื่อริมฝีปากผละออก ที่รักยังคงมองหน้าเธอไม่วางตา

“ข้าไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้เลย…เอ็งรู้ไว้เถอะ”

แสนซนกัดริมฝีปากตัวเองนิด ๆก่อนจะหลบตา แล้วพูดเบา ๆ

“ห้ามไปทำแบบนี้กับใครนะคะ…”

ที่รักหัวเราะในลำคอเบา ๆ

ก่อนจะโน้มหน้าลงมาอีกนิด

“สัญญา ข้าจะเก็บทุกจูบไว้ให้เอ็งคนเดียว”

---

เสียงหัวเราะเบา ๆ จากภายในห้องน้ำยังคงดังลอดออกมาทางประตู พร้อมกับเสียงพูดคุยที่เบาเกินกว่าจะฟังออกว่าเป็นคำพูดแบบไหน

แต่เซน่าที่ยืนอยู่หน้าประตู ไม่ต้องฟังให้ชัดก็ “รู้” ว่าเกิดอะไรขึ้น

มือเธอหยุดอยู่ที่ลูกบิด ตั้งใจจะเปิดเข้าไป แต่เสียงแผ่ว ๆ จากด้านในหยุดเธอไว้

“ข้าจะเก็บทุกจูบไว้ให้เอ็งคนเดียว…”

เซน่าชะงัก หัวใจเธอเหมือนถูกกระชากลงในวูบนั้น ดวงตาเบิกกว้าง เธอไม่แน่ใจว่าเธอควรจะโกรธ เสียใจ หรือแค่...เจ็บ ริมฝีปากของเธอสั่นน้อย ๆ

มือที่ถือแก้วน้ำแข็งเปล่าค่อย ๆ ลดลง ความเย็นจากน้ำแข็งที่ละลายซึมเข้ามือไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอะไรเลย เพราะข้างในอกมันเย็นยิ่งกว่านั้น

"งั้นหรอ..."

เซน่าคิดในใจ เสียงหัวเราะในอดีตของเธอกับที่รักย้อนขึ้นมาในความทรงจำ ช่วงเวลาที่เธอเคยคิดว่าเขากำลังเปิดใจให้ ช่วงเวลาที่เธอเฝ้ามองเขาทำงาน คอยช่วย คอยดูแล... ทุกอย่างที่เธอเคย “หวัง”มันหายไปในวินาทีนั้น

เซน่าถอยเท้าออกจากหน้าประตู

เงียบ...

ช้า...

เหมือนต้องการให้แม้แต่เงาของเธอก็ไม่ส่งเสียงสะท้อน

“ที่ผ่านมาฉันคิดไปเองคนเดียวสินะ...”

เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินกลับออกไปที่โต๊ะอย่างเงียบที่สุด แสร้งยิ้มให้ยูอิที่กำลังชวนสตาร์เล่นเกมแล้วนั่งลงที่มุมเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่ภายในใจของเซน่า กลับเต็มไปด้วยเสียงตะโกนดังซ้ำ ๆ ว่าเธอกำลังจะ “เสียเขาไปจริง ๆ แล้ว”

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!